ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 98 เรื่องของพวกเรา
ตอนที่ 98 เรื่องของพวกเรา
เมื่อเจียงซื่อได้ยิน ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
จากข่าวที่สืบมาจากเณรน้อยรูปนั้น นางคาดเดาว่าศพผู้หญิงในสวนดอกไม้จวนฉังซิงโหวมีความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูของตระกูลนายท่านหลี่แห่งเมืองต้าหยางมากที่สุด
อาเฟยสืบมาได้ว่าวันนี้คุณหนูหลี่มาจุดธูปบูชาที่วัดหลิงอู้ แต่เณรน้อยกลับพูดว่า คุณหนูหลี่ไม่ได้มาที่สักพักหนึ่งแล้ว
เป็นเณรน้อยไม่ได้สนใจว่าคูณหนูหลี่มาที่วัดหลิงอู้ หรือว่าเจตนาจะปิดบัง… แต่พอนึกถึงรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเณรน้อย เจียงซื่อส่ายหัวเล็กน้อย
มีศาสนิกชนจำนวนมากมายังวัดหลิงอู้ เณรน้อยอาจจะไม่ได้สนใจ
แต่นางคิดว่าคนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดกลับเกี่ยวข้องกับวัดหลิงอู้ขึ้นมา และยังเกิดคดีฆ่าคนตายขึ้นในวัดหลิงอู้
เจียงซื่อไตร่ตรองชั่วขณะ สั่งอาหมานให้เรียกอาเฟยมา
“คุณหนู มีคำสั่งอะไรขอรับ” อาเฟยแอบเข้าโรงเตี๊ยมมาอย่างเงียบๆ
“วันนี้เจ้าไปสืบมาแล้วกี่ที่?”
“สืบมาแล้วทั้งหมดสองเมืองห้าหมู่บ้าน…” อาเฟยเอาสถานที่ที่ไปมารายงานให้กับเจียงซื่อ “ล้วนไม่ได้ยินว่าตระกูลใครเกิดเรื่องใหญ่อะไรเลย”
“เมืองต้าหยางอยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่”
“ไม่ไกลขอรับ แค่ไม่กี่ลี้”
เจียงซื่อเงยหน้ามองสีของท้องฟ้า
พระอาทิตย์ยังไม่ตก แสงอาทิตย้อมขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกเป็นสีส้มทีอบอุ่น ทั้งท้องฟ้ายังคงสว่างไสวอยู่ ยังเร็วเกินไปที่จะจุดตะเกียง
“ตระกูลนายท่านหลี่ทำอะไร”
“นายท่านหลี่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่มีชื่อเสียงในเมือต้าหยาง และว่ากันว่ายังเป็นซิ่วไฉ…” อาเฟยพูดถึงสถานการณ์ที่ไปสืบมาอย่างฉะฉาน
ในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ ซิ่วไฉไม่ใช่การสอบที่ง่ายดายขนาดนั้น บัณฑิตจำนวนมากสอบมาแล้วทั้งชีวิตก็ไม่หลุดพ้นตำแหน่งถงเซิง โดยเฉพาะที่อยู่ในเมืองเล็กๆ แบบนี้ เป็นเกียรติของทั้งเมืองจริงๆ ที่มีตำแหน่งซิ่วไฉ
เมื่อฟังที่อาเฟยพูด เจียงซื่อก็เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านหลี่ท่านนี้จึงมีชื่อเสียงในเมืองต้าหยาง
“ตอนนี้เรื่องการเสียชีวิตของพระสงฆ์ที่วัดหลิงอู้แพร่กระจายไปถึงเมืองต้าหยางหรือยัง”
“ข้ารีบไปรีบกลับ ระหว่างทางก็ได้ยินคนคุยกันบ้างแล้ว”
ศาสนิกชนที่ไปจุดธูปบูชาที่วัดหลิงอู้มาจากหมู่บ้านใกล้เคียง และข่าวก็แพร่กระจายด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
เจียงซื่อรวมสมาธิไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
อาเฟยสังเกตท่าทางของเจียงซื่ออย่างละเอียด มีแววตาที่สงบมาก
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป ในที่สุดเจียงซื่อก็ตัดสินใจ “อาเฟย เจ้าจ้างคนว่างงานไปรายงานข่าวที่ตระกูลนายท่านหลี่แห่งเมืองต้าหยาง บอกว่าคุณหนูหลี่ตายแล้ว ถูกคนผลักลงบ่อน้ำที่ภูเขาด้านหลังของวัดหลิงอู้ ถ้าพวกเขาไม่รีบมางมศพ ก็อย่าคิดที่จะร้องขอความเป็นธรรมให้คุณหนูหลี่อีกเลย…”
