ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 244 บริจาคหอพัก
บทที่ 244 บริจาคหอพัก
……….
บทที่ 244 บริจาคหอพัก
“แน่นอนว่ายังไม่พอหรอก ใช้เงินแค่สิบหยวนก็ซื้อเมียได้แล้ว นั่นมันถูกจริงๆ”
หลี่หย่าผิงอดไม่ได้ที่จะลูบแก้มของตัวเองที่ยิ้มจนแข็งค้าง “สิบหยวนสำหรับฉันแล้วใช้ไม่กี่ทีก็หมด”
“แต่ไม่คิดว่าเงินแค่นี้ในชนบทก็ซื้อแม่ไก่ที่ออกไข่ได้แล้ว”
“ที่แท้พี่ชายของเธอก็หิวจนไม่เลือกกินขนาดนี้ ดีนะที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ยืนกรานให้เขามาเป็นสามีฉัน”
สีหน้าของสวีเหม่ยก็แสดงความคิดเห็นแบบเดียวกัน ทั้งโล่งใจและสะใจในใจ
คนที่เคยปฏิเสธพวกเขา ตอนนี้มีชีวิตที่แย่ขนาดนี้ ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกดีเป็นธรรมดา
เย่เสี่ยวจิ่นพูดอย่างสงบนิ่ง “ถ้าคิดแบบนี้แล้วทำให้พวกคุณรู้สึกมีความสุข ก็ปล่อยให้พวกคุณหลอกตัวเองไปเถอะ”
“น่าเสียดายจริงๆ ที่พี่สะใภ้ของฉันไม่เพียงแต่มีความรู้ แต่ยังสวยด้วย”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินไปทางโรงเรียนอย่างสบายๆ “ไปกันเถอะ คุณผู้ใจบุญทั้งสาม ฉันจะพาพวกคุณไปชมโรงเรียนมัธยม”
“ถึงตอนนั้นเงินสำหรับหอพักหนึ่งหลัง ใครจะรับผิดชอบไหวล่ะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเหอชุนเซิงแวบหนึ่ง “คุณนี่ขี้ขลาดจริงๆ พวกเขาไม่มีทางไม่บริจาคหรอก เงินก็ไม่ใช่ของพวกเขาสักหน่อย”
“คุณปู่ของพวกเขาเคยหอบเงินหนีไปในอดีต ตอนนี้จะกลับเข้าประเทศแล้วไม่ต้องทำความดีบ้างหรือไง? ก็แค่กลัวคนอื่นจะชี้หน้าด่าเท่านั้นแหละ”
เย่เสี่ยวจิ่นมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน
คุณปู่หลี่บริจาคเงินไม่ใช่แค่เพื่อชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงท่าทีให้ทางการเห็นด้วย
ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร ให้เขาอยากมาก็มา อยากไปก็ไปตามใจชอบน่ะหรือ?
เหอชุนเซิงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อ “เงินนั่นอยู่ในกระเป๋าของเขา จะบริจาคหรือไม่บริจาคก็เป็นเรื่องที่เขาพูดคำเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
“เย่เสี่ยวจิ่น ฉันบอกเธอนะ เธออย่าคิดว่าตัวเองฉลาดแล้วจะทำอะไรผิดๆ ได้”
“ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ หัวหน้าทีมเย่ คุณก็แค่ปัดก้นเดินจากไป แล้วฉันไม่ต้องอยู่ที่นี่รับผิดชอบแทนหรอกหรือ?”
เย่เสี่ยวจิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเหอชุนเซิงถึงได้ถ่อมตัวกับเธอขนาดนี้
“ตอนนี้ ถึงคราวที่ฉันจะได้วางแผนเล่นงานคุณบ้างแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดจบก็เดินจากไป
เธอเดินไปเที่ยวรอบๆ โรงเรียนมัธยมกับพวกเขาสักพักก็พอแล้ว ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ฟังพวกเขาพูดจาประชดประชันกันอีกต่อไป
เหอชุนเซิงอดไม่ได้ที่จะกัดฟันพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณคิดแบบนี้อยู่แล้ว!”
