ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 59 ขุดพบรากเก๋อเกิน*[1] (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 59 ขุดพบรากเก๋อเกิน*[1] (รีไรต์)
บทที่ 59 ขุดพบรากเก๋อเกิน*[1] (รีไรต์)
บทที่ 59 ขุดพบรากเก๋อเกิน*[1] (รีไรต์)
“อาจารย์?” เย่เสี่ยวจิ่นประหลาดใจ “แต่คุณดูหนุ่มมากเลยนะคะ!”
ลู่หลิ่วมีผิวขาว ผมสีดำสนิทหลายเส้นตกลงมาบนหน้าผาก
รูปร่างผอมบางสูงโปร่ง ดวงตาเรียบเฉย ริมฝีปากเม้มนิด ๆ ก็มีรอยยิ้มติดมาด้วย
“ฉันอายุ 16 ปี”
“เรียนประถม 5 ปี มัธยมต้น 2 ปี วิทยาลัยครู 3 ปี…”
“แล้วเด็กน้อย เธอคิดว่าฉันเริ่มเรียนหนังสือตอนอายุเท่าไหร่ล่ะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นนับนิ้วคำนวณ “หก เจ็ดปีเหรอคะ?”
ลู่หลิ่วเห็นท่าทางน่ารักของเธอ จึงพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว”
“เธอดูสนุกมากเลยนะ กำลังดูรูปภาพหรือว่าอ่านหนังสืออยู่?”
เย่เสี่ยวจิ่นถือหนังสือไว้ในมือ วางไว้ตรงหน้า บังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง
เหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทที่เปล่งประกายอยู่คู่หนึ่ง
เธอกลอกตาไปมา ตั้งใจจะขู่เขา “หนูน่ะ… อ่านหนังสือออกนะ”
“หนูอายุแค่สามขวบครึ่งเอง คุณลองทายสิว่าหนูรู้จักตัวอักษรกี่ตัว?”
ลู่หลิ่วหัวเราะให้กับเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารัก “งั้นฉันลองทายนะ ชื่อของเธอคืออะไร?”
“หนูชื่อเย่เสี่ยวจิ่น”
“อืม… งั้นเธอคงรู้จักแค่สามตัวอักษรนี้สินะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ “ผิดแล้ว ตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้ หนูรู้จักทั้งหมด”
ลู่หลิ่วเงยหน้าขึ้นยิ้ม “โกหก”
“จิ่นเป่า! ไปกันได้แล้ว!” หลี่ชุ่ยชุ่ยตะโกนเรียก
เย่เสี่ยวจิ่นแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย แล้วคืนหนังสือให้เขา
ลู่หลิ่วมองเด็กหญิงตัวน้อยเดินจากไป มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา
“อาจารย์ลู่ หอพักของคุณจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ?” หลินเหมยทำงานเสร็จแล้ว เดินเข้ามาถามเขาพร้อมรอยยิ้ม
รอยยิ้มนี้ดูจริงใจกว่าตอนที่เธอยิ้มให้นักเรียนเมื่อครู่มาก
ก็นะ ลู่หลิ่วเป็นถึงคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงเชียวนะ
“ถ้าคุณมีอะไรที่ยังไม่คุ้นเคยที่นี่ บอกฉันได้นะคะ”
“เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็อย่าเกรงใจ”
ลู่หลิ่วพยักหน้า “ขอบคุณครับ อาจารย์หลิน”
หลินเหม่ยมองลู่หลิ่ว ในใจเต็มไปด้วยความชอบ ถึงขนาดอยากจะแนะนำคู่ให้เขาด้วยซ้ำ
กลับถึงบ้าน
เย่หวายวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร
เขากังวลมากว่าต่อไปเขาจะไม่สามารถช่วยงานบ้านได้
หลี่ชุ่ยชุ่ยรับกะละมังซาวข้าวจากมือของเขา “เสี่ยวหวาย ลูกไปเล่นกับน้องสาวของลูกสิ”
เย่เสี่ยวจิ่นกลับมาถึงบ้านก็ไปดูลูกไก่ทันที
ลูกไก่โตเร็วมาก ตอนนี้ตัวใหญ่และฟูฟ่องมากแล้ว
เมื่อพวกมันโตถึง 34 จิน เธอก็จะสามารถกินเนื้อได้แล้ว
“สามสิบตัว รอให้รุ่นนี้โตก่อน แล้วค่อยเลี้ยงรุ่นต่อไป”
เล้าไก่ทำไว้ใหญ่มาก สามารถใส่ลูกไก่ได้หลายตัว
เย่หวายเข้ามาช่วยให้อาหารไก่ “จิ่นเป่า คืนนี้จะวางลอบดักปลาไหม?”
