ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 144 เป็นห่วง
ตอนที่ 144 เป็นห่วง
จนกระทั่งคนเหล่านั้นเดินออกไป เหล่าองค์ชายก็ยังคงตะลึงพรึงเพริดอยู่อย่างนั้น
หรือว่าวันนี้จะเป็นวันแห่งความซวยของพวกเขากันนะ
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ของบรรดาพี่ชายน้องชายทั้งหมด อวี้จิ่นยกชาขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แค่ทะเลาะกันมีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ
แต่เริ่มเดิมทีเขาเพียงแค่ต้องการระบายความแค้นเรื่องอาซื่อเท่านั้น การได้พบหน้าเสด็จพ่อเป็นเพียงทางผ่าน
แน่นอนว่าการได้พบหน้าเสด็จพ่อเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้บ้าง แต่เพราะเป็นองค์ชายที่ถูกลืม เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสีย
ส่วนเรื่องการได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นอ๋องนั้นเป็นเรื่องที่เขาเองก็นึกไม่ถึง
ความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของอวี้จิ่น แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา ซึ่งนั่นทำให้ดูเหมือนว่าเขาตระเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว
สายตาของเหล่าองค์ชายที่มองที่อวี้จิ่นเปลี่ยนไปทันที
หรือว่าเจ้าเจ็ดรู้แต่แรกแล้วว่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นอ๋อง ทั้งหมดนี้ถูกคำนวณเอาไว้หมดแล้วงั้นหรือ
หึ…เจ้าเจ็ดนี่กลเม็ดแยบยลเสียจริง!
หนึ่งคนในนั้นที่เริ่มทำตัวไม่ถูกก็คือองค์ชายแปด
เพราะเขาเพิ่งจะว่าอวี้จิ่นว่าเป็นองค์ชายกำพร้า ไม่มีคุณสมบัติจะมาอยู่ร่วมกับพวกเขา แต่ตอนนี้กลับถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นอ๋อง ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจนบวมฉึ่ง
แต่ถึงกระนั้นคนที่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจยิ่งกว่าองค์ชายแปดก็คือองค์ชายห้า
องค์ชายห้ากำลังสับสนกับความเป็นไปของชีวิตอย่างหนัก
เขาถูกทำร้าย ถูกเจ้าเจ็ดตีหัว การได้รับโทษสถานเดียวกันก็ว่าแย่แล้ว แต่เสด็จพ่อกลับแต่งตั้งเจ้าเจ็ดขึ้นเป็นอ๋องอีก!
นี่เขาเป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงงั้นเหรอ หรือจริงๆ แล้วคนที่ถูกเลี้ยงดูที่นอกวังตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่เจ้าเจ็ดแต่เป็นเขา
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ!” ในที่สุดองค์ชายห้าก็ปะทุออกมาหลังจากที่เงียบอยู่สักพัก เขากระเด้งตัวขึ้นและกำลังจะวิ่งออกไปด้านนอก
องค์ชายแปดรีบเข้าไปขวางองค์ชายห้าเอาไว้ “พี่ห้า พี่จะไปไหน”
“ข้าจะไปคุยกับเสด็จพ่อให้รู้เรื่อง!”
องค์ชายหกที่อยู่ข้างๆ กระตุกมุมปาก “พี่ห้า พี่อย่าไปเลย เมื่อครู่ข้าเพิ่งถามจากหัวหน้าคนนั้น เรื่องราวก็คือหนิงเฟยเหนียเหนียงเข้าไปในห้องทรงพระอักษร แล้วก็มีคำสั่งแต่งตั้งองค์ชายเจ็ดออกมา”
องค์ชายห้าตะลึงค้างไป ริมฝีปากของเขาสั่นระริก “ข้า ข้าจะไปคุยกับเสด็จแม่ให้รู้เรื่อง!”
องค์ชายใหญ่เดินเข้ามาตบบ่าองค์ชายห้า “น้องห้า สงบสติลงก่อนเถิด พี่น้องกันอารมณ์เสียใส่กันให้ได้อะไรขึ้นมา”
เมื่อองค์ชายห้าได้ยินดังนั้น ความโกรธกลับยิ่งปะทุหนัก เขาสะบัดมือองค์ชายใหญ่ออกจากบ่า และพูดอย่างเดือดดาลว่า “ข้าเนี่ยนะอารมณ์เสีย เห็นชัดๆ ว่าข้าใจเย็นจะตาย!”