เขาหันหลังกลับไปและก้มหัวประจบประแจงเอาอกเอาใจครอบครัวตระกูลหลี่
หลี่ไป่ว่านรู้สึกพอใจมากกับท่าทีของเหอชุนเซิง จึงตั้งใจพูดว่า “พูดตามตรง ถ้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก พวกเราก็เตรียมตัวจะกลับไปแล้ว”
“แต่เห็นเธอต้อนรับพวกเราอย่างกระตือรือร้น ฉันก็ไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง”
“เหอชุนเซิง จัดการให้ดีๆ ล่ะ”
เหอชุนเซิงพยักหน้าและโค้งคำนับ “ได้ครับ คุณหลี่ คุณนายหลี่ คุณหนูหลี่ ในช่วงไม่กี่วันที่พวกท่านอยู่ที่นี่ ผมรับรองว่าจะให้บริการพวกท่านอย่างสะดวกสบายที่สุดเลยครับ”
หลี่หย่าผิงกลอกตาอย่างเหยียดหยัน คิดในใจว่าไอ้บ้านนอกคนนี้จะให้บริการอะไรได้ดีขนาดไหนเชียว?
ตอนนี้หล่อนคิดแต่เพียงว่า ในช่วงสองสามวันนี้ต้องฉวยโอกาสไปพบกับเย่จวินคนอกตัญญูคนนั้นให้ได้
อยากดูว่าภรรยาที่เขาซื้อมาด้วยเงินสิบหยวนนั่น จะดีกว่าตัวหล่อนที่เป็นคุณหนูผู้ดีได้จริงหรือ?
หลี่หย่าผิงรู้สึกว่าหล่อนกลืนความโกรธนี้ไม่ลงจริงๆ
ผู้อำนวยการหวังยืนรออยู่ที่ประตู ข้างๆ เขามีหยางหยางและเย่หวายยืนอยู่ด้วย
เมื่อเห็นคนมาถึง เขาก็รีบแสดงรอยยิ้มที่ดูร้อนใจออกมาทันที ไม่คิดว่าจะมีคนใจดีมาบริจาคหอพักให้กับโรงเรียนแบบนี้
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าควรจะพูดอะไรดีในสถานการณ์แบบนี้
เขาจึงได้แต่ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกับพูดว่า “สวัสดีครับ คุณหลี่!”
“นี่คือหยางหยางครูที่เก่งที่สุดของโรงเรียนเรา และนี่คือเย่หวายนักเรียนที่เก่งที่สุดของโรงเรียนเรา”
หยางหยางรีบทักทายทันที “สวัสดีครับคุณหลี่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่มีต่อโรงเรียนของพวกเรา”
เมื่อเย่หวายเห็นครอบครัวนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างประหลาด
หลี่ไป่ว่านทำตัวเหมือนผู้นำอีกครั้ง เริ่มพูดยาวเหยียดกับกลุ่มคนที่พยายามเอาใจตัวเอง
“ตอนเด็กๆ ผมก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็รู้แล้วว่าการเรียนหนังสือสำคัญแค่ไหน”
“แม้ว่าคุณพ่อของฉันจะอยู่ต่างประเทศ แต่ท่านก็ยังห่วงใยเรื่องการศึกษาของเด็กๆ ในหมู่บ้านของเรา ท่านกังวลมากเกี่ยวกับการพัฒนาของหมู่บ้าน”
“ฉันก็คิดว่าคนหนุ่มสาวคือความหวังใหม่ของประเทศ การอยู่ในหอพักเดียวกันไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเรา”
เหอชุนเซิงรีบแทรกขึ้นมาว่า “แม้สำหรับคุณหลี่แล้วอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับพวกเราแล้วมันสำคัญมากเลยครับ!”
“คุณดูสิ พวกคุณทำประโยชน์มากมายขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเราเรียกหอพักหลังนี้ว่า ‘ตึกไป่ว่าน’ ดีไหมครับ?”
เหอชุนเซิงฉวยโอกาสทันที หวังจะทำให้เรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมา
หลี่ไป่ว่านไม่ได้โกรธที่คำพูดของตนถูกเหอชุนเซิงขัดจังหวะ แต่กลับรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลมาก!
“ชื่อดีนี่ ทำไมฉันถึงคิดไม่ถึงนะ?”
เขาใช้เงินมากมายขนาดนี้ออกมา ย่อมต้องการให้คนที่นี่รู้ว่าตึกนี้เป็นของหลี่ไป่ว่านบริจาคให้!
“ทำแบบนี้แหละ!”
สวีเหม่ยยิ้มเล็กน้อย “ตึกไป่ว่าน…ชื่อนี้ฟังดูไพเราะ มีความหมายที่ดี และยังเป็นการระลึกถึงผู้บริจาคอาคารหลังนี้ด้วย”
“ท่านผู้อำนวยการหวัง คุณมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ?”
