ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 753 ตัวตนของโครงกระดูก
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บรรดาสตรีชั้นสูงในเมืองหลวงจะนิยมใส่เครื่องประดับที่ทำมาจากไข่มุกเจียวจู
ซึ่งเจ้าสิ่งนี้นำเข้ามาจากต่างรัฐ ราคาแพงลิบลับ หลู่อ๋องจำได้ขึ้นใจ
จะไม่ให้จำขึ้นใจได้อย่างไรเล่า เงินมากมายขนาดนั้นทำให้เขาเจ็บปวดใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่กล้าซื้อเนื้อสัตว์กินเป็นเวลาตั้งหลายวัน
เมื่อได้ยินหลู่อ๋องกล่าวคำว่าเจียวจูออกมา ฉินอ๋องและคนอื่นๆ ก็เข้าใจได้ในทันที
ไม่ใช่ใดอื่น แต่เพราะฉายาของพวกเขาก็เคยนำเงินมหาศาลไปซื้อเจียวจูนี้ด้วยเช่นกัน
หลู่อ๋องอธิบายให้เซียงอ๋องฟังด้วยความหวังดีว่า “น้องแปด เจ้าอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่ไข่มุกธรรมดา มันแพงมหาศาล อย่าว่าแต่บ่าวรับใช้ในจวนของเจ้าเลย แม้แต่พวกเราเองจะควักเงินออกจ่ายก็ยังรู้สึกปวดใจ…”
เซียงอ๋องทำหน้ามืดมนและเปลี่ยนเป็นหน้าเขียวหน้าเหลือง เขาอยากจะเข้าไปต่อยหลู่อ๋องให้ตายเหลือเกิน
เขาไม่มีภรรยาแล้วอย่างไรเล่า เขาไปแอบคบชู้กับภรรยาพี่ห้าหรือไร! เหตุใดพี่ห้าจึงต้องพูดจาแทงดวงใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้
ผ่านไปสักพัก เซียงอ๋องก็พยายามระงับความโกรธในใจแล้วกล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้าเจินสายตาหลักแหลมยิ่ง”
เจินซื่อเฉิงยิ้มขึ้นอย่างลึกล้ำยากเกินคาดเดา
เขามีสายตาหลักแหลมที่ไหนกันเล่า แต่ภรรยาของเขาก็มีต่างหูมุกเช่นนี้อยู่คู่หนึ่งด้วย มิหนำซ้ำยังใช้เงินที่เขาแอบซ่อนเอาไว้ ถูกนางพบและนำไปซื้อ
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงนอนกอดกล่องเงินอันว่างเปล่าอย่างไม่อาจหลับใหลได้ตลอดคืน โชคดีที่เช้าวันต่อมามีคดีฆาตกรรมให้เขาคลี่คลาย จึงได้รับการปลอบโยนเล็กน้อย
เจินซื่อเฉิงเป็นคนอย่างไรกัน เขาเป็นคนที่พิถีพิถันละเอียดอ่อน ตัดสินคดีต่างๆ ได้แม่นยำดุจดั่งเทพเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยผ่านเข้ามาในสมองของเขาก็จะจดจำเอาไว้ทุกรายละเอียด ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องสิ่งของที่ยากจะลืมเลือนเช่นนี้
ประโยคเมื่อครู่ที่เขากล่าวออกมาเพียงแค่ต้องการให้สองสามีภรรยาโกหกต่อไปเรื่อยๆ และเปิดโปงความจริงต่อหน้าทุกคน ทำให้ทั้งสองไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
เจินซื่อเฉิงมองไปทางสองสามีภรรยาแล้วเอ่ยถามด้วยความใจเย็นว่า “บัดนี้ทั้งสองยังคงยืนกรานหรือไม่ว่าต่างหูมุกเจียวจูนี้ อาไฉ่เคยใส่มัน”
หญิงวัยกลางคนพูดจาตะกุกตะกัก “ข้าน้อยคงจะมองผิดไปเจ้าค่ะ…”
แววตาของชายผู้นั้นก็เป็นประกายแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเป็นคนที่ไม่มีความรู้ใด ไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้ เมื่อมองไปแวบแรกจึงคิดว่าเป็นต่างหูที่อาไฉ่ชอบใส่”
เจินซื่อเฉิงส่ายหน้า เขาหันไปพูดกับหญิงวัยกลางคนว่า “เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่านี่คือต่างหูที่อาไฉ่ชื่นชอบมากที่สุด แม้แต่ต่างหูที่ลูกสาวเจ้าชื่นชอบก็จำผิดงั้นหรือ”
“ข้าน้อย…” เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก นางพยายามยืนกรานว่า “ใต้เท้าเจ้าคะ พวกเรามองผิดไปจริงๆ”
“ในเมื่อเจ้ามองต่างหูนี่ผิดไป แล้วโครงกระดูกนี้เล่า”
ชายผู้นั้นรีบเหลือบไปมองพ่อบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกัดฟันยืนกรานว่า “แต่ในจวนนี้มีเพียงอาไฉ่คนเดียวเท่านั้นที่หายตัวไป หากไม่ใช่อาไฉ่แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีกเล่า ต่างหูนี้ไม่ได้พบที่ร่างของอาไฉ่ อาจจะมีใครทำหล่นไว้โดยไม่ได้ตั้งใจก็ย่อมได้”
ถึงอย่างไรกระดูกนี่ก็เน่าเปื่อยเหลือแต่โครง หากเขายืนกรานว่าเป็นบุตรสาวของตน แล้วใต้เท้าผู้นี้จะทำเช่นไร
พ่อบ้านได้บอกกับพวกเขาแล้ว เพียงแค่ยืนกรานว่าศพนี้เป็นศพของอาไฉ่ รับรองว่าจะให้ความมั่งคั่งแก่ทั้งสองไปตลอดชีวิต
เมื่อชายผู้นั้นเพิ่งจะเอ่ยจบ ในบ่อก็ได้มีเสียงดังขึ้นด้วยท่าทางอันตื่นเต้นว่า “ใต้เท้าขอรับ หาพบแล้ว!”