“วางสิ แม่บอกว่าจะเอาข้าวกลางวันไปให้พี่ไม่ใช่เหรอ? จับปลามาสักหน่อยก็เอาไปกินได้แล้ว”
เย่หวายโค้งคิ้ว “แค่นำผักดองมาหน่อยก็พอแล้ว”
“คนอื่น ๆ ก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ปลาเก็บไว้ให้จิ่นเป่ากินเถอะ”
เย่เสี่ยวจิ่นกะพริบตาปริบ ๆ ส่ายหน้า “ฉันเบื่อจะกินมันแล้ว”
เธอไม่ได้พูดเล่นนะ
เย่หวายพูดเสียงเบา “จิ่นเป่า วันนี้พี่ได้ยินป้าเจวียนพูดว่า อีกห้าวันจะมีการเลือกหัวหน้าทีมใหม่”
“เธอเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
เย่เสี่ยวจิ่นส่งเสียงอืมสองที ยกมือปิดหัว “ยังเลย!”
“ในแง่ความสามารถของฉัน แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
“แต่อายุของฉันนี่สิ…มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่”
เย่หวายยิ้ม “จิ่นเป่า พี่เชื่อว่าเธอทำได้”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเขาอย่างประหลาดใจ “ถ้าไม่มีท่านเทพเซียนล่ะ? พี่ก็คิดว่าฉันทำได้เหรอ?”
“ได้”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เธอเตรียมตัวที่จะมีความมั่นใจมากขึ้น
“จื้อผิง!” เย่จื้อเฉียงถือจอบมา เมื่อเห็นเย่เสี่ยวจิ่นก็ถาม “จิ่นเป่า พ่อแม่เธออยู่บ้านไหม?”
“อยู่ในบ้านค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นชี้ไป
เย่จื้อเฉียงเดินตรงเข้าไปในบ้านทันที
“จื้อผิง เย็นนี้แกไปกับฉันหน่อยได้ไหม?”
“น้ำมันที่พี่สะใภ้แกซื้อไว้ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้คืนเงินเลย”
“พี่สะใภ้แกลังเลไม่อยากทำให้คนอื่นไม่พอใจ ตอนนี้ของในบ้านจ้าวหลินหลินถูกขนไปหมดแล้ว”
“ฉันคิดว่าถ้าไม่รีบไปกดดันตอนนี้ คนพวกนั้นก็จะหนีไปหมด”
เย่จื้อผิงนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ขาของผมปวดมาก ไม่สะดวกจะไปไหน”
หากเป็นเมื่อก่อน เพียงแค่คนในครอบครัวพูดคำเดียว
แต่ตอนนี้ใจของเขาเย็นชาไปบ้างแล้ว
เย่จื้อเฉียงแค่ต้องการคนมาช่วยเสริมกำลัง เห็นสภาพเขาแบบนี้ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปเรียกสะใภ้รองแทน”
“บ้านของพวกเธอยังมีน้ำมันเหลือพอจะผัดอาหารไหม?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบตอบ “จะมีน้ำมันที่ไหนกันล่ะ พรุ่งนี้ฉันยังตั้งใจจะไปขุดรากเก๋อเกินมาทำแป้งเลย”
“ลูกของฉันต้องไปเรียนหนังสือ จะได้เอาแป้งเก๋อเกินผัดไปกินด้วย”
เย่จื้อเฉียงพยักหน้า “ก็ดีนะ ทำแป้งเก๋อเกินไม่ต้องใช้น้ำมัน แถมยังอิ่มท้องด้วย”
เขาคิดในใจว่าครอบครัวนี้คงจนจนเสียสติไปแล้วจริง ๆ
“พูดตามตรงนะ พวกเธอทำผิดพลาดมาก ๆ”
“สภาพครอบครัวแบบนี้ ข้าวยังไม่มีจะกินเลย ยังจะส่งลูกไปเรียนหนังสืออีก”
“แค่ค่าเล่าเรียนแปดหยวนนี่ ก็ต้องรวบรวมเงินจากที่โน่นที่นี่มาจ่ายใช่ไหมล่ะ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเห็นเขาดูถูกแบบนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ของมีค่าไม่ควรอวด หล่อนไม่อยากโอ้อวดหรอก
เย่จื้อเฉียงเห็นเย่หวายเข้ามาในบ้าน ก็สั่งสอนอีก “เสี่ยวหวาย นายนี่ช่างไม่รู้ความจริง ๆ”
“อยู่บ้านช่วยงานยังจะดีกว่า เรียนหนังสือไปมีประโยชน์อะไร?”
“เรียนจบมัธยมต้นแล้วก็ไม่มีปัญญาเรียนต่อมัธยมปลาย สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำนาอยู่ดี ไม่ใช่เหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นรีบพูดขึ้นว่า “พี่ชายจะสอบเข้าโรงเรียนที่รัฐบาลออกค่าใช้จ่ายให้!”
