ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 109 หลิวเยว่ได้มาเป็นภรรยาของพี่ชายคนโต
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 109 หลิวเยว่ได้มาเป็นภรรยาของพี่ชายคนโต
บทที่ 109 หลิวเยว่ได้มาเป็นภรรยาของพี่ชายคนโต
……….
บทที่ 109 หลิวเยว่ได้มาเป็นภรรยาของพี่ชายคนโต
หลี่ชุ่ยชุ่ยเห็นเย่เสี่ยวจิ่นกลับมาแล้ว
หล่อนถามด้วยความห่วงใย “จิ่นเป่า ไปไหนมา? ทำไมกลับมาช้าจัง? แล้วพี่ชายใหญ่ล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่ไปดื่มน้ำนิดหน่อย แล้วก็ไม่เห็นพี่ชายของหนูเลย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อย เย่จวินนั้นปกติเป็นคนหนักแน่น ทำไมจู่ๆ ถึงหายตัวไปแบบนี้?
โชคดีที่ไม่นานนักเย่จวินก็กลับมาด้วยร่างกายที่เปียกโชก
และหลิวเยว่ก็เดินตามหลังเขามาด้วยสภาพเปียกปอน
เซี่ยวเฟินฟางเห็นแล้วก็ตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลิวเยว่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ดวงตายังคงแดงก่ำ
เย่จวินเม้มปาก “หล่อนพลาดตกลงไปในสระน้ำ โชคดีที่ผมเห็นเข้า จึงช่วยดึงตัวหล่อนขึ้นมาได้”
หลิวคังจับมือเย็นเฉียบของลูกสาว “ทำไมถึงไม่ระวังเลย”
หลังจากกินข้าวเสร็จ
ครอบครัวหลิวก็รีบร้อนจากไปในคืนนั้น
เย่ไฉกุ้ยงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คิดเอาเองว่าคงเป็นเพราะหลิวเยว่ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวหลิวได้อีกเลย
ค่ำคืนได้ย่างกรายเข้ามา
เย่จวินรู้สึกกระสับกระส่าย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกความจริงเรื่องนี้กับพ่อแม่
หลี่ชุ่ยชุ่ยนอกจากจะตกใจแล้วก็ยังรู้สึกสับสน ท้ายที่สุดเงินสิบหยวนก็หายไปเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?
“เหล่าต้า นี่…”
“พ่อแม่ครับ ขอโทษด้วย ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ตอนนั้นผม… ตอนนั้นผมเห็นแก่ตัว คิดว่าหล่อนน่าสงสาร…”
เย่เสี่ยวจิ่นกลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิด “พวกแม่ไม่ต้องกังวลไปหรอก หลิวเยว่เป็นคนรักษาสัญญา”
“หล่อนรับเงินสิบหยวนไปแล้ว รับรองว่าจะไม่เบี้ยวแน่นอน แถมครอบครัวเราก็ไม่ได้ขาดเงินสิบหยวนนี้ชั่วคราวด้วย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยตบก้นเธอทีหนึ่ง “นี่เป็นเงินที่ลูกให้พี่ชายไปใช่ไหม?”
“ต่อให้ลูกคิดว่าเงินสิบหยวนนี้จะไม่มีค่าอะไร แต่ถ้า… ถ้าเกิดอาการป่วยลูกกำเริบขึ้นมา นี่มันเงินช่วยชีวิตของลูกเลยนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นไม่สนใจ “เสียม้าไปแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าโชคดีหรือโชคร้าย บางทีพี่ชายอาจจะได้เมียเพราะเรื่องนี้ก็ได้นะคะ”
“เดี๋ยวแม่ก็รู้เองว่าหนูฉลาดแค่ไหน!”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่เชื่อเธอสักนิด “เจ้าเด็กคนนี้ ลูกนี่พลิกลิ้นเก่งจริงๆ เลยนะ!”