คนที่ไม่ใจเย็นแล้วเขวี้ยงไหสุรานั้นคือใครกันล่ะ
อวี้จิ่นวางถ้วยชาพลางปิดตาลง
เขาก็ใจเย็นนี่ โดยเฉพาะตอนที่เขวี้ยงไหสุรา ทั้งแรงและองศาถึงได้แม่นยำปานนั้น
สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกเสียดายตอนนี้คือยังกลับบ้านไม่ได้ ไม่รู้ว่าอาซื่อมาหาเขาหรือเปล่า…
บริเวณหน้าประตูตรอกเชวี่ยจื่อมีเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีต้นพุทราคอเอียงขึ้นอยู่ จู่ๆ เปลือกตาของเจียงซื่อก็กระตุกอย่างแรง แรงเสียจนทำให้นางเริ่มใจเสีย
“เอ้อร์หนิว เจ้านายของเจ้าไปไหนแล้วล่ะ” เจียงซื่อยื่นมือไปลูบหัวเอ้อร์หนิวเป็นพักๆ พลางเอ่ยถาม
เมื่อเอ้อร์หนิวที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ ได้ยินก็เหยียดตัวขึ้นพลางสะบัดขนเงานุ่มลื่นของมัน มันเข้าไปงับชายกระโปรงของเจียงซื่ออย่างคุ้นเคย ทำทีดึงเจียงซื่อให้ตามออกไป
เจียงซื่อรีบคว้ากระโปรงของตัวเองเอาไว้และหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอ้อร์หนิว เจ้านี่ชอบงับกระโปรงข้าอยู่เรื่อย ข้าไม่มีเงินไปตัดชุดใหม่แล้วนะ”
เมื่อเอ้อร์หนิวได้ยินเช่นนั้นก็รีบคายชายกระโปรงทันที มันส่ายหางไปมาก่อนจะวิ่งเข้าไปในเรือนด้านข้าง ไม่ช้าก็วิ่งกลับออกมาพร้อมกับคาบถุงเงินมาใส่ในมือเจียงซื่อ
เจียงซื่อที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “รีบเอากลับไปไว้ที่เดิมเดี๋ยวนี้”
ไม่รู้ว่าไปคาบถุงเงินนี้มาจากไหน เชือกที่มัดปากถุงมีราขึ้นเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเจ้าของเก็บใส่หีบไว้นานแค่ไหนกัน
เมื่อเอ้อร์หนิวเห็นว่าเจียงซื่อไม่ยอมรับไปจึงเอียงคอมองด้วยความสงสัย
เจียงซื่อชี้ไปที่ถุงเงินนั้น แล้วก็ชี้ไปที่เรือนด้านข้าง
เอ้อร์หนิวจึงก้มหน้าวิ่งกลับไปที่เรือนด้านข้างอีกครั้ง มันใช้ปากและเท้าหน้าเขี่ยประตูปิดจนสนิท จากนั้นก็วิ่งกลับมาและไปคาบถุงเงินจากมือเจียงซื่อไปยัดใส่มืออาหมานแทน
“ให้ข้าหรือ” อาหมานตื่นเต้น
โฮ่ง โฮ่ง เอ้อร์หนิวเห่าสองครั้งเป็นสัญญาณเร่งเร้า
มันเคยเห็นมาก่อนว่า ทุกครั้งที่มันคาบถุงเงินมาให้นายหญิง นายหญิงจะส่งต่อให้กับผู้นี้
อาหมานหันไปมองเจียงซื่อ
“ให้เอ้อร์หนิวเอากลับไปคืน”
อวี้ชีไม่อยู่ หากนางมาแล้วนำถุงเงินนี้กลับไปด้วย นางจะดูเป็นคนอย่างไรกัน
อาหมานส่งให้เอ้อร์หนิวอย่างไม่เต็มใจนัก “อะ คุณหนูไม่ให้รับไว้”
โฮ่ง! เอ้อร์หนิวแยกเขี้ยวแสดงท่าทางดุร้าย
อาหมานกะพริบตาปริบๆ
หมาตัวใหญ่นี่มันขู่คนด้วย!
เหล่าหวังซึ่งเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูจึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณหนูก็รับไปเถอะขอรับ เอ้อร์หนิวอารมณ์ร้าย ถ้ามันคาบอะไรมาให้แล้วไม่รับไว้ มันจะกัดของนั้นจนเละเลยขอรับ”
เจียงซื่อพยักพเยิดให้อาหมานรับไว้และหันไปบอกกับคนเฝ้าประตูว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะรับไว้ แล้วเดี๋ยวข้าเอาไปคืนคุณชายอวี๋เองแล้วกัน”
เมื่อเอ้อร์หนิวเห็นว่าเจียงซื่อยอมรับถุงเงินไปแล้วก็วิ่งวนไปมารอบตัวเจียงซื่อด้วยความดีใจ
“เอ้อร์หนิว ข้าต้องไปแล้ว” เจียงซื่อตีเอ้อร์หนิวเบาๆ และเตรียมตัวกลับจวน
เดิมทีที่นางมาที่นี่ก็เพราะนึกครึ้มอย่างไรไม่รู้ แต่นางก็ไม่ควรรอต่อไปอย่างไร้จุดหมาย อีกอย่างนี่ก็นับว่าเป็นการรักษาสัญญาแล้วด้วย
เอ้อร์หนิวเดินลอดมาขวางด้านหน้าเจียงซื่อ
“เอ้อร์หนิว อย่าดื้อสิ!”
