ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 200 นโยบายใหม่แจกที่ดินส่วนตัว ทุกคนต่างตื่นเต้น
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 200 นโยบายใหม่แจกที่ดินส่วนตัว ทุกคนต่างตื่นเต้น
บทที่ 200 นโยบายใหม่แจกที่ดินส่วนตัว ทุกคนต่างตื่นเต้น
…………….
บทที่ 200 นโยบายใหม่แจกที่ดินส่วนตัว ทุกคนต่างตื่นเต้น
ซุนพ่านตี้ทำขนมแป้งทอดมาให้
“เสี่ยวจวิน ตกลงพวกเขาจ่ายค่าสร้างบ้าน 200 หยวนแล้วหรือเปล่า?”
“ค่าบ้าน 200 หยวน ใช้เวลา 2 เดือนในการสร้าง ถ้าหนึ่งปีสร้างได้ 2 หลัง ก็จะได้เงินถึง 400 หยวนแล้วนะ”
ซุนพ่านตี้รู้สึกว่างานนี้ดีจริงๆ
“สุดท้ายแล้วก็ต้องอาศัยฝีมือสินะ”
คิดดูแล้ว รายได้ต่อปีดีกว่าการทำนามากทีเดียว
และการทำนาก็ไม่ได้สบายกว่างานนี้เลย
ตอนปลูกข้าวต้องก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งวัน ยังต้องเดินเท้าเปล่าลุยน้ำอีก
ปวดเมื่อยไปทั้งตัว อีกทั้งในน้ำยังมีปลิงและหนอน
“ตอนนี้เธอมีภรรยาแล้ว ต่อไปจะต้องส่งลูกเรียนหนังสือ ก็ต้องมีเงินเก็บไว้”
“น้องสาวและน้องชายสามของเธอดูมีความรู้ดี ต่อไปพวกเขาจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน”
ซุนพ่านตี้พูดด้วยความจริงใจ
“คุณย่าสาม มันไม่ได้ทำเงินได้ขนาดนั้นหรอกครับ” เย่จวินยิ้มอย่างจนปัญญา
ในใจไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ถ้ามันง่ายเหมือนเอากระสอบไปเก็บเงินจริงๆ ทุกคนก็คงทำกันหมดแล้วสิ
“เธอลองคิดดูสิ 200 หยวนไม่ใช่เงินน้อยๆ นะ”
“คนทั่วไปขนาดกินข้าวยังเป็นปัญหา ใครจะมีเงินมากขนาดนั้นมาสร้างบ้านล่ะ?”
200 หยวนในยุคนี้นับว่ามีมูลค่ามากทีเดียว
การเก็บเงินไว้ส่งเสียให้ลูกเรียนหนังสือ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
เขาก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างปูดโปนขณะถือพลั่วและปูนซีเมนต์
ผิวสีน้ำตาลเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
การทำงานหนักหลายเดือนนี้ ทำให้ผิวที่เคยขาวในฤดูหนาวกลับมาคล้ำขึ้น
“อีกอย่าง ทุกคนก็ไม่ได้จำเป็นต้องสร้างบ้านอิฐหรอก บ้านไม้ก็อยู่สบายดีเหมือนกัน”
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาไม่ได้พูดความจริงบางอย่างออกมา
ตอนนี้วัสดุเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของที่จิ่นเป่าให้มา
ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น ถ้าต้องหาเองก็ต้องใช้เงินสดซื้อทั้งนั้น
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ไม่ไกลออกไปนัก ก็มีคนหนึ่งแบกของมา
เขาก้าวเดินไม่ช้านักและยังมั่นคงมาก ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้าน
อากาศนอกบ้านในตอนเช้าหนาวมาก แต่คนที่มากลับเหงื่อไหลจนเสื้อเปียกโชกแล้ว
เย่ฉางอันวางของบนบ่าลง เป็นปูนซีเมนต์ทั้งหมดสี่กระสอบ
“พี่ชาย ผมมาช่วยแล้ว”
“ที่จริงพ่อจะมาเอง แต่ในหมู่บ้านมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ก็เลยให้ผมมาแทน”
“ผมเพิ่งกลับบ้านเมื่อวานนี้เอง ซื้อถุงมือมาให้พี่ด้วย ใส่แล้วมือจะได้ไม่ถลอก”
เขาพูดพลางหยิบถุงมือคู่หนึ่งออกมาให้เย่จวิน
เย่จวินรับมาดูแล้วยิ้ม “ถุงมือใหม่เอี่ยมขนาดนี้ ให้ฉันใช้แบบนี้ไม่เสียดายแย่หรือ?”
