ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 11 หมูผัดหน่อไม้ (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 11 หมูผัดหน่อไม้ (รีไรต์)
บทที่ 11 หมูผัดหน่อไม้ (รีไรต์)
บทที่ 11 หมูผัดหน่อไม้ (รีไรต์)
“แบบนี้มันเกินไปแล้ว เด็ก ๆ หิวจนร้องไห้แล้ว ทำไมถึงได้ใจดำแบบนี้?”
“นั่นสิ อยู่บ้านตัวเองกินหมูแดดเดียว แต่ให้เด็ก ๆ กินผักทุกวัน พวกเขาจะอิ่มได้ยังไง?”
“น่าสงสารจัง ถ้าไม่หิวจนตาลาย เด็กเล็ก ๆ ที่ไหนจะร้องไห้แบบนี้?”
“พี่สาวหลิว พวกคุณอย่าทำเรื่องไร้ความปรานีแบบนี้เลย!”
นอกจากจะมีคนซุบซิบนินทาแล้ว ยังมีคนจิตใจดีกล้าที่จะออกมายืนหยัดเพื่อพวกเธอ
“พวกคุณเอาเนื้อของเด็กไป แต่ไม่ยอมให้เด็กกิน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลยนะ”
“ถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่ละก็ เรียกผู้ใหญ่บ้านมาตัดสินกันเลยดีกว่า!”
ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของหลิวต้าเม่ย
ส่วนเย่ฉู่เฉียงผู้เป็นปู่ ก็ได้แต่ยืนเงียบเป็นเป่าสากอยู่ด้านหลัง ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
เขาแค่เก่งแต่กับคนในบ้านเท่านั้น พอเผชิญหน้ากับคนหมู่มากแบบนี้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“พวกแกมันโง่! โดนยัยเด็กเหลือขอนั่นหลอกกันง่าย ๆ” หลิวต้าเม่ยโกรธจนแทบบ้า
พวกมันรู้เรื่องอะไรกันบ้าง ถึงได้มาชี้นิ้วพูดจาอย่างนั้น!
เย่เสี่ยวจิ่นยังคงสะอื้นไห้ด้วยความหวาดกลัว
หลิวต้าเม่ยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า “ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้ให้ตายไปเลยสิ!”
“แกมันเป็นตัวซวย ฉันจะสั่งสอนแกให้เข็ดหลาบ!”
พูดจบนางก็คว้าไม้กวาดเตรียมฟาดใส่เย่เสี่ยวจิ่น
ยัยตัวแสบ นี่ถ้านางไม่สั่งสอนให้หลาบจำ มันคงไม่รู้จักฤทธิ์เดชของนางแน่!
ทุกคนต่างตกตะลึง พยายามจะเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เสี่ยวจิ่น!” ร่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นจากฝูงชน ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาบังหน้าเย่เสี่ยวจิ่นเอาไว้
ไม้กวาดฟาดลงบนหลังของโจวเหวินรุ่ยอย่างแรง!
ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขายิ่งซีดขาวมากขึ้นไปอีก
เธอรีบดึงโจวเหวินรุ่ยไว้ด้วยความเป็นห่วง “นายนี่มันบ้าไปแล้วหรือไง? ถึงนายไม่มาขวาง ฉันก็หลบได้อยู่แล้ว”
โจวเหวินรุ่ยรู้สึกเจ็บที่หลังอย่างมาก
แต่เขากลับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก จิ่นเป่า ผู้ชายหนังหนาอยู่แล้ว เดี๋ยวก็หาย”
“ถ้าเป็นผู้หญิงโดนตีแบบนี้ คงแย่แน่”
ซุนจ่างซุ่นเห็นดังนั้นก็ตกใจแทบสิ้นสติ
โจวเหวินรุ่ยเป็นคนร่างกายอ่อนแอ ใครกล้าทำกับเขาขนาดนี้?
ถ้าเขาเป็นอะไรไป คนคนนั้นคงต้องชดใช้ด้วยชีวิตแน่!
