ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 219 เงินปันผลในหมู่บ้าน
บทที่ 219 เงินปันผลในหมู่บ้าน
……….
บทที่ 219 เงินปันผลในหมู่บ้าน
หยางเจวียนและหลี่ชุ่ยชุ่ยคุยกันไปพลางเดินไปที่สำนักงานหมู่บ้านด้วยกัน
ตลอดทาง หยางเจวียนรู้สึกอิจฉาหลี่ชุ่ยชุ่ยเป็นอย่างยิ่งที่ลูกชายขยันและมีความก้าวหน้าขนาดนี้ ในขณะที่ตัวเองสั่งสอนลูกชายทุกวันแต่ก็ยังไม่มีความก้าวหน้า
แถมยังเรียนซ้ำชั้นอีกต่างหาก!
ด้านนอกศาลากลางหมู่บ้าน พวกเขาก็พบกับเย่จื้อผิงที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“คุณเดินช้าจังเลย พวกเรามาถึงตั้งนานแล้ว” เย่จื้อผิงทักทาย
“ก็พี่หยางชวนคุยนิดหน่อยน่ะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยตอบ
“หัวหน้าหมู่บ้านกับเลขาฯ มากันหรือยัง? เตรียมจะเริ่มประชุมหรือยัง?” หยางเจวียนถามขึ้น
“มากันหมดแล้ว นั่งอยู่ข้างในกันหมดแล้ว พวกเรารีบเข้าไปนั่งกันเถอะ” เย่จื้อผิงกล่าวพร้อมกับผายมือเชิญไปที่ประตู
หลี่ชุ่ยชุ่ยกับเย่จื้อผิงนั่งด้วยกัน โดยมีหยางเจวียนนั่งอยู่ข้างๆ
วันนี้ซุนจ่างซุ่นมีใบหน้าแดงระเรื่อ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไร้ซึ่งความรู้สึกหนาวเย็นของฤดูหนาว
“มากันครบแล้วสินะ” ซุนจ่างซุ่นเอ่ยขึ้น
“วันนี้เป็นวันจ่ายเงินปันผลของหมู่บ้านเรา ดูเหมือนทุกคนจะกระตือรือร้นที่จะมารับเงินจริงๆ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“ผมก็เหมือนกัน คิดว่าจะได้เงิน เลยรีบตื่นแต่เช้าเลยครับ” ชายอีกคนพูดเสริม
ซุนจ่างซุ่นเริ่มต้นเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านตลอดปีที่ผ่านมา
“ช่วงต้นปีนี้ หมู่บ้านเราเจอเรื่องไม่ดี โหยวไช่ฮวาแทบทั้งหมดโดนลูกเห็บซัดจนตายเรียบ”
“ฉันและเลขานุการคิดว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ยากลำบาก แถมยังมาเจอเรื่องขายน้ำมันไม่ได้คุณภาพอีก”
“แต่โชคดีที่เราเจอดาวนำโชคของเรา”
คำพูดของซุนจ่างซุ่นทำให้เย่เสี่ยวจิ่นที่นั่งอยู่ด้านล่างรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที
ทุกคนย่อมรู้ดีว่าดาวนำโชคที่กล่าวถึงคือใคร
“ลูกสาวของเย่เหล่าซานก็เก่งจริงๆ ปีนี้เพิ่มรายได้ให้หมู่บ้านได้มากขนาดนี้ อย่างน้อยหล่อนก็มีส่วนช่วยเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว”
“ใช่ เก่งมากจริงๆ อนาคตต้องรุ่งโรจน์แน่”
“ไม่รู้ว่าปีนี้จะได้เงินปันผลกันคนละเท่าไหร่ พวกเราปีนี้ปลูกแตงโม เลี้ยงปลา ขายดีกันทุกอย่าง ผลผลิตก็ไม่เลวเลย”
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างคึกคักด้วยความหวัง
หลังจากที่ผู้นำหมู่บ้านซุนจ่างซุ่นพูดสรุปผลงานประจำปีเสร็จแล้ว เลขาธิการกัวชิงซงก็ขึ้นเวทีกล่าวอะไรบางอย่าง ตามมาด้วยการขึ้นเวทีพูดของบรรดาหัวหน้าทีมต่างๆ
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงช่วงสุดท้าย
ซุนจ่างซุ่นถือรายชื่อขึ้นบนเวที “ฉันเห็นทุกคนใจร้อนกันแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนสุดท้ายกันเลย จ่ายเงินปันผล!”
