ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 134 เหอชุนเซิง ขนาดลอกคนอื่นมาก็ยังลอกไม่หมดเลย
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 134 เหอชุนเซิง ขนาดลอกคนอื่นมาก็ยังลอกไม่หมดเลย
บทที่ 134 เหอชุนเซิง ขนาดลอกคนอื่นมาก็ยังลอกไม่หมดเลย
……….
บทที่ 134 เหอชุนเซิง ขนาดลอกคนอื่นมาก็ยังลอกไม่หมดเลย
เมื่อมาถึงในตำบล
ซุนจ่างซุ่นพาเย่เสี่ยวจิ่นไปกินอาหารเช้าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อน
แม้เขาจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็แต่งตัวเรียบง่าย ดูเหมือนลุงที่ใจดีมากคนหนึ่ง
“จิ่นเป่า หนูอยากกินอะไร?”
เย่เสี่ยวจิ่นกวาดตามองแวบหนึ่ง “เสี่ยวหลงเปา!”
ซุนจ่างซุ่นจึงสั่งเสี่ยวหลงเปามา 4 ตะกร้า
ทั้ง 4 คนนั่งในร้านก๋วยเตี๋ยว กินอาหารเช้าด้วยกัน
“ผู้ใหญ่ซุน วันนี้ไม่ได้มาตลาดนัด มาทำธุระที่ตำบลเหรอครับ?”
“พาเลขาฯ มาด้วย คงเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ”
ซุนจ่างซุ่นยิ้มขื่นๆ “ต้องไปที่สำนักงานตำบลสักหน่อย”
เย่เสี่ยวจิ่นมองซาลาเปาที่ยังร้อนๆ หยิบขึ้นมาจิ้มน้ำมันพริก อร่อยจนบอกไม่ถูก
เธอรีบดื่มซุปสาหร่ายขณะที่ยังร้อนอยู่อีกสองสามอึก
ท่ามกลางพี่ชายและลุงๆ เธอเหมือนต้นถั่วงอกเล็กๆ ที่ได้รับการปกป้องดูแล
กัวชิงซงมองเธอพลางยิ้มพูดว่า “จิ่นเป่า หนูกินอิ่มไหม? ถ้าไม่อิ่มฉันให้อีกสองสามชิ้นนะ ฉันกินไข่มาแล้วตอนออกจากบ้านตอนเช้า”
เย่เสี่ยวจิ่นรีบโบกมือ “พอแล้วค่ะๆ”
กัวชิงซงมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู “จิ่นเป่าเด็กคนนี้กำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต คงจะหิวบ่อยกว่าปกติสินะ”
“ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ กินมื้อนี้แล้วไม่รู้ว่าจะได้กินมื้อต่อไปเมื่อไหร่”
“สมัยนี้ดีขึ้นมากแล้ว เด็กๆ ได้กินอิ่มทุกมื้อ แต่ละมื้อก็ไม่ต้องกินมากเท่าแต่ก่อน”
นานๆ ทีกัวชิงซงจะแสดงความเมตตาเช่นนี้
โดยทั่วไปแล้ว เขามักจะทำหน้าบึ้งตึงเดินไปทั่วหมู่บ้าน ใครเห็นก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนเข้าถึงยาก
“ป้าครับ ทุ่งนาทดลองเลี้ยงปลาในนาข้าวของหมู่บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ?”
เจ้าของร้านครุ่นคิดสักครู่ “ทุ่งนาทดลองเลี้ยงปลาในนาข้าว… พวกคุณมาเรียนรู้เทคนิคกันสินะ?”
“คุณถามถูกคนแล้วล่ะ ผู้เชี่ยวชาญเหอพาลูกน้องมากินที่ร้านฉันทุกวันเลย”
“ฟังตามที่พวกเราบอกนะ มันอยู่ทางทิศตะวันตกผ่านโรงเรียนประถมไป”
“แถวนั้นมีที่นาทั้งหมด 50 หมู่”
เย่เสี่ยวจิ่นเลิกคิ้วขึ้น “ช่างบังเอิญจริงๆ พวกเขาก็มีที่นา 50 หมู่เหมือนกันนี่นา”
“พวกเราไปดูกันเถอะ ดูว่าเขาเรียนรู้ได้ดีแค่ไหน”
โจวเซียวพยักหน้า “ก็ดีนะ พวกเราต้องรู้เขารู้เราด้วย”
ขณะนั้น
ทุ่งนาทดลองเลี้ยงปลาในนาข้าวของหมู่บ้าน
เหอชุนเซิงสวมหมวกฟาง กำลังสั่งการนักเรียนคนอื่นๆ ที่ติดตามเขาให้ทำงาน
เสี่ยวซานหยิบปลาที่ตายแล้วขึ้นมาจากน้ำด้วยความสงสัย “อาจารย์เหอครับ ปลาที่ปล่อยลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำไมถึงตายหมดเลยครับ?”
“ปลาหลายตัวพากันว่ายหงายท้อง เป็นเพราะคุณภาพน้ำไม่ดีหรือเปล่าครับ? หรือว่าเป็นเพราะมีโคลนตมมากเกินไป ทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ไม่ดี?”
เหอชุนเซิงเดินเข้าไปดูแล้วขมวดคิ้วด้วยความกังวล “น้ำก็ดูสะอาดดีนะ ถ้าฆ่าเชื้อในน้ำ จะยิ่งไม่ดีต่อปลาหรือเปล่า?”
เขาคิดถึงเรื่องนี้จนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว
ประกอบกับเรื่องที่นายตำบลบอกเขาเมื่อเช้านี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น
“อาจจะเป็นเพราะปลาได้รับบาดเจ็บระหว่างขนส่งมา อัตราการรอดชีวิตถึงได้ต่ำ”
“นายจดบันทึกอัตราการตายไว้หน่อย ตอนเที่ยงฉันจะลองคิดหาวิธีแก้ไขอีกที”
เขาถอดหมวกฟางออก แล้วโบกพัดให้ตัวเอง
แดดแรงมากจนเริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม
ต้องทราบก่อนว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูก จึงไม่ค่อยรู้เรื่องปลาเท่าใด
“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เสี่ยวซาน นายไปตามอาจารย์หลี่จากฟาร์มเพาะเลี้ยงมาดูสถานการณ์นี้หน่อย”
“ตอนเที่ยง นายจดบันทึกให้ละเอียดแล้วมารายงานฉันด้วย”
เสี่ยวซานพยักหน้ารับคำ “ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
ตอนนี้ถึงเวลาที่เหอชุนเซิงต้องไปที่สำนักงานตำบลแล้ว
เขาไม่กลัวหรอกว่าคนจากหมู่บ้านชงเถียนจะทำอะไรได้
ในเมื่อตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นคนที่ยื่นแผนงานไปก่อนล่วงหน้า
ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรมากมายแค่ไหน ตราบใดที่เขายืนกรานที่จะยืนกระต่ายขาเดียว คนพวกนั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้
เหอชุนเซิงเพิ่งจะเดินออกไป เย่เสี่ยวจิ่นและคนอื่นๆ ก็มาถึงพอดี
เสี่ยวซานเห็นพวกเขากำลังมอง จึงรีบพูดว่า “พวกคุณเดินออกไปให้ไกลหน่อย ที่นี่เป็นแปลงทดลอง ห้ามรบกวน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกคุณต้องรับผิดชอบทั้งหมด”
เสี่ยวซานอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว พอเห็นพวกเขาก็ไล่คนอย่างไม่ไว้หน้า
เย่เสี่ยวจิ่นมองเขาแล้วยิ้มน้อยๆ “นี่ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วเหรอ?”
