ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 53 กรรมตามสนองของลู่เฟิง (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 53 กรรมตามสนองของลู่เฟิง (รีไรต์)
บทที่ 53 กรรมตามสนองของลู่เฟิง (รีไรต์)
บทที่ 53 กรรมตามสนองของลู่เฟิง (รีไรต์)
สองสามวันนี้มีเรื่องมากมายเหลือเกิน
หลี่ชุ่ยชุ่ยจัดบ้านเสร็จแล้ว รอจนฟ้ามืดไม่มีใครเห็น
หล่อนนำน้ำมันสองถังไปที่บ้านของหยางเจวียน
ที่บ้านของหยางเจวียน ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงรอบโต๊ะอาหารแกะเมล็ดแตงโมกันอยู่
เทียนถูกจุดส่องสว่าง
ทอดเงายาวเป็นทาง ๆ
สีหน้าของหยางเจวียนแสดงความหวาดกลัว “ฉันได้ยินมาว่าน้ำมันนั่นถ้ากินเข้าไปจะทำให้คนอาเจียนและท้องเสีย น่ากลัวจัง”
“ใครจะรู้ว่ามันทำมาจากอะไร อาจจะเป็นอย่างที่ทุกคนพูดกันก็ได้…”
“มันคือน้ำมันที่คนในเมืองใช้แล้ว เทรวมลงในถังหมักเศษอาหาร แล้วก็ตักขึ้นมาขายอีกทีนั่นแหละ”
หยางฟู่กุ้ยรู้สึกขยะแขยง “โชคดีที่พวกเราไม่ได้ซื้อ”
“ไม่งั้นเงินพวกนี้คงต้องสูญเปล่าไปหมด”
หยางลี่ลี่ได้ยินเสียงเคาะประตู
เธอกระโดดโลดเต้นไปเปิดประตู
“ป้าชุ่ย”
หยางเจวียนเห็นหลี่ชุ่ยชุ่ยมาแล้ว “ชุ่ยชุ่ย เธอมาตอนนี้ทำไมล่ะ?”
“ฉันมาส่งน้ำมันให้พวกเธอไงล่ะ ช่วงนี้มีเรื่องให้ทำเยอะมาก เลยล่าช้าไปหน่อย”
“ตอนกลางวันฉันก็กลัวคนอื่นจะเห็น”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วหยิบน้ำมันสองถังออกมาจากตะกร้าวางบนโต๊ะของพวกเขา
“พวกเธอลองดูสิ น้ำมันนี้ใช้ผัดอาหารหอมมากเลยนะ”
หยางเจวียนรีบเปิดออกทันที กลิ่นหอมของถั่วลิสงก็แพร่กระจายไปทั่วห้อง
หยางลี่ลี่สูดดมกลิ่นอย่างแรง “หอมจังเลย! เป็นกลิ่นถั่วลิสงแน่ ๆ!”
หยางเจวียนหยิบเทียนมา แล้วเข้าไปดูใกล้ ๆ
ทั้งสามต่างตกตะลึง
“ทำไมน้ำมันนี้ถึงได้ใสขนาดนี้?” หยางฟู่กุ้ยยื่นมือไปจิ้มแล้วเอามาชิมที่ลิ้น “รสชาติดีจัง! ดีจริง ๆ เลย!”
“ถังสองใบนี้เต็มหมดเลย คงไม่ต่ำกว่า 30 จินแน่ ๆ”
“น่าจะประมาณ 33 จินนะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยเห็นพวกเขาชอบ รอยยิ้มก็ลึกขึ้นอีกหลายส่วน
หยางเจวียนอดไม่ได้ที่จะชม “โอ้! เงินไม่กี่หยวนนี้คุ้มค่าจริง ๆ”
“ชุ่ยชุ่ย ฉันไม่รู้จะขอบคุณเธอยังไงดีแล้ว”
“พูดตามตรงนะ… วันนี้พอเห็นน้ำมันที่บ้านจ้าวหลินหลิน ฉันก็เริ่มกังวลกับของเราขึ้นมาหน่อย ๆ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยโบกมือ “ฉันควรจะเอามาให้เร็วกว่านี้”
“ก็เพราะลูกชายของฉันกลับมา เลยทำให้ล่าช้าไป”
หยางเจวียนกอดของขวัญแน่น ได้กลิ่นหอมนี้แล้วหล่อนก็นึกภาพออกเลยว่าน้ำมันนี้จะใช้ผัดอาหารได้อร่อยแค่ไหน
“ไม่แปลกใจเลยที่เธอบอกว่าอย่าให้ใครรู้ ของดีขนาดนี้ ฉันจะไม่ยอมให้ใครรู้เด็ดขาด!”
