ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 235 ช่วงสุดท้าย
บนแม่น้ำจินสุ่ยเต็มไปด้วยเรือน้อยใหญ่นับร้อยลำ ผู้คนซึ่งหาความสำราญบนเรือนับพัน กล่าวได้ว่าแม่น้ำจินสุ่ยในยามราตรีนั้นเป็นบรรยากาศอันงดงามแห่งหนึ่งของเมืองหลวงก็ว่าได้
ซึ่งมันนำมายังความสะดวกแก่เจียงซื่อยิ่งนัก
แม้ว่าเจินซื่อเฉิงจะฉลาดหลักแหลม แต่เขาก็ไม่ใช่เทวดา อาจกล่าวได้ว่าเป็นการยากที่จะหาเบาะแสการลอบวางเพลิงจากผู้คนและเรือจำนวนมากมายเหล่านี้ แม้จะหาพบได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย
เจียงซื่อไม่ได้ถอดใจเนื่องจากเรื่องเหล่านี้ นางและเจินซื่อเฉิงได้สนทนากันอยู่สองสามหน นางจึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าจะไม่อาจพลาดได้แม้แต่รายละเอียดเดียว
เรือที่เหล่าฉินเช่ามานั้นจะต้องได้รับการกำจัดอย่างรอบคอบ
นางยังจำได้ดีถึงฉากที่หยางเซิ่งไฉใช้กำลังปีนขึ้นไปบนปากกระบอกปืนของเรือ หยางเซิ่งไฉตกลงไปในน้ำก่อนจะจมลงไปก้นแม่น้ำ คาดว่าที่ปากกระบอกปืนคงจะมีร่องรอยของเขาอยู่บ้าง
เจินซื่อเฉิงเป็นผู้ที่มีความรู้ยิ่งนัก หากว่าสามารถเริ่มสืบได้จากคนที่อยู่ในเรือลำเมื่อคืนนี้ แล้วตรวจสอบที่ตัวเรือ หากว่าพบสิ่งผิดปกติใดบนเรือก็จะทราบได้ว่าคนที่เช่าเรือนี้ผิดสังเกต ทุกสิ่งเมื่อนำมาเชื่อมโยงกัน ต่อให้นางกำชับเหล่าฉินให้ปิดบังตัวตนตอนไปเช่าเรือ ก็ยากที่จะบังคับสถานการณ์ได้
เจียงซื่อไม่ต้องการให้ความประมาทของตนเองนำพาความเดือดร้อนมาให้
“เหล่าฉินกล่าวว่าให้คุณหนูวางใจได้ เขาจัดการได้เรียบร้อยดี”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เจียงซื่อยิ้มขึ้น
นางค่อนข้างเชื่อถือความสามารถของเหล่าฉิน มิเช่นนั้นเมื่อคืนนี้นางคงจะไม่วางใจขณะที่เห็นพี่รองกำลังตกน้ำเป็นแน่
แม่น้ำจินสุ่ยไม่ได้เชี่ยวกราก มันเป็นแม่น้ำสายทอดยาวไหลเอื่อยดุจเช่นภาพวาด จึงเหมาะสำหรับเรือสำราญที่ล่องลอยให้พาผู้คนได้สนุกสนาน และเนื่องด้วยเหตุนี้เอง จากความสามารถและทักษะการว่ายน้ำของเหล่าฉินจึงช่วยพี่รองขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
จวบจนบัดนี้ อาหมานยังรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถในการสังหารอย่างวีรบุรุษของเจ้านาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคารพชื่นชมว่า “คุณหนู รู้ได้อย่างไรว่าจะต้องจัดการกับเรือลำนั้น เมื่อครั้นที่บ่าวเดินทางไปส่งต่อคำพูดให้แก่เหล่าฉิน เหล่าฉินเองก็ได้กล่าวชื่นชมว่าคุณหนูช่างเก่งกาจยิ่งนัก มิต่างอันใดกับเทพเจ้าเลย!”
เจียงซื่อยิ้มเยาะออกมา “ข้าเก่งกาจเช่นนั้นที่ไหนเล่า ก็เพียงแค่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่านั้นจึงทำให้คิดรอบคอบไปเสียเล็กน้อย”
นางตายแล้วเกิดใหม่ ชีวิตของนางไม่เพียงแต่ต้องการแก้แค้น การปกป้องญาติมิตรเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ไม่เช่นนั้นจะให้นางปล่อยให้เรื่องร้ายในชาติก่อนถาโถมเข้ามา แล้วหนีไปอย่างสุขสบายเพียงลำพังหรือ
นางไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นต่อให้มือต้องเปื้อนเลือดนางก็ไม่รู้สึกอย่างไร
……
ณ ศาลาว่าการพระนคร เจินซื่อเฉิงเดินเอามือไขว้หลังอยู่ช้าๆ
ไม่นานก่อนหน้านี้ ฝ่ายชันสูตรศพได้เข้ามารายงานเขาเรื่องหนึ่ง
ฝ่ายชันสูตรศพพบเศษไม้อยู่ในซอกเล็บของผู้ตาย!
