ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 99 เพาะต้นกล้าสำเร็จ
บทที่ 99 เพาะต้นกล้าสำเร็จ
……….
บทที่ 99 เพาะต้นกล้าสำเร็จ
เย่จื้อผิงก็รู้สึกโล่งอกเช่นกัน คิดว่าตัวเองรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายไปได้
ขาของเขายังไม่หายดี ถ้าต้องโดนทุบตีด้วยคงจะแย่มาก
เซี่ยวเฟินฟางกอดลูกชายของตัวเองไว้ “ฮือๆๆ พวกแกยังยืนดูอยู่ทำไม รีบไปเรียกหมอประจำหมู่บ้านมาสิ”
“ลูกชายของฉันถูกทำร้ายขนาดนี้แล้ว พวกแกยังมีหน้ามายืนดูอยู่ได้”
“พวกแกมันไม่ใช่คนแล้วจริงๆ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยทำสีหน้าบึ้งตึง “เราอย่าสนใจเลย กลับบ้านกันเถอะ”
เย่จื้อผิงยังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกหลี่ชุ่ยชุ่ยจ้องมองด้วยสายตาดุๆ
เขาจึงยอมกลับบ้านไปอย่างว่าง่าย
เซี่ยวเฟินฟางโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “ดูพวกน้องชายสามของคุณสิ ทำไมพวกเขาถึงได้เลวร้ายขนาดนี้!”
เย่ไฉ่กุ้ยก็ผสมโรงด่าด้วย “ขอให้ครอบครัวพวกเขาไม่มาขอร้องพวกเราแล้วกัน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำให้พวกเขาต้องสำนึก”
เซี่ยวเฟินฟางพยักหน้าด้วยความโกรธ
เย่ว่านหยวนถูกส่งไปที่สถานีอนามัย
จากนั้นเรื่องฉาวโฉ่ราวกับภูตผีคร่ำครวญหมาป่าร่ำไห้นี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งหมู่บ้านราวไฟลามทุ่ง
เย่เสี่ยวจิ่นไปที่สวนผลไม้ และได้ยินทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์หัวเราะเยาะในเรื่องนี้พอดี
“ไอ้เย่ว่านหยวนนั่นมันน่าขันจริงๆ ได้ยินว่ามันไปลวนลามคนเขา สุดท้ายก็โดนเขาทุบซะ”
“หน้าตามันนี่นะ จุ๊ๆ เหมือนหมูเลย แถมยังหื่นกามอีก ทนไม่ไหวจริงๆ”
“ตามความเห็นฉัน มันสมควรโดนแบบนี้แล้ว ใครมีลูกสาวดีๆ อย่าได้ยกให้มันเป็นอันขาด”
“ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่ตัวมันที่ไม่ดี พ่อแม่มันก็เลี้ยงลูกชายเหมือนไข่ในหิน ใครแต่งเข้าไปก็มีแต่จะลำบากแย่”
เย่เสี่ยวจิ่นเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดว่า “จริงเหรอ? แบบนั้นก็แย่เกินไปแล้วนะ!”
ทุกคนตกใจกันหมด “หัวหน้าเย่ คุณมาได้ยังไง พวกเราจะรีบทำงานต่อเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องรีบหรอก” เย่เสี่ยวจิ่นโบกมือ “แล้วเย่ว่านหยวนโดนทุบตีเป็นยังไงบ้าง? มีแขนขาหักหรือเปล่า?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”
“หัวหน้าเย่ เย่ว่านหยวนเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้ว ทำไมดูเหมือนคุณไม่สนใจเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นกระแอมเบาๆ “ฉันไม่สนิทกับครอบครัวเขาหรอก ก็อย่างที่พวกคุณพูดนั่นแหละ”
“ครอบครัวพวกเขาหยิ่งมาก ไม่อยากคบหากับพวกเราหรอก”
ทุกคนไม่คิดว่าแม้แต่หัวหน้าเย่ที่เก่งกาจขนาดนี้ก็ยังถูกครอบครัวของเย่รองดูถูก
นั่นหมายความว่าอย่างไร? ก็แสดงว่าครอบครัวนี้คงเข้ากับคนอื่นยากมากแน่ๆ
ขนาดคนในตระกูลเดียวกันยังจัดการไม่ได้ แล้วคนนอกจะทำอะไรได้
เย่เสี่ยวจิ่นได้ยินพวกเขาคุยซุบซิบกัน เธอจึงโบกมือเรียกเย่จู๋และหลินลี่ลี่
ทั้งสามคนเดินไปอีกด้านหนึ่ง
“ต้นกล้าของพวกเธอเป็นยังไงบ้าง? งอกออกมาหรือยัง?”
