ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 312 คนรักของจูจื่ออวี้
เจียงอันเฉิงถือเป็นเจ้าของจวนหลังนี้ ครั้นจะพาบุตรสาวออกไปข้างนอกจึงไม่มีความจำเป็นต้องรายงานให้เฝิงเหล่าฮูหยินทราบ เมื่อนายประตูคนใหม่เห็นสองพ่อลูกเดินออกไปแล้วก็ปิดประตูจนสนิทดังเดิม
“ซื่อเอ๋อร์อยากไปเที่ยวที่ใดงั้นหรือ”
“ลูกอยากไปที่ร้านเครื่องประทินผิวเจ้าค่ะ ว่ากันว่ามีร้านใหม่มาเปิด เซียงลู่ร้านนั้นได้รับความนิยมมากทีเดียวเจ้าค่ะ”
“ร้านเครื่องประทินผิวหรือ…” เจียงอันเฉิงผิดหวังเล็กน้อย
ชายร่างใหญ่อย่างเขาไปในที่เช่นนั้นคงไม่เหมาะเท่าไหร่
เขาเดินตามเจียงซื่อมาจนถึงหน้าร้านมีป้ายแขวนว่า ‘ร้านลู่เซิงเซียง’ เจียงอันเฉิงหยุดยืน “ซื่อเอ๋อร์ เจ้าเข้าไปดูเถิด ส่วนพ่อจะรอเจ้าอยู่ที่โรงน้ำชานี่แล้วกัน”
เจียงซื่อแย้มยิ้มหวาน “เช่นนั้นรบกวนท่านพ่อรอสักเดี๋ยวนะเจ้าคะ”
เนื่องจากทางร้านเริ่มกิจการจากการวางขายเซียงลู่แบบใหม่สองแบบ นับวันร้านเครื่องประทินผิวเล็กๆ แห่งนี้จึงมีชื่อเสียงมากขึ้น ในเวลานี้ภายในร้านจึงมีสตรีจำนวนมากมาเลือกซื้อสินค้า
เจียงซื่อเดินนำอาเฉี่ยวเข้าไปด้านใน เมื่อซิ่วเหนียงจื่อเห็นอาเฉี่ยวก็รี่เข้าไปต้อนรับ
อาเฉี่ยวส่ายศีรษะเล็กน้อย
เนื่องจากชีวิตสองสามเดือนมานี้ซิ่วเหนียงจื่อมัวแต่สาละวนอยู่กับการทำงาน ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรสาวจึงค่อยๆ ทุเลาลง หรือจะให้บอกอีกนัยหนึ่งคือ ความเจ็บปวดนั้นถูกซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ ร้านเซียงลู่เล็กๆ แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนที่พึ่งทางใจของนาง ทำให้นางสามารถยืนหยัดมีชีวิตต่อไป
ซิ่วเหนียงจื่อเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว เดิมทีนางขายเต้าหู้หาเงินมาเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ แท้จริงแล้วนางเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย ก๋ากั่นอยู่พอตัว
ครั้นนางตั้งสติได้แล้วและเห็นว่าอาเฉี่ยวส่ายศีรษะเช่นนั้น นางก็เข้าใจทันที เมื่อเห็นว่าอาเฉี่ยวเดินตามเจียงซื่อเข้าไปด้านในแล้ว นางก็ค่อยหาจังหวะเดินตามเข้าไป
“น้อมทักคุณหนู”
แม้ว่าซิ่วเหนียงจื่อจะไม่ทราบสถานะที่แท้จริงของเจียงซื่อ แต่ทราบได้จากปากอาเฉี่ยวว่านี่คงเป็นเจ้าของตัวจริงของร้านลู่เซิงเซียง
นางรู้สึกซาบซึ้งในตัวเจียงซื่ออย่างสุดหัวใจ
เมื่อมองย้อนกลับไป ซิ่วเหนียงจื่อเองก็ไม่ทราบว่าตนเองผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร หากปราศจากร้านขายของเล็กๆ ที่ให้ที่พักพิงแก่นางแห่งนี้ นางคงได้ตามไปอยู่กับลูกสาวเสียตั้งแต่ตอนนั้น
เจียงซื่อรับรู้ได้ถึงความซาบซึ้งจากใจจริงของซิ่วเหนียงจื่อ นางถอดหมวกเหวยเม่าวางลงบนโต๊ะก่อนจะส่งยิ้มอย่างอบอุ่น “ซิ่วเหนียงจื่อมิต้องพิธี”
ทันทีที่เห็นรูปลักษณ์ของเจียงซื่อ ซิ่วเหนียงจื่อก็ชะงักไป น้ำหยดใสไหลออกจากตาอย่างมิอาจหักห้าม
ไม่ทราบด้วยเหตุใด นางเห็นเงาของลูกสาวตนเองผ่านใบหน้าหญิงสาวลึกลับตรงหน้า
ซิ่วเหนียงจื่อรีบตอบสนอง นางรีบกล่าวขออภัยด้วยความรู้สึกผิด “ข้าปล่อยสติเตลิดไปไกล ขอคุณหนูอย่าถือโทษ”
