ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 20 ค่าพลังกาย (รีไรต์)
บทที่ 20 ค่าพลังกาย (รีไรต์)
บทที่ 20 ค่าพลังกาย (รีไรต์)
ฝ่ายเซี่ยวเยว่ยิ่งเกลียดครอบครัวหลี่ชุ่ยชุ่ยมากขึ้นไปอีก
“หรุ่ยหรุ่ย ไม่ต้องเสียใจไปหรอก โจวเหวินรุ่ยแค่สนใจหล่อนชั่วคราวเท่านั้น”
“อีกไม่กี่วันเขาก็กลับมาเล่นกับเธอเหมือนเดิม”
“ยัยเด็กขี้เหร่อย่างเย่เสี่ยวจิ่นเทียบกับน้องสาวของฉันไม่ได้หรอก”
เซี่ยวหรุยหรุ่ยได้ยินดังนั้นก็หยุดร้องไห้ทันที “ใช่แล้ว หล่อนผอมแห้งแรงน้อย น่าเกลียดจะตาย”
“ยัยเด็กขี้เหร่อย่างหล่อนเอาอะไรมาเทียบกับฉัน”
เซี่ยวเยว่พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับหัวเราะหึ ๆ
ส่วนหลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังทำงานอยู่ในฟาร์มไก่
หล่อนหอบฟางแห้งไปปูพื้นเล้าไก่ และก็สังเกตเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งจ้องมองตนด้วยสายตาแผดเผา
ผู้คนต่างซุบซิบนินทา ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกัน
หลี่ชุ่ยชุ่ยเม้มริมฝีปาก หัวใจหนักอึ้ง
คิดว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องที่หล่อนขัดคำผู้ใหญ่
“เธอคือหลี่ชุ่ยชุ่ยใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
หลี่ชุ่ยชุ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง
“ใช่ฉันเอง…มีอะไรหรือเปล่า” หล่อนตอบอย่างประหม่า
“เธอนี่สุดยอดไปเลย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองหญิงสาวอย่างงุนงง “หา?”
หลี่ผิงมองหล่อนด้วยแววตาชื่นชม “ได้ยินมาว่าเธอกับลูกสาวเลี้ยงไก่เก่งมาก รักษาโรคระบาดในไก่ได้ด้วย”
“พวกเธอเก่งจังเลย ไปเรียนรู้วิธีนี้มาจากที่ไหนกัน”
“ปีนี้บ้านฉันก็ว่าจะเลี้ยงไก่สักสองตัว ขอรบกวนเธอสักหน่อยได้ไหม”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างพากันมามุงดู ล้วนแล้วแต่ชื่นชมในตัวหล่อน
“พี่สะใภ้หลี่คะ ฉันก็อยากเรียนรู้จากพี่บ้าง”
“ใช่ ๆ ได้ยินว่าเมื่อก่อนพี่ทำงานที่สวนผลไม้ ฝีมือขนาดนี้ เสียดายแย่เลย”
“ต่อไปนี้ พวกเราจะขอเรียนรู้จากพี่นะ อย่ารังเกียจพวกเราที่โง่เขลาเชียวล่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยหน้าแดงก่ำ รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ๆ ไม่ใช่ฉันหรอก เป็นลูกสาวฉันต่างหากที่เป็นคนทำอาหารไก่”
ไม่เคยมีสักครั้งที่หล่อนจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายขนาดนี้ ทำเอาหล่อนประหม่าจนทำตัวไม่ถูก
หล่อนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ไม่เคยได้รับความยกย่องเช่นนี้มาก่อน
“ทุกคนเข้าใจผิดแล้ว…”
ชาวบ้านเหล่านี้ช่างเรียบง่ายและจริงใจเสียจริง
พอได้ยินว่าหลี่ชุ่ยชุ่ยผลิตอาหารที่สามารถรักษาโรคระบาดในไก่ได้ พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจในตัวหล่อน และกลัวว่าคนเก่ง ๆ แบบหล่อนจะเข้าหายาก
ตอนนี้พอเห็นว่าหลี่ชุ่ยชุ่ยเป็นคนพูดจาสุภาพ พวกเขาก็เลยชอบหล่อน
“เธอนี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว มีลูกสาวเก่งแบบนี้ เธอก็เก่งเหมือนกันนั่นแหละ!”