เธอชี้ไปยังปลาในนาที่พากันลอยหงายท้อง “ดูสิ ปลาตายหมดแล้ว”
เสี่ยวซานมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดอย่างหงุดหงิด “เด็กน้อยที่ไหนเนี่ย ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย”
“พวกคุณเป็นญาติของเธอใช่ไหม รีบพาหล่อนออกไปซะ ที่นี่มีเรื่องให้ยุ่งเยอะแยะอยู่แล้ว น่ารำคาญจะตาย”
เย่เสี่ยวจิ่นตั้งใจจะแนะนำอะไรสักหน่อย แต่เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีไม่สุภาพขนาดนี้ เธอจึงกลืนคำพูดทั้งหมดที่อยู่ปลายลิ้นลงไป
ความลึกของน้ำ…
ความลึกของน้ำเป็นปัญหาที่สำคัญมาก
โดยปกติการปลูกข้าว ความลึกของน้ำประมาณ 30 เซนติเมตรก็เพียงพอแล้ว
แต่สำหรับการเลี้ยงปลาในเดือนแรก ความลึกของน้ำต้องมีถึง 50 เซนติเมตร
เธอส่ายหน้า “ช่างเถอะ พวกเราไปกันเถอะค่ะ พวกเขาต้องแพ้แน่นอน”
“ทำแบบไม่มีความรู้พื้นฐานเลย สุดท้ายก็จะไม่ได้อะไรเลย”
เสี่ยวซานโมโหมากขึ้น
ก่อนที่เขาจะระเบิดอารมณ์ เย่เสี่ยวจิ่นและคณะก็เดินจากไปแล้ว
ในสำนักงาน เหอชุนเซิงพร่ำบ่นถึงความอยุติธรรมที่เขาได้รับให้นายตำบลและหลินเจียฟัง
“ผมทุ่มเทเพื่อเพิ่มรายได้ให้ตำบล แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกพวกเขาแก้แค้นแบบนี้”
“ครอบครัวของเย่เสี่ยวจิ่นมีเรื่องบาดหมางกับครอบครัวภรรยาผม แต่ผมไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลย”
“ผมทำงานอย่างยุติธรรม แต่ไม่คิดว่าการกระทำของพวกเขาที่หมู่บ้านชงเถียนจะทำให้ผมรู้สึกหดหู่ขนาดนี้”
“หลายวันมานี้ ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเรื่องปลาในนาข้าว พอมาเจอเรื่องนี้เข้าอีก วันนี้ผมก็ยิ่งกังวลและหงุดหงิด”
เขาพูดพลางถอนหายใจ ใบหน้าซีดเซียวและมีรอยคล้ำใต้ตา
ทำให้ดูน่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย
จ้าวกั๋วถ่งปลอบใจว่า “คุณก็อย่าเพิ่งกังวลไปเลย พวกเรารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น”
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
มีคนพาชาวบ้านจากหมู่บ้านชงเถียนมาถึงแล้ว
ทันทีที่ซุนจ่างซุ่นเข้ามาในห้อง เขาก็ทักทายพวกเขาอย่างนอบน้อม “ท่านหัวหน้าตำบลโจว คุณหลิน พวกคุณรอนานแล้วใช่ไหมครับ? ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก”
ตรงกันข้ามกับรอยยิ้มและท่าทีประจบประแจงของซุนจ่างซุ่น
ท่าทีของโจวกั๋วถ่งและหลินเจียกลับเฉยเมย
พวกเขาถึงกับไม่ลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ
“นั่งลงเถอะ” โจวกั๋วถ่งหัวเราะเบาๆ “ผมรู้เรื่องของพวกคุณหมดแล้ว”
“ถ้าเรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตก็ไม่ดีนัก อย่างไรเสียพวกคุณก็ไม่มีหลักฐาน”
“ในเมื่อพวกคุณมาที่นี่แล้ว ก็น่าจะคิดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้วสินะ”
“คุณหลินก็อยู่ที่นี่ด้วย งั้นพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน”
เย่เสี่ยวจิ่นนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ
คนอื่นๆ ก็นั่งลงเช่นกัน
ซุนจ่างซุ่นและกัวชิงซงมีสีหน้าไม่ค่อยดี เห็นได้ชัดว่าคนที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับการมาของพวกเขา
ด้วยท่าทางแบบนี้ คนเหล่านี้จะให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาได้อย่างไร?
โจวเซียวเห็นบรรยากาศเย็นชาลง เขากำลังจะพูด แต่กลับถูกเย่เสี่ยวจิ่นพูดตัดหน้าไปก่อน
เธอมองเหอชุนเซิงที่กำลังถอนหายใจแล้วหัวเราะเบาๆ “หนูเพิ่งไปดูแปลงทดลองของคุณมา”
“คุณนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ ขนาดลอกคนอื่นมาก็ยังลอกไม่หมด แล้วยังกล้ามาทำหน้าบูดบึ้งอีก ไม่กลัวว่าพอถึงเดือนกันยายนไม่มีปลาสักตัวแล้วจะอับอายขายหน้าหรือ?”
เหอชุนเซิงตกใจเงยหน้ามองเย่เสี่ยวจิ่น
ที่นี่เป็นสำนักงานรัฐบาลตำบลนะ เธอกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้เลยเหรอ?!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนลอกก็งี้แหละ ลอกมาแบบผิดๆ ไม่มีความรู้ พอเอามาทำจริงก็โป๊ะแตก
ไหหม่า(海馬)
……….