ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว พี่เขยของเซี่ยวเยว่มาช่วยเหลือ?
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว พี่เขยของเซี่ยวเยว่มาช่วยเหลือ?
บทที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว พี่เขยของเซี่ยวเยว่มาช่วยเหลือ?
……….
บทที่ 100 ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว พี่เขยของเซี่ยวเยว่มาช่วยเหลือ?
แม้หลี่กุ้ยฮวาจะพูดไปแบบนั้น แต่เมื่อเห็นเย่จู๋ร้องไห้ทั้งคืน หล่อนก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง
ถึงหลิวต้าเม่ยและเย่ฉู่เฉียงจะเป็นคนที่ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว
แต่เย่จู๋ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหล่อน หล่อนจึงยังคงห่วงใยอยู่
พอถึงเช้าตรู่ เย่จู๋ก็ถูกแม่ปลุกให้ตื่น
“วันนี้ไม่ใช่วันที่ต้องไปส่งต้นกล้าให้สวนผลไม้หรอกหรือ? ไปกันเถอะ ฉันกับพ่อเธอจะช่วยไปส่ง”
“แต่ถ้าจะให้ฉันไปขอโทษเย่เสี่ยวจิ่น ต่อให้ฆ่าฉันตายฉันก็ไม่ยอมหรอก”
เย่จู๋ร้องไห้มาทั้งคืน ดวงตายังคงแสบร้อนอยู่
หล่อนพึมพำว่า “ไม่ต้องหรอก คนจากสวนผลไม้จะมาเอาเอง”
“เด็กคนนี้ ช่างไม่รู้จักความปรารถนาดีของพ่อแม่เลยนะ!”
เย่จื้อเฉียงเห็นหลี่กุ้ยฮวากำลังจะด่าลูกสาวอีกแล้ว จึงรีบเข้ามา “พอเถอะๆ อย่าทะเลาะกันเลย พวกเราไปทำงานกันดีกว่า ส่งต้นกล้าไปหมดแล้ว ยังต้องไปทำงานอีกนะ”
เย่จู๋เห็นพ่อแม่ช่วยส่งต้นกล้าไปจริงๆ
หล่อนก็เอาไปส่งด้วยหลายสิบต้น
หล่อนไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่อแม่ก็รักหล่อน แต่ทำไมถึงปฏิบัติต่อพี่ชายได้แตกต่างจากที่ปฏิบัติกับหล่อนมากขนาดนี้
หยางเจวียนอยู่ที่สวนผลไม้แล้ว เห็นครอบครัวเย่จู๋สามคนมาส่งต้นกล้า ก็รู้สึกประหลาดใจ
“อ้าว พวกคุณส่งมาให้เลยเหรอ? กำลังจะเรียกคนไปรับพอดีเชียว”
“ก็แค่ผ่านทางนี้พอดี” หลี่กุ้ยฮวาพูดอย่างดื้อดึง
หยางเจวียนยิ้มน้อยๆ “งั้นก็ดีสิ พวกเราจะได้ปลูกกันเลย”
“เฉียนซานเหนียง นี่ไม่ใช่หน้าที่เธอเหรอ? มาสิ”
เฉียนเยี่ยนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย รีบเรียกทุกคนให้มารับต้นกล้าผลไม้ไป
“ต่อไปฉัน…จะพยายามพูดจาสุภาพขึ้น”
หล่อนพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับเย่จื้อเฉียง
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นเหตุการณ์นี้พอดี จึงกระซิบกระซาบกับเย่จื้อผิงที่อยู่ห่างออกไป
