ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 14 ป้าใหญ่หาเรื่อง (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 14 ป้าใหญ่หาเรื่อง (รีไรต์)
บทที่ 14 ป้าใหญ่หาเรื่อง (รีไรต์)
บทที่ 14 ป้าใหญ่หาเรื่อง (รีไรต์)
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกตกใจสุดขีด
หล่อนขยี้ตาตัวเองแล้วเพ่งมองอีกครั้ง ก็พบว่าในยุ้งฉางมีกองฝ้ายขนาดใหญ่ราวกับภูเขาตั้งตระหง่านอยู่จริง ๆ
“นี่… นี่มันเป็นไปได้ยังไง…”
หลี่ชุ่ยชุ่ยหยิบฝ้ายขึ้นมาหนึ่งปุย ปุยฝ้ายนั้นนุ่มฟู สีขาวบริสุทธิ์ ขนาดใหญ่กว่าฝ้ายราคาแพงที่สุดที่หล่อนเคยเห็นในตลาดเสียอีก
ข้างนอกมีหิมะขาวโพลน ส่วนในโกดังมีฝ้ายขาวผ่องราวกับปุยเมฆ
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกมึนงง “ฉันต้องฝันไปแน่ ๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นหลี่ชุ่ยชุ่ยยืนนิ่งอยู่หน้าโกดัง เธอเรียกเท่าใดหลี่ชุ่ยชุ่ยก็ไม่มีปฏิกิริยา
เด็กน้อยจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วดึงชายเสื้อของหลี่ชุ่ยชุ่ยเบา ๆ “แม่”
“เรามีฝ้ายเยอะมากจริง ๆ นะ”
ฝ้ายดิบทั้งหมด 50 กิโลกรัม
แม้จะตัดชุดกันหนาวคนละชุดกันทั้งครอบครัว ก็ยังใช้ไม่ถึงครึ่งเลย
ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถทำผ้านวมหนา ๆ ได้อีกหลายผืน
ข้างเตาถ่าน หลี่ชุ่ยชุ่ยนำฝ้ายดิบที่แห้งสนิทแล้วใส่ลงในตะกร้าขนาดใหญ่
ฝ้ายดิบที่ฟูนุ่ม เมื่อกองรวมกันแล้วแผ่ออกมาก็ดูขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ
หล่อนขยี้มือที่เย็นชืด ค่อย ๆ บรรจงคลายนิ้วออก
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูมารดานำหวีออกมาหวีปุยฝ้าย เธอจึงหยิบเก้าอี้เตี้ยมานั่งเคียงข้าง
“แม่คะ นี่กำลังทำอะไรเหรอ?”
“นี่คือการแยกเมล็ดฝ้ายออกจากปุยฝ้าย จิ่นเป่าดูสิ” หลี่ชุ่ยชุ่ยยื่นมือออกมา ในมือมีเมล็ดเล็ก ๆ ห่อหุ้มด้วยปุยฝ้ายอยู่หลายเมล็ด “นี่แหละคือเมล็ดของฝ้าย”
“เมล็ดฝ้ายพวกนี้ดีมากเลย พวกเราเก็บไว้ก่อน รออากาศอุ่นขึ้นแล้วค่อยเอาไปปลูก”
“แต่ถ้ายังคงมีฝนตกและหิมะตกแบบนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะหว่านเมล็ดได้ดีนัก”
เย่เสี่ยวจิ่นฟังอย่างตั้งใจ พลางรับเมล็ดพันธุ์จากมือแม่
เธอกระโดดโลดเต้นหยิบชามเล็ก ๆ ใบหนึ่งมายืนรอรับเมล็ดพันธุ์ที่แม่ส่งให้ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
เวลาผ่านไปครึ่งวัน
หลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังทำถุงผ้าใบเล็ก ๆ ให้เธอ เพื่อใส่เมล็ดฝ้ายที่รวบรวมไว้
“จิ่นเป่าเก็บไว้ดี ๆ นะ พออากาศอุ่นขึ้น เราก็เอาไปปลูกข้างบ้านได้”
เย่เสี่ยวจิ่นกอดถุงเมล็ดพันธุ์ไว้ มองไปรอบ ๆ แล้วเอาไปแขวนไว้บนผนัง
“ชุ่ยชุ่ยทำไมยังไม่ทำกับข้าวอีก” หลี่กุ้ยฮวาตั้งใจมาตอนใกล้เที่ยง
หล่อนดูอารมณ์ดีจนปากจะฉีกถึงใบหู
“วันนี้แม่ฉันเอาเมล็ดฝ้ายมาให้ตั้งเยอะ แน่สิ ฉันล่ะขี้เกียจเหลือเกิน ยังต้องมานั่งทำเสื้อผ้าอีก”