“พี่สะใภ้หลี่ พวกเรามองพี่มานานหลายวันแล้ว พี่สะใภ้ทำงานขยันขันแข็ง เป็นคนเก่งจริง ๆ”
“ใช่ ๆ แต่ว่าพี่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พวกเราเลยไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย”
วันนี้หลี่ชุ่ยชุ่ยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะกลัวคนอื่นจะนินทาว่าร้าย
แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
รู้ว่าความหวังดีทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากลูกสาวของหล่อน
เพราะลูกสาวมีความสามารถ หล่อนถึงได้รับความสนใจแบบนี้
“ฉันกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป เพราะฉันพูดไม่เก่งน่ะ”
ทุกคนพากันหัวเราะและปลอบใจหลี่ชุ่ยชุ่ย
ตอนที่หลี่ชุ่ยชุ่ยกลับบ้าน หล่อนยังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า อารมณ์ดีมาก
เย่เสี่ยวจิ่นดึงมือแม่ไปดู ‘แปลงปลูกสตรอว์เบอร์รี’ ของตัวเอง
บริเวณข้างบ้านมีพื้นที่เล็ก ๆ ปลูกสตรอว์เบอร์รีไว้เต็มไปหมด พร้อมทั้งคลุมด้วยพลาสติกกันความเย็น
ต้นสตรอว์เบอร์รีแต่ละต้นเขียวขจี ลำต้นอวบอ้วน ใบก็ดูแข็งแรงสมบูรณ์
“จิ่นเป่า นี่มันอะไรเหรอลูก”
เย่เสี่ยวจิ่นแนะนำด้วยความดีใจ “นี่คือสตรอว์เบอร์รีค่ะแม่ เป็นผลไม้หายากชนิดหนึ่ง”
“พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นอีกหน่อย ประมาณสองเดือนก็จะเริ่มเก็บผลได้แล้วค่ะ”
“ถึงตอนนั้นเราก็เอาไปขายที่ตลาดได้ ได้ราคาดีเลยนะคะ”
“สตรอว์เบอร์รี?” หลี่ชุ่ยชุ่ยดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองนัก
หล่อนไม่รู้หรอกว่าสตรอว์เบอร์รีคืออะไร รู้แต่ว่ามันคือผลไม้อย่างหนึ่ง
“จิ่นเป่า ชาวบ้านอย่างเรา ๆ เขาก็ปลูกผลไม้กินกันเองทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าอยากกินจริง ๆ ขอจากบ้านอื่นมากินก็ได้”
“ไม่เห็นจะมีใครไปซื้อผลไม้กินที่ตลาดหรอก…”
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้า “แม่เชื่อหนูเถอะ คนเมืองเขารวยจะตายไป”
“ถ้าของของเรามีคุณภาพดี ยังไงก็ขายได้อยู่แล้ว”
ถึงแม้หลี่ชุ่ยชุ่ยจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอเห็นลูกสาวดูตื่นเต้น หล่อนก็ไม่อยากจะขัด
“จ้ะ ๆๆ จิ่นเป่าของแม่ฉลาดที่สุดเลย”
“รอให้ผลสุกก่อน ค่อยให้พ่อพาเข้าเมืองไปขาย… เอ่อ…”
หล่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นี่มันลูกอะไรนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะคิกคักพลางเอ่ยว่า “นี่คือสตรอว์เบอร์รีค่ะ”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ริมลำธาร “แม่คะ พรุ่งนี้หนูจะไปถางหญ้าแถวนี้ แล้วปลูกต้นท้อเอาไว้”
แม้พื้นที่ริมลำธารจะพอไถพรวนปลูกพืชได้ แต่ดินกลับไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์นัก
ก่อนหน้านี้แม่เคยลองปลูกผักกาดขาวแถวนี้ และมันก็เติบโตได้ไม่ดีเท่าใด
แต่เย่เสี่ยวจิ่นไม่ถือสาเรื่องนี้หรอก เพราะเธอมีปุ๋ยเร่งโตสูตรพิเศษอยู่ในมือ
หลังจากหิมะตกไปหลายวัน อากาศก็กลับมาแจ่มใสและอบอุ่นขึ้น
หลังจากกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยให้กับดินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่รอคอยให้สายฝนโปรยปราย เพื่อที่จะลงมือปลูกต้นท้อได้เสียที
เวลาผ่านไปห้าวันอย่างรวดเร็วจนถึงเวลาที่เย่เสี่ยวจิ่นรอคอย นั่นก็คือ ‘การหมุนไข่เสี่ยงโชค’ !