“อย่าใช้เลย เก็บไว้ใส่ตอนหน้าหนาวกันมือเย็นดีกว่า”
เย่ฉางอันเห็นเขากำลังจะเอาใส่กระเป๋า จึงรีบห้ามไว้ “อย่าเลยครับ ผมตั้งใจเอามาให้พี่ใช้ทำงานนะ พี่ยังกลัวว่ามันจะสกปรกอีกเหรอ?”
“อีกอย่างถุงมือนี่ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร ถ้าพี่ใช้จนพังผมก็จะไปซื้อมาให้ใหม่อีกสองคู่”
“ต่อไปนี้ผมจะเข้าเมืองบ่อยๆ พวกพี่อยากได้อะไร ผมก็ซื้อมาให้ได้ทั้งนั้น”
เย่จวินยิ้มแย้มสวมถุงมือ
พอสวมถุงมือจับพลั่ว มือก็ไม่ถลอกแล้ว
“ดีมาก นายนี่รู้จักเป็นห่วงคนแล้วนะ ฉลาดขึ้นแล้ว”
เย่ฉางอันพูดว่า “แน่นอนสิ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
ซุนพ่านตี้มองดูพี่น้องคู่นี้คุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ข้างๆ
ในใจก็รู้สึกดีใจมาก
ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองพี่น้องดีมากเหลือเกิน นี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ต่อไปหลานคนรองก็จะเป็นคนที่รักภรรยามากเหมือนกัน
พวกเธอทั้งหมดเหมือนกับเย่จื้อผิงไม่มีผิด เขาเป็นคนที่รักภรรยาและรักลูกมาก
เย่ฉางอันพยักหน้า “ผมจะบอกข่าวดีให้พวกพี่ฟัง มีคนมาที่หมู่บ้านของเรา บอกให้พวกเราเริ่มเรียนรู้จากที่อื่น จากนั้นทุกคนจะได้รับที่ดินส่วนตัว”
“ที่ดินส่วนตัวเหรอ?” เย่จวินหยุดมือ ดวงตาเบิกกว้าง “หมายความว่ายังไง? แจกที่ดินให้ทุกครอบครัวเหรอ?”
