ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 56 การสุ่มรางวัลระดับต่ำห้าครั้ง (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 56 การสุ่มรางวัลระดับต่ำห้าครั้ง (รีไรต์)
บทที่ 56 การสุ่มรางวัลระดับต่ำห้าครั้ง (รีไรต์)
บทที่ 56 การสุ่มรางวัลระดับต่ำห้าครั้ง (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังยุ่งอยู่กับการล้างจาน
เย่หวายรับหน้าที่พาเย่เสี่ยวจิ่นไปวางลอบดักปลา
โจวเหวินรุ่ยมาเห็นเย่เสี่ยวจิ่นกำลังเหม่อลอย “จิ่นเป่า…”
“ไปกันเถอะ ฉันจะพานายไปวางลอบดักปลา” เย่หวายกลัวว่าเขาจะรบกวนความคิดของน้องสาว จึงรีบพาเขาออกไป
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูยามพลบค่ำที่กำลังย่างกรายมา นั่งเหม่อลอยอยู่บนธรณีประตู
ภารกิจแรงงานอันทรงเกียรติครั้งที่แล้วยังทำไม่สำเร็จ คราวนี้ก็มีภารกิจผู้นำน้อยอีกแล้ว
และโดยไม่รู้ตัว เธอก็สะสมโอกาสในการสุ่มรางวัลได้ถึง 7 ครั้งแล้ว
“ช่างเถอะ สุ่มรางวัลก่อนดีกว่า!”
เย่เสี่ยวจิ่นเปิดหน้าระบบขึ้นมา
ครั้งที่แล้วเธอโชคดีมากที่ได้สุ่มห้าครั้งติด
คราวนี้เธอไม่กล้าคาดหวังอะไรอีกแล้ว
“ลองสุ่มเดี่ยวสองครั้งก่อน แล้วค่อยสุ่มห้าครั้งติด”
เย่เสี่ยวจิ่นถูมือเบา ๆ แล้วกดปุ่มสุ่มเดี่ยวบนหน้าจอหนึ่งครั้ง
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B ข้าวคุณภาพดี 100 จิน!]
ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอจึงสุ่มอีกครั้ง
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B แป้งคุณภาพดี 50 จิน!]
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มออกมาทันที
พอดีเลย สองสามวันนี้พ่อกำลังกังวลเรื่องข้าวในบ้านอยู่พอดี
“รู้สึกว่าของที่ได้จากการสุ่มเดี่ยวนี่ ดูเหมือนจะดีกว่าสุ่มห้าครั้งติดเสียอีกนะ?”
“คราวนี้ไม่มีอะไรเป็นอาหารไก่เลยนะ”
เธอคิดพลางคลิกสุ่มห้าครั้งติด
คงเป็นเพราะครั้งที่แล้วใช้โชคดีไปหมดแล้ว
ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่ได้อะไรดี ๆ เลย ทั้งหมดเป็นแสงสีฟ้า มีเพียงแสงสีแดงเส้นเดียว
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B เมล็ดพันธุ์แตงกวาคุณภาพดี 1,000 เมล็ด!]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B ชุดเครื่องเขียนครบเซ็ต 100 ชิ้น!]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B เมล็ดพันธุ์แครอทคุณภาพดี 1,000 เมล็ด!]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองคุณภาพดี 1,000 เมล็ด!]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B เมล็ดพันธุ์มันเทศคุณภาพดี 1,000 เมล็ด!]
[โชคเข้าข้าง! ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับสูงกว่า A ระบบรดน้ำหนึ่งชุด!]
เย่เสี่ยวจิ่นยกมือขึ้นปิดหน้า “เครื่องกรองน้ำครั้งที่แล้วยังไม่ได้ใช้เลย แล้วนี่มาอีกเครื่องหนึ่งแล้ว เครื่องรดน้ำอีกแล้วเหรอ?]
เธอรีบนำข้าวสารและแป้งออกมาก่อน
“พ่อแม่คะ ท่านเซียนส่งของมาให้แล้วค่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเพิ่งล้างจานเสร็จ เดินเข้าไปดูในยุ้งฉาง พบว่าเป็นข้าวสารขาวสะอาด 100 จิน
ยังมีแป้งขาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ด้วย
หล่อนประหลาดใจมาก “ท่านเซียนรู้ว่าข้าวของเราใกล้จะหมดแล้ว เลยตั้งใจมาส่งให้เราเหรอ?”