อาเฟยฟังจนตกตะลึง “คุณหนู มีหลักฐานอะไรงั้นหรือ”
เจียงซื่อเม้มปาก “เมื่อเวลาคนแบบนี้ตกใจกระวนกระวาย ถ้าหากว่านายท่านหลี่รักลูกสาวจากใจจริง มีข่าวลือเท่านี้ก็พอแล้ว”
นางไม่แน่ใจว่าเกิดเหตุร้ายกับคุณหนูหลี่หรือไม่ ถ้าหากว่าเดาถูก อย่างน้อยๆ จะไม่ปล่อยให้คนหนึ่งหายไปอย่างไม่ชัดเจน ถ้าหากว่าเดาผิด ก็ถือว่าชื่อเสียงของตระกูลหลี่จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สูญเสียอะไร
ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางมีลางสังหรณ์ว่า เป็นไปได้สูงที่คุณหนูหลี่จะเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายสิ่งที่น่าสับสนนี้
“อาเฟย ไปเถอะ อย่ามัวแต่ตะลึงอยู่เลย”
หาได้ยากที่อาเฟยจะลังเล “คุณหนู ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นคนต่างถิ่น ใครจะรู้ว่าว่างงานเหล่านั้นจะไว้ใจได้หรือไม่…”
เจียงซื่อยิ้ม “ให้เงินทองเพียงพอก็ใช้ได้แล้ว ถ้าหากยังรู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจ แสดงว่าเงินไม่เพียงพอ……”
อาเฟยตบหน้าผาก “คุณหนูพูดมีเหตุผล!”
เมื่อก่อนเขาเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนว่างงานแบบนั้นหรือ ขอเพียงแค่ให้เงิน อย่าว่าแต่กระจายข่าวเลย ให้เขาแก้ผ้าวิ่งเขาก็ทำ!
อาเฟยคารวะแล้วออกไป เจียงซื่อเตรียมจะกลับห้อง แต่พบว่าอวี้จิ่นกำลังเดินมา
“เจ้าคิดว่าคุณหนูหลี่คนนั้นอยู่ในบ่อน้ำ?”
เจียงซื่อมองเขาด้วยใบหน้าที่นิ่ง “เจ้าชอบแอบฟังคนอื่นพูดหรือ”
“ข้าไม่ได้แอบฟัง ก็แค่หูข้าดี” อวี้จิ่นยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “แม่นางเจียง ตอนนี้อย่าเถียงเรื่องนี้เลย พวกเรามาเข้าเรื่องกันเถอะ”
“คุณชายอวี๋ นี่เป็นเรื่องของข้า” เจียงซื่อพูดด้วยใบน้าที่ไร้อารมณ์
ทำอย่างไรถึงจะสลัดเห็บหมานี้ให้หลุดไปได้
อวี้จิ่นจ้องเจียงซื่อตาไม่กะพริบ และทันใดนั้นก็ยิ้ม “ที่เจ้าพูดข้าไม่นับ นี่เป็นเรื่องของพวกเรา อย่าลืมคืนนั้น…”
เจียงซื่อแอบหายใจ ตัดสินใจจะไม่ปากไวกับอีกฝ่าย และกลับเข้าเรื่อง “เวลาไม่ตรงกัน”
อวี้จิ่นครุ่นคิดสักครู่แล้วก็เข้าใจ “คุณหนูหลี่มาจุดธูปบูชาวันนี้ และบ่อน้ำนั้นก็ไม่น่าเกิดกลิ่นแปลกๆ ขึ้นได้เร็วขนาดนี้ ซึ่งหมายความว่าถึงแม้ในบ่อน้ำจะมีคนตายจริงๆ ก็ไม่น่าจะเป็นคุณหนูหลี่ไปได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าต้องสั่งเด็กนั้นไปกระจายข่าว…”
“ข้าแค่คิดว่าสาเหตุที่ทำให้บ่อน้ำเกิดกลิ่นแปลกๆ น่าจะเกี่ยวข้องกับคุณหนูหลี่ไม่มาก แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่คุณหนูหลี่ไม่กลับบ้านจะไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น”
อวี้จิ่นยิ้มและพยักหน้า “ก็จริง”
เจียงซื่อเงยหน้ามองแสงพระอาทิตย์ที่งดงาม และพูดเบาๆ “อีกประการหนึ่ง ไม่ใช่ว่าพี่รองอยากรู้ว่าในบ่อน้ำมีศพอยู่หรือไม่ เป็นโอกาสที่จะทำให้เขาสบายใจ”
อวี้จิ่นลูบจมูก
เขาเกลียดความผูกพันพี่น้องที่ลึกซึ้งนี้ที่สุด!