“แม่นี่ก็ชอบหาเรื่องให้ฉันจริง ๆ เล้ย!” หลี่กุ้ยฮวาพูดพลางก้าวเข้ามาในบ้าน ในมือกำลังถือฝ้ายอยู่
หลี่กุ้ยฮวาพูดอวด “ดูสิ ฝ้ายของฉันนุ่มนิ่มน่าใช้แค่ไหน”
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองฝ้ายในมือของหลี่กุ้ยฮวาด้วยความสะท้อนใจ
เพราะหลิวซื่อรักและเอ็นดูหลี่กุ้ยฮวามากกว่า และไม่เคยเห็นหัวพวกเขา ในวันที่หิมะตกหนักเช่นนี้ หลิวต้าเม่ยยังอุตส่าห์เอาฝ้ายมาให้หลี่กุ้ยฮวา แต่ครอบครัวของพวกเขากลับไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแล
หลี่ชุ่ยชุ่ยฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “สวยมากเลย แม่กลัวเธอหนาว เลยอุตส่าห์เอาฝ้ายมาให้”
“ฝ้ายดี ๆ แบบนี้ ถ้าเอามาทำเสื้อหนาว ต้องอุ่นมากแน่ ๆ”
ถึงแม้ว่าคุณภาพของฝ้ายกองนี้จะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ถือว่าเป็นฝ้ายคุณภาพดีที่หาซื้อได้ยากแล้ว
“แน่นอนสิ ครอบครัวของเธอไม่มีเหรอ?”
หลี่กุ้ยฮวาสาวเท้าเข้ามาดึงเสื้อของหลี่ชุ่ยชุ่ยด้วยท่าทางรังเกียจพลางเอ่ยว่า “ดูเสื้อที่เธอใส่ก็ได้ หลี่ชุ่ยชุ่ย ใส่มาสิบกว่าปีแล้ว ทำไมไม่ขอแม่ซื้อฝ้ายมาทำเสื้อใหม่บ้างล่ะ”
“โอ๊ะ ลืมไปเลย” หลี่ชุ่ยชุ่ยตอบ
“แม่น่ะ เกลียดพวกเธอจะแย่ มีเหรอที่จะให้ของดี ๆ อย่างฝ้ายกับพวกเธอ” หลี่กุ้ยฮวาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน จนคนฟังรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงทรวงใน
หลี่ชุ่ยชุ่ยได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันแข็งค้าง ก่อนจะตอบกลับอย่างอ่อนโยน “พี่สะใภ้พูดถูก ไม่ใช่ทุกคนจะมีบุญวาสนาได้อย่างนั้น”
“รู้แล้วก็ดี” หลี่กุ้ยฮวาตอบกลับ ก่อนจะเดินตรงไปยังกองไฟ
ทว่า เพียงก้าวเท้าไปได้ไม่กี่ก้าว เท้าของหล่อนก็พลันหยุดชะงัก
ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง เมื่อเห็นตะกร้าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝ้ายสีขาวบริสุทธิ์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
ไหนจะขนาดที่ใหญ่กว่าของหล่อน แถมใยฝ้ายยังดูยาวกว่าอีก มองปราดเดียวก็รู้ว่าทั้งนุ่มและอุ่นอย่างแน่นอน
หลี่กุ้ยฮวาถึงกับตาค้าง หล่อนขยี้ตาตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เป็นกองใยฝ้ายกองเบ้อเร่อจริง ๆ ด้วย! อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีสิบกว่าชั่งเห็นจะได้!
ที่หล่อนไม่รู้ก็คือ ยังมีใยฝ้ายอีกเจ็ดแปดสิบจินที่วางอยู่ในตะกร้าที่ห้องด้านในอีก ไม่งั้นตอนนี้หล่อนคงอิจฉาตาร้อนผ่าวไปแล้ว
หลี่กุ้ยฮวารีบสาวเท้าเข้าไป หยิบใยฝ้ายของพวกเขามาดูแล้วดูอีก
“ใยฝ้ายดอกใหญ่ขนาดนี้ แถมยังขาวผ่องแบบนี้เชียว”
“ฉันไม่เคยเห็นใยฝ้ายงาม ๆ แบบนี้มาก่อนเลย พวกแกไปเอามาจากไหนกัน”
“แค่ข้าวปลาอาหารพวกแกยังแทบจะไม่มีกิน แล้วจะไปหาเงินที่ไหนมาซื้อใยฝ้ายดี ๆ แบบนี้ได้”
ไม่ต้องพูดถึงใยฝ้ายคุณภาพดีแบบนี้ที่ไม่มีขายในสหกรณ์เลย แม้แต่ในเมืองเองก็ไม่มี!