เย่จื้อผิงมองข้าวสารเม็ดใหญ่สีขาว ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ข้าวสารนี่ดีจังเลย แต่ละเม็ดยาว ๆ ดูสิ…”
“เหมือนหล่อออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลย สวยจัง”
“ทำไมถึงมีข้าวดีขนาดนี้ได้ นี่มันพันธุ์อะไรกันนะ?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่เข้าใจ “ข้าวของพวกเราเป็นเม็ดเล็ก ๆ แต่ก็สวยงามนะ”
“แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไง?”
“พรุ่งนี้เช้าพวกเราลองหุงดูสักหน่อย ก็จะรู้แล้ว” เย่จื้อผิงพูดพลางยิ้ม
สามีภรรยาดีใจกันใหญ่
ท้องฟ้ามืดแล้ว พวกเขาถือตะเกียงเหมืองมาดูกัน
เย่เสี่ยวจิ่นรู้ว่าท่านเซียนคงไม่สนใจพวกเขาหรอก
แต่ดูเหมือนระบบจะวิเคราะห์สถานการณ์ได้
“ฉลาดพอใช้ได้นี่”
เย่เสี่ยวจิ่นคิด พลางตรวจดูของในพื้นที่ระบบด้วย
เย่หวายเก็บลอบดักปลาไหลเรียบร้อยแล้วกลับมา เห็นพ่อแม่อยู่ในโรงเก็บของ
เขาก็เข้าไปดูด้วย “พ่อแม่ครับ กำลังดูอะไรกันอยู่เหรอ?”
“ชู่ เบา ๆ หน่อย…” หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบขยับให้ทาง มือที่แบออกมีข้าวสารขาว ๆ “ดูสิ ข้าวสาร”
“อย่าให้ใครเห็นนะ ข้าวสารดี ๆ แบบนี้”
เย่หวายหยิบขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ส่องดูใต้แสงไฟ “ว้าว…”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มพลางพูดว่า “พี่สาม อย่าดูเลย มานี่สิ ฉันมีของดีจะให้”
เย่หวายเดินไปหาน้องสาว
“จิ่นเป่า”
“พี่สาม ฉันมีของขวัญจะให้พี่” เย่เสี่ยวจิ่นยื่นมือจับแขนเขา เดินเข้าไปในห้อง
พอถึงห้องของเย่หวาย เธอให้ระบบนำเครื่องเขียนชุดหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะของเขา
พอเย่หวายเข้ามาในห้อง ก็พบว่ามีของวางอยู่บนโต๊ะเพิ่มขึ้นมา
เดิมทีที่นั่น มีเพียงหนังสือเก่าของเย่เหวินชางที่เขานำมาเท่านั้น
แต่ตอนนี้…
กลับมีสมุดใหม่เอี่ยมหลายเล่ม รวมทั้งปากกาและไส้ปากกาใหม่ ดินสอและยางลบก็มีครบครัน
“นี่…นี่ซื้อมาจากไหนกัน?”
เย่หวายมองดูของพวกนี้ ไม่กล้าแตะต้อง
“จิ่นเป่า นี่คงแพงมากสินะ? เธอซื้อมาจากร้านขายของชำเหรอ? พวกเราไปคืนกันเถอะ”
“ใช้เงินมากมายซื้อของพวกนี้ ยังไม่ดีเท่าซื้อยาแก้ไอให้เธอเลย”
เขาพูดพลางจะหยิบของทั้งหมดขึ้นมา
“อย่านะ ทั้งหมดนี้เทพเซียนให้มานะ ฉันยังใช้ไม่หมดเลย…”
“อีกอย่าง เทพเซียนให้มาเยอะแยะเลย พี่ช่วยฉันใช้สักหน่อยสิ”
เย่เสี่ยวจิ่นกดมือของเขาไว้ ดวงตาเป็นประกายยิ้ม “พี่ชาย ปกติพี่ก็ต้องเขียนหนังสือและเรียนให้มากๆ นะ”
เย่หวายขมวดคิ้ว “ฉันไม่จำเป็นต้องใช้หรอก”
เย่เสี่ยวจิ่นร้องอุทาน “แน่นอนว่าต้องใช้สิ ใกล้เปิดเทอมแล้วนะ!”
