ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 73 วันแรกของการทำงานที่สวนผลไม้ (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 73 วันแรกของการทำงานที่สวนผลไม้ (รีไรต์)
บทที่ 73 วันแรกของการทำงานที่สวนผลไม้ (รีไรต์)
บทที่ 73 วันแรกของการทำงานที่สวนผลไม้ (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่อยากโต้เถียงกับหลิวต้าเม่ยอีกต่อไป
หล่อนหยิบเต้าฮวยวางไว้ข้าง ๆ
ในเมื่อสงสัยในเจตนาของคนอื่น ก็ไม่ต้องกินมันเสียเลย
“ชุ่ยชุ่ย เธอทำอะไรน่ะ? เต้าฮวยส่งมาแล้ว ไม่กินก็เสียเปล่า”
หลิวต้าเม่ยตัดสินใจเองอีกครั้ง หยิบเต้าฮวยมาหั่น
ในครัวมีควันและไฟคุกรุ่น หลี่กุ้ยฮวากำลังยุ่งวุ่นวาย
ในห้อง
เย่จื้อผิงและเย่เสี่ยวจิ่นนั่งอยู่ด้วยกัน
ญาติ ๆ พูดถึงความเก่งของเย่เสี่ยวจิ่นไม่หยุด จนเธอรู้สึกชาไปหมด
อาหารถูกรับประทานบนโต๊ะใหญ่
ครั้งนี้ หลี่ชุ่ยชุ่ยและเย่เสี่ยวจิ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะ ทุกคนเบียดเสียดกันอยู่รอบโต๊ะอาหาร
เย่หวายกลับมาบ้าน เห็นคนมากมายขนาดนี้ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
พอรู้ตัวก็รีบไปช่วยตักข้าว
เขาเห็นว่าข้าวถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นธัญพืชแบบเดิม รู้ว่าเป็นการป้องกันไม่ให้ญาติ ๆ เห็นของในบ้าน
ข้าวร้อน ๆ ถูกตักเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเทียบกับตอนที่เย่เหวินชางสอบเข้าเรียนต่อ ญาติ ๆ ต่างก็ให้ซองแดง
คราวนี้ญาติ ๆ เพียงแค่นำผักและไข่มาเท่านั้น
ที่โต๊ะอาหาร
หลี่กุ้ยฮวาที่สีหน้าไม่ค่อยดีมาตลอด มองไปที่เย่จื้อผิงแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า “น้องสาม ตอนนี้พวกนายอยู่ที่สวนผลไม้ก็ดีอยู่นะ”
“การทำสวนผลไม้เป็นงานที่สบายกว่า ดีกว่าการทำนามาก”
“ต้องขอแสดงความยินดีกับพวกนายด้วยนะ”
เย่จื้อผิงยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่ว่าจะเป็นการทำนาหรือสวนผลไม้ ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”
หลิวต้าเม่ยรีบพูดขึ้นว่า “โอ้ กุ้ยฮวา ลูกสาวของเธอก็ต้องไปทำงานในทีมด้วยใช่ไหม?”
“เย่จู๋ยังเด็กมาก ต้องไปทำงานด้วยคงเหนื่อยแย่”
“ลองคุยกับจื้อผิงดูสิ ให้เธอไปทำงานในสวนผลไม้ด้วยไง?”
หลี่กุ้ยฮวาพยักหน้า ยิ้มประจบเล็กน้อย “ใช่แล้ว จื้อผิง นายก็รู้จักเย่จู๋ดี”
“เด็กคนนี้ขยันทำงานมาก และอดทนด้วย”
“นายดูสิ… นายจะให้เธอไปทำงานกับพวกนายได้ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่คิดว่าพวกเขาจะมาขอความช่วยเหลือเร็วขนาดนี้
เธอคีบเนื้อด้วยตะเกียบคำหนึ่ง แล้วกินไปสองคำ
เย่จื้อผิงไม่ใช่หัวหน้าทีม แน่นอนว่าเขาจะไม่ตัดสินใจเอง
แต่ถ้าพูดแบบนี้ ก็เท่ากับโยนปัญหาให้ลูกสาวของตัวเองโดยตรง
เย่จื้อผิงเห็นลูกสาวมุ่งมั่นกินข้าวอยู่ เขาลังเลเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม?”