คงเป็นเพราะนางคะนึงหาลูกสาวสุดหัวใจ คุณหนูตรงหน้างดงามกว่าลูกสาวของนางเป็นไหนๆ แต่ไฉนนางจึงรู้สึกว่าทั้งคู่มีบางอย่างคล้ายคลึงกัน
หลังจากอาการตกตะลึงในคราวแรกหายไป ซิ่วเหนียงจื่อพยายามสงบสติอารมณ์ และพินิจมองหญิงตรงหน้า อีกครั้งและพบว่าทั้งคู่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด
การปรากฏตัวต่อหน้าซิ่วเหนียงจื่อเป็นเรื่องที่เจียงซื่อวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น
เนื่องจากที่ตรอกซงจื่อมีแม่นางฉูฉู่อาศัยอยู่จึงไม่เหมาะหากจะนัดพบกันที่นั่น ร้านเครื่องประทินผิวแห่งนี้จึงเหมาะแก่การเปิดเผยตัวตนที่สุด
ไม่มีเรื่องใดธรรมดาสามัญไปกว่าการที่คุณหนูพาบ่าวรับใช้มาซื้อเซียงลู่ที่ร้านค้าอีกแล้ว ไม่เป็นที่สะดุดตาและไม่สร้างความสงสัยให้แก่ผู้ที่พบเห็น
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางต้องการให้ซิ่วเหนียงจื่อทราบว่าเจ้าของตัวจริงคือผู้ใด ซิ่วเหนียงจื่อจะได้คอยคุ้มกันและอำนวยความสะดวกให้แก่นาง
“อาเฟยมาถึงหรือยัง” เจียงซื่อเอ่ยถาม
“มาถึงแล้วเจ้าค่ะ เชิญคุณหนูตามข้ามาเลยเจ้าค่ะ”
ซิ่วเหนียงจื่อนำเจียงซื่อมายังเรือนด้านหลัง
แม้ว่าร้านค้าติดริมถนนแห่งนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็เป็นรูปแบบการก่อสร้างที่พบเห็นได้ทั่วไป คือด้านหน้าเปิดร้านทำธุรกิจ ส่วนด้านหลังเป็นบริเวณที่พักอาศัยของเจ้าของร้าน
และแน่นอนว่า พื้นที่ด้านหลังไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้ามา
ประตูด้านหลังของเรือนหลังถูกเปิดขึ้น และอาเฟยก็เข้ามาทางประตูบานนั้น ขณะนี้เขากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้อง เมื่อเห็นเจียงซื่อเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นพลางกล่าวทันควัน “คุณหนู ในที่สุดก็มาเสียที!”
อาเฉี่ยวยิ้มพลางดึงซิ่วเหนียงจื่อออกไป “ซิ่วเหนียงจื่อ เจ้าไปจัดการที่ด้านหน้าเถอะ ปล่อยไว้โดยไม่มีคนเฝ้ามิได้หรอกหนา”
เมื่ออาเฉี่ยวและซิ่วเหนียงจื่อออกไปแล้ว เจียงซื่อก็ออกปากถามทันที “ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน”
“มีน้องชายของข้าสองคนกำลังจับตาดูอยู่ที่ด้านนอกโรงน้ำชาเทียนเซียง ขณะนี้ยังไม่เห็นว่าจูจื่ออวี้จะลงมาเลยขอรับ”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขานัดพบกับสตรีนางหนึ่ง” เจียงซื่อถามจี้
นางไม่อาจเชื่อว่าคนรอบคอบอย่างจูจื่ออวี้จะพาหญิงสาวมาที่โรงน้ำชาเทียนเซียงอย่างเปิดเผยเช่นนี้
อาเฟยรีบตอบ “ตอนแรกข้าตามจูจื่ออวี้เข้าไปในโรงน้ำชา และเฝ้าดูอยู่ตรงข้ามห้องพิเศษของเขา ผ่านไปไม่นานก็มีสตรีนางหนึ่งเดินขึ้นมา และเข้าไปห้องพิเศษซึ่งอยู่ติดกับห้องของจูจื่ออวี้ ครู่หนึ่งจูจื่ออวี้ก็ออกมาจากห้องตนเอง และทำทีลับๆ ล่อๆ เข้าไปในห้องของหญิงสาวผู้นั้น…”
“เจ้าเห็นชัดๆ แน่หรือ” เจียงซื่อขบริมฝีปาก
อาเฟยตีเข้าที่อกของตนเอง “ข้าเห็นชัดจริงดังนั้น”
“ความหมายของข้าก็คือจากอายุอานามและการแต่งกายแล้วเป็นสตรีจริงๆ งั้นหรือ”
“อายุนางไล่เลี่ยกับคุณหนู เกล้าผมมวยเหมือนสตรีทั่วไป แต่ดูจากชุดที่นางสวมแล้วดูสง่างามราวกับเป็นสตรีสูงศักดิ์…”
เจียงซื่อบีบมือแน่นเพื่อซ่อนความตื่นเต้นไว้ในใจ
