ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 165 กลิ่นหอมของอาหาร
บทที่ 165 กลิ่นหอมของอาหาร
……….
บทที่ 165 กลิ่นหอมของอาหาร
สีหน้าของหลิวเยว่ยังคงเย็นชาตลอดเวลา
ต่อให้หล่อนจะทำดีแค่ไหน คนในครอบครัวก็ยังคิดว่าหล่อนเป็นเพียงลูกสาวที่ไร้ประโยชน์
ที่บ้านก็เป็นเพียงของประดับ พอมีสามีก็กลายเป็นของประดับของสามี
ถึงแม้หล่อนจะเรียนเก่ง ขยันขันแข็ง ก็ไม่มีทางได้รับการมองด้วยสายตาชื่นชมเลย
“พูดแบบนั้นไม่ได้นะ” เย่จวินขมวดคิ้วพูดขึ้น “เสี่ยวเยว่เป็นคนดีมาก พวกเราทั้งครอบครัวคิดว่าหล่อนดีมาก”
“คุณพูดแบบนี้เท่ากับเป็นการดูถูกหล่อนนะ”
“หล่อนอยู่ในครอบครัวของพวกเรา พวกเราทุกคนรู้สึกว่าดีมาก และไม่ได้คิดว่านี่เป็นโชคอะไรเลย”
หลิวเยว่ไม่คิดว่าเย่จวินจะออกมาพูดแทนเธอแบบนี้
แต่เดิมหล่อนเคยชินกับการถูกปฏิบัติอย่างลำเอียงเช่นนี้แล้ว แต่การที่มีคนออกมาปกป้องหล่อน ทำให้หัวใจที่เย็นชาในตอนนี้อบอุ่นขึ้นมาก
กระทั่งสิ่งที่เคยทนได้ในอดีต ตอนนี้มาคิดดูแล้วก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา
“ถูกต้อง ถูกต้อง ลูกเขยพูดถูกแล้ว ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนดี ถ้าพวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมุมานะพยายาม พวกเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างดี” หลิวคังกล่าว
เขามองลูกเขยคนนี้ด้วยสายตาชื่นชมไม่ว่าจะมองอย่างไร
ถึงกับคิดว่าลูกเขยดีกว่าลูกชายที่ไม่เอาไหนของตัวเองมากนัก
“ถ้าหลิวเหวินเป็นคนดีเหมือนนายได้ พวกเราก็คงจะสบายใจกว่านี้มาก”
เย่จื้อผิงยิ้มพลางกล่าวว่า “ลูกหลานย่อมมีวาสนาของตัวเอง คุณพ่อตาอย่าเพิ่งรีบร้อนเลย ไม่แน่ว่าในอนาคตลูกชายของคุณอาจจะมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่ก็ได้”
หลิวคังได้แต่ยิ้มขื่น
ลูกชายของเขาเป็นอย่างไร ในใจเขาย่อมรู้ดี
หลิวเหวินได้ยินพ่อดูถูกตัวเอง อยากจะโต้แย้งสักสองสามคำ แต่พอจะอ้าปากพูดก็กลืนกลับลงไป
ช่างมันเถอะ อดทนสักพักก็สงบ อย่างน้อยก็ไม่โดนทุบตี
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้อนรับที่นี่
เมื่อถูกทุบตีก็ไม่มีใครช่วยห้ามปราม
“พี่สาวเสี่ยวเยว่เป็นคนดีนะ พวกคุณอย่าดูถูกหล่อนสิ”
“ปัจจุบันยุคสมัยเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ สังคมก็ก้าวหน้าขึ้น ต่อไปผู้หญิงก็จะแบกครึ่งท้องฟ้าได้เหมือนกัน”
หลี่ถงแสดงท่าทีดูถูก “ทำอะไรได้ล่ะ? ล้างจาน ทำอาหาร เลี้ยงลูก สุดท้ายก็ต้องยื่นมือขอเงินคนอื่นอยู่ดี”
เย่เสี่ยวจิ่นอดขำไม่ได้ ดูเหมือนหลี่ถงคนนี้จะคิดว่าตัวเองเป็นสตรีที่เป็นอิสระ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย
จริงๆ แล้วความคิดของเย่เสี่ยวจิ่นก็ไม่ผิดเลย
แม้หลี่ถงจะมีรายได้ที่มั่นคงและงานที่ดูดี แต่ในที่ทำงานกลับถูกคนดูถูก เพราะเป็นคนเส้นสาย โดยที่ตัวเองไม่มีความรู้
ก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องตลกมากมายกับหล่อนเพราะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
ดังนั้นหล่อนจึงอิจฉาหลิวเยว่ที่เรียนจบชั้นมัธยมต้นอยู่ลึกๆ ในใจ
ทุกครั้งที่หลิวคังพูดถึงลูกสาวคนนี้ เขามักจะพูดถึงความขยันในการเรียนหนังสือ นี่ไม่ใช่การเหยียบย่ำจุดเจ็บปวดของหลี่ถงหรอกหรือ?
“เรียนหนังสือมากมายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผู้หญิงน่ะ สุดท้ายก็ต้องพึ่งผู้ชายอยู่ดี”
เย่เสี่ยวจิ่นอดที่จะยิ้มไม่ได้ “นั่นเป็นเรื่องของคุณ คนอื่นเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ”
หลี่ถงกำหมัดแน่นขึ้นอีก แต่รู้ดีถึงความร้ายกาจของเย่เสี่ยวจิ่น จึงไม่กล้าลงมือ
บนโต๊ะอาหารมีทั้งไก่และเป็ด เดิมทียังมีปลาอีกหนึ่งตัว แต่เพราะเกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่ หลี่ชุ่ยชุ่ยจึงไม่ทันได้ทอด
เย่จื้อผิงรู้สึกหงุดหงิดในใจ จึงคิดจะเก็บปลาไว้ให้คนในครอบครัวกินเอง
โชคดีที่จิ่นเป่าลูกสาวของเขาเก่งพอ ไม่ถูกคนอื่นรังแก ไม่อย่างนั้นคงจะทำให้เขาเจ็บปวดใจจริงๆ
แต่ก่อนเย่จื้อผิงคิดว่าผู้หญิงไม่ควรแข็งกร้าวและดุดันเกินไป แต่ตอนนี้เขาคิดว่าการเป็นแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“จิ่นเป่า มากินขาเป็ดนี่สิ” เย่จื้อผิงคีบขาเป็ดที่ใหญ่และหอมที่สุดใส่ชามของเย่เสี่ยวจิ่น “มีอาหารตั้งมากมายบนโต๊ะ อย่าสนใจแต่การพูดคุย กินเยอะๆ หน่อย”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า แล้วเปลี่ยนเป็นโหมดกินทันที
ไก่ผัดพริกหยวกเขียวนี้รสชาติอร่อยมาก เป็นพริกหยวกป่าที่เย่จื้อผิงไปเก็บมาจากเชิงเขาเมื่อเช้านี้
หลังจากผัดพริกจนหอม กลิ่นน้ำมันพริกที่เป็นเอกลักษณ์นั้น ช่างทำให้น้ำลายสอเลยทีเดียว
ส่วนเป็ดนั้นผัดด้วยขิงแก่ เนื้อนุ่มและรสชาติกลมกล่อม
มันเป็นเป็ดที่เพิ่งเลี้ยงมาได้สามสี่เดือน จึงเป็นช่วงที่เนื้อมีรสชาติดีที่สุด
“อร่อยมากเลย” เย่เสี่ยวจิ่นพูดพลางเคี้ยวเนื้อ “พี่ชาย พี่สาวเสี่ยวเยว่ พวกคุณกินเยอะๆ หน่อยสิ”
“ถ้าพวกคุณเกรงใจ เดี๋ยวหนูจะกินหมดคนเดียวนะ”
เย่ฉางอันหัวเราะอย่างหงุดหงิด “มีตั้งเจ็ดแปดอย่าง เธอยังกลัวว่าพวกเราจะไม่มีกินอีกเหรอ?”
บนโต๊ะอาหารยังมีถั่วแห้งผัดเนื้อตากแห้งอีกจาน
หลังจากแช่น้ำ ถั่วแห้งก็มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมื่อผัดรวมกับเนื้อตากแห้งหั่นเต๋า ก็เป็นกับข้าวที่กินคู่กับข้าวได้อย่างลงตัว
เย่ฉางอันตักใส่ชามหลายช้อน คลุกเคล้ากับข้าวสวยหอมกรุ่น จนเขากินได้ถึงสามชาม
ถ้าไม่เกรงใจ เขายังกินได้อีกสี่ชามเลยนะ!
เมื่อเทียบกับครอบครัวหลิวที่มีเรื่องให้กังวลใจ
หลี่จื่อฟางซึ่งเป็นคนนอกกลับไม่เกรงใจ กินอย่างเอร็ดอร่อย
บ้านตระกูลเย่นี้ดูสว่างไสว อาหารการกินก็ดีเยี่ยม ดูก็รู้ว่าฐานะร่ำรวยมาก
“คุณแม่ยาย ลูกชายรองและสามของคุณได้แต่งงานหรือยัง? ที่หมู่บ้านของฉันมีสาวๆ มากมาย ทั้งสวยทั้งขยันนะ”
“ถ้าลูกชายของคุณยังต้องการหาคู่ ต้องให้ฉันช่วยแนะนำนะ”
“ลูกสาวคนโตของเรา ทำงานคนเดียวเท่ากับสองคนเลยล่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน
ชาวชนบทเชื่อในหลักการแต่งงานก่อนแล้วค่อยสร้างฐานะ มีภรรยาแล้วชีวิตถึงจะมั่นคง
อีกอย่าง มีผู้หญิงคอยดูแลบ้าน จัดการเรื่องราวต่างๆ ชีวิตในครอบครัวถึงจะรุ่งเรืองขึ้นได้
“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็นหรอก” เย่ฉางอันแค่นเสียงสองครั้ง “ในหมู่บ้านของเรามีคนมากมายอยู่แล้ว”
“หาคนในหมู่บ้านของเราเอง อย่างน้อยก็รู้จักหัวนอนปลายเท้า ไม่รู้ว่าสถานการณ์ครอบครัวของคนอื่นเป็นยังไง”
“ถ้าบังเอิญไปหาคนที่มีสภาพแวดล้อมครอบครัวไม่ดี แล้วมาก่อเรื่องทุกวัน ใครจะทนไหว?”