เอ้อร์หนิวเอียงคอมองไปที่เจียงซื่อ เมื่อเห็นใบหน้าสวยก้มลงเล็กน้อยราวกับตั้งใจแน่วแน่ มันก็เลยนอนกลิ้งลงกับพื้นพลางยกเท้าทั้งสี่ข้างชี้ขึ้นฟ้า
เจียงซื่อ “…” นี่เอ้อร์หนิวกำลังใช้ลูกไม้อะไร ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าของเลยจริงๆ
คิกคิก อาหมานกลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหว น้ำหูน้ำตาพลันไหลออกมา “คุณหนู ไฉนจึงไม่รออยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยล่ะเจ้าคะ ฮิฮิ บ่าวไม่เคยเห็นสุนัขตัวไหนฉลาดเท่านี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ…”
ครั้นพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ อาหมานก็หุบยิ้มพลางกระซิบว่า “คุณหนู บ่าวเคยได้ยินเกี่ยวกับปีศาจจิ้งจอก ปีศาจกระต่าย หรือว่าเอ้อร์หนิวจะเป็นปีศาจหมาเจ้าคะ!”
โฮ่ง! เอ้อร์หนิวเห่าอย่างไม่พอใจ
มันแค่ฟังรู้เรื่อง แต่ไม่ใช่ปีศาจหมาสักหน่อย!
“อย่าพูดจาไร้สาระหน่า ต้องไปกันแล้ว” เจียงซื่อพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองใจอ่อน
เอ้อร์หนิวทั้งขี้เล่นทั้งขี้อ้อนขนาดนี้ ถ้านางมัวแต่ใจอ่อนก็คงไม่ได้ไปกันพอดี
ทันใดนั้นประตูหน้าลานบ้านก็ถูกผลักออก และหลงต้านก็รีบพุ่งตัวเข้ามาด้วยใบหน้าขาวซีด “แย่แล้ว!”
เจียงซื่อชะงักฝีเท้า ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม “เกิดอะไรขึ้น”
นางสังหรณ์ใจว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
วันนี้เป็นวันเกิดของอวี้ชี เขาหน้าหนาออกขนาดนั้นถึงได้เรียกให้นางมาหา ต่อให้มีเรื่องต้องออกไปทำธุระด่วนข้างนอก แต่ไม่นานก็ต้องกลับมา
เมื่อเจียงซื่อถามเช่นนั้น หลงต้านก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร “นายท่าน…”
จะบอกยังไงดีล่ะ เจ้านายปิดบังตัวตนยามอยู่ต่อหน้าคุณหนูเจียง จะบอกยังไงว่าเจ้านายของตนทะเลาะกับเหล่าองค์ชายจึงถูกองครักษ์ในวังนำตัวไปแล้ว
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น” ท่าทีของหลงต้านทำให้เจียงซื่อสัมผัสได้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี
หลงต้านตัดสินใจเอ่ยออกไป “เจ้านายมีเรื่องวิวาทกับคนอื่นนิดหน่อยจึงถูกจับขังคุกขอรับ!”
เขาก็ไม่ได้โกหกเสียหน่อย เจ้านายก่อเรื่องใหญ่โต ผลที่ตามมาถึงได้ร้ายแรงเช่นนั้น
“ถูกจับขังคุก?” เจียงซื่อขมวดคิ้วจนเป็นร่องลึก พยายามย้อนนึกเหตุการณ์เมื่อชาติที่แล้ว
ช่วงนั้นนางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอวี้ชีเคยถูกจับเข้าคุก
ใช่สิ นางจำได้ว่า ชาติที่แล้วหลังจากที่อวี้ชีมาร่วมงานแต่งงานของนางกับจี้ฉงอี้ ไม่นานเขาก็ลงไปทางใต้ มิได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงต่อนานอย่างในชาตินี้
หรือว่าเพราะนางเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์บางอย่าง จึงทำให้เรื่องที่อวี้ชีถูกจับขังคุกถูกเพิ่มเข้ามาด้วย
เจียงซื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนใจในสายตาของหลงต้าน นางจึงพลอยหวั่นใจไปด้วย
แต่เดี๋ยว อวี้ชีเป็นใครหลงต้านเองก็น่าจะรู้ดีที่สุด ถ้ามีเรื่องวิวาทแล้วถูกจับเข้าคุกก็ไม่น่าตกใจเสียหน่อย
เมื่อคิดได้ดังนั้น อารมณ์ของเจียงซื่อก็เริ่มดำดิ่งลงไป