เย่จู๋ตอบว่า “งอกออกมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะปลูกได้หรือเปล่า”
“คืนนี้เธอจะไปดูหรือว่าพรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้เธอดูสักต้น?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “คืนนี้ฉันจะไปดูที่บ้านเธอแล้วกัน”
หลินลี่ลี่ยิ้มน้อยๆ “ของฉันก็งอกออกมาหมดแล้ว ฉันลองนับดูพบว่าจากเมล็ด 600 เมล็ด งอกออกมา 580 กว่าต้น”
“เมล็ดพันธุ์นี้ดีมาก แทบไม่มีตายเลย”
“แต่ที่บ้านฉันปลูกได้ไม่มาก เดี๋ยวจะเอามา 550 ต้น ที่บ้านเหลือไว้ 30 กว่าต้นก็พอแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่คิดว่าพวกหล่อนจะขยันขนาดนี้ “ตามใจพวกเธอเถอะ เดี๋ยวฉันจะแบ่งแตงโมให้พวกเธอมากหน่อย”
“พวกเธอวางใจได้ ฉันไม่ได้ให้พวกเธอทำงานเปล่าๆ หรอก ฉันจำได้ทุกอย่าง”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดจบก็เดินไปที่อื่น
หลินลี่ลี่พูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “เสี่ยวจู๋ น้องสาวของเธอรู้อะไรเยอะจัง แถมยังพูดคุยง่ายด้วย”
“ฉันได้ยินมาว่าพี่ชายหล่อนก็เป็นคนมีความรู้ คนในครอบครัวพวกหล่อนมีแต่คนเก่งจริงๆ”
“หัวหน้าทีมเย่ยังเด็กแค่นี้ แต่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่น้อยๆ เลย”
เย่จู๋เกาหัว “ไม่ใช่หรอก…”
“มีแค่หล่อนที่เก่ง”
“เธอดูฉันสิ ไม่เก่งเลย แล้วก็พี่ชายที่โดนทุบตีนั่นก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน”
หลินลี่ลี่อดขำไม่ได้
กลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความวุ่นวาย
พอถึงตอนเย็น เย่เสี่ยวจิ่นก็ไปดูต้นกล้าที่บ้านของเย่จู๋
เย่จู๋ต้อนรับเธออย่างอบอุ่น “เธอมาแล้วเหรอ ดูสิ ฉันวางทุกอย่างไว้ตรงนั้นแล้ว”
“ฉันเห็นว่ามันงอกใบใหญ่ออกมาสองใบ ข้างในยังมีใบเล็กๆ ด้วย”
เย่เสี่ยวจิ่นมองแล้วพูดว่า “ดีมากเลย เธอใส่ปุ๋ยคอกด้วยเหรอ? ช่างละเอียดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ต้นกล้าถึงได้เขียวชอุ่มและแข็งแรงขนาดนี้”
“ดีล่ะ พรุ่งนี้ให้คนจากสวนผลไม้มารับไปปลูกได้เลย”
หลี่กุ้ยฮวาเห็นเย่เสี่ยวจิ่นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาประชดประชันอีก “โอ้ หัวหน้าทีมเย่มาแล้วเหรอ”
“ช่างใจดำจริงๆ เธอต้องไม่ตายดีแน่ ใช้งานเย่จู๋น้อยของเราให้ทำงานหนักโดยไม่ได้อะไรตอบแทน”
“เธอไม่คิดถึงความสัมพันธ์กันเลยเหรอ? ไม่คิดบ้างหรือว่าเธอเป็นน้องสาว แล้วทำไมถึงกล้าใช้งานพี่สาวของเธอแบบนี้!”
หลี่กุ้ยฮวาพูดไปพูดมา น้ำเสียงก็ไม่สุภาพขึ้นเรื่อยๆ จนแทบอยากจะชี้หน้าด่าเย่เสี่ยวจิ่นตรงๆ
“คุณนี่ตลกจริงๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะ เอียงคอมองหลี่กุ้ยฮวา “ฉันน่ะ ถึงจะรังเกียจคุณมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษลูกสาวคุณหรอก”
“ถ้าคุณไม่พอใจที่ฉันทรมานหล่อนแบบนี้ ก็พาหล่อนไปทำงานที่อื่นสิ”
“แม่ ทำไมแม่พูดแบบนี้ล่ะ? จิ่นเป่าดีกับหนูมากนะที่สวนผลไม้”
“แล้วการเพาะต้นกล้าก็เป็นเรื่องดี เรื่องนี้หนูขอทำเองนะ”
“แม่พูดไม่ดีแบบนี้ คิดว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง?”
หลี่กุ้ยฮวาโกรธจนแทบบ้า คว้าไม้ไผ่ที่พื้นขึ้นมาจะตีหล่อน
“ฉันให้การสนับสนุนแก แต่แกกลับกล้าเถียงแม่ตัวเองเพื่อคนนอกอย่างนั้นหรือ?”