“อันนี้ให้เจ้า” อวี้จิ่นยื่นกระดาษที่พับเป็นสี่เหลี่ยมให้เจียงซื่อ
เจียงซื่อมองกระดาษและไม่ได้รับมาทันที “นี่คืออะไร”
คงไม่ได้เขียนคำพูดที่ไร้สาระไว้นะ?
“ถ้าไม่กล้าดู ข้าจะเก็บไปแล้ว”
เจียงซื่อชำเลืองมองเขา พูดอย่างเย็นชา “ไม่อยากดูจริงๆ ข้าไปล่ะ”
อวี้จิ่นดึงมือมือนางไว้ ถอนหายใจพูดว่า “ทำไมถึงพร้อมจะแทงคนตลอดเวลาเหมือนเม่นเลยล่ะ ไม่ให้ความร่วมมือสักนิด”
“ปล่อยมือ!”
“ดีล่ะ ในเมื่อเจ้าไม่สนใจดูว่ามีหญิงสาวจากหมู่บ้านใกล้เคียงหายตัวไปหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นข้าจะเอากระดาษแผ่นนี้ไปเผาเสีย”
เจียงซื่อหันควับกลับมาทันที จ้องกระดาษแผ่นนั้นที่พับเป็นระเบียบ ดึงหน้ากลับมาไม่ทันชั่วขณะ
อวี้จิ่นยิ้มและยัดกระดาษใส่ในมือของนาง “เอาล่ะ ข้าขอให้เจ้าดู รีบดูเถอะ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนและน่าลุ่มหลงของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเจียงซื่อรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ไม่กล้าสบตาของเขา และรีบคลี่กระดาษออก
บนกระดาษมีข้อความมากมายบันทึกไว้อย่างหนาแน่น ชื่อหมู่บ้านและเมืองต่างๆ เจียงซื่อล้วนได้ยินมาจากปากของเณรน้อยแล้ว
นางอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า
อวี้จิ่นไม่ได้แสร้งสร้างสถานการณ์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และพูดว่า “ข้ามาก่อนพวกเจ้าหนึ่งก้าว ถือโอกาสตอนที่บริจาคเงินค่าน้ำมันงายืมอ่านสมุดรายชื่อที่ศาสนิกชนมาลงทะเบียนบริจาค จากนั้นก็ส่งคนไปตรวจสอบตามชื่อเหล่านั้นที่ปรากฏออกมาบ่อยๆ ในสมุด แต่ดูจากผลลัพธ์แล้ว หมู่บ้านและเมืองที่อยู่ในบริเวณสามสิบลี้ไม่มีข่าวสารที่คุณหนูเจียงต้องการ”
ในสมุดรายชื่อบันทึกว่าคนคนนี้ได้บริจาคเงินค่าน้ำมันงาไปแล้วเท่าไหร่ แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงชื่อเดียว และยังเขียนว่าศาสนิกชนมาจากที่ไหน เช่น ลูกสาวของตระกูลหลี่แห่งเมืองต้าหยางเป็นต้น
ใช้นิ้วหนีบกระดาษและเงียบไปชั่วขณะ เจียงซื่อยังคงเอ่ยปากพูด “ขอบคุณมาก”
รอยยิ้มที่สดใสของชายหนุ่มปรากฏออกมา “ขอบคุณอะไร ข้าบอกแล้วว่า นี่เป็นเรื่องของพวกเรา”
“ข้าขอเอาข่าวสารบนกระดาษไปศึกษาอีกครั้งก่อน” เจียงซื่อถือกระดาษอยู่แล้วรีบเดินไป
อวี้จิ่นยืนอยู่คนเดียวสักพัก รอยยิ้มนั้นลึกลงไปในสายตามากขึ้น
คนของเมืองชิงหนิวยังคงจับกลุ่มอยู่ด้านนอกคุยกันถึงเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในวัดหลิงอู้ และในเวลานี้ กลุ่มคนของเมืองต้าหยางได้ทำการเคลื่อนทัพอันเกรียงไกรมุ่งหน้ามายังวัดหลิงอู้