ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 188 เรียนรู้ทั้งครอบครัวระหว่างทางไปไหว้บรรพบุรุษ
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 188 เรียนรู้ทั้งครอบครัวระหว่างทางไปไหว้บรรพบุรุษ
บทที่ 188 เรียนรู้ทั้งครอบครัวระหว่างทางไปไหว้บรรพบุรุษ
…………….
บทที่ 188 เรียนรู้ทั้งครอบครัวระหว่างทางไปไหว้บรรพบุรุษ
การปีนเขาสำหรับเย่เสี่ยวจิ่นนั้นยังพอไหว
หวังหลินคนเดียวไม่เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอ
เธอหันหน้าไปทางอื่นและโยนเหตุการณ์เล็กๆ นี้ทิ้งไปจากความคิด
ในทางกลับกัน ครอบครัวพี่ชายคนโตไม่ได้ขึ้นเขามาเลย และตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวน้องชายคนที่สามอย่างสิ้นเชิง!
พวกเขาคิดว่าครอบครัวของเย่เหล่าซานได้ทำให้พวกเขาโกรธอย่างสิ้นเชิงในครั้งนี้!
เย่จื้อผิงไม่สนใจแล้ว
เขาเดินไปพลางบ่นไปพลาง “ครอบครัวพี่ใหญ่นี่ช่างน่าโมโหจริงๆ พาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มาด่าลูกสาวของเรา เด็กคนนั้นดูแล้วอายุเท่าไหร่กัน? ทำไมถึงได้โมโหง่ายขนาดนั้น”
“แถมยังเป็นแค่คนนอกอีกต่างหาก…”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว ดีนะที่จิ่นเป่าของเราไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายๆ”
“ไม่งั้นพวกเราก็คงจะ…”
ถ้าหลี่ชุ่ยชุ่ยต้องเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์
หล่อนคงไม่มีทางพูดออกมาให้คนอื่นไปให้พ้นได้หรอก
หล่อนถอนหายใจ ยังรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่เก่งเอาเสียเลย
“จิ่นเป่า วันนี้เป็นวันไหว้บรรพบุรุษของลูก พวกเราก็ต้องตั้งใจไหว้นะ”
“อ้อใช่ ก่อนหน้านี้ลูกบอกว่าคิดวิธีหาเงินให้พี่ชายคนโตได้แล้ว มันคืออะไรล่ะ?”
เย่จวินเหลือบมองข้างๆ “คือการเผาอิฐ”
“เผาอิฐเหรอ?” เย่ฉางอันประหลาดใจทันที ผ่านไปครู่หนึ่งก็หัวเราะลั่น “จะเผาอิฐยังไงล่ะ? ใครจะทำเป็น?”
“แล้วมันเป็นสิ่งที่เราจะเรียนรู้เองได้เหรอ? อาศัยแค่นี้จะหาเงินได้จริงๆ น่ะเหรอ?”
เย่เสี่ยวจิ่นแค่นเสียงหึในลำคอ “มีความต้องการก็มีตลาด เข้าใจไหม?”
“สะสมความมั่งคั่งไว้ล่วงหน้า เมื่อโอกาสมาถึงจะได้มีเงินไปลงทุน จึงจะสามารถพุ่งทะยานขึ้นไปได้”
“ถ้าไม่รู้หลักการนี้ก่อน ต่อให้อยู่ในจุดที่มีโอกาสก็บินขึ้นไปไม่ได้”
อีกสิบปีต่อมา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านไปอีกสิบปี ยุคสมัยก็เปลี่ยนไป
ความเร็วในการพัฒนานั้นน่ากลัวมาก
ก่อนที่เศรษฐกิจการตลาดจะมาถึง การเตรียมตัวเล็กๆ น้อยๆ และหาทางสะสมเงินทองไว้ย่อมไม่ผิดแน่นอน
เย่ฉางอันฟังไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไร “เผาอิฐมันทำยากมาก อีกทั้งยังอันตราย แน่ใจเหรอ?”
