ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 114 เย่หวายสอบได้ที่หนึ่ง
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 114 เย่หวายสอบได้ที่หนึ่ง
บทที่ 114 เย่หวายสอบได้ที่หนึ่ง
……….
บทที่ 114 เย่หวายสอบได้ที่หนึ่ง
เย่เสี่ยวจิ่นสวมเสื้อผ้าใหม่ เย่จื้อผิงที่กำลังทำอาหารเห็นลูกสาวในชุดใหม่แล้วก็รู้สึกดีใจ
“ดูผ้าที่พ่อเลือกให้จิ่นเป่าของเราสิ สวยไหม?”
“สวยค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นชูนิ้วโป้งขึ้น “พ่อเก่งจังเลย!”
เย่จื้อผิงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย
เขาดีใจมากที่ได้รับคำชมจากลูกสาว
“ถ้าอย่างนั้น คราวหน้าถ้าจะซื้อผ้า ให้พ่อไปเลือกอีกนะ พ่อจะซื้อผ้าที่ดีที่สุดให้จิ่นเป่าเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นลูบเสื้อผ้าของตัวเองแล้วพยักหน้า
เย่จื้อผิงรินน้ำร้อนจากกาต้มน้ำใส่แก้ว แล้วคนน้ำผึ้งลงไป “จิ่นเป่า กินยาแล้วดื่มน้ำผึ้งนะลูก กินเสร็จแล้วก็ไปหยิบเสื้อผ้าอีกชุดมาใส่ทับด้านนอกนะ”
“เช้านี้ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย หนาวมากเลยนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นมองยาเม็ดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “เด็กที่ต้องกินยานี่น่าสงสารจริงๆ”
เย่หวายได้ยินคำพูดนั้นแล้วรู้สึกสงสารน้องสาว
เห็นน้องสาวกินยาจนหน้าย่นเป็นจีบซาลาเปาแล้วก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ
“ถ้าจิ่นเป่าหายดีแล้ว ก็ไม่ต้องกินยาอีกแล้วนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นไอสองครั้ง “อืม ๆ เดี๋ยวหนูก็จะหายในเร็ว ๆ นี้แหละ”
ตราบใดที่ระบบจัดการให้เธอแข็งแรงขึ้นมา เธอก็จะหายแล้ว
แต่ระบบน่าเกลียดนี่กลับไม่ยอมปล่อยให้เธอมีร่างกายแข็งแรงแบบเต็มร้อยเสียที!
ราวกับกำลังแกล้งตายอยู่
“พี่ชายสาม กินเสร็จแล้วรีบไปโรงเรียนเถอะ”
เย่หวายชวนเย่เสี่ยวจิ่นกินอาหารเช้า
การสอบกลางภาคเสร็จสิ้นแล้ว วันนี้เป็นวันศุกร์ตอนบ่าย ซึ่งจะมีพิธีมอบรางวัล
หยางจิ่นเห็นเย่หวายแล้วก็ทักทาย สีหน้าดูกังวลเล็กน้อย “เสี่ยวหวาย สอบเป็นยังไงบ้าง? วันนี้จะประกาศผลคะแนนแล้ว ฉันกำลังจะจบแล้ว ฮ่า…”
“ข้อสอบนี่มืดแปดด้านเลย คืนนี้คงโดนตีอีกแน่ๆ”
เย่หวายปลอบใจเขา “ไม่เป็นไรหรอก บางทีคะแนนนายอาจจะดีก็ได้นะ”
“ฉันเขียนลงไปเต็มทุกข้อ แต่ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า”
หยางจิ่นส่ายหน้า แล้วถอนหายใจยาว “อย่างน้อยนายก็เขียนเต็มทุกข้อ แสดงว่าอย่างน้อยนายก็ทำได้”
“ฉันคาดว่าพออ่านหนังสือจบในอีกไม่กี่เดือนนี้ ฉันก็คงต้องกลับมาทำงานในทีมแล้ว”
“ถึงจะทำงานในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนกับฤดูหนาว แต่อย่างน้อยก็ยังได้เรียนหนังสือ บางครั้งถ้าขี้เกียจ พ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไร”
หยางจิ่นไม่อยากทำงานหาคะแนนทุกวัน
เขาช่วยทำงานที่บ้านทุกวัน พอถึงเวลาแบบนี้ ถึงได้เสียใจภายหลังว่าทำไมผลการเรียนออกมาไม่ดี
“ลือกันว่าในห้องเรียนของพวกเรามีคนที่ผลการเรียนดีพอจะสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะได้แล้ว”