แน่นอนว่าผู้อำนวยการหวังไม่มีความเห็นคัดค้านแต่อย่างใด
หลี่หย่าผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกลอกตา คิดในใจว่าช่างบ้านนอกจริงๆ ไม่มีอาคารไหนเขาตั้งชื่อว่าไป่ว่านหรอก!
แถมยังไม่กลัวว่าจะฝันเปียกน้ำลายไหลยืดอีก
เป็นเศรษฐีเงินล้านเหรอ? ฝันไปเถอะ ใครจะหาเงินได้มากขนาดนั้น?
“ลูกจ๋า ลูกว่าชื่อ ‘ตึกล้าน’ ฟังดูดีไหม?”
“เรื่องนี้ให้พ่อแม่ตัดสินใจเถอะค่ะ”
หลี่หย่าผิงยิ้มแย้มแต่ไม่ถึงดวงตา “ยังไงคุณปู่ก็ให้พ่อแม่รับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้วนี่”
หลี่ไป่ว่านพาผู้อำนวยการหวังเดินดูรอบๆ อดไม่ได้ที่จะโอ้อวดว่า “หลังจากสร้างอาคารนี้เสร็จแล้ว รอให้คุณพ่อผมกลับมา แล้วจะปรับปรุงอาคารเรียนของพวกคุณใหม่ทั้งหมดอีกรอบ”
“และทางด้านนี้ คูน้ำเน่านี่ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องขุดมันออก แล้วสร้างเป็นสระบัวที่มีทั้งดอกบัวและต้นพลับ”
สวีเหม่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มราวกับสายลมในเดือนมีนาคม “ไป่ว่านคะ ฉันเห็นว่าพื้นที่ว่างตรงนั้นยังสามารถสร้างเป็นห้องสมุดได้อีกด้วย”
“มีแค่ในอำเภอเท่านั้นที่มีห้องสมุดเล็กๆ ถ้าต้าหลี่ก็มีสักแห่ง มันจะช่วยเพิ่มหน้าตาได้มากเลย”
อาจารย์ใหญ่หวังฟังพวกเขาพูด
ท่าทางการชี้นำบ้านเมืองเช่นนี้ ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ
คนเหล่านี้พูดถึงการก่อสร้างในโรงเรียนอย่างเบาๆ เขาคำนวณค่าใช้จ่ายในใจและแอบอึ้งไปเงียบๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมครอบครัวตระกูลหลี่นี้จริงๆ
พวกเขาเป็นผู้ใจบุญที่ร่ำรวยจริงๆ
เย่เสี่ยวจิ่นเดินตามหลังพวกเขาตลอด อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
ผู้เฒ่าแค่ทำเพื่อรักษาหน้าเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะจ่ายเงินมากมายขนาดนั้นอีก?
เย่เสี่ยวจิ่นเบนสายตากลับมา บางคนสามารถยืนได้แต่กลับเลือกที่จะคุกเข่า เธอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
หลังจากเยี่ยมชมโรงเรียนเสร็จแล้ว ผู้อำนวยการหวังและเหอชุนเซิงก็พาพวกเขาไปรับประทานอาหาร
เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้ไปด้วย เธอพูดกับเย่หวายสองสามประโยค “พี่ชาย หนูมีเรื่องจะกระซิบบอกพี่หน่อย”
“จริงๆ แล้วสถานะทางการเงินของครอบครัวเราก็ดีพอสมควร ถ้าพี่ถูกครอบครัวของหล่อนรังแก ไม่จำเป็นต้องอดทนกล้ำกลืนไว้นะ”
“หลี่หย่าผิงคนนี้คงแค้นเรื่องที่พี่ใหญ่ปฏิเสธหล่อนเมื่อปีที่แล้ว อาจจะทำอะไรบางอย่างก็ได้”
เย่หวายพยักหน้า “ไม่แปลกใจเลยที่จะบอกว่าครอบครัวนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง”
“งั้นจะบอกพี่ใหญ่สักหน่อยไหม?”
