ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 174 มันเทศ
บทที่ 174 มันเทศ
……….
บทที่ 174 มันเทศ
ช่วงนี้สามารถเก็บเกี่ยวสมุนไพรบางชนิดในภูเขาได้แล้ว
แม้ราคาจะไม่แพง แต่เมื่อเทียบกับการอยู่เฉยๆ ช่วงนี้ ก็สามารถไปหาเงินได้บ้าง
เย่เสี่ยวจิ่นอยู่บ้านทำอาหารเย็นกับพี่ชาย
หลังจากแม่กลับมา ก็เริ่มเตรียมทำไข่เค็ม
เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งเดือนก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ทุกปีในช่วงนี้ บ้านไหนมีไข่เป็ดก็จะทำไข่เค็มกัน
ปีนี้หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ทำเป็นครั้งแรก ยังต้องไปเรียนรู้จากหยางเจวียนมาบ้าง
หลิวเยว่และเย่จวินแบกตะกร้าใหญ่กลับมา
ในตะกร้าเต็มไปด้วยพริกฮวาเจียวสีเขียว
พริกฮวาเจียวสีเขียวชนิดนี้เมื่อสกัดน้ำมันออกมาแล้วจะเป็นเครื่องปรุงรสที่ดีมาก ใช้ผัดกับเนื้อวัวและเป็ดได้อร่อยมาก
“ทำไมพวกพี่ถึงเด็ดพริกฮวาเจียวมาเยอะขนาดนี้? ไม่ได้ขุดรากผานหลงมาเลยหรือ?” เย่ฉางอันสงสัยไม่หาย
เย่จวินเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “บนพื้นถูกขุดจนหมดแล้ว จะมีอะไรเหลืออีกล่ะ?”
“พอดีวันนี้ไปไกลถึงบนภูเขา เจอหุบเขาเล็กๆ ที่มีพริกฮวาเจียวเต็มไปหมด ออกผลดกมาก”
“ฉันกับเสี่ยวเยว่เลยรีบเด็ดมาให้หมด เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปอีกทีจะไม่มีเหลือ”
เย่ฉางอันพยักหน้า มองดูของพวกนี้ แต่ก่อนคนในครอบครัวก็ชอบไปหามาเหมือนกัน
ถ้าพยายามเด็ดมาให้มาก ขายไปก็ได้เงินสัก 12 หยวน
แม้ว่าราคาจะถูกมาก แต่ก็ดีที่ต้นหนึ่งออกผลเยอะ ได้ประมาณ 10 กว่าชั่ง
ถ้าปีไหนโชคดี เด็ดได้เป็นร้อยชั่ง ก็จะได้เงินมาพอสมควร
เย่ฉางอันเห็นพวกเขาเหนื่อยมาก จึงบอกว่า “พวกพี่รีบไปอาบน้ำเถอะ ผมอุ่นอาหารไว้ในหม้อแล้ว”
“ทั้งตัวสกปรกแบบนี้ เหงื่อไคลเต็มไปหมด คงไม่สบายตัวแน่ๆ”
เย่จวินพยักหน้า แล้วหันไปมองหลิวเยว่ “เสี่ยวเยว่ คุณไปอาบน้ำก่อนนะ”
หลิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย แล้วไปตักน้ำ
เย่ฉางอันมองเย่จวิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “พี่ชาย ผมว่านะ คนเราต้องฉลาดและยืดหยุ่นหน่อย”
“พี่ดูสิ ทำนาทั้งปีก็ไม่ได้เงินสักเท่าไหร่ แต่ถ้าทำธุรกิจล่ะก็ จะสามารถหาเงินได้มากกว่า”
เย่จวินส่ายหน้า ยิ้มอย่างจนใจ “ขายผลผลิตทางการเกษตรบ้างก็พอได้ แต่นายอย่าไปขายของอย่างอื่นเชียวนะ ไม่งั้นจะมีเรื่องให้ต้องรับผลกรรมแน่”
“ผมไม่ได้จะไปเก็งกำไรหรอก” เย่ฉางอันพูดพลางหัวเราะ “ถ้าในอนาคตสามารถทำธุรกิจได้ ผมยอมทำธุรกิจดีกว่า ไม่ทำนาแล้ว”
ตอนนี้เย่ฉางอันได้ลิ้มรสหวานแล้ว แม้ว่าการไปขายของจะเหนื่อย แต่ก็ได้เงินมากกว่า
เขาเต็มใจที่จะทำอย่างนี้ เพื่อหาเงินก้อนโต
สองพี่น้องคุยกันอยู่สักพัก เย่จวินก็ไปอาบน้ำ
พอถึงวันรุ่งขึ้น
พวกเขายังคงขึ้นเขาไปหาสมุนไพรตามปกติ ส่วนเย่ฉางอันก็ไปเก็บเกี่ยวที่ทุ่งนาเชิงเขากับเย่เสี่ยวจิ่น
มีเส้นทางเล็กๆ คดเคี้ยวไป
บนภูเขาเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้ ท้องฟ้าสีครามมีเมฆขาวลอย มีฝูงนกบินผ่านไปเป็นครั้งคราว
เย่ฉางอันแบกตะกร้าใบใหญ่ เดินตามหลังน้องสาว
“เมื่อก่อนเธอชอบพูดว่าอันนี้อร่อย ไม่รู้ว่าผลผลิตจะเป็นยังไงบ้าง”
เย่เสี่ยวจิ่นแบกจอบเบาๆ ของตัวเอง “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้ไม่ได้มาดูเลย แต่ฉันคาดว่าช่วงนี้อากาศดีตลอด”
“คงจะเติบโตได้ดีแน่นอน”
ทั้งสองคนคุยกันไปพลางเดินมาถึงทุ่งนา
ที่นี่แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่มีผักกูดขึ้นอยู่ ตอนนี้แม้จะปลูกพืชอื่นแล้ว แต่ก็ยังมีผักกูดขึ้นอยู่มากมาย
เพียงแต่ว่าผักกูดในฤดูกาลนี้แก่เกินไปจนแทบไม่เหลือสภาพแล้ว
บนต้นผักกูดที่สูงลิ่ว มีเพียงยอดอ่อนส่วนปลายเท่านั้นที่กินได้
เย่เสี่ยวจิ่นหักกิ่งลงมาชิ้นหนึ่ง “เดี๋ยวพวกเราเก็บยอดผักกูดกลับไปบ้างนะ คืนนี้จะได้ผัดกับเนื้อตากแห้ง”
เย่ฉางอันวางของลงในตะกร้าหาบ หยิบจอบและเคียวขึ้นมา “ทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“เราคงต้องเอาเถามันเทศพวกนี้กลับไปก่อน มีเยอะขนาดนี้ เอาไว้เลี้ยงหมูได้ดีทีเดียว”
พี่น้องทั้งสองเริ่มเก็บเกี่ยวเถามันเทศยาวๆ
ไม่นานนัก เถามันเทศก็กองสูงเท่าภูเขาลูกเล็กๆ
เย่เสี่ยวจิ่นเพิ่งก้มหลังทำงานไปได้ไม่นาน ก็เหงื่อไหลโซมกายแล้ว
พวกที่ไปทำงานในป่าเขา แม้จะร่มเย็นกว่า แต่ความจริงก็ไม่ได้สบายนัก
ในป่าทั้งอบอ้าวชื้นแฉะ มียุง แมลง งู และมดชุกชุม
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็เก็บเกี่ยวเถามันเทศเสร็จแล้ว
“จิ่นเป่า ฉันจะแบกเถามันเทศกลับไปก่อน คงต้องวิ่งหลายเที่ยว”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ไปเถอะ”
เธอหยิบจอบขึ้นมาเริ่มขุดแล้ว
พอขุดลงไปครั้งเดียว ด้านล่างมีรูที่มีหัวมันขนาดใหญ่เป็นพวง
สีหน้าเธอเปล่งประกายด้วยความยินดี พอยกพวงนี้ขึ้นมาก็มีถึง 56 หัว แถมแต่ละหัวก็ใหญ่มาก
หัวนี้หนักถึง 4 ชั่งกว่าๆ
“นี่มันได้ผลผลิตมากจริงๆ”
เย่ฉางอันนำเถามันเทศกลับบ้านหมดแล้ว ข้างแปลงมีกองใหญ่อยู่
“จิ่นเป่า เธอทำงานเก่งจังเลยนะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ก็ยังดีนะ แค่ร้อนหน่อย”
“พี่รีบแบกกลับไปเถอะ ฉันขุดคนเดียวก็ได้”
“ถ้าเราแบ่งงานกันแบบนี้ ประสิทธิภาพของพวกเราจะสูงขึ้นนะ”
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คานนี้หนักอย่างน้อย 40 ชั่งเลยนะ!”
เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะ “งั้นที่พวกเราปลูกไว้เยอะขนาดนี้ ผลผลิตคงได้เกือบพันชั่งแล้วสิ?”
“คงประมาณนั้นแหละ”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีก
พอถึงเที่ยง เห็นว่าเย่ฉางอันยังแบกไม่เสร็จ เธอจึงนั่งพักบนพื้นที่ลาดเอียง
เธอมองซ้ายมองขวา เห็นต้นอู่ถงป่าต้นหนึ่ง จึงไปเด็ดใบใหญ่มาใบหนึ่ง แล้วไปดื่มน้ำที่ปากน้ำพุบนภูเขา
ซุนหลานฮวาเห็นเย่เสี่ยวจิ่น จึงอดไม่ได้ที่จะทักทาย “จิ่นเป่า ฉันเห็นพวกเธอกำลังเก็บเกี่ยวอยู่ข้างล่าง ผลผลิตเป็นยังไงบ้าง?”