“ก็เลยบอกว่าต้องไปดูก่อนไง”
“ได้ เธอพูดมีเหตุผล” เย่ฉางอันยักไหล่ “งั้นพี่ใหญ่ไปเผาอิฐแล้วรวย แล้วฉันล่ะ? เธอต้องจัดการหาทางให้ฉันด้วยนะ”
“มีงานใหญ่ให้พี่ทำแน่นอน พี่อย่าเพิ่งใจร้อนสิ”
ต่อไปนี้ช่องทางการขายของฟาร์มทั้งหมดจะต้องมอบให้พี่ชายคนรอง
ก่อนที่จะได้รับส่วนแบ่ง ก็ต้องจัดการเรื่องการเพาะปลูกในหมู่บ้านให้ได้ก่อน ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวเลย
หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดขึ้นมาว่า “ทำไมลูกถึงคิดถึงเรื่องการเผาอิฐล่ะ?”
“เพราะหลังจากที่บ้านของเราสร้างบ้านอิฐแล้ว ก็มีคนอีกมากมายที่อยากจะสร้างบ้านบ้าง ในระยะสิบลี้แปดหมู่บ้านนี้ ใครจะสามารถไปขนอิฐมาจากในเมืองได้ล่ะ? ถ้าพวกเราเป็นคนแรกที่เผาอิฐ รับรองว่าจะต้องมีคนมาซื้อแน่นอน เมื่อบ้านอิฐของเราเริ่มต้นขึ้น ต่อไปก็จะมีคนสร้างบ้านอิฐตามมาอีกมากมาย”
“อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุที่แพงมาก แต่ผลตอบแทนก็ยังน่าพอใจมาก”
หลี่ชุ่ยชุ่ยคิดดูแล้ว บ้านอิฐก็สบายและสว่างกว่ามากจริงๆ
และหลังจากที่บ้านของพวกเขาสร้างเสร็จ ก็มีคนพูดบ่อยๆ ว่าอิจฉามาก อยากจะสร้างบ้านแบบนี้บ้าง
หล่อนแค่ฟังผ่านๆ ไม่ได้เอาใจใส่อะไรเลย
ใครจะรู้ว่าจิ่นเป่าได้ยินคำพูดแบบนี้เข้า กลับคิดหาวิธีทำเงินจากมันเสียแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็เป็นคนชอบเรียนรู้ “สิ่งที่ลูกพูดนี่เรียกว่าความต้องการใช่ไหม ความต้องการก็คือมีความจำเป็นต้องใช้อะไรบางอย่างใช่ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า
เย่เสี่ยวจิ่นคิดสักครู่ แล้วอธิบายให้หลี่ชุ่ยชุ่ยเข้าใจง่ายๆ ว่าที่ไหนมีความต้องการ ที่นั่นก็มีตลาด
ครอบครัวของเย่เหล่าซานต่างตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
พวกเขารู้สึกว่าหลักการนี้ไม่เคยมีใครพูดมาก่อนเลย
วิธีคิดแบบนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
หลิวเยว่พูดอย่างประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีความต้องการก็มีตลาด ถ้าอยากจะหาเงิน ก็ไม่ต้องไปดูว่าใครรับซื้ออะไร แต่ให้คิดว่าคนอื่นต้องการซื้ออะไร แล้วเราก็ไปขายสิ่งนั้น”
“ด้วยวิธีนี้เราถึงจะสามารถหาเงินได้”
เย่จวินพยักหน้าเห็นด้วย “นี่เป็นวิธีที่ดีจริงๆ นะ”
หลิวเยว่ไม่เคยกระหายความรู้มากขนาดนี้มาก่อน
แต่ก่อนหล่อนอ่านหนังสือเพราะชอบ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการอ่านหนังสือยังช่วยให้คนคิดหาวิธีหาเงินได้อีกด้วย
หล่อนคิดว่าต่อไปนี้ตนต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้น
ไม่ใช่แค่หลิวเยว่ที่คิดแบบนี้
เย่จวินก็คิดเช่นเดียวกัน “ถ้าฉันเริ่มเรียนหนังสือและอ่านออกเขียนได้ตอนนี้ มันจะยังทันไหม?”