ในไม่ช้าเจ้าหน้าที่ที่ลงไปในบ่อก็ปีนขึ้นมา ในมือของเขาจับของบางอย่างเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง
ภายใต้แสงแดด ไข่มุกเจียวจูมันวาวส่องแสงเจิดจ้า มันเป็นต่างหูอีกข้างหนึ่งที่หายไป
เจินซื่อเฉิงนำต่างหูทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน จากนั้นเมื่อแน่ใจแล้วจึงได้เอ่ยว่า “ท่านทั้งสองคงเห็นแล้วว่าต่างหูนี้มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ คงจะต้องเป็นคู่เดียวกันอย่างแน่นอน”
คนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพากันพยักหน้า
เจินซื่อเฉิงมองไปทางสองสามีภรรยา เขากล่าวด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึมว่า “ต่างหูมุกข้างหนึ่งถูกค้นพบโดยท่านแม่ทัพเซี่ยวเทียนซึ่งขุดเจอบริเวณรอบข้าง อีกคู่หนึ่งเจ้าหน้าที่ของเราหาพบจากในบ่อ ส่วนโครงกระดูกนี้ก็ถูกค้นพบจากในบ่อเช่นกัน ทุกท่านไม่คิดหรือว่า ต่างหูนี้คงจะเป็นของผู้ตาย”
เมื่อทำงานด้านนี้นานวันเข้าเขาก็รู้สึกรำคาญกับการต้องหาหลักฐานพยานเช่นนี้เหลือเกิน
ทุกคนได้แต่พยักหน้า
ตามสถานการณ์เช่นนี้ หากว่ายังยืนกรานเรื่องต่างหูมุกเจียวจูเป็นของผู้ตายล่ะก็ คงจะกำลังกล่าวความเท็จอย่างแน่นอน
เจินซื่อเฉิงจ้องไปยังสองสามีทั้งคู่ และทำไปหน้ากึ่งยิ้มกล่าวว่า “ต่างหูมุกเจียวจูคู่นี้เป็นของผู้ตาย และพวกเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะซื้อต่างหูเจียวจูราคาสูงนี้ได้ บัดนี้พวกเจ้ายังยืนกรานว่าศพนี้คือศพของอาไฉ่บุตรสาวของพวกเจ้าหรือไม่”
“เอ่อ…” สองสามีภรรยาไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังพ่อบ้าน
พ่อบ้านเองก็ตัวสั่นสะท้าน ก้มหน้าไม่กล้าพูดจาสักคำ
เซียงอ๋องกำหมัดแน่นแล้วแอบด่าบุพการีเขาอยู่ในใจ
เจ้าคนแซ่เจินนี่ช่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเสียจริง น่ารำคาญยิ่งนัก!
