ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 166 ใบงาขี้ม่อนเยอะจัง
บทที่ 166 ใบงาขี้ม่อนเยอะจัง
……….
บทที่ 166 ใบงาขี้ม่อนเยอะจัง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันมื้อนี้เสร็จแล้ว
หลิวต้าเม่ยค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน พอเข้ามาในห้องเห็นทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ก็ยิ้มแย้มพูดว่า “นี่คือครอบครัวตระกูลหลิวสินะ แล้วกำหนดวันแต่งงานกันหรือยัง?”
“ยังเลยครับ” เย่จื้อผิงรีบตอบ “นี่แค่กินข้าวด้วยกันเท่านั้น เด็กสองคนยังต้องได้ใช้เวลาทำความรู้จักกันอีก”
หลิวต้าเม่ยกระทืบเท้าทันที “แบบนี้ไม่ได้นะ รับเงินแล้ว กินข้าวแล้ว จะให้ตระกูลเย่เราเป็นเหยื่อรึไง?”
“ฉันว่าวันที่ 13 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติก็ดีนะ ถึงตอนนั้นก็จัดงานแต่งงานเลย ไม่งั้นถ้าเลื่อนไปอีกก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว”
“ฉันดูแล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีฤกษ์ดีอีกแล้ว”
จริงๆ แล้วหลิวเยว่ก็ไม่มีความเห็นอะไร
ตอนแรกหล่อนรู้สึกพอใจและขอบคุณเย่จวินมาก ตอนนี้ก็มีความรู้สึกเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
แค่รู้สึกว่าคนในตระกูลเย่ให้ความเคารพความคิดเห็นของหล่อนมากเกินไป
ตลอดมาไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย
ตอนนี้เมื่อมีคนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา หล่อนก็รู้สึกประหม่าอยู่บ้างเป็นธรรมดา
เป็นครั้งแรกที่หล่อนหวังว่าขอให้เป็นไปตามนั้นเถอะ
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็รู้สึกสับสนอยู่บ้าง “งั้น…คุณพ่อแม่ยายคิดว่ายังไงคะ?”
หลิวคังอยากให้พวกเขาตกลงกันเร็วๆ
ครอบครัวดีๆ แบบนี้หายาก ถ้าตกลงกันเร็วๆ ก็จะไม่มีอะไรผิดพลาด
“ผมเป็นพ่อ ขอตัดสินใจแทนลูกสาวแล้วกัน”
“วันที่ 13 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติ วันนี้ก็ดีนะ พอดีเหลืออีกกว่า 3 เดือน ทางบ้านเราจะได้เตรียมสินเดิมไว้”
โดยทั่วไปแล้วการแต่งงานลูกสาวต้องเตรียมผ้านวมหลายผืน
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้ดีว่าสถานะทางการเงินของตระกูลหลิวตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก จึงรีบพูดว่า “ไม่ต้องเตรียมของพวกนั้นหรอกค่ะ บ้านเรามีทุกอย่างที่จำเป็นอยู่แล้ว”
“และพวกเรายังทำผ้านวมใหม่ๆ ไว้หลายผืนมากด้วย”
“ถึงเวลานั้น พวกคุณแค่มาร่วมงานแต่งงานก็พอแล้ว”
หลิวคังพยักหน้า รู้ว่าครอบครัวเย่มีเจตนาดี
แต่เขาก็ควรจะเตรียมของบางอย่างไปด้วย
หลี่จื่อหลานเห็นหลิวคังจะพูด จึงกล่าวว่า “บ้านพวกเราไม่มีเงินจริงๆ ในเมื่อแม่สามีพูดแบบนี้แล้ว ก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
เย่จื้อผิงและหลี่ชุ่ยชุ่ยไม่มีความคิดเห็นอะไร
เพราะที่บ้านมีไก่และเป็ดพอเพียงอยู่แล้ว อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็ครบครัน ผ้านวมตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูหนาวก็อุ่นสบาย ล้วนเป็นของใหม่ทั้งนั้น