“หึ อวดเก่ง แม้แต่เหวินชางยังทำไม่ได้ แล้วเย่หวายจะทำได้ยังไง?” เขากลอกตาขึ้นบนแล้วเดินจากไป
พอถึงวันรุ่งขึ้น
แต่เช้าตรู่ เย่หวายก็ออกจากบ้านไปอ่านหนังสือแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยพาเย่เสี่ยวจิ่นไปที่ภูเขา
บนเนินเขาริมทางเดินเล็ก ๆ มีเถาวัลย์เก๋อเกินแห้งอยู่มากมาย ใบไม้เหลืองแห้งดูรกรุงรัง
ทางเดินไม่สะดวก เข้าไปไม่ได้
“จิ่นเป่า นั่งอยู่ตรงนี้นะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยตบหัวเย่เสี่ยวจิ่นเบา ๆ แล้วถือเคียวตัดหญ้าเบา ๆ ของบ้านเข้าไปเอง
เย่จื้อผิงเห็นหล่อนออกจากบ้าน จึงยืนกรานให้หล่อนเอาเคียวเล่มนี้ไปด้วย
หล่อนชั่งน้ำหนักดูแล้วพึมพำว่า “เคียวเล่มนี้เล็กจังเลย จะตัดเก๋อเกินได้ยังไงกันนะ?”
ต้นเก๋อเกินขนาดใหญ่มีรากและลำต้นใหญ่โตเหมือนต้นไม้
มันไม่ใช่สิ่งที่จะตัดลงมาได้ง่าย ๆ
หล่อนยังคงถือจอบซึ่งเป็นเครื่องมือทำงานเบา ๆ ติดตัวมาด้วย
เมื่อหล่อนเข้าไปดูขนาดของรากเก๋อเกินอย่างชัดเจน หล่อนรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “จิ่นเป่า พ่อของลูกให้แม่เอาเครื่องมือเล็ก ๆ แบบนี้มา ตอนนี้คงขุดออกมาไม่ได้แล้วล่ะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มแย้ม “แม่ เครื่องมือนี้ใช้ง่ายมากเลยนะ ไม่เชื่อลองดูสิ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยใช้มีดฟันกิ่งก้านของรากเก๋อเกินเบา ๆ ปลายมีดคมกริบ
หล่อนแทบไม่ต้องออกแรงมากก็ตัดได้แล้ว
“โอ้โห มีดนี่ใช้ดีจริง ๆ!”
เย่เสี่ยวจิ่นคาดการณ์ปฏิกิริยาของแม่ไว้แล้ว
เธอมองไปรอบ ๆ ป่าเขา พบว่าบริเวณที่หันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์และพื้นที่ราบเรียบถูกบุกเบิกไปแล้ว มีการปลูกมันแกวไว้มากมาย
ดูเหมือนเพิ่งจะปลูกไปไม่นาน
พื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นที่ดินของหมู่บ้าน
เธอครุ่นคิด “แล้วที่ดินข้าง ๆ ที่ไม่มีใครปลูกพวกนั้น หนูจะเอามาปลูกเองได้ไหมนะ?”
ในพื้นที่ของเธอยังมีเมล็ดมันแกวอยู่ตั้ง 1,000 เมล็ด
มันแกวมีความทนทานสูง และผลของมันก็มีรสชาติดีมาก ทั้งหวานและเหนียวนุ่ม
ตรงกันข้ามกับมันแกวที่ปลูกที่บ้านที่เธอกินเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งรสชาติไม่ดี บางหัวยังมีรสฝาด
“แม่คะ หนูขอเปิดหน้าดินตรงนี้เพื่อปลูกมันแกวได้ไหมคะ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยถือรากเก๋อเกินขนาดใหญ่ออกมา “ตรงนี้เหรอ? ไม่ได้หรอก”
“ดูสิ ตรงนี้มีแต่ทรายกับหิน ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น”
“แต่ก่อนหมู่บ้านเคยปลูกมันแกวที่นี่ แต่ได้ผลผลิตแย่มาก”
เย่เสี่ยวจิ่นดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ดังนั้นเราสามารถปลูกได้ใช่ไหม?”
แม้ว่าพืชอื่น ๆ จะปลูกไม่ได้ผลดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะไม่เหมาะสำหรับการปลูกมันแกวนี่นา!
[1] เก๋อเกิน (葛根) เป็นสมุนไพรจีน มีสรรพคุณลดอาการปวดต้นคอ ลดความดัน ช่วยขยายหลอดเลือด ดับกระหาย แก้ท้องเสีย ลดไขมัน ลดเบาหวาน แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยให้ความจำดี เป็นต้น