เย่เสี่ยวจิ่นดื่มน้ำเสร็จแล้วยิ้มตอบ “ก็ดีนะคะ ปีนี้ได้ผลผลิตดีมาก”
“ฉันเห็นว่าของทางทีมก็ดีไม่เลวเลย แต่ละหัวหนักประมาณหนึ่งชั่งใช่ไหม?”
ซุนหลานฮวาพยักหน้า “ใช่ แต่ละหัวหนักหนึ่งชั่ง แต่ในหลุมหนึ่งมีแค่สองหัวเท่านั้น จริงๆ แล้ว…”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มเล็กน้อย “ก็ดีแล้วนะคะ ในหลุมหนึ่งก็มีสองชั่งแล้วนี่!”
เธอคุยกับซุนหลานฮวาอีกสองสามประโยค เห็นเงาของพี่ชายบนถนน จึงรีบไปช่วยเหลือ
เย่ฉางอันเห็นเย่เสี่ยวจิ่นมาช่วยเอามันเทศใส่ในตะกร้า
เขาเอามือเท้าสะเอว “ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว อากาศแบบนี้ทนไม่ไหวจริงๆ”
เขาหยิบไข่ออกมาจากกระเป๋า “เธอกินไข่สักฟองสิ คงหิวแล้วใช่ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นรับมา แล้วพูดว่า “ฉันกลัวว่าตัวเองจะสำลัก ฉันกินไข่ขาว พี่กินไข่แดงได้ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่ค่อยชอบกินไข่แดง
“เธอนี่โง่จริง ไม่รู้หรอกหรือว่าไข่แดงมีสารอาหารมากกว่า?”
แม้ว่าเย่ฉางอันจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยังกินไข่แดงที่น้องสาวไม่ชอบ
เย่เสี่ยวจิ่นเด็ดผักกูดมาอีกกำหนึ่ง รอให้พี่ชายแบกของเสร็จครั้งสุดท้ายแล้วก็กลับไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
ช่วงเช้านี้ เพิ่งทำงานในไร่ไปได้แค่ครึ่งเดียว ตอนบ่ายยังต้องยุ่งอีก
ตอนเย็น ที่ชายคาด้านนอกของห้องโถงก็มีกองมันเทศวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
หลี่ชุ่ยชุ่ยกลับมาเห็นแล้วอุทาน “โอ้โฮ วันนี้พวกเธอขนมันเทศกลับมาหมดแล้วเหรอ? ช่างขยันจริงๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นโผล่หัวออกมาจากครัวพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ยังเอาเถามันเทศกลับมาอีกเยอะเลย เอาไว้เลี้ยงหมูได้นะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มพลางพูดว่า “นั่นสิ จิ่นเป่าของเราเก่งจังเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
เธอจูงมือแม่เข้าไปในครัว แล้วหยิบมันเทศออกมาจากเตาไฟ “ฉันอบมันเทศไว้หลายหัวเลยค่ะแม่ แม่ลองชิมดูสิคะว่าอร่อยไหม”
“ฉันกับพี่ชายกินไปแล้ว อร่อยมากเลยค่ะ!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรับมันเทศที่ยังร้อนๆ มา เห็นเย่จื้อผิงเดินเข้ามาจึงแบ่งให้เขาครึ่งหนึ่ง
พอแกะมันเทศออก พบว่าเนื้อข้างในเป็นสีแดง ดูเหมือนเคลือบน้ำผึ้งไว้
“มันเทศนี่ดีจังเลยนะ” หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดอย่างประหลาดใจ กัดคำหนึ่งแล้วรสหวานก็ทำให้หล่อนตกตะลึง “มันเทศนี่อร่อยมากเลย ฉันไม่เคยกินมันเทศอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”
“จื้อผิง อร่อยไหม? หวานมากเลยนะ”
เย่จื้อผิงพยักหน้า “อร่อยมาก จิ่นเป่าก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นมันเทศหวาน ก็ต้องหวานเหมือนน้ำผึ้งอยู่แล้วสิ”
ทุกคนในครอบครัวไม่สนใจกินข้าวแล้ว
แต่ละคนกินมันเทศไปคนละหัว ต่างก็รู้สึกว่ารสชาติยอดเยี่ยมมาก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันหวานเผาร้อนๆ กินตอนอากาศหนาวๆ จะยิ่งอร่อยขึ้นไปอีกนะ
ไหหม่า(海馬)
……….