หลิวต้าเม่ยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นว่าพวกเขาช่างตระหนี่จริงๆ
แต่เรื่องราวเป็นไปแบบนี้แล้ว นางจึงไม่อยากพูดอะไร
“เสี่ยวเยว่เอ๋ย ดูสิว่าครอบครัวเราดีกับเธอขนาดไหน รีบๆ ให้กำเนิดหลานชายตัวอ้วนๆ ให้บ้านเย่สามของเราเร็วๆ หน่อยนะ”
“ฉันก็อยากจะได้พรนั้นบ้าง จะได้เป็นย่าทวดสักที”
เย่จื้อผิงหยิบแตงโมที่วางไว้ข้างบ่อน้ำมา
ตอนนี้แตงโมเย็นจัดแล้ว
ช่วงนี้ไร่แตงโมถูกขุดไปรอบหนึ่ง แม้แตงโมที่เหลืออยู่หลายลูกจากการเก็บเกี่ยวตอนแรกจะไม่สวยงามนัก แต่เย่จื้อผิงก็เอากลับบ้านมาหมด
พอผ่าออกมาก็กินได้เหมือนกันทั้งนั้น
คนในครอบครัวหลิวกินแตงโมกันอย่างเอร็ดอร่อย อดไม่ได้ที่จะชมว่าแตงโมอร่อยมาก
พอถึงช่วงบ่ายสองโมงกว่าๆ คนในครอบครัวหลิวก็แยกย้ายกันกลับไป
วันนี้หลิวเยว่ไม่กล้าเงยหน้าสู้หน้าคนในครอบครัวเย่เลย แอบขอโทษเย่จวินลับหลัง
“เธอไม่ต้องทำแบบนี้หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเธอ”
“อีกอย่าง ก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นนี่”
“ก็เป็นอย่างนั้นแหละ เมื่อวานฉันเองก็ชวนพวกเขามากินข้าวด้วยอารมณ์ชั่ววูบ”
หลิวเยว่มองใบหน้าที่เรียบง่ายของเขา อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ “คุณช่างดีจริงๆ”
พูดจบ เธอก็วิ่งจากไปอย่างรีบร้อนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
สำหรับหลิวเยว่แล้ว การพูดแค่นี้ก็เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดที่หล่อนมีต่อเย่จวินแล้ว
บ่ายป่านนี้แล้ว เย่เสี่ยวจิ่นก็ไม่อยากไปสวนผลไม้อีกแล้ว
แม้ว่าตอนเที่ยงจะทำอาหารไว้เจ็ดแปดอย่าง แต่ก็มีคนมากินกันมากมาย เลยเหลือแค่เศษๆ เท่านั้น
คนสมัยนี้กินจุกันทั้งนั้น พอเจออาหารอร่อยๆ แบบนี้ก็ไม่เกรงใจกันเลย
“พี่ชายรอง คืนนี้พวกเราเอาปลาตัวนี้มากินกันเถอะ” เย่เสี่ยวจิ่นชี้ไปที่ปลาตะเพียนตัวใหญ่ในบ่อน้ำ “ต้องอร่อยแน่ๆ เลย”
“ปลาน่ะเหรอ รสชาติก็แค่นั้นแหละ… แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ก็ไม่มีเต้าหู้มาตุ๋นกับปลาด้วย”
“ถ้าถามความเห็นฉัน เราควรปล่อยมันกลับไปเลี้ยงต่อดีกว่า!”
“พี่จะรู้อะไร วิธีปรุงปลามีตั้งมากมาย” เย่เสี่ยวจิ่นเอามือเท้าสะเอว “ฉันเห็นว่าทุ่งหญ้าด้านหลังนั่นมีใบงาขี้ม้อนเยอะมาก พี่ไปเก็บกับฉันหน่อยสิ”
“จะใช้ใบงาขี้ม้อนผัดปลาเหรอ? รสชาติคงปร่าแย่เลย”
“ฉันว่ามันเป็นการทำลายเนื้อสัตว์นะ ถ้าเธอจะใช้ใบงาขี้ม้อนจริงๆ ก็ควรถามพ่อแม่ก่อนดีกว่า”
ขณะที่พี่น้องทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น เย่จื้อผิงก็เดินเข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่? ทำไมต้องถามฉันด้วย?”
เย่ฉางอันรีบฟ้องพ่อทันที “จิ่นเป่าบอกว่าจะใช้ใบงาขี้ม้อนผัดปลากิน”
“คงไม่อร่อยแน่ๆ” เย่จื้อผิงส่ายหัว
“โธ่ พวกพ่อฟังหนูหน่อยสิ มันอร่อยจริงๆ นะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เย่จื้อผิงจะไม่ตามใจได้อย่างไร?