“ใช่ แต่คงไม่ได้แจกเยอะหรอก”
“ผมยังไม่รู้รายละเอียดเลย พ่อของเราไปร่วมประชุมมวลชน อีกสองสามวันกลับมาก็จะรู้แล้ว”
“ตามหลักแล้วหมู่บ้านแถวนี้ก็ควรจะเป็นแบบนี้ เหมือนกันหมดทั้งต้าหลี”
ซุนพ่านตี้ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยกล้าเชื่อ เพราะนางเคยเห็นอะไรมามาก
แต่ก่อนที่ดินเป็นของพวกขุนนาง ต่อมาก็ตกเป็นของเจ้าที่ดิน
หลังจากนั้นทุกคนก็ได้รับการแบ่งที่ดิน
ไม่กี่ปีต่อมา ที่ดินก็กลายเป็นของรัฐทั้งหมด
คราวนี้พอพูดถึงเรื่องที่ดินส่วนตัวอีกครั้ง นางก็รู้สึกหวั่นใจ
“ลองดูก่อนก็คงไม่เป็นไร เรื่องนี้บอกพ่อของพวกเธอด้วยนะ อย่าไปโอ้อวดในที่ประชุมมวลชนล่ะ”
“ปล่อยให้คนอื่นพูดไป พวกเราทำตามกฎระเบียบก็พอ รับรองว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
“อย่าได้ทำผิดพลาดเด็ดขาดนะ”
เย่ฉางอันยิ้มพลางตบมือซุนพ่านตี้เบาๆ “คุณย่าสาม อย่ากลัวไปเลยครับ นี่เป็นข่าวดี ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนผมยังถูกส่งไปใช้แรงงานเลย แต่ตอนนี้ก็ยังปลอดภัยดี”
“ยุคสมัยนี้ดีกว่าแต่ก่อนมากแล้ว”
ถ้าเป็นสมัยก่อน การที่เย่ฉางอันถูกส่งไปลงโทษใช้แรงงาน คงทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายไปทั่วทั้งละแวก
แต่ตอนนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
เขายังได้เป็นตัวแทนของหมู่บ้านออกไปทำธุรกิจด้วยซ้ำ
ทุกคนต่างเชื่อมั่นในความสามารถของเขา
ซุนพ่านตี้รีบโบกมือ “อย่าทำอะไรโง่ๆ เลย ทำอะไรก็ให้มั่นคง ตามกระแสไป รับรองว่าไม่มีผิดพลาดแน่นอน”
เย่จวินและเย่ฉางอันมองหน้ากันแล้วยิ้ม
จากนั้นสองพี่น้องก็ไม่พูดอะไรอีก
“พี่ใหญ่ นี่ทำยังไงเหรอ ให้ผมช่วยไหม”
“ผสมปูนซีเมนต์ใช่ไหม ผมทำเอง”
เย่จวิน “ไม่เป็นไร ฉันใส่ถุงมืออยู่ นายไม่ได้ใส่ ให้ฉันทำเองดีกว่า”
เย่ฉางอันลูบศีรษะ แล้วมองเห็นกองอิฐจำนวนมากอยู่ไม่ไกล
“งั้นผมจะช่วยขนอิฐมาให้พี่”
พี่น้องทั้งสองคนเริ่มลงมือทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
ส่วนที่ทำการหมู่บ้านชงเถียนตอนนี้ก็กำลังคึกคักมาก
ทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ รอฟังผู้นำพูดจบ
เย่จื้อผิงชะโงกหน้าไปมองข้างหน้า ซูต้าเฉียงที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปข้างหน้าพร้อมกับเขา
ผู้คนรอบข้างเงียบกันหมด
ครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนจึงตั้งใจฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
“สหายทุกท่าน ครั้งนี้ผู้บังคับบัญชาต้องการกระตุ้นความกระตือรือร้นในการผลิตของพวกเรา จึงจัดสรรที่ดินส่วนตัวให้พวกเราเป็นพิเศษ”
“ไม่เพียงแค่ที่ดินส่วนตัวเท่านั้น ที่ดินที่พวกเราบุกเบิกเองก็สามารถเช่าใช้ได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องส่งผลผลิตให้รัฐ และไม่ต้องถูกรัฐรับซื้อแบบรวมศูนย์”
“นั่นคือที่ดินของพวกเราเอง แต่ไม่อนุญาตให้ขุดหลุมฝังศพ ขุดดิน หรือสร้างบ้านบนที่ดินนั้น”
คนจากเบื้องบนกล่าว
จากนั้นพวกเขาก็พูดอีกหลายเรื่อง
เย่จื้อผิงมีสีหน้าตื่นเต้น เขาได้ยินแค่เรื่องเกี่ยวกับที่ดินส่วนตัว
ซูต้าเฉียงก็ดีใจเช่นกัน “ฉันจำได้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้ที่ดินส่วนตัวถูกเรียกคืนไปแล้วนะ ตอนนี้ทำไมถึงปล่อยกลับมาอีกล่ะ?”