นี่มันหมายความว่าอย่างไร
จากคำให้การของชุยอี้และคนอื่นๆ เมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งหมดกระโดดลงไปในแม่น้ำจากหน้าต่างพร้อมกันตอนไฟไหม้ ซึ่งหมายความว่าเศษไม้ในมือของผู้ตายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือ
แล้วการที่พบเศษไม้อยู่ในเล็บของผู้ตาย คาดว่าจะเกิดจากสาเหตุใด
เจินซื่อเฉิงเป็นคนที่มีนิสัยกล้าจินตนาการ ในไม่ช้าการคาดเดาบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจของเขา ผู้ตายกระโดดลงไปในแม่น้ำ แล้วว่ายไปยังเรือที่ใกล้ที่สุดด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นจับด้านข้างเรือหรือไม้พายเอาไว้อย่างแน่นหนา
แต่เขากลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงทำให้ซอกเล็บมีเศษไม้ติดอยู่
แท้จริงแล้วการที่หยางเซิ่งไฉไม่ได้รับการช่วยเหลือทำให้เจินซื่อเฉิงทำงานหนักหนายิ่งนัก
เขาได้เดินทางไปยังแม่น้ำจินสุ่ยด้วยตนเอง สังเกตว่ากระแสน้ำนั้นอ่อนโยนมาก ไม่ต้องกล่าวถึงว่าในตอนกลางคืนจะมีแสงสว่างเพียงใด อีกทั้งมีเรือจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ใกล้ๆ เหตุใดเขาจึงไม่รอด ทุกคนที่อยู่ในเรือนั้นแม้จะเมามายแต่ก็ถูกช่วยขึ้นมาได้จนสิ้น แม้แต่คุณชายรองแห่งจวนตงผิงปั๋วที่เมาและตกลงไปในน้ำก็ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมา
เจินซื่อเฉิงครุ่นคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ ยิ่งทำให้การคาดเดาของเขาชัดเจนขึ้น นั่นก็คือคนที่ผู้ตายไปขอความร้องขอนั้นคาดว่าจะเป็นฆาตกร!
นั่นหมายความว่ายังมีผู้สมรู้ร่วมคิด และพวกเขามีเรืออย่างน้อยลำหนึ่ง หากว่าโชคดีละก็ อาจจะสามารถหาร่องรอยบนเรือที่เล็บของผู้ตายขีดข่วนก็เป็นได้!
เมื่อเจินซื่อเฉิงคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของเขาก็ไม่สู้ดีนัก
แม้ว่าเขาจะใช้ความยุติธรรมในการจัดการคดี ไม่ว่าผู้ตายจะเป็นผู้ใด การค้นหาความจริงคือสิ่งที่เขาควรทำ แต่คราวนี้การตายของหยางเซิ่งไฉทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากจริงๆ
ไอ้คนเช่นนั้น แม้อายุยังไม่ถึงยี่สิบ แต่ก็คร่าชีวิตผู้คนไปไม่น้อย หากว่าอยู่ไปจนแก่ตายไม่รู้ว่าจะต้องสูญเสียอีกเท่าไร
ไม่ว่าในใจจะคิดเช่นไร แต่ท้ายที่สุดแล้วเจินซื่อเฉิงก็ได้กำชับออกไปว่า “จงไปสอบถามเจ้าของเรือสำราญเหล่านั้นว่าเมื่อวานมีใครเช่าเหมาลำเรือนี้หรือไม่ หากว่ามี เรือนั้นได้รับการส่งคืนแล้วหรือไม่”
ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งและจากไป ในไม่ช้าก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนหนึ่งกลับมารายงานว่า “นายท่านขอรับ คนจากจวนเสนาบดีกรมพิธีการเดินทางมาเข้าพบขอรับ”
เจินซื่อเฉิงพยักหน้า เขาก้าวเท้าและเดินไปยังห้องโถง
ผู้ที่เดินทางมาจากจวนเสนาบดีกรมพิธีการก็คือหยางฟู่นั่นเอง บัดนี้ดวงตาของเขาแดงเรื่อ หน้าบวมเล็กน้อยท่าทางดูซีดเซียว เป็นความเจ็บปวดเหลือทนสำหรับการที่คนผมขาวต้องส่งคนผมดำจากโลกนี้ไป
แม้ว่าเจินซื่อเฉิงจะไม่รู้สึกดีต่อหยางเซิ่งไฉแม้แต่น้อย แต่ก็เห็นอกเห็นใจบิดาของเขา จึงกล่าวทักทายอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านหยาง ดูแลสุขภาพตนเองด้วย”