เย่จื้อเฉียงได้ยินเสียงอื้ออึง จึงวิ่งออกมาในตอนนั้น
เขารีบเข้าไปห้ามหลี่กุ้ยฮวาพลางว่ากล่าวว่า “คุณเป็นอะไรไป? พูดกับเสี่ยวจิ่นดีๆ หน่อย”
“หล่อนกำลังดูแลลูกสาวเราอยู่นะ ทำไมคุณถึงรังแกหล่อนโดยไม่แยกแยะอะไรเลยแบบนี้?”
“คุณนี่มันแม่ค้าปากตลาดชัดๆ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
เย่จื้อเฉียงเห็นสภาพของลูกสาวในช่วงนี้อยู่แล้ว
ตั้งแต่ไปทำงานที่หน่วย เย่จู๋ก็มีความไม่พอใจอยู่ในใจแล้ว
โกรธที่พ่อแม่ลำเอียง ไม่ให้หล่อนเรียนหนังสือ
ในที่สุดเรื่องการเพาะต้นกล้าครั้งนี้ก็ทำให้หล่อนมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
แต่คนเป็นแม่กลับมาเป็นตัวถ่วงอยู่ตรงนี้
เย่จู๋ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมา “เย่เสี่ยวจิ่น เธอกลับไปเถอะ”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเย่จู๋ด้วยสายตาลึกซึ้ง
แล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
เย่จู๋ร้องไห้กลับเข้าห้องไป
เย่จื้อเฉียงรีบเข้ามาหา “จู๋จื่อ อย่าร้องไห้เลย ดูสิ… พ่อสั่งสอนแม่ให้แล้ว”
“แม่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย หล่อนแค่รักและห่วงใยลูก”
“หล่อนแค่กลัวว่าลูกจะถูกรังแก กลัวว่าลูกจะต้องลำบาก”
แต่เย่จู๋กลับพูดว่า “ถ้ารักหนูจริง ก็ควรให้หนูไปเรียนหนังสือด้วยสิ”
“ฮือๆๆ หนูไม่ชอบอยู่ที่นี่เลย”
“หรือว่าต่อไปหนูก็ต้องแต่งงานกับคนอื่นเพื่อเอาสินสอดมาให้พี่ชายด้วยหรือ?”
“แต่งงานกับคนที่เป็นเหมือนพี่ว่านหยวนน่ะหรือ?”
เย่จื้อเฉียงเงียบไป
หลี่กุ้ยฮวาที่อยู่นอกประตูได้ยินคำพูดของลูกสาว แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในห้อง
ผ่านไปครู่หนึ่ง หล่อนจึงเข้าไปและพูดว่า “จู๋จื่อ อย่าร้องไห้เลย เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้รังแกลูกจริงๆ หรือ?”
“หล่อนอายุแค่ไหนกัน? หล่อนจะรังแกหนูได้ยังไง?”
“ที่จริงหนูก็ไม่มีตัวตนอะไรในสวนผลไม้อยู่แล้ว เป็นหล่อนนั่นแหละที่เต็มใจมอบหมายงานนี้ให้หนู”
“แม่นี่ช่างดีจริงๆ เอาแต่ด่าคนอื่นไปทั่ว! เอาความหวังดีมาเป็นข้ออ้าง!”
สีหน้าของหลี่กุ้ยฮวาดูย่ำแย่ลง รู้สึกหน้าเสียเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอก ก่อนหน้านี้ก็มีคนด่าหล่อนแบบนี้อยู่แล้ว หล่อนคงไม่สนใจหรอก”
“ใช่ หล่อนไม่สนใจหรอก แต่หล่อนแค่จะไม่สนใจหนูอีกเท่านั้นเอง” เย่จู๋กอดเข่าตัวเอง น้ำตากลบดวงตาจนพร่ามัว “หนูอิจฉาเย่เสี่ยวจิ่นที่รู้อะไรมากมายจริงๆ”
“หนูเพิ่งจะได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหล่อนแท้ๆ แต่แม่ก็ทำลายมันไปหมดแล้ว”
“ฮือๆๆ…หนูไม่อยากคุยกับแม่อีกแล้ว”
หลี่กุ้ยฮวาเดินออกไป มองเย่จื้อเฉียงแวบหนึ่ง
หล่อนพรูลมหายใจ “ดูลูกสาวของคุณสิ พอโตขึ้นก็ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนแล้ว”
เย่จื้อเฉียงกลับแค่นเสียงเย็น “คุณนั่นแหละที่ผิด”
“พรุ่งนี้ไปขอโทษเขาซะ ดูเอาแล้วกันว่าคุณพูดจาน่าฟังแค่ไหน”
หลี่กุ้ยฮวาไม่มีทางขอโทษ หล่อนแค่นเสียงอย่างดูถูก “ครอบครัวยากจนแบบนั้น ทำไมฉันต้องสนใจความรู้สึกของพวกเขาด้วย?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ปากโดนผีเจาะแบบนี้ระวังต่อไปจะโดนสามีกับลูกทิ้งจนไม่เหลือใครนะหลี่กุ้ยฮวา แค่ตอนนี้ลูกสาวก็เริ่มตีตัวออกห่างแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……….