คำพูดนี้ของเย่ฉางอันชัดเจนว่ามีเจตนาบางอย่าง
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบพูดว่า “ลูกชายโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าวันหน้ามีความจำเป็นแบบนี้ ฉันรับรองว่าจะมาหาคุณ”
หลี่จื่อฟางยิ้มเก้อเขิน “งั้นก็ได้ ลูกชายคนรองของคุณก็อายุไม่มากนัก รออีกสองปีก็ได้”
“อีกอย่าง งานมงคลของลูกชายคนโตก็ยังไม่ได้จัดเลย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเห็นภรรยาและลูกของพี่ชายคนโตอยู่บนเตียงอุ่น ๆ แล้วอยากแต่งงานเองก็ได้”
เย่จื้อผิงรีบพยักหน้า “ใช่ ๆๆ ใครจะรู้เรื่องในอนาคตได้”
หลิวคังดื่มเหล้ากับเย่จื้อผิงไปหลายแก้ว ใบหน้าก็แดงขึ้นเล็กน้อย เขาวางแก้วลงแล้วตั้งใจกินข้าว
หลิวเหวินเห็นทุกคนกินอย่างเอร็ดอร่อย จึงยื่นตะเกียบออกไปคีบเนื้อไก่ผัดพริกหยวกอย่างรวดเร็ว
การกัดคำเดียวนี้ ทำให้นึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองทิ้งไปเลย
มันอร่อยเหลือเกิน!
ไม่แปลกใจเลยที่น้องสาวซึ่งปกติค่อนข้างถือตัวที่บ้าน สามารถอยู่ที่นี่ได้
แค่อาหารในบ้านนี้ก็น่าอิจฉาพอสำหรับคนยุค 70 ที่ยากจนขนาดนี้แล้ว
“ภรรยาจ๋า รีบกินเถอะ เนื้อไก่นี่อร่อยมากเลย”
หลี่ถงเดิมทีไม่ค่อยมีความอยากอาหาร พยายามคีบชิ้นหนึ่งด้วยมือซ้ายอย่างยากลำบาก แต่พอกินเข้าไปแล้วก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
“ทำไมอาหารถึงอร่อยขนาดนี้?”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจตอบ
หลี่จื่อหลานก็รู้สึกสงสัยอยู่ในใจ เมื่อเร็วๆ นี้ที่บ้านของหล่อนก็ปรุงเนื้อกระต่าย แต่ไม่อร่อยเท่าไก่เป็ดที่บ้านพวกเขาเลย
“คุณแม่สามี อาหารนี้ทำยังไงคะ ทำไมถึงอร่อยขนาดนี้?”
“วันนี้ฉันก็จะเรียนรู้จากคุณ เพื่อที่จะได้ทำอาหารให้ลูกชายและลูกสะใภ้กินต่อไป”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกเขินเล็กน้อย “อาหารจานนี้อร่อยเพราะน้ำมันเป็นสำคัญ ที่บ้านของเราใช้น้ำมันในการผัดเยอะมาก ดังนั้นอาหารจึงอร่อย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยใช้ตะเกียบแหวกกับข้าวออก ด้านล่างเต็มไปด้วยน้ำมันสีเหลืองอร่าม
“ปีนี้เมล็ดโหยวไช่ฮวาในรัศมีสิบลี้แปดหมู่บ้านถูกลูกเห็บทำลายหมดแล้ว”
” ทำไมพวกคุณถึงใช้น้ำมันทำอาหารอย่างไม่เสียดายเลย?”
“ฉันได้ยินมาว่าถ้าไปซื้อในเมืองสักชั่ง มันแพงมากเลยนะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร “แพงก็แพงอยู่หรอกค่ะ แต่จิ่นเป่าลูกสาวของฉันปกติเลือกกินมาก ถ้าไม่ใส่น้ำมันในอาหารเยอะหน่อย หล่อนก็จะเอาน้ำมันหมูมาราดข้าวกินเลย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่าได้มาจับคู่ให้ผู้ชายบ้านนี้เลยค่ะ เขาเลือกคนอยู่ ไม่ใช่ไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาแต่งด้วย
ทีนี้เลิกดูถูกบ้านเย่สามหรือยังล่ะว่าจน
ไหหม่า(海馬)
……….