ด้วยกังวลว่าสองสามีภรรยาและพ่อบ้านจะกระทำการเปิดเผยความลับออกมา เซียงอ๋องจึงกระแอมเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนผู้ตายจะเป็นคนอื่น ส่วนคือใครนั้นคงต้องรบกวนใต้เท้าเจินช่วยสืบหาความจริงด้วย”
ต่อให้ไม่ใช่อาไฉ่แล้วอย่างไรเล่า ต่างหูมุกเจียวจูไม่ได้มีเพียงแค่ชุยหมิงเย่ว์คนเดียวสักหน่อยที่มี เจ้าคนแซ่เจินนี้จะสามารถสืบไปถึงตัวนางได้เชียวหรือ
อวี้จิ่นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเซียงอ๋องเท่าไหร่นัก ส่งสายตาเหลือบมองไปทางเจินซื่อเฉิง
จะว่าไปต่างหูเจียวจูคู่นี้ ชุยหมิงเย่ว์ไม่ได้ใส่ไว้ขณะที่กำลังหลบหนี แต่เป็นเขาสั่งให้คนเอามาโยนไว้เอง
เซียงอ๋องจัดการเรื่องราวทุกอย่างอย่างสะอาดสะอ้านหลังจากฆ่าชุยหมิงเย่ว์ นอกเสียจากเสื้อชั้นในแล้ว แม้แต่รองเท้าถุงเท้ายังไม่เหลือเอาไว้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่น เขากังวลว่าวันใดที่ร่างนี้ปรากฏจะไม่มีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ถึงตัวตน ดังนั้นจึงสั่งให้ใครบางคนแอบเข้าไปในเรือนหอ แล้วขโมยต่างหูคู่นี้เอามาซ่อนไว้
นอกเหนือจากนี้ยังมีจี้หยกด้วย และนั่นคือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ถึงตัวตนของชุยหมิงเย่ว์
ผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเจินไร้ความสามารถเสียจริง จวบจนกระทั่งบัดนี้ยังหาจี้หยกนั้นไม่เจอ เฮ้อ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงต้องส่งให้เอ้อร์หนิวออกไปทำหน้าที่เองอีกแล้ว
เพียงแต่หากไม่ถึงทางเลือกสุดท้าย เขาก็จะไม่ทำเช่นนี้
เนื่องจากโครงกระดูกนี้เอ้อร์หนิวเป็นคนพบ หลักฐานสำคัญเอ้อร์หนิวก็เป็นคนหามันเจอทั้งสองชิ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ละก็คงทำให้คนอื่นรู้สึกสงสัย
เขาควรที่จะรออีกสักหน่อยดีกว่า
ขณะที่เซียงอ๋องกำลังตกอยู่ในความยากลำบากใจ เจินซื่อเฉิงก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ท่านอ๋องกล่าวว่าในจวนอ๋องนี่ไม่มีสตรีคนใดที่เป็นสตรีชั้นสูง แต่ด้วยศพนี่เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่คนชั้นต่ำ ท่านอ๋องอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเหตุใดศพนี้จึงได้ปรากฏอยู่ในที่แห่งนี้”
เซียงอ๋องสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า บางทีอาจจะเป็นบ่าวคนใดที่ใจกล้าทำร้ายแม่นางผู้นี้แล้วนำศพมาซ่อนที่นี่ก็ย่อมได้”
“เป็นอย่างนี้หรือ” เจินซื่อเฉิงยกมือขึ้นลูบหนวดเครา เขาใช้นิ้วก้อยในการสางให้หนวดที่ติดกันคลายออก “หากเป็นสตรีชั้นสูงของตระกูลใดหายตัวไปเช่นนี้คงจะต้องมีคนแจ้งความใช่หรือไม่”
เซียงอ๋องหัวเราะ “ก็ไม่แน่ หากว่าบางตระกูลเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี หากเผยแพร่ออกไปอาจจะกลายเป็นเรื่องขายหน้าก็ย่อมได้ หากมีคุณหนูบ้านใดหายตัวไป อาจหนีตามชายหรือถูกลอบฆ่าก็พูดยาก”
“ดูท่านอ๋องจะเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างดี”
เซียงอ๋องขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าเพียงกล่าวไปตามเนื้อเรื่องเท่านั้น”
เจินซื่อเฉิงเหลือบมองไปที่โครงกระดูกนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “มีสตรีจากจวนใดหายตัวไปหรือไม่นั้นข้าน้อยไม่แน่ใจ แต่หากว่าเป็นสตรีชั้นสูงของตระกูลมั่งคั่ง ข้าน้อยคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้”
รูม่านตาของเซียงอ๋องหรี่ลงกะทันหัน
หลู่อ๋องเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่สามารถอดใจรอได้ว่า “ใต้เท้าเจิน ท่านคิดถึงผู้ใดกัน”
เจินซื่อเฉิงกล่าวขึ้นทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “บุตรสาวขององค์หญิงใหญ่หรงหยางและท่านแม่ทัพชุยซวี่ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลชุย”
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั่นพากันแตกตื่น
“เป็นไปไม่ได้ ใต้เท้าเจินท่านมีหลักฐานใดหรือว่าศพนี้คือศพของชุยหมิงเย่ว์!” หลู่อ๋องชี้ไปที่โครงกระดูกบนพื้นทำท่าทางเหลือเชื่อ
ฉีอ๋องเหลือบมองไปยังสีหน้าท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซียงอ๋องแล้วต้องตกใจ ให้ตายสิ ดูจากปฏิกิริยาของเจ้าแปดที่เป็นเช่นนี้ ศพนี้คงจะเป็นของแม่นางชุยที่หายตัวไปอย่างแน่นอน
“ใต้เท้าเจิน ท่านต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ท่านเอ่ยวาจาออกมาด้วย” สีหน้าของเซียงอ๋องดูไม่น่ามองนักเขาชี้นิ้วไปที่โครงกระดูกบนพื้น “ท่านมีเหตุผลหรือหลักฐานใดกล่าวว่านี่คือแม่นางชุย!”
เจินซื่อเฉิงยกมือขึ้นลูบเคราของตน ตามนิสัยแล้วกล่าวว่า “มี!”