ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 26 ไร้ยางอาย (รีไรต์)
บทที่ 26 ไร้ยางอาย (รีไรต์)
บทที่ 26 ไร้ยางอาย (รีไรต์)
“แม่พูดอะไรน่ะ” เย่จื้อผิงขมวดคิ้ว เขาทำท่าปกป้องเย่เสี่ยวจิ่นโดยไม่รู้ตัว
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็รู้สึกไม่ดี หล่อนยังไม่กล้าบอกสามีเรื่องที่เย่เสี่ยวจิ่นถูกทิ้งไว้บนเขาตอนที่ยังไม่รู้สึกตัว
หล่อนเกรงว่าเย่จื้อผิงจะลากสังขารที่บาดเจ็บไปทะเลาะกับคนในครอบครัว
ถ้าเป็นแบบนั้น คนที่แย่ที่สุดก็คือเขาเอง
หลิวต้าเม่ยขมวดคิ้ว “ฉันก็เป็นห่วงแกนะ จื้อผิง ตั้งแต่เด็กแกเป็นเด็กดีมาตลอด”
“แกเริ่มทำงานกับพ่อตั้งแต่อายุห้าขวบ หาเงินช่วยพี่ชายแต่งงานตลอด”
“ฉันสงสารแก จื้อผิง!”
หลิวต้าเม่ยกุมหน้าอก “เห็นแกผอมแบบนี้ ฉันนอนไม่หลับเลย รู้สึกแย่ไปหมด”
เย่จื้อผิงพูดเสียงอ่อนลง “แม่ อย่ามาว่าลูกสาวผมเลย”
“ผมรู้ว่าแม่ชอบลูกชายมากกว่า แต่ผมน่ะชอบลูกสาวมากกว่า”
“จื้อผิง แกมันโง่ไปแล้ว” หลิวต้าเม่ยดึงแขนเย่จื้อผิงพร้อมพูดด้วยความหวังดี “ฉันไปดูดวงกับแม่หมอตาบอดมา หล่อนบอกว่าเด็กคนนี้จะทำให้แกตกต่ำ”
“ลูกสาวโตไปก็ต้องแต่งออกเรือน ไม่มีประโยชน์หรอก”
“อย่าทำร้ายตัวเองเลย”
เย่จื้อผิงโมโหจึงตบโต๊ะเสียงดัง “พอได้แล้ว!”
“แม่งมงายเกินไป จิ่นเป่าเป็นลูกสาวผม ถ้าผมจะตกต่ำเพราะหล่อนผมก็ยอม”
“ผมไม่สน เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”
หลิวต้าเม่ยถอนหายใจ นางจ้องเขม็งไปที่หลี่ชุ่ยชุ่ยอย่างเคียดแค้น
“ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ ดันให้กำเนิดตัวซวยขึ้นมา!”
เย่เสี่ยวจิ่นเดินออกมาจากด้านหลังของเย่จื้อผิง
เธอจ้องมองหลิวต้าเม่ยตรง ๆ “คุณย่า คุณย่ารักพ่อจังเลย”
“พ่อบาดเจ็บหนักมากเลยนะ”
“หนูได้ยินมาว่า กินไก่สาวเลี้ยงจะช่วยบำรุงร่างกาย คุณย่า คุณย่าหาไก่สาวเลี้ยงมาให้พ่อกินได้ไหมคะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยสังเกตเห็นหลิวต้าเม่ยมาตัวเปล่าตั้งนานแล้ว
ในใจก็ได้แต่เงียบ ๆ ปลงกับพฤติกรรมแบบนี้ของหลิวต้าเม่ยอีกครั้ง
หลิวต้าเม่ยพูดไม่ออก
นางถอนหายใจด้วยท่าทางเสแสร้ง “จิ่นเป่า ถ้าย่ามี ย่าให้พวกแกไปแล้ว”
“พ่อแกบาดเจ็บแบบนี้ ใจคอย่าก็เป็นห่วงแทบแย่”
เย่เสี่ยวจิ่นจับมือที่หยาบกร้านของหลิวต้าเม่ย ดวงตาจ้องมองด้วยแววตาจริงจัง “คุณย่า คุณย่าต้องหาวิธีเอาไก่สาวเลี้ยงมาให้ได้นะ ให้พ่อกินบำรุงร่างกาย”
“ถ้ามีไก่สาวเลี้ยง พ่อจะหายเร็ว ๆ คุณย่าก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ไม่งั้นคุณย่าก็ให้เงินพ่อไปเลยสิคะ พ่อจะได้เอาไปซื้อแม่ไก่ตัวโต ๆ มากิน” เย่เสี่ยวจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู แต่แฝงไปด้วยความจริงใจ
ใครได้ยินก็คงคิดว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดู
หลิวต้าเม่ยขบกรามแน่น แทบอยากจะตบปากเด็กคนนี้สักที
ไม่รู้ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน กล้าดีอย่างไรมาขอของของคนอื่น
หน้าด้านยิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก!