“พวกเรายังไม่ได้ไปที่สวนผลไม้เลย ยังไม่รู้ว่าขาดคนหรือเปล่า”
คนอื่น ๆ พอได้ยินก็พากันพูดขึ้นมา
“จะต้องดูอะไรล่ะ? จิ่นเป่าเป็นหัวหน้าทีมนะ หัวหน้าทีมตัดสินใจเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว นี่มันก็แค่คำพูดคำเดียวของพวกคุณเท่านั้นเองนี่”
“เย่จู๋เด็กคนนี้ตัวเล็กจริง ๆ ถ้าได้ไปสวนผลไม้ก็จะดีกว่าเยอะเลยนะ”
เย่จู๋ไม่ได้มากินข้าว
เย่เสี่ยวจิ่นคุ้ยข้าวไปมา มองสีหน้าลำบากใจของพ่อ
เธอยิ้มเล็กน้อย “ได้ พรุ่งนี้ให้เธอมาที่สวนผลไม้นะ”
หลี่กุ้ยฮวาได้ยินแล้วก็โล่งอก แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องมาขอร้องบ้านสาม
รอยยิ้มบนใบหน้าของหล่อนจึงจางลงไปบ้าง
ญาติคนอื่น ๆ รีบพูดขึ้นว่า “จิ่นเป่า หลานสาวของเราก็อายุกว่าสิบขวบแล้ว ไปทำงานที่สวนผลไม้ได้ไหม?”
“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยได้ก็ช่วยกันเถอะนะ”
“จิ่นเป่า ดูสิ พี่สาวของเธอก็ต้องการงานนี้…”
สีหน้าของเย่เสี่ยวจิ่นเคร่งขรึมลง น้ำเสียงห้วนขึ้น “พวกคุณคิดว่าหนูเป็นอะไร?”
“หนูเป็นแค่หัวหน้าทีม อย่างมากก็พาคนเข้าไปได้แค่คนเดียว”
“ทางผู้ใหญ่บ้านยังต้องไปรายงานอีก พวกคุณทุกคนอยากเข้าร่วม แต่ทำไมไม่บอกแต่เนิ่น ๆ ล่ะ?”
“ตอนนี้หนูรับปากป้าใหญ่ไปแล้ว ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงอีกแน่นอน”
คนอื่น ๆ ต่างแอบเสียใจ
เพราะการเข้าสวนผลไม้นั้นเป็นงานที่สบายจริง ๆ
พวกเขาทั้งหมดต่างอิจฉาหลี่กุ้ยฮวาที่ลงมือเร็วขนาดนี้!
ช่างเป็นการคำนวณที่แม่นยำจริง ๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เย่เสี่ยวจิ่นและเย่หวายไปที่ทุ่งนาด้วยกันเพื่อวางลอบดักปลาหนีชิว
เย่หวายรู้สึกไม่เข้าใจ “จิ่นเป่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวลุงใหญ่ชอบรังแกเธอ ทำไมเธอถึงตกลงพาเย่จู๋ไปสวนผลไม้ล่ะ?”
“ถ้าเกิดว่าลุงใหญ่และป้าใหญ่อยากไปด้วยในภายหลัง มันจะไม่ดีถ้าปฏิเสธใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก” เย่เสี่ยวจิ่นถือลอบดักปลา “ฉันมีวิธีปฏิเสธอยู่แล้วตอนนั้น”
“และยิ่งไปกว่านั้น เย่จู๋เคยแย่งแม่ไก่กับฉันด้วย ฮึ่ม ดีแล้วที่ให้เธอถอนหญ้า!”