ทั้งฉิงเอ๋อร์ที่จวนจูและอวี่เอ๋อร์ที่เรือนในชนบทต่างก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นึกไม่ถึงว่าจูจื่ออวี้จะหางโผล่มาก่อนคนอื่นๆ
ครั้นพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากจูจื่ออวี้มีคนรักอยู่จริงก็แสดงว่าพวกเขามิได้พบหน้ากันมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว เนื่องจากเจียงซื่อให้อาเฟยจับตาดูเขามาตั้งแต่ช่วงเดือนแปด
หมายความว่า จูจื่ออวี้ไม่อาจเก็บซ่อนอารมณ์ได้อีกต่อไป
มีคนรักอยู่ทั้งคน การไม่ได้พบหน้ากันเนิ่นนานปานนี้คงทุกข์ทรมานอยู่ไม่น้อย
“พาข้าไป”
อาเฟยเดินนำเจียงซื่อออกไปทางประตูด้านหลัง เมื่อใช้เส้นทางลัดไม่นานก็มาถึงโรงน้ำชาเทียนเซียง
“คุณหนู อยากขึ้นไปดูข้างบนหน่อยไหมขอรับ” อาเฟยถามขึ้นขณะหลบอยู่หลังต้นไม้ตรงข้ามโรงน้ำชา
เจียงซื่อส่ายหน้า “มิต้องหรอก หากจูจื่ออวี้ออกมา เจ้าก็อย่าเพิ่งไปสนใจเขา ให้เจ้าตามสตรีผู้นั้นไป และไปดูว่านางมาจากจวนใด”
ตั้งแต่ได้ทราบข่าวจากอาเฟย จนกระทั่งนางออกมานอกจวนได้สำเร็จก็นับว่าผ่านไปนานพอสมควร ฉะนั้นหากจะบุกเข้าไปในโรงน้ำชายามนี้อาจเตรียมการไม่ทันท่วงที
ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาเช่นนี้ก็ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่าม การทำให้งูตื่นรังแต่จะทำให้ตนเองตกไปอยู่ในหลุมพราง
จากการคำนวณของเจียงซื่อ การจะลงมือกับคนอย่างจูจื่ออวี้ต้องไม่ทำให้เขาไหวตัวทัน ครั้นลงมือแล้วก็ต้องทำให้เหยื่อดิ้นไม่หลุด แต่ขณะนี้นางยังไม่ทราบตัวตนของสตรีนางนั้น จึงยังมิควรลงมือตอนนี้
ที่นางตามมาเพราะอยากเห็นว่าหญิงผู้นั้นหน้าตาเป็นเช่นไร รวมถึงอยากเห็นปฏิกิริยาของจูจื่ออวี้ด้วย
นางเชื่อว่า ไม่ว่าชายคนหนึ่งจะมีเรื่องซ่อนเร้นมากมายเพียงใด แต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่หลุดอาการใดๆ ออกมากหลังจากได้พบกับคนรัก บางทีอาจเป็นน้ำหยดใสในตา หรือบางทีอาจเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก…
แต่ทว่าเรื่องพวกนี้…ต้องมาเห็นด้วยตาตนเองถึงจะรับรู้ได้
“คุณหนู ออกมากันแล้วขอรับ”
คนที่เดินออกมาจากโรงน้ำชาเป็นคนแรกคือจูจื่ออวี้
เจียงซื่อมองดูชายผู้นั้นซึ่งมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าจนกระทั่งเขาเดินห่างออกไปไกล มือที่ซุกซ่อนอยู่ในเหอเปาลูบไล้เข็มพิษด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ใจเย็นไว้ก่อน การฆ่าคน การวางเพลิงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
หายใจเข้า หายใจออก…
อาเฟยเอ่ยเสียงสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ
อีกราวๆ หนึ่งเค่อ สตรีนางหนึ่งก็เดินนำสาวรับใช้ออกมาจากโรงน้ำชาเทียนเซียง
“คุณหนู หญิงผู้นั้นขอรับ!” อาเฟยกล่าวเอ่ย
สายตาของเจียงซื่อจับจ้องไปที่ทิศทางนั้นอยู่ก่อนแล้ว
หากเทียบกับความสุขสมหวังที่ปรากฏบนใบหน้าจูจื่ออวี้แล้ว หญิงสาวที่บริเวณหน้าประตูโรงน้ำชาดูจืดชืดกว่ามาก ดูไม่ออกเลยว่านางเพิ่งได้พบกับคนรัก
เมื่อเจียงซื่อเห็นรูปร่างหน้าของหญิงสาวผู้นั้น รูม่านตาของนางก็พลันเบิกกว้าง เผยให้เห็นความตะลึงงันอย่างยิ่งยวด
จะเป็นนางได้อย่างไร!