“แต่ฉันคงไม่มีทางแล้วล่ะ อย่าว่าแต่โรงเรียนอาชีวะเลย มัธยมปลายก็สอบไม่ติด”
หยางลี่ลี่ถือกระดาษผลสอบวิ่งออกมาจากบ้าน “โอ๊ย ฉันสายแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”
“วันนี้มีพิธีมอบรางวัล ฉันประเมินคะแนนแล้ว น่าจะพอได้”
“คืนนี้พ่อแม่คงชมฉัน พี่ชายก็จะได้กินหน่อไม้ผัดเนื้อแล้ว ฮิๆ”
หยางจิ่นนึกถึงสีหน้าดุดันของพ่อตอนที่เฆี่ยนเขาด้วยไม้เรียว
เขารู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงโรงเรียน หยางหยางก็มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี
ช่วงเช้าเรียนตามปกติ ครูอธิบายข้อสอบ ให้ทุกคนประเมินคะแนนของตัวเอง
เย่หวายรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเขาพบว่าตัวเองทำถูกทั้งหมด
แต่เขาก็กลัวว่าตัวเองจะมั่นใจเกินไป หากข้อสอบง่ายและคนอื่นๆ ก็ทำได้ดีเหมือนกันล่ะ?
หลังกินขนมฟักทองในตอนเที่ยง ตอนบ่ายทุกคนก็หิ้วเก้าอี้ไปรวมตัวกันที่สนาม
พิธีมอบรางวัลการสอบเริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากครูและผู้อำนวยการกล่าวสุนทรพจน์ ผลการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่ 1 ก็ถูกประกาศเป็นอันดับแรก
“ไม่รู้ว่าใครจะได้ที่หนึ่งนะ ได้ยินมาว่าคราวนี้รางวัลที่หนึ่งได้ตั้ง 10 หยวนเชียวนะ!”
“เงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? สวรรค์ โรงเรียนใจดีขนาดนี้เลยหรือ?”
“ได้ยินมาว่าเป็นเงินบริจาคจากศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ ตั้งเป็นกองทุนอะไรสักอย่าง… ยังไงก็เป็นเงินที่ใช้เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนน่ะ”
“ดีจังเลยนะ”
เย่หวายฟังทุกคนพูดคุยกัน
เขาเป็นนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ ความสัมพันธ์กับทุกคนก็ธรรมดาๆ
ปกติก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับพวกเขาในวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้ามีเวลาว่างก็อยู่บ้านช่วยงาน
“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นของเฉินเวยนะ เทอมที่แล้วหล่อนได้ที่หนึ่งสองครั้งติด”
“อืม ก็หล่อนเป็นหัวหน้าห้องนี่นา แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดสิ”
“ก็ไม่แน่นะ อีกสามห้องข้างๆ ผลการเรียนก็ไม่ได้แย่นี่”
เย่หวายก้มหน้า แสงแดดจ้าบนศีรษะแผดเผาพื้นดิน
ชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่งมี 3 ห้องเรียน แต่ละห้องมีนักเรียนกว่า 50 คน
ทั้งระดับชั้นมีนักเรียนกว่า 150 คน
พอขึ้นชั้นมัธยมต้นปีที่สอง ยังคงมี 3 ห้องเรียน แต่มีนักเรียนบางคนไม่เรียนต่อแล้ว
แต่ละห้องเหลือแค่ 40 คน
คนด้านบนกำลังประกาศผลการสอบ
“ขอเชิญนักเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่งห้อง 410 ขึ้นมารับรางวัลดีเด่น”
“อันดับที่สี่ หลินฉีฉี อันดับที่ห้า หลิ่วต้าฝู…”
เย่หวาย ฟังรายชื่อด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ในรายชื่อรางวัลดีเด่น 10 อันดับแรกไม่มีชื่อของเขา
ทุกคนต่างดีใจรับใบประกาศเกียรติคุณ
หลิ่วต้าฝูที่อยู่ข้างๆ พูดกับเขาว่า “รางวัลชมเชยนี่ก็ดีนะ อย่างน้อยก็ได้ใบประกาศ พ่อแม่ฉันคงไม่ตีฉันแล้วล่ะ”
“นายว่าไงล่ะ เย่หวาย?”