“ถ้าใช้งานเธอทุกวัน รับรองว่าเธอต้องร้องไห้แน่ ๆ!”
แม้ว่าเย่เสี่ยวจิ่นจะพูดแบบนั้น
แต่ในใจเธอก็ไม่ได้คิดจะแก้แค้นอะไร
เย่หวายยิ้มอย่างจนใจ “ถ้าเธอถูกรังแก ครอบครัวลุงใหญ่ก็ต้องมาก่อเรื่องอีกแน่ ๆ”
หลังจากเพิ่มค่าสุขภาพแล้ว ร่างกายของเย่เสี่ยวจิ่นก็ดีขึ้นมาก
ตอนกลางคืนในผ้าห่ม มือและเท้าของเธอก็ไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนเมื่อก่อน
แถมยังมีอุณหภูมิอุ่น ๆ ด้วย
คืนนั้นผ่านไป คุณภาพการนอนของเธอดีเยี่ยม
พอฟ้าสาง เย่เสี่ยวจิ่นก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที
เธอรู้สึกเต็มไปด้วยพลังในร่างกายเป็นครั้งแรกในตอนเช้า
“ตื่นนอนได้แล้ว!”
นี่เป็นวันแรกที่เธอจะไปทำงานที่สวนผลไม้ เธอไม่ควรเสียเวลามากนัก
นอกจากนี้ เธอยังต้องไปดูต้นไม้ผลที่นั่นด้วยว่ามีพื้นที่ให้จัดการได้มากแค่ไหน
เย่จื้อผิงแต่งตัวเรียบร้อยแล้วพูดว่า “จิ่นเป่า วันนี้ลูกไม่ต้องให้ใครมาปลุกเลยนะ”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นล้างหน้าแปรงฟันเองแล้วหยิบไข่มาเคาะ
เธอแกะเปลือกไข่ออกแล้วกินไข่ขาวคำหนึ่ง
หลี่ชุ่ยชุ่ยปล่อยไก่ออกมาและให้อาหารพวกมันแล้ว
บนโต๊ะมีอาหารร้อน ๆ หลายอย่าง เย่หวายนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกินข้าว
อาหารกลางวันของเขามีแค่ผักดองนิดหน่อย ส่วนเนื้อทั้งหมดเขาเก็บไว้ให้เย่เสี่ยวจิ่น
“พ่อแม่ จิ่นเป่า ผมไปก่อนนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นโบกมือลา “พี่สามตั้งใจเรียนนะ”
เย่หวายยิ้มน้อย ๆ แล้ววิ่งเหยาะ ๆ ออกไปกลางแสงแดด
สวนผลไม้ของหมู่บ้านชงเถียนกว้างใหญ่มาก
มีเขาหลายลูกติดต่อกันเป็นสวนผลไม้ที่ชาวบ้านบุกเบิกขึ้นมา
ในหมู่บ้านปลูกต้นแพร์ ต้นท้อ ต้นส้ม และต้นหยางเหมย เป็นต้น
เย่เสี่ยวจิ่นและเย่จื้อผิงมาถึงภูเขาที่ปลูกต้นแพร์
เย่จู๋นั่งรออยู่ที่เชิงเขาแล้ว
เธอมองซ้ายมองขวา พอเห็นเย่เสี่ยวจิ่นมาก็รีบลุกขึ้นยืน
เธอดูเก้อเขินเล็กน้อย “เย่เสี่ยวจิ่น”
“อืม” เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ขึ้นไปเถอะ คนอื่นทำอะไรก็ทำตามไปก็พอ”
“คาดว่าช่วงนี้คงเป็นการถอนหญ้าในฤดูใบไม้ผลิ”
“ฉันเห็นหญ้าป่าขึ้นรกมากเลย”
ในอนาคตคงใช้ยากำจัดวัชพืชกันแล้ว แต่ยุคนี้ยังเป็นการถอนหญ้าด้วยมือล้วน ๆ