“เมื่อวานหลี่กุ้ยฮวาด่าหนูยกใหญ่ วันนี้กลับมาส่งต้นกล้า น่าประหลาดใจจริงๆ”
เย่จื้อผิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ป้าใหญ่ของลูกขึ้นชื่อเรื่องนิสัยดุร้ายในหมู่บ้าน พูดจาไม่น่าฟังมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องที่หล่อนด่าลูก ลูกอย่าเพิ่งบอกแม่นะ ไม่งั้นเดี๋ยวแม่จะเสียใจอีก”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่สนใจหรอก”
เธอไม่ได้พูดเล่น เธอไม่สนใจจริงๆ
ตอนทำงานก่อนหน้านี้ เธอก็มักจะถูกลูกน้องนินทาลับหลังบ่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจ
ถ้าจะคิดมากกับทุกเรื่องขนาดนั้น ก็คงต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นไปเลย
เย่จู๋รู้สึกตกใจที่ได้รับความเอาใจใส่ “ขอโทษนะ เมื่อวาน…”
“ไม่เป็นไรหรอก คนที่ด่าฉันไม่ใช่เธอนี่”
เย่จื้อผิงก็พูดกับเย่จู๋ว่า “รีบไปที่สวนผลไม้เถอะ ไม่ต้องกังวลไป จิ่นเป่าไม่โกรธหนูหรอก”
เย่จู๋ยิ่งรู้สึกต่ำต้อยลงไปอีก
“ขอบคุณนะ เย่เสี่ยวจิ่น”
เย่เสี่ยวจิ่นหันหลังกลับมาพูดว่า “พอแล้ว รีบไปทำงานเถอะ อย่าคิดจะขี้เกียจนะ”
เย่จู๋หัวเราะคิกออกมา แล้วเม้มปากพูดว่า “อืม”
พรุ่งนี้ค่อยเอาต้นกล้าจากบ้านของหลินลี่ลี่มาปลูก
วันนี้แค่ยุ่งอยู่กับการลงกล้าไม้ผลกว่า 500 ต้นจากบ้านของเย่จู๋ก็ทำให้ทุกคนวุ่นวายทั้งวันแล้ว
เฉียนเยี่ยนไม่รู้ว่านี่คือต้นกล้าอะไร
หล่อนพาทุกคนปลูกเหมือนกับว่าเป็นต้นกล้าบวบ
หล่อนไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ได้มาคอยดูแลทุกคน ในใจรู้สึกปลื้มปริ่มมาก
ทำให้มีแรงทำงานและมีกำลังใจมากขึ้น
ต้นกล้าเมล่อนถูกปลูกขึ้นทีละต้นในสวนผลไม้
ต้นกล้าอ่อนๆ พออยู่ภายใต้แสงแดด พวกมันก็ดูบอบบางงดงามยิ่ง
อีกสองสามวันก็ต้องรดน้ำและใส่ปุ๋ย
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูทุกคนทำงานอย่างขะมักเขม้น เผยรอยยิ้มบางๆ
ส่วนที่เชิงเขาก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
เย่เสี่ยวจิ่นเห็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ในกลุ่มคนนั้น จึงชะงักไปชั่วขณะ
“คงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ลุงซุนพูดถึงสินะ?”
เธอรีบบอกทุกคน แล้วลงไปต้อนรับ
เย่จื้อผิงรีบพูดว่า “จิ่นเป่า พูดจาสุภาพกับผู้เชี่ยวชาญหน่อยนะ!”
เย่เสี่ยวจิ่นตอบกลับมาแต่ไกลว่า “พ่อ หนูรู้แล้วค่ะ!”