ผู้คนด้านล่างต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น
“เย้ ในที่สุดก็ได้เงินแล้ว เงินที่บ้านใกล้จะหมดแล้ว”
“รอวันนี้มานานแล้ว ปีนี้จะได้เงินเท่าไหร่นะ”
“ต้องได้เยอะแน่ๆ ปีนี้ขายของได้เยอะขนาดนี้”
การจ่ายเงินปันผลของหมู่บ้านจะแบ่งตามจำนวนสมาชิกในครัวเรือน
หลี่ชุ่ยชุ่ยใช้ข้อศอกกระทุ้งเย่จื้อผิงเบาๆ “คุณเดาสิว่าปีนี้เราจะได้เงินคนละเท่าไหร่?”
เย่จื้อผิงส่ายหน้า “ปีก่อนๆ ครอบครัวเราได้ร้อยกว่าหยวน ก็เพราะบ้านเรามีสมาชิกหกคน เลยได้มากกว่าบ้านอื่น”
“แต่ก่อนได้คนละสามสิบหยวน ปีนี้ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไหร่”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกตื่นเต้น
ซุนจ่างซุ่นเริ่มประกาศรายรับรายจ่ายประจำปีบนเวที เมื่อบัญชีถูกประกาศออกไปทีละรายการ ผู้คนด้านล่างต่างก็ส่งเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ แตงโมทำรายได้อย่างถล่มทลาย ถึงขนาดทำรายได้แซงหน้าการปลูกข้าวเสียอีก
เพราะข้าวเป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้เป็นเสบียงอาหารสำหรับทุกครัวเรือน จึงไม่ได้ขายออกไปมากนัก
ซุนจ่างซุ่นพูดจบแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “ปีนี้หมู่บ้านของเราทำรายได้มากกว่าปีที่แล้วหลายเท่าตัวเลย”
“เราจะแบ่งเงินคนละเจ็ดสิบหยวน”
“ผมคำนวณไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับทุกครอบครัว”
ผู้คนด้านล่างต่างพากันสนทนาอย่างกระตือรือร้น ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง
“ได้คนละเจ็ดสิบหยวน งั้นครอบครัวเราจะได้เท่าไหร่เนี่ย เยอะมาก”
“จริงเหรอ ถ้าได้เงินเยอะขนาดนี้ พรุ่งนี้ก็ส่งลูกไปโรงเรียนได้แล้ว”
“สมัยนี้หาเงินยากนะ ฉันได้ยินญาติที่อยู่หมู่บ้านข้างๆบอกว่า ปีนี้พวกเขาได้คนละยี่สิบห้าหยวนเอง”
“ฉันรู้แล้ว เพราะว่าผลผลิตโหยวไช่ฮวาไม่ดี หลายหมู่บ้านได้รับเงินน้อยกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ”
ชาวบ้านพูดคุยกันอย่างคึกคัก ทุกคนต่างมีความสุขมาก อยากจะรีบนำเงินกลับบ้านเพื่อแบ่งปันความยินดีนี้กับครอบครัวทันที
ซุนจ่างซุ่นแจกเงินให้กับหัวหน้าทีมแต่ละทีมก่อน จากนั้นหัวหน้าทีมก็แจกจ่ายให้กับแต่ละครัวเรือน
เมื่อเย่จื้อผิงได้รับเงิน เขาก็รีบนำมานับดู เป็นเงินสี่ร้อยเก้าสิบหยวน ปีนี้ครอบครัวของพวกเขามีหลิวเยว่เพิ่มขึ้นมาอีกคน จึงรับเงินเพิ่มได้อีกหนึ่งส่วน
“สี่ร้อยเก้าสิบหยวน พอกลับถึงบ้านก็แบ่งให้พวกเด็กๆ เถอะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ปีนี้นับดูแล้ว ครอบครัวเรานอกจากเจ้าสามที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ก็มีแค่รายได้จากค่าเขียนบทความเท่านั้น ส่วนเจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็ทำงานหาเงินได้บ้างแล้ว”