นางชักมือกลับ “เอาละ จิ่นเป่า พอแล้ว”
“จื้อผิง ฉันมาหาแกวันนี้มีเรื่องจะขอร้องหน่อย”
เย่เสี่ยวจิ่นขมวดคิ้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยเองก็หน้าตึง เริ่มสงสัยว่าหลิวต้าเม่ยมาดีหรือร้ายกันแน่
“เอ่อ…” หลิวต้าเม่ยยิ้มแห้ง ๆ “หลานชายแกน่ะ กำลังเรียนมัธยม ไม่มีเสื้อผ้าใส่”
“บ้านแกปลูกฝ้ายตั้งเยอะแยะ ทำไมหลี่ชุ่ยชุ่ยถึงไม่แบ่งให้พวกเราบ้าง”
“ฉันถึงได้มาถามแกยังไงล่ะ ว่าพอจะให้ฝ้ายสัก 20 ชั่งได้ไหม มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย”
“รอวันหลังเหวินชางเรียนจบมีงานทำ เขาต้องตอบแทนพวกแกแน่ ๆ…”
หลิวต้าเม่ยพูดทั้งต่อว่าหลี่ชุ่ยชุ่ย แถมยังพูดขอของแบบไม่คิดจะใช้คืน
เย่เสี่ยวจิ่นถึงกับทึ่งในความหน้าหนาของหลิวต้าเม่ย
ดูท่าแล้ว เธอคงสู้ความหน้าหนาของหลี่ต้าเม่ยไม่ได้จริง ๆ
เย่จื้อผิงขมวดคิ้วอย่างลังเลใจ
ตลอดมาเขาเป็นคนที่เชื่อฟังพ่อแม่ แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกไม่พอใจก็ตาม
แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น ชุ่ยชุ่ยก็พูดออกมาแล้วว่า มีแค่ 15 ชั่ง…
เขาจึงลังเลใจว่าจะให้ 15 ชั่งดีหรือไม่
หลี่ชุ่ยชุ่ยถึงกับชะงัก หล่อนอยากจะห้ามเย่เสี่ยวจิ่นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
หล่อนเสียใจแทบขาดใจ เพราะตั้งใจจะเก็บฝ้ายก้อนนี้ไว้ให้เย่เสี่ยวจิ่นทำผ้าห่ม
“จิ่นเป่า…”
“อะไรเหรอ หลี่ชุ่ยชุ่ย เธอไม่เห็นด้วยรึไง ก็ในเมื่อลูกสาวเธอยอมตกลงไปแล้ว”
หลิวต้าเม่ยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เย่เสี่ยวจิ่นพูดแบบนั้นออกมา
วันนี้นางต้องได้ฝ้ายก้อนนี้ไปแน่ ๆ
“หรือว่าแกคิดว่าเหวินชางไม่คู่ควรกับฝ้ายบ้านแก? แกไม่คิดว่าเขาเป็นคนในครอบครัวรึไง?”