ความริษยาแทบจะแผดเผาจิตใจของหลี่กุ้ยฮวาให้มอดไหม้
ลองเทียบกันดูแล้ว ฝ้ายของตัวเองดูช่างไร้ค่าสิ้นดี!
เย่เสี่ยวจิ่นมองฝ้ายในมือของหลี่กุ้ยฮวา แสร้งทำเป็นตกใจ ปิดปากเล็ก ๆ ของตัวเองไว้พลางพูดว่า “เอ๊ะ ทำไมฝ้ายของย่าถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ”
“ทั้งเหลือง แล้วยังเป็นดอกเล็ก ๆ อีก ดูเหมือนเก็บไว้นานแล้วนะคะเนี่ย”
“ย่าประหยัดจังเลยค่ะ ไม่เหมือนพวกเราเลย แค่คิดว่าจะต้องใช้ฝ้ายแย่ ๆ ก็ไม่อยากใช้แล้ว” เย่เสี่ยวจิ่นพูดเสียงใสรัวเร็ว
ฟังดูไพเราะจับใจ แต่เนื้อความกลับทิ่มแทงใจ
“เหลวไหล!” หลี่กุ้ยฮวาไม่เชื่อ หล่อนคว้าแขนของเย่เสี่ยวจิ่นแน่น “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ใครให้พวกแกมา!”
“ปล่อยลูกฉันนะ!” หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบปกป้องลูกของหล่อนทันที
หลี่กุ้ยฮวาถูกผลักจนเซถลา ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธ “นังหน้าไม่อาย! แกคิดว่าฉันไม่รู้งั้นสิว่าฝ้ายพวกนี้เป็นของชู้รักแก หึ่ม!”
น้ำเสียงของหล่อนแฝงไปด้วยความริษยา “ฉันจะไปบอกพ่อแม่ ไปบอกทุกคนให้รู้ว่าแกมันหน้าด้านแค่ไหน!”
“พูดจาเหลวไหลอะไร พูดบ้าบออะไรของเธอ!” ในที่สุดหลี่ชุ่ยชุ่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ทำไม ใคร ๆ ก็ใช้ฝ้ายได้ มีแต่แกที่ใช้ไม่ได้”
“หลี่กุ้ยฮวา แกอวดดีเกินไปแล้ว!”
หลี่กุ้ยฮวาสงบสติอารมณ์ลงได้ ดวงตาของหล่อนจ้องมองฝ้ายกองโตด้วยความโลภ และแววเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นในดวงตา
ทันใดนั้น หล่อนก็แสร้งยิ้มอย่างใจดี “ชุ่ยชุ่ย ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ”
“คือฝ้ายของแกดูดีมาก ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เลยเผลอพูดออกไป”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาทันที
หลี่กุ้ยฮวาก็เอ่ยปากขึ้นมาจริง ๆ ว่า “ชุ่ยชุ่ย เธอเองก็รู้ เหวินชางบ้านเราน่ะถือว่าเป็นคนมีการศึกษาของตระกูลเย่เลยนะ เขาต้องไปเรียนต่อมัธยมปลายในเมือง”
“ฉันเอาฝ้ายที่บ้านมาแลกกับของแกก็แล้วกัน เอาอย่างนี้ไหม แกยกฝ้ายพวกนี้ให้ฉันไปเลย เป็นไง”
“ต่อไปเหวินชางเรียนจบมีหน้ามีตาขึ้นมา ก็คงไม่ลืมบ้านแกหรอก”
ทันใดนั้นเอง เย่เสี่ยวจิ่นก็หลุดขำออกมา “ฝ้ายบ้านป้าน่ะ เก็บไว้จนสีซีดหมดแล้ว ยังจะเอาฝ้ายดี ๆ ของพวกเราไปอีก หน้าหนาจริง ๆ”
“ยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกจะรู้เรื่องอะไร ฝ้ายน่ะยิ่งเก่ายิ่งอุ่นรู้ไหม!”