ทุกคนหัวเราะครื้นเครง
หลี่ชุ่ยชุ่ยส่งของเสร็จแล้วก็กลับไป
หยางฟู่กุ้ยถอนหายใจ “ก็เพราะปกติเธอดีกับชุ่ยชุ่ย ชุ่ยชุ่ยถึงได้นึกถึงเราตอนมีของดีแบบนี้ไง”
“คราวที่แล้วตอนหัวหน้าเซี่ยวมาให้เซ็นชื่อ ฉันคิดจะเซ็นสักหน่อยเพื่อไม่ให้เขาโกรธ”
“แต่ที่เธอทำนั่นแหละถูกต้องแล้ว คนเราต้องมีความเมตตาบ้าง”
หยางเจวียนก็ถอนหายใจอย่างเห็นใจ “จริงไหมล่ะ? ชุ่ยชุ่ยเป็นคนดีมากนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นไปวางลอบดักปลาอีกครั้ง
โจวเหวินรุ่ยก็ไปเล่นด้วยกันกับเธอในช่วงไม่กี่วันนี้
พอฟ้ามืด โจวเซียวก็มารับคน
เย่จื้อผิงนั่งอยู่ข้างเตาผิง “จิ่นเป่า มาดูนี่หน่อย”
“ดูอะไรเหรอคะ?” เย่เสี่ยวจิ่นเข้าไปดูใกล้ ๆ พบว่าเป็นเมล็ดบวบที่เธอเคยปลูกไว้ก่อนหน้านี้ งอกออกมาหมดแล้ว
เมล็ดทุกเมล็ดมีหน่อสีขาวงอกออกมา
“งั้นพรุ่งนี้เราก็ปลูกได้แล้วสิคะ”
“ใช่ งั้นจิ่นเป่าไปนอนเร็ว ๆ หน่อยนะ พรุ่งนี้เช้าเราจะปลูกบวบกัน”
หลังจากฟ้าสาง
เย่เสี่ยวจิ่นตามเย่จื้อผิงไปที่แปลงบวบหลังบ้าน
เย่จื้อผิงเหลาไม้ไผ่เป็นไม้เสียบสองอัน แล้วส่งให้เย่เสี่ยวจิ่นหนึ่งอัน
เขาใช้ไม้ไผ่ขุดหลุมเล็ก ๆ แล้วเสียบเมล็ดลงไป โดยให้ยอดอ่อนสีขาวชี้ลง
เย่เสี่ยวจิ่นก็ทำตามเช่นกัน แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องลงบนพื้นดิน
ตอนนี้พื้นดินยังโล่งเตียน
แต่เย่เสี่ยวจิ่นรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะเห็นเมล็ดเล็ก ๆ นี้เติบโตเป็นบวบขนาดใหญ่เท่าราวแขวน
เมื่อเย่เสี่ยวจิ่นทำงานเสร็จ เธอก็ไปดูสตรอว์เบอร์รีและต้นท้อของตัวเอง
ใบของต้นท้อเขียวขจีแล้ว
สตรอว์เบอร์รีทั้ง 50 ต้นออกดอกตูมกันหมด ดอกสีขาวดูอ่อนช้อยงดงามยิ่งนักในแสงอรุณรุ่ง
“ดีแล้ว อีกไม่นานก็จะได้กินสตรอว์เบอร์รีแล้ว”
เธอลูบคาง “คราวที่แล้วขายฝ้ายได้เงิน 96 หยวน”
“ตอนนี้ที่บ้านมีเงินรวมทั้งหมด…121 หยวน”
“อีกสองวันก็จะเปิดเทอมมัธยมต้นแล้ว”
เย่จื้อผิงชินกับการที่ลูกสาวสุดที่รักพึมพำแล้ว
เขายิ้มอย่างเอ็นดู “วันนี้จิ่นเป่าจะไปฟาร์มไก่อีกไหม?”
“ไปแน่นอนค่ะ มีค่าแรงตั้ง 10 คะแนน”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดจบก็หยิบถุงเล็ก ๆ ที่ใส่ลูกอมและไข่ไก่แล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไป
เธอสามารถไปสายหน่อยได้ เพราะเธอเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคนิคนี่นา!
เย่เสี่ยวจิ่นเดินผ่านบ้านของจ้าวหลินหลิน
เธอพบว่ามีคนมากมายกำลังทุบประตูอีกแล้ว
เธอส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ช่างน่าสงสารจริง ๆ”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงของเธอกลับไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว พวกคนชั่วที่รังแกพ่อแม่ของเธอ เธอไม่อยากเห็นใจพวกเขาหรอก
หึ!
จ้าวหลินหลินซ่อนตัวอยู่ในบ้าน
โครม!
โครม!
โครม!
ประตูถูกเตะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วันนี้คนที่มา ทุกคนนำน้ำมันมาด้วย แถมยังถือไม้มา ดูท่าทางดุดันน่ากลัว
หลี่ผิงรู้สึกหวาดหวั่น เดินตามสามีมา “พี่ต้าเฉียง อย่าทำให้เกิดเรื่องถึงตายนะ”
ซูต้าเฉียงมีหรือจะกลัว “ถ้าพวกนั้นไม่คืนเงินค่าน้ำมัน ฉันก็จะเอาน้ำมันนี่แหละมาจุดไฟเผาบ้านมัน”
จ้าวหลินหลินเปิดประตูออกมาด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’
เธอมองดูคนที่ถือไม้ถือมืออยู่ข้างนอก
เธอร้องไห้ไม่หยุด “พวกคุณอย่าใจร้อนนะ สามีฉันไปตามหาไอ้หมอนั่นในเมืองแล้ว”
“ฉันจะคืนเงินค่าน้ำมันให้พวกคุณ อย่าทำร้ายฉันนะ…”
“ฉันมีเงินแค่นี้ คืนไม่หมดหรอก ฉันเขียนใบรับรองหนี้ให้ได้ไหม?”
“ลู่เฟิงสามีฉันเป็นหัวหน้าทีม เขาจะไม่ทำให้พวกคุณเสียเปรียบแน่นอน”
จ้าวหลินหลินหน้าตาสวยงาม แม้แต่ตอนร้องไห้ก็ยังดูงดงามราวกับดอกท้อร่วงโรยอาบน้ำค้าง
แต่ทุกคนไม่ได้รู้สึกสงสารเธอเลย
พวกเขารู้สึกแค่ว่าเธอน่ารังเกียจ
ซูต้าเฉียงเป็นคนแรก
จ้าวหลินหลินเทน้ำมันของเขาลงในถังน้ำมัน แล้วคืนเงินให้
ถ้าไม่ส่งตัวคนที่นำโชคร้ายคนนี้ไป เธออาจจะตายจริง ๆ…
ในทันใด ไม่เพียงแต่กำไรที่หามาได้หายไปหมด
แม้แต่เงินทุนของตัวเองก็ต้องเอามาชดใช้
แหวนทองที่ใช้แต่งงานก็ต้องเอาออกไปขาย
หลายวันผ่านไป
จ้าวหลินหลินได้ขายของทุกอย่างในบ้านที่พอจะขายได้ไปแล้ว
แต่ก็ยังมีหนี้สินอีกมากมายที่ไม่สามารถชดใช้ได้
หล่อนร้องไห้ทุกวันจนตาบวม
ไม่เหลือท่าทางยโสโอหังเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยอุ้มเย่เสี่ยวจิ่นกลับบ้าน มองเห็นหล่อนร้องไห้แต่ไกลก็รู้สึกสลดใจยิ่งนัก
สองวันผ่านไป
ลู่เฟิงที่ไปขอเงินในเมืองก็กลับมาแล้ว
แต่กลับถูกคนหามกลับมา
หลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังกินข้าวอยู่ หยางเจวียนวิ่งมาที่บ้านของหล่อน ตั้งใจมาบอกหล่อนโดยเฉพาะ
“เธอไม่รู้หรอก ลู่เฟิงคนนั้นไปหาพ่อค้าคนกลางมาน่ะ”
“โหดมากเลย รู้จักพวกนักเลงสังคมด้วยนะ”
“ลู่เฟิงไปหา แล้วก็โดนคนเยอะแยะรุมทำร้ายเลย”
“คนที่ไปด้วยกัน ไม่มีใครกล้าช่วยเหลือเขา”
“ถึงอย่างไรถ้าตัวเองบาดเจ็บ ลู่เฟิงก็เป็นคนที่หน้าไหว้หลังหลอกไม่ยอมรับรู้ใครหรอก”
หยางเจวียนพูดอย่างออกรสออกชาติ สุดท้ายก็ถ่มน้ำลายแล้วพูดว่า “สมน้ำหน้าไหมล่ะ?”
“ตอนนั้นจื้อผิงของบ้านเธอ ถูกทำให้เสียหายมากแค่ไหน”
เย่จื้อผิงฟังแล้วรู้สึกเหน็บแนมในใจ
ลู่เฟิงเคยบอกว่า ให้เขายอมรับชะตากรรม
ตอนนี้เจอเรื่อง ก็ไม่มีใครกล้าช่วยเขาจริง ๆ
เย่เสี่ยวจิ่นเอามือประคองแก้ม “พวกเขาน่าสงสารขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นพวกเราต้องไปดูหน่อยนะคะ”
“ถึงยังไงตอนที่ขาพ่อบาดเจ็บ พวกเขายังให้ข้าวฟ่างมาช่วยเลย”
หยางเจวียนลูบหัวเย่เสี่ยวจิ่นเบา ๆ “ยัยเด็กแสบ เธอแค่อยากไปดูเรื่องสนุก ๆ ใช่ไหมล่ะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นย่นจมูกแล้วยิ้มซุกซนตอบ