“แน่นอนว่าทันค่ะ ตราบใดที่พี่ต้องการ ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอก” เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉันคิดว่าพวกเราทุกคนควรไปเรียนหนังสือกัน”
“รอให้ต่อไปในอนาคต เมื่อชีวิตดีขึ้น ทุกคนมีแรงทำงาน คนที่มีความรู้ก็จะเป็นที่ต้องการแน่นอน”
“แต่คนที่เรียนหนังสือก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคนที่มีความรู้สูงกว่าก็จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น”
“ยังไงก็ต้องเรียนรู้อยู่เสมอ ต้องเก่งกว่าคนอื่นตลอดเวลา”
เย่หวายแอบฟังอยู่เงียบๆ ด้านหลัง
เขาพยักหน้า ตัดสินใจว่าจะต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต ไม่มีวันที่จะล้าหลังกว่าคนอื่น
เย่ไฉกุ้ยและเซี่ยวเฟินฟางฟังคำพูดเหล่านี้แล้วก็รู้สึกเหมือนได้รับความกระจ่าง
แม้พวกเขาจะรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับครอบครัวของเย่เหล่าซานที่มีชีวิตที่ดี แต่บรรยากาศในครอบครัวของพวกเขาก็ดีจริงๆ
โดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาบ้าง
หลิวต้าเม่ยไม่สนใจเรื่องพวกนี้ “พวกเธอเรียนหนังสือไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องพึ่งบรรพบุรุษคุ้มครอง”
“ตอนที่บรรพบุรุษของพวกเธอฝังศพ ฉันตั้งใจจ่ายเงินไปเชิญอาจารย์ฮวงจุ้ยที่เก่งๆ มาโดยเฉพาะ”
“ก็เพราะฉันยืนกรานเช่นนี้ ถึงได้ฝังศพในสถานที่มงคล ตอนนี้ครอบครัวของเราถึงได้ดีขึ้นไงล่ะ”
ทุกคนขี้เกียจจะสนใจหลิวต้าเม่ย
การเชื่อโชคลางนั้นมีได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรเชื่อมากเกินไป
ใครจะเชื่อจริงๆ ว่าการพูดถึงการดูดวงบ่อยๆ นั้นถูกต้องล่ะ?
เย่จื้อผิงส่ายหน้า “แม่ครับ ปกติแม่ก็พูดเรื่องไร้สาระพวกนี้น้อยๆ หน่อย ถ้าฮวงจุ้ยของสุสานบรรพบุรุษดีจริง ทำไมผมกับพี่ชายคนโตและคนรองถึงไม่รวยล่ะครับ?”
“พวกเธอไม่ได้รวย แต่ก็มีลูกหลานมากมายนะ ตอนนั้นฉันก็ไหว้ขอพรให้ตระกูลเราแตกหน่อต่อกิ่งไง”
ยิ่งพูดหลิวต้าเม่ยก็ยิ่งกระตือรือร้น คงจะโยนทุกอย่างให้เป็นเรื่องของฮวงจุ้ยดีแน่ๆ
เย่ไฉกุ้ยได้ยินพวกเขาพูดถึงการเผาอิฐ ก็จดจำไว้เงียบๆ ในใจ
ตอนนี้บ้านของเย่เหล่าซานยังยุ่งอยู่มาก ไม่มีเวลาไปทำ ไม่สู้ให้ว่านหยวนลูกชายคนโตไปทำเรื่องนี้ดีกว่า
จะได้ไม่ต้องปล่อยให้บ้านเย่ซานได้เงินไปหมด
เขาลอบคิดคำนวณเช่นนี้อยู่ในใจขณะร่วมพิธีไหว้บรรพบุรุษไปด้วย พอเสร็จงาน ก็กลับบ้านไปปรึกษาเรื่องนี้กับลูกชายทันที
เซี่ยวเฟินฟางไม่คิดว่าสามีของตนจะเก็บความคิดนี้ไว้
เย่เหล่าเอ้อร์เป็นคนชอบหาเงิน ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้คนอื่นไปหาคะแนนแรงงาน แต่เขากลับขอเพียงข้าวที่แบ่งตามหัวคน
เย่ว่านหยวนฟังพ่อพูดจบแล้วก็รู้สึกลังเล “การเผาอิฐมันเหนื่อยมากเลยนะ ผมก็ไม่รู้วิธีทำด้วย แล้วใครจะมีเงินซื้ออิฐล่ะ?”
เซี่ยหลินบิดหูของเย่ว่านหยวนทันที “ลูกของคุณกำลังจะเกิดแล้ว คุณช่วยมีความคิดก้าวหน้าหน่อยได้ไหม?”