เธออาบแดดอุ่น ๆ อยู่กลางแจ้ง ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในบ้านมืด ๆ เหมือนครั้งก่อน
“ระบบ เริ่มหมุนไข่เลย! ครั้งนี้ฉันต้องเป็นคนดวงดีให้ได้!” เธอรำพึงกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น
“ครั้งที่แล้วฉันหมุนได้ตั้งหก เอ่อ… ห้ารางวัลระดับ B แน่ะ”
“มีแค่รางวัลเดียวที่เป็นระดับ A นั่นก็คือ ‘ทักษะการปลูกผลไม้ขั้นต้น’ ถึงมันจะมีประโยชน์มากก็เถอะ แต่ว่า…”
“ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากโชคดีกว่านี้” เสี่ยวจิ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
ระบบทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นมาว่า [โฮสต์ คุณโชคดีมากแล้วนะ คนอื่นได้ยินเข้าคงอิจฉาตาร้อนแน่ ๆ]
เธอมองไปที่หน้าจอการหมุนไข่ จากนั้นก็กดปุ่มหมุนอย่างไม่ลังเล
แสงสีรุ้งทั้งห้าพุ่งมาบรรจบกัน
คราวนี้แสงทั้งหกเส้น นอกจากสีฟ้าสี่เส้นแล้ว ยังมีสีแดงกับสีส้มอีกด้วย
“สีส้ม?”
เธอกะพริบตาปริบ ๆ เจ้า S ทั้งหลายล้วนเป็นสีม่วง แล้วสีส้มนี่คืออะไรกัน?
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B อาหารไก่เสริมประสิทธิภาพ 100 กิโลกรัม]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B ลูกปลาเฉ่า 30 ตัว!]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B เมล็ดพันธุ์บวบคุณภาพดี 1,000 เมล็ด!]
[ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ B ปุ๋ยรวมธาตุอาหารพืช 100 กรัม!]
[โชคลาภหลั่งไหล! ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับ A เครื่องกรองน้ำหนึ่งเครื่อง!]
[โชคเข้าข้าง! ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลระดับเหนือ A ค่าพลังกาย +1 แต้ม!]
ระบบส่งเสียงบ่นงึมงำ [โฮสต์ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนดวงดีอีกนะ]
เย่เสี่ยวจิ่นมองรางวัลแล้วเอามือลูบคางพลางบ่นพึมพำ “เครื่องกรองน้ำ…”
“ดูเหมือนไร้ประโยชน์ แต่จริง ๆ แล้วก็จำเป็นนะ น้ำบ่อที่เราดื่มกัน พอฝนตกทีไรน้ำก็ขุ่นทุกที”
“แล้วถ้าในน้ำมีแร่ธาตุแข็งอยู่ ฉันจะไม่เป็นนิ่วในไตเหรอ?”
เธอเงยหน้ามองฟ้า คิดว่ามันก็สมเหตุสมผลดี
จากนั้นก็ดูรางวัลระดับสูงกว่า A
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันสุ่มได้รางวัลระดับสูงกว่า A แค่เพิ่มค่าพลังกายมาให้ 1 แต้มเนี่ยนะ?”
“งกจัง! 1 แต้มมันจะไปช่วยอะไรได้!”
เย่เสี่ยวจิ่นขมวดคิ้ว
จากนั้นก็อ่านคำอธิบาย ค่าพลังกายเฉลี่ยของผู้ชายทั่วไปคือ 10 แต้ม ผู้หญิงทั่วไปคือ 8 แต้ม
เธอเบิกบานใจในทันใด “10 แต้ม นี่คือกำลังเต็มที่เลยเหรอ”
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าฉันสุ่มได้ 10 ครั้ง ฉันก็จะมีเรี่ยวแรงเท่าผู้ชายเต็มตัวเลยน่ะสิ”
“ปกติผู้ชายที่โตเต็มที่แบกข้าวสารได้ตั้งร้อยกว่าชั่งเชียวนะ”
“แบบนี้ที่ก่อนหน้านี้ฉันหยิบของแค่ 1-2 กรัมก็รู้สึกหนักแล้ว ตอนนี้ฉันก็สามารถหยิบได้เป็นสิบ ๆ กรัมเลยสินะ”
ดวงตาของเย่เสี่ยวจิ่นเป็นประกาย รีบวิ่งกลับบ้านไปทดลองทันที
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จิ่นเป่า นี่ถือว่าโชคดีแล้วนะที่สุ่มได้ของอะไรแบบนี้ ดูแต่ละรายการแล้วต่อไปน่าจะได้ใช้ประโยชน์ทุกอย่างเลย
ไหหม่า(海馬)