“ไม่ใช่นะ…” หลี่ชุ่ยชุ่ยทำสีหน้าลำบากใจและรู้สึกเสียใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเอาฝ้ายออกมาสิ”
เย่จื้อผิงถอนหายใจ เขาเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธตั้งแต่แรก ตกลงไปแล้วก็คือตกลง
ยอมเสียเปรียบคือยอมได้กำไร
ในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดใจ
เย่เสี่ยวจิ่นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณย่าคะ คุณย่าเองก็รู้ว่า ฝ้ายของพวกเราเป็นฝ้ายคุณภาพดี”
“ในเมื่อคุณย่าเป็นย่าของหนู หนูก็จะคิดราคาตลาดให้”
“ก่อนหน้านี้ ลุงเซี่ยซื้อไป 15 ชั่งในราคาสิบสามหยวนห้าเหมา”
“คุณย่าให้หนูสิบสามหยวนก็พอ”
รอยยิ้มของหลิวต้าเม่ยแข็งค้างบนใบหน้า “แกมาขอเงินฉันเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นเอามือปิดปากอย่างประหลาดใจ “ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าหนูคิดเลขผิด?”
เธอแสร้งทำเป็นหนักใจ “โอ๊ย หนูยังเด็ก คิดเลขไม่เป็น…”
“งั้นพรุ่งนี้หนูไปถามผู้ใหญ่บ้านกับลุงเซี่ยดีกว่า ว่าควรจะคิดเงินยังไง”
“ใครสอนให้ทำแบบนี้?!”
เย่เสี่ยวจิ่นมองพ่ออย่างรู้สึกน้อยใจ “พ่อ จิ่นเป่าคิดผิดเหรอ?”
“ถ้าขายฝ้ายได้ ก็จะซื้อแม่ไก่ให้พ่อได้หลายตัวเลย”
“พ่อจะได้หายเร็ว ๆ”
เย่จื้อผิงมองลูกสาวที่รู้ความแบบนั้น
ความรู้สึกเปรี้ยวขมกัดกร่อนหัวใจของเขา
แววตาอึดอัดใจของเขาหายวับไปในพริบตา “จิ่นเป่า ลูกพูดถูกแล้ว”
“ไม่ผิดแม้แต่น้อย”
เขาไม่ใช่คนโง่ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเห็นความแตกต่างในการปฏิบัติต่อเขากับพี่ชายอย่างชัดเจน
ครั้งนี้ ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!
“แม่ ถ้าพี่ใหญ่ต้องการฝ้าย ก็ให้เขาควักเงินมาซื้อสิ”
“ถ้าฝ้ายของพวกเราแพง ก็ไปซื้อที่ร้านสหกรณ์เอา”
หลี่ชุ่ยชุ่ยเม้มริมฝีปาก หล่อนไม่คิดเลยว่าสามีจะกล้าปฏิเสธหลิวต้าเม่ย
ในใจหล่อนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น บอกไม่ถูก เป็นทั้งความปวดร้าวและความยินดีปะปนกันไป
ในที่สุด วันเวลาที่ถูกสูบเลือดสูบเนื้อแบบนี้ก็จบลงเสียที
หล่อนแค่อยากจะเห็นแก่ตัว คิดถึงลูกของหล่อนให้มากพอ นั่นก็เพียงพอแล้ว
หลิวต้าเม่ยรู้สึกเหมือนกินแมลงเข้าไปทั้งตัว มือสั่นเทา ชี้นิ้วไปที่เย่เสี่ยวจิ่น
“ฉันบอกแล้วว่าเย่เสี่ยวจิ่นน่ะมันตัวอันตราย จื้อผิง แกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”
“แกโดนปีศาจตนนี้หลอกได้ยังไง แกทำให้แม่เสียใจมากเลยรู้ไหม”
หลิวต้าเม่ยคร่ำครวญ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น “ฉันไม่เคยทำอะไรให้พวกแกต้องน้อยใจเลย พวกแกกำลังจะทำให้ฉันตายทั้งเป็นรึไง”
สถานการณ์ตอนนี้ ควบคุมไม่อยู่แล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยจะเข้าไปประคองหลิวซื่อ แต่โดนสะบัดมือออก
“อย่ามาแตะตัวฉัน พวกคนใจดำ!”
“โอ้ย! ฆ่าฉันให้ตายไปเลยดีกว่า!”