“ทุกคนอยากสร้างบ้านอิฐ ต่อไปคงมีคนซื้ออิฐเยอะแน่ๆ”
“อิฐแค่ก้อนเดียวไม่มีค่าหรอก แต่สร้างบ้านหนึ่งหลังต้องใช้อิฐมากมายขนาดนี้ ในรัศมีสิบลี้แปดหมู่บ้าน ใครจะมีความสามารถแบบนี้ล่ะ?”
เซี่ยหลินกลอกตาไปมา “ยังไงคุณก็ไม่ได้ไปทำงานในทีมอยู่แล้ว ไม่เอาเรื่องนี้ไปทำเงียบๆ ก่อนล่ะ? พอพวกเย่จวินเพิ่งรู้ตัว พวกเราก็ได้เปรียบไปแล้ว”
เย่ไฉกุ้ยก็พูดว่า “ใช่แล้ว พวกเธออย่าคิดว่ามันไม่มีค่า ดูบ้านของเจ้าสามสิ ขายฝ้าย ขายสตรอว์เบอร์รี ขายปลาไน…”
“ตอนนี้พวกเขาซื้อรถมาสองคันแล้ว สร้างบ้านใหญ่โตสว่างไสว”
“แน่นอนว่าต้องมีวิธีหาเงินที่ดี ฉันว่ามันทำเงินได้มากกว่าการทำไม้ไผ่สานของฉันเยอะเลย”
ทั้งครอบครัวกำลังปรึกษากัน
ทุกคนตัดสินใจว่าจะลงมือทำเรื่องนี้ก่อน เพื่อจะได้หาเงินก้อนโตมาก่อน
ระหว่างหน้าตาทางสังคมกับเงินทอง เงินทองย่อมสำคัญกว่าแน่นอน
แม้ว่าเย่ว่านหยวนจะกลัวเหนื่อย แต่เมื่อถูกบังคับให้ต้องทำ จึงตกลงรับปากไป
เขาเตรียมตัวจะไปเรียนรู้เทคนิคการเผาอิฐที่โรงงานข้างนอกโดยตรง ถึงอย่างไรน้องชายของเขาก็กำลังเรียนตัดผมอยู่ในเมือง อย่างมากไปอาศัยอยู่กับน้องชายก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร
หลังจากตัดสินใจแบบนี้แล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเย่ว่านหยวนก็หยิบเงินไปที่ตัวอำเภอ
ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็ถูกครอบครัวของเย่เสี่ยวจิ่นรู้เข้า
เมื่อมีเหอชุนเซิงเป็นบทเรียน พวกเขาต่างก็มีประสบการณ์กันแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยอุทานด้วยความประหลาดใจ “ว่านหยวนออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ คงไม่ได้ไปเรียนวิธีเผาอิฐหรอกนะ?”
เย่จื้อผิงก็รู้สึกกังวลเช่นกัน “นั่นก็พูดยาก ใครบ้างไม่อยากหาเงิน?”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้สนใจ ในระบบของเธอแสดงว่าแผนการเรียนรู้เบื้องต้นเพื่อสร้างชาติที่เข้มแข็งได้เริ่มขึ้นแล้ว
เนื่องจากคนในครอบครัวตื่นตัวที่จะเรียนรู้ เธอจึงได้รับรางวัลเป็นหลักสูตรมากมาย
เทคนิคลับเฉพาะในวงการและวิธีการทำเงินเหล่านี้ปรากฏขึ้นในระบบเหมือนกับผักกาดขาว
แค่เรื่องเผาอิฐเท่านั้น หากกระตุ้นให้คนในครอบครัวเรียนรู้ได้ นั่นก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
หากต้องการหาเงินจริงๆ ก็มีวิธีมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น หลักสูตรในระบบเหล่านี้ แต่ละอย่างล้วนสามารถทำเงินได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกอย่างไร
เธอยิ้มอย่างลึกลับ “พ่อแม่ อย่ากังวลไปเลยค่ะ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บ้านรองเริ่มพัฒนาตัวเองแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยรวยตามบ้านสามไปแน่ๆ เหลือแต่บ้านใหญ่นี่แหละที่คิดจะพึ่งพาสะใภ้คนรวยอยู่
ไหหม่า(海馬)
…………….