เย่เสี่ยวจิ่นแลบลิ้นออกมา แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มนอนอย่างมีความสุข
หลี่ชุ่ยชุ่ยนอนพลิกไปพลิกมาด้วยความกังวลใจ นอนไม่หลับ
หล่อนไม่ได้ใจร้ายอะไร แค่กลัวว่าถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ยอมรับขึ้นมาจะทำอย่างไร
พอตอนเช้าตรู่ หลี่ชุ่ยชุ่ยตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตา
หล่อนนั่งอยู่ข้างเตียงถอนหายใจ คิดถึงเงินสิบหยวนที่หมดไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คิดแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็พยายามปรับอารมณ์
ในเมื่อเรื่องมันเป็นไปแล้ว อย่างน้อยก็อย่าพูดอะไรต่อหน้าลูกชายคนโต
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
หลี่ชุ่ยชุ่ยเดินไปเปิดประตูด้วยความกังวลใจ
หลิวเยว่ยืนอยู่ที่หน้าประตู หล่อนหอบกระเป๋าเดินทาง มองหลี่ชุ่ยชุ่ยอย่างเขินอาย
“ฉัน…ฉันมา…มาเป็นภรรยาของเย่จวินค่ะ”
หล่อนพูดพลางใบหูแดงก่ำ
“ถ้าพวกคุณไม่ยอมรับฉัน ฉันก็ยินดีทำงานให้พวกคุณ ฉันจะทำงานในหน่วยจนกว่าจะใช้เงินคืนพวกคุณได้”
หลี่ชุ่ยชุ่ยงงไปหมด
ความจริงหล่อนก็ชอบหลิวเยว่ ตรงที่หน้าตาดี แถมยังเป็นคนมีการศึกษา
เด็กสาวน่ารักสดใสขนาดนี้ จู่ๆ ก็จะมาเป็นลูกสะใภ้ของหล่อน
เรื่องนี้ทำให้หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “สาวน้อย เธอ…เธอเอาเสื้อผ้ามาด้วยแล้วเหรอ?”
“ค่ะ ต่อไปฉันจะอยู่บ้านของพวกคุณแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นตื่นขึ้นมา แล้วกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปที่ห้องของพี่ชาย
เย่จวินยังคงหลับสนิท ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงความอึดอัดบางอย่าง
พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าน้องสาวกำลังบีบจมูกของเขาอยู่
“จิ่นเป่า เป็นอะไรหรือ?”
“พี่ใหญ่ พี่มีปัญหาใหญ่แล้ว” เย่เสี่ยวจิ่นเอ่ยปากอย่างเกินจริง “พี่รู้ไหม? ตอนนี้ปัญหาของพี่มันใหญ่มากเลยนะ”
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่จวินลุกพรวดขึ้นจากเตียง
“เมื่อวานพี่ช่วยผู้หญิงคนหนึ่งไว้ แถมยังให้เงินเขา 10 หยวนใช่ไหมล่ะ?”
“ตอนนี้มันยิ่งแย่กว่าเดิมอีก”
“พี่สาวคนนั้นน่ะ หล่อนเอากระเป๋าเดินทางมาด้วย ต่อไปหล่อนจะกินอาหารของพี่ อยู่บ้านของพี่ด้วยนะ”
“โอ้ย แย่แล้ว จะทำยังไงดีล่ะ?”
เย่จวินตกใจจนแทบล้มลงบนพื้น “จิ่นเป่า อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ!”
“เรื่องจริงนะ พี่ออกไปดูที่หน้าประตูก็รู้แล้ว”
พี่ชายอีกสองคนก็ตื่นแล้ว
เย่ฉางอันยิ้มกว้าง “พี่ชาย ทำไมยังไม่ดีใจอีกล่ะ? พี่สะใภ้มาแล้ว รีบไปช่วยขนกระเป๋าให้หล่อนสิ?”
เย่จวินตบหัวเขาอย่างหงุดหงิด “พูดอะไรเหลวไหล ฉัน…ฉันแค่อยากช่วยชีวิตคนเท่านั้นเอง”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้น”
เย่จวินรีบแต่งตัวแล้วออกไปข้างนอก
บรรยากาศมื้อเช้าเป็นไปอย่างพิกล
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มไม่หุบ ตั้งใจผัดเนื้อตากแห้งและหน่อไม้แห้งเป็นพิเศษ
ทั้งยังทำไข่ตุ๋นใส่ต้นหอมป่าด้วย
และทำปลาหนีชิวผัดขิงอีกจานหนึ่ง
“เสี่ยวเยว่ เธอกินเยอะๆ นะ อย่าเกรงใจเลย”
หลิวเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ขอบคุณคุณป้านะคะ จริงๆ แล้วไม่ต้องทำอาหารอร่อยๆ มากมายต้อนรับฉันแบบนี้หรอกค่ะ ฉัน…ฉันไม่ได้มาเป็นแขก”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างน่ารักและรู้ความมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่จวินอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้ากินเสร็จแล้ว ผมจะไปส่งคุณกลับนะ”
“บ้านของพวกเราไม่มีห้องให้คุณพักหรอก คุณอยู่ที่นี่ก็ไม่เหมาะสม”
“คุณคืนเงินให้ผมทีหลังได้”
หลิวเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างขมขื่น “ฉันกลับไปไม่ได้แล้วค่ะ ฉันให้เงินพ่อแม่ไปแล้ว ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาแล้ว”
“ถ้าคุณไม่ให้ฉันอยู่ที่นี่ ฉัน…ฉันก็ไม่มีที่ไปแล้ว”
ตอนนี้เย่จวินก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“แต่ว่า…”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบพูดว่า “งั้นก็รีบขยายบ้านเถอะ เสี่ยวเยว่ เธอมาอยู่กับพวกเราแม่ลูกสองคนนะ”
“บ้านเรามีสามห้องนอน แต่ว่าลุงของเธอขาบาดเจ็บ ต้องนอนคนเดียว”
“ไม่งั้นก็เหลือแต่ห้องเก็บฟืน แต่ก็อยู่ไม่ได้หรอก”
หลิวเยว่เม้มปาก “ไม่เป็นไรค่ะ ห้องเก็บฟืนก็ได้ จัดให้เรียบร้อยหน่อย มีเตียงผ้านวมก็พอแล้ว”
หล่อนยิ้มน้อยๆ “ฉันไปทำงานในหน่วยของพวกคุณได้ไหมคะ ฉันไม่อยากกินฟรีอยู่ฟรี”
“ถึงตอนนั้นฉันก็จะยกคะแนนแรงงานทั้งหมดให้คุณป้า คุณเอาไปแลกข้าวนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “งั้นพี่ไปสวนผลไม้สิ”
หลิวเยว่กะพริบตา “ฉันไปสวนผลไม้เลยได้ไหม? ที่หมู่บ้านเก่าของฉัน สวนผลไม้ถือเป็นที่ทำงานที่ดี ไม่เคยขาดคนงานเลย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยยิ้ม “จิ่นเป่าเป็นหัวหน้าทีม ช่วงนี้หล่อนยุ่งมาก เธอไปที่นั่นก็ได้”
หลังอาหาร ทุกคนแยกย้ายไปทำงาน
หลิวเยว่เตรียมจะไปจัดการห้องเก็บฟืน
ในที่สุดเย่จื้อผิงก็พูดขึ้น “เธอพักในห้องฉันก็ได้ ฉันจะไปอยู่ห้องเก็บฟืนเอง เธอเป็นผู้หญิง ไม่เหมาะที่จะอยู่ห้องเก็บฟืนหรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือหรอก” หลิวเยว่ยิ้มพูด “พวกคุณดีกับฉันมากแล้ว”
“ที่ฉันได้อยู่ในบ้านของพวกคุณและตอบแทนบุญคุณ ฉันก็พอใจมากแล้ว”
“คุณลุง ขาของคุณไม่ค่อยดี อย่ามาแย่งกับฉันเลย ไม่งั้นฉันจะรู้สึกเกรงใจนะคะ”
หล่อนไม่ได้พูดเล่น
เทียบกับครอบครัวเย่ว่านหยวนที่ใช้เงิน มีเจตนาแอบแฝงและมีข้อเรียกร้องต่อหล่อนแล้ว ครอบครัวของเย่จวินไม่เพียงแต่ให้อาหารการกินที่ดีแก่หล่อน แต่ยังมีความเมตตากรุณาอีกด้วย
หลิวเยว่รู้สึกละอายใจมาก
หล่อนถึงกับคิดจะมาเป็นภรรยาของเย่จวิน
ใครจะรู้ว่าเย่จวินจะเป็นสุภาพบุรุษที่มีศีลธรรมขนาดนี้
หล่อนยิ้มน้อยๆ และรู้สึกว่าเย่จวินเป็นคนดีมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่จื้อผิงมองหลี่ชุ่ยชุ่ยแวบหนึ่ง คิดในใจว่าเด็กคนนี้ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ
โชคดีที่ไม่ได้แต่งงานกับเย่ว่านหยวน ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างที่จิ่นเป่าพูดจริงๆ ว่าเป็นดอกไม้งามที่ปักอยู่บนกองขี้วัว
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่ได้ไปฟาร์มไก่แล้ว หล่อนอยู่บ้านช่วยจัดการห้องเก็บฟืน
ในห้องเก็บฟืนก่อนหน้านี้เก็บแต่ฟืน จริงๆ แล้วก็สามารถอยู่อาศัยได้
ทุกห้องมีหน้าต่าง เพียงแต่ในห้องค่อนข้างมืดทึบเท่านั้น
ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่อยากอยู่ที่นี่แน่นอน
หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว หลิวเยว่ก็เข้าพักอาศัยที่นี่
ตอนกลางคืน
เย่เสี่ยวจิ่นเรียกพี่ชายมาช่วยกันทำความสะอาดลานบ้าน
เมื่อลานบ้านสะอาดเรียบร้อยแล้ว เธอจะได้รับกระท่อมน้อยสุดหรู
หลี่ชุ่ยชุ่ยพาหลิวเยว่ไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
หลิวเยว่เดินเข้าไปหาเย่เสี่ยวจิ่น “จิ่นเป่า ฉันมาช่วยเธอนะ เธอรีบไปอาบน้ำเถอะ อีกเดี๋ยวฟ้ามืดก็ต้องถึงเวลานอนแล้ว”
เนื่องจากหลิวเยว่ดูแลลูกพี่ลูกน้องที่บ้านด้วย หล่อนจึงเป็นคนที่ใส่ใจมาก
“หน้าผากเธอมีเหงื่อเต็มเลย ไปเช็ดหน่อยสิ ไม่งั้นจะป่วยได้ง่ายๆ นะ”
เย่เสี่ยวจิ่นได้ยินเสียงไพเราะของหล่อน อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ “หนูต้องออกกำลังกายให้มากกว่านี้หน่อยน่ะค่ะ”
“เธอก็อย่าชักช้านักเลย เหงื่อออกแล้ว เดี๋ยวลมเย็นตอนค่ำพัดมา ก็จะเป็นหวัดได้นะ”
เย่เสี่ยวจิ่นยังคิดดื้อดึง แต่แล้วก็คันจมูก จามออกมาทันที
“ฮัดเช้ย!”
หลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หยิบจอบของเธอไป “เธอรีบไปเถอะ ที่นี่ฉันจัดการเอง”
เย่จวินที่กำลังถากหญ้าอยู่ด้วย เงยหน้ามองหลิวเยว่
หลิวเยว่พูดกับเขาว่า “ฉันอิจฉาสภาพแวดล้อมในครอบครัวของพวกคุณจริงๆ ได้ยินคุณป้าบอกว่าจิ่นเป่าสุขภาพไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก แต่พวกคุณก็ยังรักและเอ็นดูน้องสาวถึงขนาดพาไปรักษา”
“ดีจังเลย”
หลิวเยว่เห็นการเลือกปฏิบัติระหว่างชายหญิงมามากมาย หล่อนจึงรู้สึกอิจฉาครอบครัวของพวกเขามาก
แม้จะยากจนไปหน่อย แต่คนเราไม่ได้จนไปตลอดชีวิต
คนบ้านสามเย่ล้วนเป็นคนขยันและกระตือรือร้น
หล่อนมองออกตั้งแต่แรกเห็นว่าบ้านสามเย่จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
เย่จวินเม้มปาก “คุณชินกับที่นี่หรือยัง? ไม่คิดถึงบ้านเหรอ?”
หล่อนยิ้มให้เย่จวิน “คิดถึงนิดหน่อย แต่ฉันจะไม่กลับไปแล้ว ฉันได้ชดใช้ให้พวกเขาหมดแล้ว”
“ฉันต้องใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี…”
“คุณวางใจได้ สาวสวยมีการศึกษาอย่างคุณ ต่อไปจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน”
“อืม” หลิวเยว่พยักหน้า มองไปที่เย่จวิน “คุณป้าบอกว่า พรุ่งนี้จะชวนฉันทำขนมฟักทอง”
เย่จวินก้มหน้าลง แสงสลัวยามค่ำคืนช่วยปกปิดใบหูที่แดงระเรื่อของเขา
“ก็ดีนะ เราเก็บฟักทองในบ้านไว้นานแล้ว คาดว่าถ้าไม่รีบกิน ไส้ในคงจะกลวงแล้ว”
หลิวเยว่ยิ้มพลางพูดว่า “ใช่แล้ว กินหมดแล้วก็จะได้ปลูกต้นฟักทองใหม่”
เย่ฉางอันและเย่หวายยืนอยู่ไม่ไกล ฟังบทสนทนาไร้สาระของทั้งสองคน
เย่ฉางอันอดส่ายหน้าไม่ได้ “พี่ใหญ่ของเรานี่เหมือนท่อนไม้ไม่มีผิด ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”
แต่เย่หวายไม่คิดเช่นนั้น “หล่อนชอบพี่ใหญ่ที่เป็นคนซื่อตรงและมั่นคงต่างหาก ถ้าพี่ใหญ่เป็นคนปากหวาน ก็คงไม่มีใครชอบพี่ใหญ่ของเราหรอก”
เย่ฉางอันคิดแล้วก็เห็นด้วย “นั่นสินะ แต่ละคนก็มีเสน่ห์ไปคนละแบบจริงๆ”
เขาพูดพลางปรับพื้นบ้านให้เรียบ แล้วถามอย่างสงสัย “นายสงสัยไหมว่าทำไมจิ่นเป่าถึงให้พวกเราปรับพื้นบ้านที่นี่ทุกวัน ทั้งๆ ที่ครอบครัวเรายังไม่ได้สร้างบ้านเลย”
“จิ่นเป่ามีความคิดดีๆ เสมอ พวกเราก็แค่ทำตามที่หล่อนบอกก็พอ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลิวเยว่ใจเด็ดมาก ตัดความสัมพันธ์กับบ้านเก่าแล้วมาตั้งตัวใหม่เองที่บ้านสามเย่เลย เย่จวินตามให้ทันความคิดสาวเขานะ
ไหหม่า(海馬)
……….