ทำงานทั้งวันย่อตัวจนเมื่อยเอวเมื่อยขา เป็นงานที่เหนื่อยมาก
ระหว่างเดินขึ้นเขา เย่เสี่ยวจิ่นมองไปรอบ ๆ
ต้นแพร์เป็นพันธุ์แพร์หินทั้งหมด
ต้นแพร์ชนิดนี้ทนความหนาวเย็นได้ดี และมีความอึดทนสูงมาก
เมื่อเห็นคนอื่น เย่จู๋ก็ไม่ต้องรอให้เย่เสี่ยวจิ่นสั่ง เธอเดินไปถอนหญ้าเลย
เธอย่อตัวลงบนพื้น ทำงานพร้อมกับคนอื่น ๆ
เธอรู้ว่าแม่ของเธอเป็นคนให้เย่เสี่ยวจิ่นพาเธอมาทำงานที่สวนผลไม้
เย่จู๋มีนิสัยเข้มแข็ง เธอจะไม่ขี้เกียจหรือทำให้เย่เสี่ยวจิ่นดูถูกตัวเองได้
“นี่คือหัวหน้าทีมคนใหม่เหรอ? อายุน้อยจริง ๆ”
“ใช่แล้ว ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าเธออายุน้อย ถึงได้ให้พ่อของเธอมาด้วย”
“เด็กตัวเล็กแค่นี้ จะทำอะไรได้ล่ะ?”
หยางเจวียนได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เงยหน้าขึ้นมองเห็นเย่เสี่ยวจิ่นจึงทักทาย
“จิ่นเป่า”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มหวาน ๆ “ป้าเจวียน ดีจังที่ป้าอยู่พอดี หนูมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากป้า”
คนที่กำลังยุ่งอยู่เห็นเย่เสี่ยวจิ่นมา ก็สบตากันไปมา
แต่ก่อนตอนที่หลี่ชุ่ยชุ่ยอยู่ที่นี่ บางคนก็เคยช่วยกันกลั่นแกล้งหลี่ชุ่ยชุ่ย เพื่อจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยวเยว่
ซ่งเสี่ยวจื่อเป็นคนแรกในกลุ่มนั้น
เซี่ยงเหวินเหวินอิจฉาจนทนไม่ไหว “เสี่ยวจื่อ ดูเย่เสี่ยวจิ่นสิ เธอทำอะไรเองไม่ได้เลย”
“มาก็แล้วไป แต่นี่ยังพาพ่อขาเป๋มาด้วย นี่มันมาเอาคะแนนงานเฉย ๆ ชัด ๆ”
“ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ได้คะแนนงาน นี่มันช่างดีจริง ๆ!”
ซ่งเสี่ยวจื่อเป็นหญิงสาวที่มีผิวคล้ำเล็กน้อย
หล่อนเงยหน้ามองหยางเจวียนเดินตามเย่เสี่ยวจิ่นไป แล้วแค่นเสียง “พวกเขาไม่ทำงาน พวกเราก็ต้องทำงานหนักขึ้น!”
เซี่ยงเหวินเหวินหน้าตาสงบนิ่ง แต่ชอบยุแหย่ “ใช่เลย คนแบบนี้ยังได้เป็นหัวหน้าทีมอีก”
“ยังไม่ดีเท่าหัวหน้าทีมเซี่ยวเลย”
“พวกเธอว่าใครไม่ดีเท่าเซี่ยวเยว่?” เย่จู๋ที่กำลังถอนหญ้าอยู่ ได้ยินคำพูดของพวกเธอก็ไม่พอใจทันที
แม้ว่าเธอจะรังเกียจเย่เสี่ยวจิ่น แต่อย่างไรพวกเขาก็แซ่เย่เหมือนกัน ยังไงก็ดีกว่าคนนอก
คนในตระกูลเย่ คนนอกไม่มีสิทธิ์มาชี้โน่นชี้นี่