ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 782 สิ้นพระชนม์
ร่างแน่นิ่งขององค์หญิงถูกขันทีลากมาข้างทะเลสาบ
ขันทีหยุดชะงักพลางรำพึงแผ่วเบา “องค์หญิงจะโทษบ่าวมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ หากจะโทษก็ต้องโทษที่โชคชะตาแสนอาภัพขององค์เอง”
สำหรับคนทั่วไป การจะปลิดชีพของใครสักคนมิใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นองค์หญิงซึ่งเป็นทายาทสายตรงของแผ่นดินต้าโจวยิ่งแล้วใหญ่
มือสั่นระริกออกแรงดันร่างองค์หญิงฝูชิงลงไปในทะเลสาบ
มีลมเย็นเยือกพัดมาจากด้านหลัง ขันทีเอี้ยวศีรษะหันกลับไปมอง ทำให้ก้อนหินที่เดิมทีควรจะลอยเข้าที่ศีรษะของเขากระแทกเข้าหัวไหล่เสียอย่างนั้น
ขันทีหันกลับไปด้วยความเจ็บปวด
แม้องค์หญิงสิบสี่จะพลาดเป้า นัยน์ตาของเด็กสาวเจือไปด้วยความหวาดกลัว แต่นางกลับใช้หินในมือทุบเข้าที่หน้าของขันทีอย่างไม่ลังเล
ขันทีร้องโอดครวญ โลหิตไหลเยิ้มออกมาทางจมูก
ในตอนนั้นเป็นจังหวะที่ร่างขององค์หญิงฝูชิงกำลังกลิ้งลงไปในทะเลสาบ และน้ำเริ่มจมมิดศีรษะเต็มที
องค์หญิงสิบสี่โยนหินก้อนนั้นทิ้งไป และถลาร่างเข้าไปคว้าแขนขององค์หญิงฝูชิงในขณะที่ปากร้องตะโกนสุดเสียง “มีคนทำร้ายองค์หญิงฝูชิง ช่วยด้วย…”
เสียงแหลมเล็กของเด็กสาววัยสิบปีกว่าสะท้อนไกล
ขันทีที่ถูกหินกระแทกหน้ามิได้หนีไป เขาขยับร่างเข้าไปประชิดตัวองค์หญิงสิบสี่และผลักนางลงไป ขันทีใช้มือกดศีรษะของเด็กสาวที่กำลังดิ้นรนไม่ให้ผุดขึ้นมาหายใจ
บุ๋งๆๆ ฟองอากาศพรวนยาวลอยล่องสู่ผิวน้ำ
จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ขันทีรีบเช็ดเลือดออกจากหน้าและวิ่งหนีไป
องค์หญิงสิบสี่ที่จมอยู่ใต้น้ำสิ้นแรงตะเกียกตะกาย ผมของนางสยายประหนึ่งพืชน้ำ ถึงแม้ใบหน้าของนางจะซีดเซียวและริมฝีปากจะม่วงคล้ำ แต่ถึงกระนั้นนางกลับไม่ปล่อยมือไปจากองค์หญิงฝูชิง
เด็กสาวพยายามลืมตา แต่ความพร่ามัวบดบังท้องฟ้าสีครามและความงดงามของบุปผาจนมิด
ในวินาทีที่องค์หญิงสิบสี่ใกล้จะหมดลมกลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพี่สิบสามถึงมองสิ่งต่างๆ อย่างไม่รู้จักพอ
การมองเห็นเป็นเรื่องดีจริงๆ
น้ำตาหยดใสไหลออกจากตาขององค์หญิงสิบสี่
คนที่มาถึงริมทะเลสาบเป็นกลุ่มแรกคือขันทีสองคน หนึ่งในนั้นตาไวเห็นหลังของขันทีที่กำลังวิ่งหลุนๆ หนีไป
จังหวะที่เขากำลังจะวิ่งตามไปกลับถูกขันทีอีกคนรั้งตัวไว้ “จะตามอะไรกันเล่า องค์หญิงทั้งสองอยู่ในน้ำนั่น รีบลงไปช่วยองค์หญิงก่อนเร็วเข้า!”