หยางฟู่เยาะเย้ยออกมาว่า “ท่านเจินไม่ต้องกล่าวเช่นนี้หรอก พบผู้ลอบวางเพลิงแล้วหรือไม่”
แม้ว่าเขาจะยังมีบุตรจากอนุภรรยาอีกสองคน แต่หยางเซิ่งไฉเป็นบุตรชายอันเป็นที่รักคนเดียวของภรรยาเอก แม้ว่าเขามักจะสร้างปัญหาขึ้นมามากมาย และมักถูกเขาทุบตีดุด่า แต่เขาก็เจ็บเข้าไปถึงกระดูก
บัดนี้บุตรชายของเขาจากไปแล้ว หากเขาหาตัวฆาตกรไม่พบ เขาคงแทบรอไม่ไหวที่จะเผาศาลาว่าการพระนครให้มอดไหม้
“ยังไม่พบ” เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ดีของอีกฝ่าย น้ำเสียงของเจินซื่อเฉิงก็สงบลงเช่นกัน
เป็นเสนาบดีประจำกรมพิธีการแล้วอย่างไร การที่เขาสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครได้ คิดว่าเขาจะกลัวหรือ เจินซื่อเฉิงเป็นคนที่ค่อยๆ ไต่เต้ามาจากครอบครัวที่ยากจนทีละขั้น เขาอาจจะไม่มีรากฐานมั่นคงตั้งแต่ยังเด็ก แต่การที่จะสามารถก้าวขึ้นมายังตำแหน่งปัจจุบันได้นั้น ชี้ให้เห็นว่าเขาไม่ได้หัวอ่อนว่าง่ายเช่นเดียวกับพวกมีภูมิหลัง
“ผ่านไปแล้วถึงหนึ่งคืน เหตุใดท่านจึงยังไม่พบเบาะแสอีก” หยางฟู่เอ่ยถามอย่างก้าวร้าว
เจินซื่อเฉิงลูบเคราของเขา ตอบอย่างไม่ลังเล “เมื่อคืนนี้มีคนนับพันคนบนแม่น้ำจินสุ่ย ท่านหยางเห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เป็นพระเจ้าที่มีสามเศียรหกกร สามารถรู้ได้ว่าใครอยู่ที่ไหนเพียงแค่ดีดนิ้วหรือ อีกอย่างเจ้านั่นก็ดำดิ่งลงไปในน้ำด้วย ดีไม่ดีอาจเป็นดั่งที่ผู้คนคาดเดากันว่าจมน้ำตายเสียแล้ว”
ฮึ่ม พ่อเป็นเช่นไรลูกเป็นเช่นนั้น หากจะโวยวายต่อไปเขาคงไม่สนใจแล้ว ต้องส่งต่อให้หน่วยซานฝ่าซือตรวจดู หลังจากค้นพบว่าใครคือฆาตกร เขาจะออกธงเกียรติยศให้!
เจินซื่อเฉิงผู้ไม่เคยนิ่งเฉยหรืออวดดี ในฐานะผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนคร ไม่เพียงแค่ต้องทำงานเกี่ยวกับการแก้ปัญหาอาชญากรรม เพียงแค่เขาสนใจในส่วนนี้มากที่สุดเท่านั้น เขาจึงทุ่มเทมากที่สุด แท้จริงแล้วในบางครั้งหากเขานั่งชี้นิ้วสั่ง ก็ไม่อาจมีผู้ใดว่าเขาได้
“เช่นนั้นเจ้าลองว่ามาว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถหาตัวคนร้ายพบ”
“เรื่องนี้ข้าบอกไม่ได้ ท่านหยางเอ่ยถามเช่นนี้ ทำให้ข้าลำบากใจนัก”
“เจ้า!” หยางฟู่โมโหเสียจนควันแทบออกจากหู แต่เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าที่สงบและไม่แยแสของเจินซื่อเฉิงเช่นนั้น เขาก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาอีก
“ข้าได้ยินมาว่าคนที่ช่วยชีวิตคุณชายรองของจวนตงผิงปั๋วเป็นคนของท่าน บัดนี้ข้าสงสัยว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องกับการตายของบุตรชายข้า ท่านเจินเรียกตัวคนผู้นั้นมาพบข้าสักหน่อยเถอะ”
หากไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับเจินซื่อเฉิงได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่อาจปล่อยคนที่ช่วยเจ้าคนจากจวนตงผิงปั๋วแต่กลับไม่ได้ช่วยลูกชายของเขาไปได้!
เจินซื่อเฉิงน้ำเสียงดูแปลกประหลาด “ท่านหยางต้องการพบคนของข้า?”