เย่จื้อผิงยิ้มพลางกล่าว “คุณไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดหรือว่าเพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นในการผลิต? ยังไงก็เป็นเรื่องดี ดีจริงๆ”
“แม้ว่าที่ดินของหน่วยการผลิตจะถูกแบ่งออกมาแค่ 15% แต่ก็ถือว่าเยอะแล้ว”
“ฉันคิดว่า ถ้ามีที่ดินของตัวเอง ก็จะสามารถปลูกผักได้มากขึ้น”
ซูต้าเฉียงพยักหน้า คิดอย่างละเอียด “แต่ก่อนเบื้องบนเคยบอกว่าที่ดินที่บุกเบิกใหม่ก็เป็นของส่วนรวม แต่ตอนนี้กลับบอกว่าที่ดินที่บุกเบิกใหม่สามารถใช้เองได้ในระยะยาว”
“ถ้าอย่างนั้น พอกลับไปวันนี้แล้วก็คงมีคนออกไปบุกเบิกที่ดินกันเยอะแน่ๆ”
เย่จื้อผิงฟังเขาพูดแล้วก็พลันเข้าใจทันที “จริงด้วย!”
“ก่อนหน้านี้ผืนดินที่จิ่นเป่าของผมบุกเบิกมันใหญ่มากเลยนะ ทั้งหุบเขาถูกบุกเบิกปลูกพืชหมดเลย”
“ปีนี้บ้านของผมคงมีผลผลิตตั้งหลายพันชั่งเชียวละ”
“ตอนนั้นภรรยาผมยังบอกว่า ไม่รู้ว่าปีหน้าจะถูกทีมผลิตยึดไปหรือเปล่า”
เย่จื้อผิงรู้สึกทันทีว่าจิ่นเป่าช่างเป็นปลาไนทองคำของครอบครัวจริงๆ
เธอได้หาที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้ให้กับครอบครัวโดยบังเอิญ
เขาคิดอย่างละเอียด ที่เชิงเขายังมีที่ดินรกร้างอีกมากมาย
เมื่อก่อนเป็นเพราะดินอุดมสมบูรณ์ไม่เพียงพอ ทุกปีให้ผลผลิตไม่ดี จึงถูกทิ้งร้างไป
ไม่มีใครคิดจะไปบุกเบิก เพราะที่ดินตรงนั้นใช้ไม่ได้
ตอนนี้จิ่นเป่าของพวกเขามีปุ๋ยดีๆ มากมาย เพียงใส่ลงไปในที่ดิน คาดว่าแม้แต่หินก็คงปลูกฝ้ายได้
ทันใดนั้น เขาก็นั่งไม่ติดที่เสียแล้ว อยากจะรีบกลับบ้านไปบุกเบิกที่ดินรกร้างทันที
ไม่ใช่แค่เย่จื้อผิงเท่านั้น คนอื่นๆ ก็เริ่มกระสับกระส่ายเช่นกัน
ซุนจ่างซุ่นขึ้นเวที “พวกเราทุกคนอย่าเพิ่งรีบร้อน! ฉันขอใช้โอกาสนี้บอกเรื่องหนึ่งกับทุกคน”
“หมู่บ้านของเราเคยเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดมาตลอด ทุกปีเรื่องดีๆ ไม่เคยมาถึงพวกเรา แต่ปีนี้ต่างออกไป”
“ตอนนี้เราได้รับเลือกให้เป็นหมู่บ้านดีเด่น”
คนด้านล่างต่างโห่ร้องด้วยความยินดี
“หมู่บ้านดีเด่นมีอะไรดีบ้างล่ะ?”
“ใช่ พวกเราจะได้รางวัลไหม?”