แม้ขันทีทั้งสองว่ายน้ำไม่เป็น แต่พวกเขาก็กลั้นใจกระโดดลงไปช่วย และไม่ลืมที่จะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ไม่นานคนในวังก็กรูกันมามากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนข้าหลวงอีกคนที่ไม่ได้ลงน้ำก็รีบไปรายงานที่ตำหนักคุนหนิง
ณ ตำหนักคุนหนิง ฮองเฮารู้สึกไม่สบายพระทัยอย่างไม่ทราบสาเหตุ นางจิบชาแล้วจึงถามนางกำนัล “องค์หญิงทั้งสองยังไม่มาอีกรึ”
“องค์หญิงยังไม่เสด็จมาเพคะ”
ฮองเฮาหมุนถ้วยชาพลางออกคำสั่ง “ไปเชิญมา วันนี้มื้ออาหารมีพระกระโดดกำแพงเตรียมพร้อมไว้แล้ว จานโปรดของพวกนาง”
พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ข้าหลวงคนหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมใบหน้าซีดเผือด “ฮองเฮาเหนียงเหนียง แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
ฮองเฮามือสั่น รีบถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น”
ข้าหลวงคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาร้องฟูมฟาย “องค์หญิงทั้งสองพระองค์ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ…”
เพล้ง ถ้วยชาในมือฮองเฮาร่วงพื้นแตกออกเป็นเสี่ยง
นางลุกพรวด และวิ่งออกไปในขณะที่ร้องถาม “ตกน้ำที่ไหน”
“ทะเลสาบปี้ปัวพ่ะย่ะค่ะ…” ข้าหลวงก้มศีรษะตอบ ไม่กล้าสบตาฮองเฮา
หัวใจของฮองเฮาหนักอึ้ง
ทะเลสาบปี้ปัวอยู่ระหว่างตำหนักฉือหนิงและตำหนักคุนหนิง แต่ต้องเดินอ้อมเขาจำลองไปก่อนจึงจะเข้าไปที่ริมทะเลสาบได้ ฝูชิงและสิบสี่มิใช่เด็กชอบเถลไถล แล้วจะตกน้ำได้อย่างไร
ฮองเฮาหยุดความคิดไว้ชั่วขณะก่อนจะรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกับกองขบวนนางในที่วิ่งตามไป
บริเวณริมทะเลสาบปี้ปัว ร่างขององค์หญิงฝูชิงและองค์หญิงสิบสี่ถูกนำขึ้นมาตามลำดับ คนในวังพยายามจะช่วยชีวิตองค์หญิงทั้งสอง
สายตาของฮองเฮาปราดไปเห็นร่างของบุตรสาวที่นอนหลับตาแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ในหัวของนางเหมือนมีเสียงระเบิดดังสนั่น แววตาของนางพลันเบิกกว้าง
“องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง หมอล่ะ หมอหลวงอยู่ที่ไหน” เมื่อเกิดเรื่องกับองค์หญิงฝูชิง สติของฮองเฮาก็ว้าวุ่นจนไม่อาจควบคุม
ไม่ว่าจะเป็นคนในวังที่ช่วยชีวิตหรือคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ก็พากันหน้าซีดและตัวสั่น
ใครๆ ก็รู้ว่าต่อให้เป็นหมอวิเศษก็ช่วยคนที่จมน้ำให้ฟื้นกลับคืนชีพไม่ได้ ฉะนั้นหมอหลวงจะทำอะไรได้
หากต้องรอหมอหลวงสู้ทำให้น้ำออกจากร่างขององค์หญิงทั้งสองไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากโชคดีพวกนางอาจจะฟื้นก็เป็นได้
ในขณะที่ความคิดกระจายกันไปคนละทิศ องค์หญิงฝูชิงก็สำลักน้ำออกมา
ฮองเฮาปีติยินดียิ่ง นางรีบคว้าข้อมือขององค์หญิงฝูชิงมาจับไว้พลางร่ำไห้ “อาเฉวียน อาเฉวียนเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
องค์หญิงฝูชิงพยายามลืมตาขึ้นมองฮองเฮาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
ฮองเฮาตกใจแทบสิ้นสติ “อาเฉวียน…”