“ฉันเห็นว่าพวกเขาดูจะเป็นพวกแค้นฝังหุ่น”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น พี่ไม่ต้องบอกพ่อแม่นะ”
“พี่ใหญ่ตอนนี้กำลังอยู่กับพี่สะใภ้ พี่สะใภ้ก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย”
เย่หวายยังไม่เคยเห็นว่าพวกหลี่หย่าผิงพูดจาไม่น่าฟังขนาดไหน
แต่ในเมื่อน้องสาวพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ต้องฟังน้องสาว
“พอเถอะ พี่สาม อย่าเสียเวลาอีกเลย รีบกลับไปเรียนในห้องเรียนเถอะ”
เย่หวายเพิ่งกลับมานั่งในห้องเรียน
หยางจิ่นก็รีบคว้าแขนเขาอย่างเร่งรีบ “เย่หวาย นายไปไหนมา? นายไปพบใครที่ประตูกับผู้อำนวยการเหรอ?”
“เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหรือเปล่า รีบเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ”
เย่หวายอดรู้สึกขำไม่ได้ “ไม่มีอะไรหรอก แค่มีคนบอกว่าจะบริจาคหอพักให้โรงเรียนของเราหลังหนึ่ง”
“อะไรนะ? ยังมีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?”
หยางจิ่นรู้สึกเสียใจทันที “ฉันวิ่งไปวิ่งมาอ่านหนังสือทุกวันจนเหนื่อยแทบตาย ทำไมพอจะอ่านจบแล้ว จู่ๆ ก็มีหอพักขึ้นมาล่ะ?”
“จริงๆ แล้วเรื่องดีๆ อะไรก็ไม่เคยมาถึงพวกเราเลยนะ”
“เมื่อมีเงินมากขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะให้ทุนการศึกษาแก่เสี่ยวหวายก็ได้นะ เสี่ยวหวายเป็นคนที่มีผลการเรียนดีที่สุด”
“เป็นไปได้จริงๆ นะ ปีก่อนๆ พวกที่จบไปแล้วก็ยังกลับมาให้ทุนนักเรียนที่โรงเรียนไม่ใช่หรือ?”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
เย่หวายรีบห้ามพวกเขา “ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก พวกเธอนี่จินตนาการเก่งจังเลยนะ”
หยางจิ่นลังเลเล็กน้อย “เย่หวาย ครั้งนี้นายเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาหรือว่าจะสอบเข้ามัธยมปลายล่ะ?”
“ฉันกลัวมากว่าจะสอบไม่ติดครั้งนี้ ถ้าฉันสอบไม่ติดอีก ฉันจะไปเป็นทหารซะเลย”
“นายอย่าพูดแบบนั้นสิ ยังไม่ได้สอบเลย ทำไมถึงคิดถึงทางเลือกสุดท้ายแล้วล่ะ?” เย่หวายตบไหล่หยางจิ่นเบาๆ “ฉันรู้สถานการณ์ของนายดี อย่างน้อยก็ได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายแน่นอน”
ดวงตาของหยางจิ่นเป็นประกายขึ้นมาทันที “จริงหรือ? ถ้าอย่างนั้นถ้าฉันพยายามอีกหน่อย จะเข้าโรงเรียนอาชีวะศึกษาได้ไหม?”
เย่หวายพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอน แต่เงื่อนไขคือนายต้องมั่นใจในตัวเองมากขึ้น อย่าท้อแท้”
หยางจิ่นยังคงดีใจ “งั้นฉันจะสมัครโรงเรียนอาชีวะศึกษา ถ้าเราสามารถสอบเข้าด้วยกันได้ เราก็จะได้อยู่ด้วยกันทุกวันที่โรงเรียนอาชีวะศึกษา”
เย่หวายตั้งใจจะบอกว่าตัวเองคงไม่ไปสอบเข้าโรงเรียนอาชีวศึกษาแล้ว
แต่เมื่อเห็นหยางจิ่นดูกระตือรือร้นเช่นนั้น ก็ไม่อยากทำลายกำลังใจเขา
“ดี งั้นเราไปกรอกใบสมัครด้วยกันนะ”
“พอดีช่วงนี้ต้องเลือกสาขาที่อยากเรียนกันแล้ว เรามาปรึกษากันดีกว่า”
หยางจิ่นพยักหน้าพลางยิ้มอย่างมีความสุข เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าตัวเองจะสามารถสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับเย่หวายได้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ปล่อยให้ครอบครัวนี้อวดรวยกันให้พอใจ พอถึงเวลาวัดฝีมือกันจริงๆ ก็ค่อยปล่อยให้ผลกรรมทำงาน
ไหหม่า(海馬)
……….