“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริง ๆ!” ซุนจ่างซุ่นรีบเข้าไปปกป้องโจวเหวินรุ่ย “เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ซุนจ่างซุ่นไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับโจวเซียวอย่างไรแล้ว
เขาคิดแค่ว่าต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้จบ ๆ ไป “เย่ฉู่เฉียง พวกแกเอาเนื้อคืนจิ่นเป่าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นปีนี้ก็หักเงินที่พวกแกได้จากการลงแรงในกลุ่มไป ชดเชยให้หลานสาวไป”
เย่ฉู่เฉียงได้ยินแบบนั้นถึงกับทนไม่ไหว สิ้นปีนี้สองสามีภรรยาได้เงินแบ่งกันแค่ไม่กี่สิบหยวน ถ้าให้นังตัวซวยนั่นไป พวกเขาจะเอาอะไรกิน
เย่ฉู่เฉียงรีบพูด “ผู้ใหญ่บ้าน พวกมันพูดมั่ว เนื้อนี่เป็นของพวกผม”
“หึ แล้วที่เจ้าสามเย่เอาเนื้อมาให้พวกแกคนละสิบชั่งล่ะ หรือว่าแกกับเมียแบ่งให้ลูกชายคนโตกับคนรองไปหมดแล้ว”
เย่ฉู่เฉียงเจอหน้าผู้ใหญ่บ้านเลยไม่กล้าโกหก “ครับ…”
“รีบไปหยิบมาสิ หรือจะรอให้ชาวบ้านร้านตลาดมาหัวเราะเยาะเย้ยกัน?” ซุนจ่างซุ่นเริ่มหมดความอดทน
เย่ฉู่เฉียงกับภรรยารู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ซุนจ่างซุ่นสั่งให้คนไปหยิบเนื้อแดดเดียวสองชิ้นที่บ้านของพวกเขามาให้ แล้วให้เอาไปส่งที่บ้านของเย่เสี่ยวจิ่น
ส่วนเย่เสี่ยวจิ่นก็ถูกส่งตัวกลับบ้านเช่นกัน
ในเวลานั้น หลี่ชุ่ยชุ่ยที่อยู่ที่บ้านยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หล่อนหุงข้าวและผัดผักกาดขาวเตรียมเอาไว้
หล่อนรอแล้วรอเล่า แต่ก็ยังไม่เห็นเย่เสี่ยวจิ่นกลับมา
กระทั่งหล่อนเตรียมตัวจะออกจากบ้าน เย่เสี่ยวจิ่นก็กลับมาพอดี
“จิ่นเป่า ลูกไปไหนมา ทำไมถึงไปนานนัก?”
เย่เสี่ยวจิ่นชี้นิ้วไปยังคนที่ถือเนื้อแดดเดียวอยู่ด้านหลัง “เนื้อแดดเดียวของเราน่ะค่ะ”
หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็วางเนื้อแดดเดียวลงแล้วเดินจากไป
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองไปที่เนื้อหมูสองชิ้นใหญ่ที่ผ่านการตากจนแห้ง เนื้อเหล่านี้ผ่านกรรมวิธีรมควันมาอย่างดี กลิ่นหอมโชยเตะจมูก ทำเอาคนมองน้ำลายสอ
แม้แต่หล่อนมองเห็นเข้าก็ยังอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“นี่มันมาจากไหนกัน?” หล่อนถามอย่างสงสัย
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มกริ่ม “ก็มาจากบ้านคุณปู่นั่นแหละค่ะ ปู่รมควันเนื้อเสร็จก็แบ่งไปให้คุณลุงใหญ่กับคุณลุงรองแล้ว สองชิ้นนี้เป็นของเราค่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่เชื่อแม้แต่น้อย
ทุกปีไม่เคยมีส่วนแบ่ง แล้วปีนี้จะได้เนื้อได้อย่างไรกัน?
“จิ่นเป่า บอกแม่มาตรง ๆ ดีกว่า ว่าเอามาจากไหนกันแน่?”
“ก็ของปู่กับย่านั่นแหละค่ะ แม่ไม่เชื่อพรุ่งนี้เช้าไปถามไถ่ในหมู่บ้านก็ได้” เธอดึงแขนแม่ทำเสียงออดอ้อน “แม่ทอดเนื้อให้กินเร็ว ๆ สิ หนูหิวแล้ว”
“จิ่นเป่าอยากกินเนื้อแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
ด้วยความรักลูกสาว หลี่ชุ่ยชุ่ยจึงก่อไฟทำอาหารอีกครั้ง
น้ำมันในกระทะเดือดปุด ๆ หล่อนจึงใส่พริกแห้งที่หั่นเตรียมไว้ลงไปอย่างคล่องแคล่ว
เสียงน้ำมันดังฉ่า ตามมาด้วยกลิ่นฉุนของพริกแห้งที่โชยหอมเตะจมูก
หล่อนตัดใจหั่นเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ลงไปผัดในกระทะ
จากนั้น หล่อนก็นำหน่อไม้ที่ขุดมาจากภูเขามาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน
หน่อไผ่เหล่านี้ดูสดใหม่ เพียงแค่ผัดในกระทะไม่กี่ครั้งก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่ามน่ารับประทาน
สุดท้ายใส่ต้นหอมป่าเป็นกำมือ กลิ่นหอมเย้ายวนก็โชยฟุ้งออกมาทันที
กลิ่นหอมนี้ช่างยั่วน้ำลายเย่เสี่ยวจิ่นเสียจริง
เธอมองอาหารตาละห้อย ดูน่าเอ็นดูไม่น้อย
แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่คนตะกละ แต่ที่นี่อาหารรสชาติจืดชืดเกินไป ทำให้เธอโหยหาอาหารรสจัดขึ้นมาทันที
หืม… กลิ่นหอมของผัดหน่อไม้กับหมูสามชั้นสีเหลืองทองช่างเย้ายวนใจเสียจริง ทั้งหน้าตาน่าทาน กลิ่นหอมเย้ายวน รสชาติคงจะอร่อยล้ำเลิศ
ช่างชวนน้ำลายสอเสียจริง!