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว ถ้าไม่มีผลประโยชน์อะไร หมู่บ้านดีเด่นนี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ”
ซุนจ่างซุ่นโบกมือ เป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบลง
“หมู่บ้านจัดหาสายด่วนพิเศษให้พวกเราซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูกมาก และร้านสหกรณ์ในอำเภอจะส่งมาให้พวกเราด้วย”
ในอดีต ทุกคนล้วนปลูกพืชแบบตามมีตามเกิด ใครจะใช้ปุ๋ยอะไรกัน?
“พวกคุณอาจไม่รู้ ตอนนี้ข้างนอกนิยมใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ปุ๋ยโพแทสเซียม มันสามารถเพิ่มผลผลิตได้นะ ล้วนเป็นของดีทั้งนั้น พวกเราอย่าได้ดูถูกมัน”
เขาพูดต่อว่า “นอกจากนี้ อำเภอของเรายังจัดหาเครื่องกระจายเสียงแบบมีสายให้พวกเราด้วย”
“ก็คือลำโพงใหญ่พวกนี้ แค่ติดตั้งบนเสาใหญ่ ผมแค่พูดตรงนี้ พวกคุณอยู่ที่บ้านก็ได้ยินกันได้ทั่วถึง”
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนสนใจขึ้นมาบ้าง
“ต่อไปตอนเช้าที่พวกเราทำงานในไร่นา ก็จะได้เปิดเพลงฟังกันน่ะสิ”
คนด้านล่างต่างพากันหัวเราะ
“เป็นความรู้สึกที่ดีเหมือนกันนะ ได้ฟังเพลงขณะทำงานไปด้วย พวกเราจะได้มีแรงจูงใจในการทำงาน
“ใช่แล้ว ต่อไปถ้าจะพูดเรื่องสำคัญ ก็ไม่ต้องวิ่งมาที่นี่เป็นพิเศษแล้ว รู้กันที่บ้านเลยสิ”
“สิ่งนี้ใช้ได้ดีทีเดียว ฉันเคยเห็นมันในหมู่บ้านอื่นมาก่อน”
ซุนจ่างซุ่นพูดสิ่งเหล่านี้จบแล้ว
ผู้นำคนอื่น ๆ ก็ขึ้นเวทีพูดเรื่องจิปาถะอีกหลายอย่าง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง การประชุมใหญ่จึงเสร็จสิ้น
เย่จื้อผิงและซูต้าเฉียงสบตากัน ทั้งสองคนวิ่งออกไปข้างนอกอย่างพร้อมเพรียงกัน
คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ต่างเบียดเสียดกันไปมา กว่าจะวิ่งออกไปได้หมดก็ใช้เวลาพอสมควร
เย่จื้อผิงนั่งอยู่ค่อนไปทางด้านหลัง พอจบก็วิ่งออกไปเลย
ซูต้าเฉียงเคยเป็นทหารมาก่อน จึงมีฝีเท้ารวดเร็วมาก
เย่จื้อผิงเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บที่ขาเมื่อครึ่งปีก่อน ความเร็วในการวิ่งของเขาจึงไม่อาจเทียบกับซูต้าเฉียงได้
ซูต้าเฉียงวิ่งไปพลางพูดไปพลาง “จื้อผิง นายไม่ต้องไล่ตามฉันแล้ว ฉันจะกลับไปบอกเมียนายให้เองนะ”
เย่จื้อผิงไม่ได้โง่
ถ้าปล่อยให้เขากลับไป เขาจะต้องรีบไปบุกเบิกที่ดินทันทีแน่นอน
แล้วจะมีเวลามาบอกข่าวให้เขาได้อย่างไร?
“เฮอะ ซูต้าเฉียง นายคิดว่าฉันโง่งั้นเหรอ?”
“ฉันไม่เชื่อคำโกหกพกลมของนายหรอก!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีที่ดินส่วนตัวให้เช่าทำมาหากินจากรัฐแบบนี้ ใครจะไม่เอาบ้างล่ะ
ไหหม่า(海馬)
…………….