“พี่ไม่ต้องไปทำงานอีกแล้ว เรียนจบมัธยมต้นก่อนค่อยว่ากันนะ”
“ตอนนี้พี่เรียนมัธยมต้น 2 ปี แล้วก็เรียนมัธยมปลายอีก 2 ปี…”
สิ่งที่เธอไม่ได้พูดคือ หลังจากนั้นก็จะสามารถรอให้มีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้!
เย่หวายมองดวงตาเป็นประกายของเย่เสี่ยวจิ่น แล้วถอนหายใจ “รอให้จิ่นเป่าโตกว่านี้หน่อย เธอก็จะได้ไปเรียนหนังสือแล้ว”
“พี่ชายอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยและเย่จื้อผิงเข้ามาในห้อง
ได้ยินบทสนทนาของพี่น้องทั้งสอง
เย่จื้อผิงเดินเข้ามาโดยใช้ไม้เท้าพยุงตัว มือถือตะเกียงเหมืองที่ส่องสว่างทั่วห้อง
“เสี่ยวไหว พรุ่งนี้กับมะรืนนี้เป็นวันรับสมัครเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น”
“เหวินชางก็ไปเรียนมัธยมปลายในเมืองแล้ว ลูกชายคนที่สองของบ้านเขาก็ไปเรียนตัดผมในเมืองเหมือนกัน”
“ครอบครัวเราไม่ควรให้ทุกคนเป็นแรงงานทั้งหมด”
เขาโบกมือ “พรุ่งนี้เช้าตื่นแต่เช้า ให้แม่พาไปสมัครเรียนที่อำเภอ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเห็นสามีตัดสินใจแล้ว เธอยิ้มน้อย ๆ ความรู้สึกผิดในใจเบาบางลงไปบ้าง
“เสี่ยวหวาย งั้นลูกก็รีบไปนอนเถอะ”
“อย่าทำให้พลาดการสมัครล่ะ”
เย่หวายขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “พ่อแม่เข้าใจผิดแล้ว อาการป่วยของจิ่นเป่า…”
เย่จื้อผิงพูดอย่างจริงจัง “โรคของจิ่นเป่าต้องรักษา แต่ต้องหาเงินก้อนใหญ่ไปรักษาในเมืองใหญ่!”
“ลูกคิดว่าทำงานในทุ่งนาทั้งปี จะหาเงินได้มากแค่ไหน?”
“อย่าทำให้ความตั้งใจของจิ่นเป่าต้องสูญเปล่า ในอนาคตเมื่อลูกมีความรู้แล้ว ค่อยตอบแทนน้องสาวของลูก”
เย่เสี่ยวจิ่นรีบพูดว่า “ใช่แล้วพี่สาม การเรียนหนังสือเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้”
“อีก 20 กว่าปี เมื่อพี่เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก พี่จะต้องเสียใจแน่นอน”
เย่หวายขยับริมฝีปากเบา ๆ “ครอบครัวของเราจะมีเงินส่งผมเรียนหนังสือได้ยังไง?”
“แต่ก่อนค่าเล่าเรียนประถมสามหยวน ตอนนี้ค่าเล่าเรียนมัธยมต้นเทอมละแปดหยวน…”
“เรียนสองปี ต้องใช้เงินสามสิบสองหยวน…”
เขาอยากเรียนหนังสือ แต่ก็รู้ว่าครอบครัวยากจนข้นแค้น
คงต้องใช้เงินทั้งหมดที่มี ก็ยังไม่พอ…
เขาชอบเรียน แต่ไม่เคยพูดออกมา
เป็นเพราะไม่อยากให้พ่อแม่ลำบากใจ
เย่จื้อผิงยิ้ม มองหลี่ชุ่ยชุ่ย “เธอไม่ได้บอกลูกเลยเหรอว่าเราขายฝ้ายได้เงินเท่าไหร่?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยแค่นเสียง “คุณก็ไม่ได้บอกเหมือนกันนี่”
ตอนนี้ครอบครัวของพวกเขามีเงินอยู่กว่า 120 หยวน
ไม่จำเป็นต้องให้ลูกลำบากขนาดนี้แล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยคิด แล้วตบไหล่เย่หวาย “เด็กตัวเล็กแค่นี้ จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตขุดดินหากินเลยเหรอ?”
“แค่อายุ 13 เอง กำลังเป็นช่วงที่สมองปราดเปรื่อง ตั้งใจเรียนกับครูให้ดีนะ”
“แม่…” น้ำตาเย่หวายเอ่อคลอ
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้ม “พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าล่ะ”