“ได้ ๆๆ จะทำยังไงก็ทำตามนั้น ถ้าไม่อร่อย ลุกก็ต้องกินให้หมดคนเดียวนะ” เย่จื้อผิงลูบหัวลูกสาว “แล้วลูกก็ต้องบอกพ่อด้วยว่าต้องทำยังไง”
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มกว้าง
“อันดับแรก ให้หั่นปลาเป็นสองซีก แต่ตรงกลางยังติดกันอยู่ ไม่ต้องหั่นขาดจากกัน”
“ทอดในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ แล้วเอาออกมา ใส่น้ำนิดหน่อย ตุ๋นเครื่องปรุงเข้าไป ต้องใส่พริกแห้งเยอะ ๆ ด้วย”
“ตอนจะยกลง ให้ใส่ใบงาขี้ม้อนไปเจ็ดแปดใบ รับรองว่าหอมมาก”
เย่จื้อผิงจดจำไว้ “ฟังดูไม่ยาก แค่สิ้นเปลืองน้ำมันหน่อย”
เย่เสี่ยวจิ่นเตือนเขา “ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่นานก็จะมีถั่วลิสงแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นเราก็เอาถั่วลิสงกับถั่วเหลืองมาสกัดน้ำมันด้วยกัน”
“คราวนี้เราทำน้ำมันเยอะ ๆ ซื้อถั่วลิสงกับถั่วเหลืองในหมู่บ้านมาให้หมด”
“ดีที่สุดคือหีบครั้งเดียวแล้วใช้ได้ทั้งปี”
เย่จื้อผิงก็เห็นว่ามีเหตุผล “ก็จริงนะ น้ำมันถั่วลิสงนี่รสชาติดีกว่าน้ำมันโหยวไช่ฮวาเยอะเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่ได้คิดเช่นนั้น
เพียงแต่เทคโนโลยีการสกัดน้ำมันเมล็ดโหยวไช่ฮวาในปัจจุบันยังล้าหลังอยู่ ดังนั้นน้ำมันที่สกัดออกมาจึงยังไม่ดีพอ
เทียบกับน้ำมันถั่วลิสงที่สกัดด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยของเธอ ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้แน่นอน
ถ้าวันไหนเธอได้เครื่องสกัดน้ำมันเมล็ดโหยวไช่ฮวาสักเครื่อง มันคงจะวิเศษมาก
“จิ่นเป่า เธอคิดว่าเครื่องสกัดน้ำมันของเธอจะสามารถสกัดน้ำมันเมล็ดโหยวไช่ฮวาได้ไหม?”
“ฉันไม่รู้ ในคู่มือไม่ได้เขียนไว้ว่าสามารถสกัดน้ำมันเมล็ดโหยวไช่ฮวาได้” เย่เสี่ยวจิ่นยักไหล่ “ถ้าไม่ได้เขียนไว้ ก็คงเป็นเพราะหลักการทำงานต่างกันมั้ง”
พวกเขาไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้มากนัก
เย่จื้อผิงไปเก็บใบงาขี้ม้อนที่ด้านหลัง
เย่เสี่ยวจิ่นเดินตามหลังเขาไป เห็นแปลงงาขี้ม้อนขนาดใหญ่ ตอนนี้กำลังเติบโตได้ที่พอดี
ทุกปีไม่มีใครกินมัน ช่างเป็นการสูญเปล่าจริงๆ
หลิวเยว่เดินขึ้นมาจากด้านล่างในตอนนี้ “กำลังทำอะไรกันอยู่? ต้องการให้ฉันช่วยไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นเธอแล้วก็เกิดความคิดบ้าบิ่นขึ้นมาในใจทันที “พี่สาวเยว่ คราวนี้พี่เก็บหยางเหมยมาเยอะอีกแล้ว แต่ครั้งที่แล้วก็ทำเหล้าหยางเหมยไปแล้วนี่”
“ไม่งั้นพวกเราลองทำเหล้าหยางเหมยกับใบงาขี้ม้อนดีไหม พอดีตอนนี้บนต้นหยางเหมยยังมีผลอยู่เยอะเลย”
“พวกเราทำของพวกนี้แล้วเอาไปขายในเมืองได้นะ ไม่มีใครทำแบบนี้ บางทีอาจจะได้เงินด้วยนะ”
หลิวเยว่ไม่เคยได้ยินเรื่องหมักหยางเหมยกับใบงาขี้ม้อนมาก่อน
หล่อนสงสัยมาก “ใบงาขี้ม้อนใช้ผัดอาหารไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่นะ ใบงาขี้ม้อนทำได้นะ นอกจากหยางเหมยกับใบงาขี้ม้อนแล้ว ยังใช้เป็นท้อกับใบงาขี้ม้อนได้ด้วย รสชาติก็ไม่เลวเลยนะ”
หลิวเยว่เห็นเธอมั่นใจแบบนั้น ก็ยิ้มตาหยีขึ้นมา “ยังไงตอนนี้ที่บ้านก็มีทั้งหยางเหมยกับท้อ ที่นี่ก็มีใบงาขี้ม้อนเยอะแยะ งั้นก็พวกเราลองดูสิ แล้วจะรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คิดถูกแล้วที่ใช้งาขี้ม้อนผสม เพราะอาหารหรือเหล้าที่ออกมาจะมีสีสวยและกลิ่นหอมมากเลย
ไหหม่า(海馬)
……….