หลี่ชุ่ยชุ่ยตักข้าวสวยแล้วคีบเนื้อให้เย่เสี่ยวจิ่น “จิ่นเป่า กินเยอะ ๆ นะ”
“อื้ม แม่ก็กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ” เย่เสี่ยวจิ่นคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้หลี่ชุ่ยชุ่ย เธอมีแววตาสดใสร่าเริง
เธอกินผักกาดขาวอีกเล็กน้อย ผักกาดขาวนี้ปลูกแบบธรรมชาติ รสชาติจึงหวานฉ่ำ
เดิมทีเย่เสี่ยวจิ่นกินข้าวได้ไม่มากนัก เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
แต่มื้อนี้ได้กินกับหมูสามชั้น เธอจึงกินข้าวไปถึงสองชาม
ส่วนหลี่ชุ่ยชุ่ยกินไปเพียงเล็กน้อย เพราะคีบให้เย่เสี่ยวจิ่นเกือบหมด
เมื่อเห็นลูกสาวกินอย่างเอร็ดอร่อย ในใจหล่อนก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ถ้าที่บ้านมีเนื้อกินทุกวัน จิ่นเป่าคงจะอ้วนท้วนสมบูรณ์กว่านี้
ตกดึก
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองดูบุตรสาวด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดรวดร้าว ยิ่งมองยิ่งรู้สึกทรมานใจ
โรคร้ายของจิ่นเป่ารักษายาก หล่อนคิดว่าเมื่อสามีกลับมา พวกเขาต้องพาบุตรสาวไปหาหมอที่เมืองให้ได้
หล่อนคิดพลางห่มผ้าห่มให้เย่เสี่ยวจิ่นอย่างทะนุถนอม กลัวว่าบุตรสาวตัวน้อยจะหนาว
เช้าตรู่ของวันใหม่ เย่เสี่ยวจิ่นตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนของระบบ
[ยินดีด้วยที่โฮสต์ทำภารกิจสร้างเล้าไก่สำเร็จแล้ว รีบมาฟักไข่ไก่เพิ่มกันเถอะ! รับรางวัลเป็นอาหารไก่สูตรเข้มข้น 100 กิโลกรัม]
“แม่สร้างเล้าไก่เสร็จแล้วเหรอ” เย่เสี่ยวจิ่นดีใจจนเนื้อเต้น รีบวิ่งออกไปดู ก็พบกับเล้าไก่หลังงามถูกใจ
เธอรีบไปเก็บไข่ไก่ แล้วไล่แม่ไก่ตัวโตสองตัวเข้าไปในเล้าไก่หลังใหม่
หลี่ชุ่ยชุ่ยออกไปทำงานที่หมู่บ้านแล้ว เย่เสี่ยวจิ่นอยู่บ้านคนเดียว จึงถือโอกาสนี้ทำอาหารไก่เสียเลย
แม่ไก่สองตัวจ้องมองอาหารเสริมที่เธอเทออกมามากมาย ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“กุ๊ก ๆ ๆ”
“อยากกินแล้วล่ะสิ” เธอตักอาหารใส่กะละมังใบเล็ก วางลงในเล้าไก่
แม่ไก่ทั้งสองต่างก็กรูกันเข้ามา จิกกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
ผ่านไปไม่นาน แม่ไก่สองตัวนี้ก็เติบโตขึ้นมาก
ร่างกายแข็งแรง ขนก็สวยงามเป็นมันเงา
เธออดชื่นชมระบบนี้ไม่ได้จริง ๆ
แต่การจะเอาหญ้าเลี้ยงหมูสองตะกร้ามาสับละเอียด แล้วผสมกับอาหารเสริมนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเธอเลย
ตอนโจวเหวินรุ่ยแวะมาหา
ก็เห็นเธอกำลังนั่งยอง ๆ สับหญ้าอยู่บนพื้น
เขาเดินเข้ามาใกล้ด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยถามว่า “จิ่นเป่า เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”