เย่หวายยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ติดสิบอันดับแรกก็เยี่ยมแล้ว แถมนายยังได้อันดับห้าด้วย”
“แค่พยายามอีกนิดเดียว บางทีอาจติดสามอันดับแรกเลยก็ได้”
หลิ่วต้าฝูอดภูมิใจไม่ได้ ใบหน้าอวบๆ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “นายไม่รู้หรอก นายเพิ่งมาเทอมนี้เอง”
“เทอมที่แล้วฉันเรียนแย่มาก สอบปลายภาค…”
เขาชูนิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างเกินจริงว่า “ฉันติดอันดับ 100 ของชั้นปี! พ่อฉันนี่ถือไม้เรียววิ่งไล่ตีฉันในทุ่งนาเลย!”
“นายคงตามบทเรียนเทอมนี้ไม่ทันสินะ? พวกเราเป็นคนหมู่บ้านชุนเถียนเหมือนกัน ปิดเทอมนายมาบ้านฉันสิ ฉันจะสอนนายเอง”
เย่หวายได้ยินก็รีบตอบตกลงทันที “ได้เลย พัฒนาการนายเร็วขนาดนี้ วิธีเรียนต้องดีแน่ๆ”
หลิ่วต้าฝูโบกมือ “แน่นอนอยู่แล้ว ก็อันดับห้าของชั้นปีนี่นา”
บนเวทีตอนนี้ กำลังประกาศผลรางวัลสามอันดับแรก
“ขอเชิญผู้ชนะสามอันดับแรกขึ้นมารับใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล 3 หยวนบนเวทีค่ะ”
“รางวัลที่สาม ได้แก่ เซี่ยหว่านอิ๋ง จากชั้นมัธยมต้นปีที่ 1 ห้อง 3”
เพื่อนร่วมชั้นของเซี่ยหว่านอิ๋งปรบมือแสดงความยินดี
เย่หวายมองไปรอบๆ เห็นทุกคนต่างมีสีหน้ายินดี
เขาเม้มริมฝีปาก รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
แต่เดิมเขาคิดว่าตัวเองน่าจะได้อันดับที่ 510
เมื่อครู่ก็ยังคิดว่า บางทีอาจจะทำได้ดีจนติดอันดับ 3
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป
เขาพูดกับตัวเองในใจว่า “ช่างเถอะ คราวหน้าค่อยพยายามใหม่”
สีหน้าของเขาถูกหยางหยางสังเกตเห็น เขาเดินเข้าไปตบไหล่เย่หวายเบาๆ
“ไม่ต้องรีบร้อน”
“ครับอาจารย์ ผมเข้าใจ” เย่หวายยิ้มเจื่อนๆ “คราวหน้าผมจะพยายามให้มากขึ้น”
“ก็นะ ผมเรียนช้ากว่าคนอื่นตั้งหนึ่งเทอม ไม่มีทางที่คะแนนจะพุ่งขึ้นไปติดสิบอันดับแรกได้ในทันทีหรอก”
“ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนผมจะอ่านหนังสือที่บ้านให้มากขึ้น”
หยางหยางยืนอยู่ข้างๆ เขา ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เฉินเวย จากชั้นมัธยมต้นปีที่ 1 ห้อง 2”
หลิ่วต้าฝูตกใจรีบปรบมือ “สมแล้วที่เป็นหล่อน เก่งจริงๆ ที่นั่งอยู่ในสามอันดับแรกอย่างมั่นคง!”
เย่หวายมองเฉินเวยที่กำลังขึ้นไปรับรางวัลด้วยความอิจฉา พลางปรบมือตาม
หยางหยางตบไหล่เย่หวายอีกครั้ง แล้วเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง
เย่หวายคิดว่าครูต้องการให้เขาไม่ต้องรู้สึกหดหู่มากเกินไป
จิตใจของเขาจึงดีขึ้นเล็กน้อย
เมื่อถึงเวลาประกาศผู้ชนะเลิศ
ครูบนเวทีหยุดพูดชั่วครู่ แล้วพูดว่า “ผู้ชนะเลิศครั้งนี้เป็นนักเรียนหน้าใหม่ ดูเหมือนว่าเขาจะขยันและพยายามมาก”
“ตอนนี้ขอเชิญผู้ชนะเลิศขึ้นมารับใบประกาศและเงินรางวัล 10 หยวนครับ!”
ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน
“10 หยวนเชียวนะ โอ้สวรรค์ ฉันอิจฉาจัง”
“ใช่แล้ว ฉันไม่เคยใช้เงินมากขนาดนั้นมาตั้งแต่เด็ก”
“พ่อแม่ให้เงินฉันซื้อลูกอมแค่ไม่กี่เฟินเท่านั้นเอง”
“ไม่รู้ว่าใครโชคดีขนาดนั้น ถึงได้รับเงินมากมายขนาดนั้น”
…
เย่หวายก็ตั้งใจฟังเพื่อนร่วมชั้นพูดคุยกันอย่างเต็มที่
เขาไม่ได้สนใจคนบนเวทีเลย
จนกระทั่งถูกหลิ่วต้าฝูผลักไปทีหนึ่ง เขาถึงได้หันไปมองอย่างสงสัย
“เย่หวาย นายเจ๋งมากเลย คมในฝักจริงๆ! รีบขึ้นไปสิ!”
เย่หวายงุนงง “อะไรนะ?”
คนอื่นๆ ต่างหันมามองเย่หวาย เสียงวิพากษ์วิจารณ์หายไป กลายเป็นเสียงเร่งเร้าแทน
“เย่หวาย นายได้ที่หนึ่ง รีบขึ้นไปสิ!”
“เก่งมากเลย ขนาดเป็นนักเรียนหน้าใหม่ยังเก่งได้ขนาดนี้”
“เขาไม่ใช่หรือที่บอกว่าอยู่บ้านทำงานมาหนึ่งปี ครูทุกคนในชั้นปีที่หนึ่งไม่รับเขา แล้วครูหยางของพวกเราเก็บเขามา?”
“ครูหยางมีสายตาแหลมคมจริงๆ”
ครูหยางที่เดินนำหน้าอยู่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ต้องขอบคุณครูหลินเหมยของพวกเราที่ไม่รับเขานะ ไม่อย่างนั้นผมจะมีโอกาสได้นักเรียนที่ดีขนาดนี้มาได้ยังไง?”
เขาพูดติดตลก “ฮ่าๆ อันดับหนึ่ง สอง และห้าอยู่ในห้องของพวกเรา ผู้อำนวยการต้องมองฉันด้วยสายตาที่ต่างไปแล้วแน่ๆ”
ครูหลินเหมยของชั้นปีที่หนึ่งโกรธจนจมูกแทบบิดเบี้ยว
ถ้ารู้ว่าเย่หวายเก่งขนาดนี้ หล่อนต้องรับเขาแน่นอน!
แต่ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!
เย่หวายค่อยๆ ก้าวขึ้นเวทีแล้ว
เขายังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
ยืนอยู่บนแท่นรับรางวัล รับใบประกาศเกียรติคุณสีเหลืองทอง ซึ่งมีชื่อของเขาเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า – เย่หวาย
อันดับหนึ่งของชั้นปี
“ขอแสดงความยินดีด้วย ต่อไปก็รักษาระดับไว้นะ พวกเราทุกคนเชื่อมั่นในตัวเธอมาก”
“พอขึ้นมัธยมสอง ก็ต้องพยายามสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะให้ได้นะ”
คุณครูส่งมอบซองแดงใส่เงินรางวัลให้เขาอย่างจริงจัง “การเรียนสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้ ทำให้หาเงินได้อย่างสบาย หวังว่าเธอจะจดจำหลักการนี้ไว้”
“ฉันได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เธอต้องหยุดเรียนไปครึ่งปีเพื่อไปทำงาน ต่อไปอย่าได้ละทิ้งตัวเองอีกนะ”
“เธอเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนจริงๆ ได้คะแนนเกือบเต็มทุกวิชา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป การเข้าโรงเรียนอาชีวะก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว”
นักเรียนหน่วยก้านดีแบบนี้ที่ได้คะแนนรวมเกือบเต็มทุกวิชา ถือเป็นนักเรียนคุณภาพชั้นยอดที่โรงเรียนมัธยมต้าหลี่ให้ความสำคัญที่สุด
เย่หวายหน้าแดง “ขอบคุณครับคุณครู”
เขากำเงินรางวัลในซองแดงไว้แน่น รู้สึกร้อนใจอยากจะแบ่งปันข่าวดีนี้กับพ่อแม่และจิ่นเป่าโดยเร็วที่สุด
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เย่หวายเก่งมากลูก ความพยายามที่ผ่านมาไม่เสียเปล่าแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……….