“ใช่แล้ว ทำงานในหมู่บ้านแบบนี้ ตอนนี้ได้เงินมาขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้วนะ” เย่จื้อผิงพูดพลางคิดถึงลูกสาว พอถึงปีหน้าเธอก็ต้องไปทำงานในตำบล ในใจเขายังอาลัยอาวรณ์อยู่มาก
ทุกคนต่างมีความสุขจนบอกไม่ถูก ปีนี้ได้เงินมากกว่าปีก่อนๆ มากทีเดียว
หยางเจวียนถือเงินสามร้อยห้าสิบหยวนในมือ ท่าทางดีใจมาก “ฉันเองก็ได้รับเงินส่วนของย่ามาด้วย ครอบครัวเรารวมกันห้าคน ได้เงินมาสามร้อยห้าสิบหยวนเชียวนะ”
“โอ้โห ไม่เคยได้เงินมากขนาดนี้มาก่อนเลย ดูเหมือนว่าปีหน้าคงไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ”
หยางเจวียนยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู “นี่มันดีจริงๆ เลย ดูเหมือนว่าคืนนี้จะได้ฉลองวันสิ้นปีอย่างสบายใจ พรุ่งนี้ก็จะได้ฉลองปีใหม่อย่างสบายๆ แล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยนับเงินด้วยความดีใจ “งั้นคุณรีบกลับบ้านเถอะ ไปบอกฟู่กุ้ยที่บ้านให้ดีใจด้วยสิ”
“แน่นอน เขายังบอกว่าปีนี้อย่างมากก็คงจะได้แค่สองร้อยหยวนเท่านั้น”
“ฉันก็ไม่กล้าคิดมาก ไม่คิดว่าจะได้ถึงสามร้อยห้าสิบหยวน” หยางเจวียนพับเก็บเงินไว้อย่างดี ก่อนใส่ในกระเป๋าเสื้อ “ชุ่ยชุย เรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
หยางเจวียนไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว พอได้เงินมาก็รีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
หล่อนเพิ่งก้าวเข้าประตูบ้าน หยางฟู่กุ้ยก็มาต้อนรับทันที
“เจวียนจื่อ ได้เงินมาเท่าไหร่ล่ะ”
“คุณลองนับดูสิ” หยางเจวียนวางเงินลงในมือของหยางฟู่กุ้ย “คุณลองจับดูเอง เดาสิว่ามีเท่าไหร่”
ในมือของหยางฟู่กุ้ยคือธนบัตรใหม่เอี่ยมมูลค่าสิบหยวน เขาสัมผัสได้ถึงความหนาของมัน และรู้สึกตกใจ “เงินเยอะขนาดนี้เลยหรือ”
“ใช่ ปีนี้ได้คนละเจ็ดสิบหยวน!”
หยางฟู่กุ้ยรับเงินมาแล้วนับอย่างละเอียดสองรอบ “พระเจ้า ได้ตั้งสามร้อยห้าสิบหยวนแน่ะ”
“งั้นรีบเอาไปให้แม่ดีกว่า ช่วงนี้แม่ต้องไปหาหมอ ตอนซื้อยายังต้องควักเนื้อตัวเองอยู่เลย”
“ได้ เดี๋ยวฉันเอาไปให้แม่เอง คุณรอจุดไฟทำอาหารอยู่บ้านนี่แหละ บอกแม่ด้วยนะว่าเย็นนี้มากินข้าวเร็วหน่อย” หยางเจวียนพูดพลางเสริมว่า “เย็นนี้เราจะทำกับข้าวอร่อยๆ กินกัน”
หยางลี่ลี่กับหยางจิ่นพี่ชายของหล่อนยืนอยู่ใต้ชายคาบ้าน
เมื่อเห็นพ่อแม่ดีใจกันใหญ่ หยางลี่ลี่ก็รู้ได้ทันทีว่าการได้รับเงินก้อนนี้เป็นเรื่องน่ายินดีมากแค่ไหน
“พี่ชาย ดูเหมือนปีหน้าจะมีค่าเทอมเรียนมัธยมแล้วนะ”
“พี่ต้องพยายามสอบเข้าให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะแย่เอานะ”
หยางจิ่นทำหน้าบูดนิดหน่อย “พูดอะไรน่ะ ฉันจะโง่จนสู้เย่หวายไม่ได้ได้ยังไง ฉันนัดกับเขาแล้วว่าจะไปเรียนต่อสายอาชีพด้วยกัน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้เงินอู้ฟู้กันถ้วนหน้าทั้งหมู่บ้าน จิ่นเป่าเป็นดาวนำโชคของหมู่บ้านจริงๆ
ไหหม่า(海馬)
……….