แพทย์หลวงที่เพิ่งมาถึงรีบเข้ามาโน้มน้าว “องค์หญิงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ สิ่งสำคัญต่อจากนี้คือต้องรักษาร่างกายให้อบอุ่น ฮองเฮาเหนียงเหนียงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินแพทย์หลวงกล่าวดังนั้น ฮองเฮาก็โล่งใจจึงยอมถอยให้แพทย์หลวงเข้ามาสั่งการให้คนพาตัวองค์หญิงฝูชิงออกไป แล้วจู่ๆ นางก็หันไปหาองค์หญิงสิบสี่
“แล้วองค์หญิงสิบสี่ล่ะ”
ไม่ทราบว่านางในคนใดนำเสื้อมาปูไว้ที่พื้นรองร่างเปียกปอนขององค์หญิงสิบสี่ รอบๆ มีนางในอีกสองสามคนกำลังช่วยกันกดบริเวณหน้าท้องของของเด็กสาว
แต่องค์หญิงสิบสี่มิได้โชคดีเท่าองค์หญิงฝูชิง ร่างของนางยังคงแน่นิ่งไร้การตอบสนอง
ฮองเฮารี่เข้าไปใกล้ ใบหน้าซีดเซียวเอ่ยเร่ง “องค์หญิงสิบสี่เป็นอย่างไรบ้าง”
คนที่กำลังช่วยชีวิตนางไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร พวกเขายังคงพยายามเอาน้ำออกจากร่างของเด็กสาวต่อไป
ฮองเฮาเฝ้ามองภาพตรงหน้า กายของนางสั่นสะท้าน ทันใดนั้นนางกลับฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ใช้ปากเป่าลมให้องค์หญิงสิบสี่!”
นางเคยได้ยินว่าตอนที่เยี่ยนอ๋องช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์ โอรสของอดีตไท่จื่อก็ใช้วิธีนี้ นางถึงได้มีโอกาสหาข้อมูลเพิ่มเติม
ในตอนนั้นนางแค่สงสัย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นกับตา
เหล่าข้าหลวงที่กำลังช่วยอยู่หยุดชะงัก เพราะไม่เข้าใจความหมายนั้น
ฮองเฮาร้อนใจ รี่เข้าไปตรวจสอบดูว่าในปากขององค์หญิงสิบสี่มีสิ่งใดขวางทางเดินหายใจอยู่หรือไม่
ข้าหลวงอีกคนรีบเอ่ย “บ่าวเอาสิ่งที่ค้างอยู่ในพระโอษฐ์ขององค์หญิงออกไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาเม้มปากแน่นและสูดลมเข้าเต็มปอดก่อนจะเป่าลมเข้าไปทางปากขององค์หญิงสิบสี่
การกระทำพิลึกพิลั่นของฮองเฮาทำให้คนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากันด้วยความสนเท่ห์
นี่ฮองเฮาจะจุมพิตองค์หญิงสิบสี่ทำไมกัน
แม้จะสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าถาม
ฮองเฮาสูดลมหายใจเช่นนี้อีกสองสามหนพลางเฝ้าดูอาการขององค์หญิงสิบสี่ แต่นางเพิ่งมาสำนึกได้ว่านางจะต้องกดที่บริเวณหน้าอกเพื่อให้ผู้ที่จมน้ำกลับมาหายใจตามปกติ
นางจึงรีบใช้มือกดลงที่อกของเด็กสาวอีกหลายครั้ง แต่เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้องหรือไม่ จึงกลับไปใช้วิธีเป่าลมดังเดิม
ฮองเฮาทำเช่นนั้นอยู่นานจนลมหายใจเริ่มขาดห้วง ใบหน้าเริ่มเรื่อสีแดง
นางในข้างๆ รีบเอ่ย “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ให้บ่าวทำแทนเถิดเพคะ”
ฮองเฮาหยักหน้าเล็กน้อย
นางในสองคนเข้ามาสลับกันทำจนเวลาล่วงเลยไปกว่าสองเค่อ แต่ทว่าร่างขององค์หญิงสิบสี่ยังคงไร้การตอบสนอง
จนในที่สุดแพทย์หลวงที่ยืนอยู่ข้างๆ อดดูต่อไปไม่ได้จึงเอ่ยขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ให้กระหม่อมตรวจดูหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของฮองเฮาเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า สีหน้าซีดเซียวขององค์หญิงสิบสี่ทำให้นางรับรู้ถึงลางสังหรณ์
นางในหลีกทางให้แพทย์หลวง
แพทย์หลวงตรวจดูเพียงครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายศีรษะ เขายืดตัวขึ้น โค้งคำนับฮองเฮาแล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง องค์หญิงสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”