คนอื่นๆ พากันวิพากษ์วิจารณ์
“ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมาที่หมู่บ้านของพวกเรา คงจะมีเรื่องคุยกับหัวหน้าทีมเย่มากทีเดียว”
“พวกเขาต่างเป็นคนทำงานด้านเทคนิค แน่นอนว่าคงจะมีเรื่องให้พูดคุยกันได้”
“เย่เสี่ยวจิ่นของพวกเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญนะ บางทีผู้เชี่ยวชาญคนนั้นอาจจะสนใจในความสามารถของหล่อนก็ได้”
“ใช่ๆ มีเหตุผลดี”
บรรยากาศเป็นไปอย่างกลมเกลียว ทุกคนต่างมองไปทางเชิงเขา
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นจากกลุ่มคนที่กำลังยุ่งอยู่
“สุภาพไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ซ่งเสี่ยวจื่อพูดขณะปลูกต้นกล้าเมลอน “พวกแกไม่รู้หรือว่าผู้เชี่ยวชาญคนนี้เป็นพี่เขยแท้ๆ ของหัวหน้าทีมเซี่ยวเยว่”
“แย่งตำแหน่งของน้องสาวเขามา เขาจะมีสีหน้าดีกับเย่เสี่ยวจิ่นได้ยังไง”
“บางทีผู้เชี่ยวชาญคนนี้อาจจะมาหาเรื่องเพื่อเอาเย่เสี่ยวจิ่นออก จะได้ให้หัวหน้าทีมเซี่ยวกลับมาก็ได้นะ”
สีหน้าของหยางเจวียนเปลี่ยนไป หล่อนขมวดคิ้วพลางพูดว่า “พูดอะไรน่ะ? หมายความว่ายังไงที่บอกว่าจิ่นเป่าแย่งตำแหน่งมา?”
“เซี่ยวเยว่เอาน้ำมันคุณภาพต่ำมาขายเอง เรื่องนี้หล่อนทำตัวเองต่างหาก”
“แถยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกด้วย สมควรโดนแล้ว”
ซ่งเสี่ยวจื่อเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างภูมิใจเล็กน้อย “แล้วยังไงล่ะ? พี่เขยของหล่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญเชียวนะ!”
เย่จื้อผิงก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
เขารู้ว่าจิ่นเป่าทุ่มเทให้กับสวนผลไม้นี้มาก
ถ้าถูกจับผิดจริงๆ ด้วยนิสัยของจิ่นเป่าแล้วคงไม่ยอมประนีประนอมแน่
ยิ่งคิดยิ่งกังวล เขาจึงลุกขึ้นพูดว่า “ฉันจะไปดูหน่อย พวกคุณทำงานต่อไปก่อนนะ”
หยางเจวียนพยักหน้า “นายรีบไปเถอะ อย่าให้พวกคนนอกมารังแกคนของเราได้”
ทุกคนไม่มีใครคัดค้าน
พวกเขาล้วนเป็นคนที่ทำงานในสวนผลไม้มานาน
รู้ว่าตอนที่เซี่ยวเยว่อยู่ที่นี่เป็นอย่างไร และรู้ด้วยว่าเย่เสี่ยวจิ่นอยู่ที่นี่ดีแค่ไหน
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เซี่ยวเยว่กลับมาอีก
ด้วยทัศนคติที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของหล่อนแล้ว ก็แทบไม่มีใครทนได้
เย่เสี่ยวจิ่นอยู่ที่เชิงเขา เห็นซุนฉางซุ่นก็ทักทาย “คุณลุงซุน นี่คือผู้เชี่ยวชาญใช่ไหมคะ? ยินดีต้อนรับที่มาให้คำแนะนำที่หมู่บ้านชงเถียนของพวกเรานะคะ”
เย่เสี่ยวจิ่นหน้าตาน่ารัก เวลายิ้มก็ดูอัธยาศัยดีมาก
ดวงตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เหมือนดอกไม้เล็กๆ ที่กำลังเบ่งบาน
ซุนฉางซุ่นเห็นเธอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ดูสิ จิ่นเป่าของพวกเรามาถึงก็ทำให้คนอื่นมีความสุขแล้ว”
กัวชิงซงที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “จิ่นเป่า วันนี้เธอไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นแล้ว ไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญดีกว่า”
“อาจารย์เหอมาจากในเมือง เรียนเทคนิคการเพาะปลูกมาตั้งแต่ระดับวิทยาลัย ต้องเข้าใจการพัฒนาภายนอกเป็นอย่างดีแน่นอน”
กัวชิงซงไม่ได้ประจบเอาใจผู้เชี่ยวชาญ แต่เขาจริงใจหวังว่าเย่เสี่ยวจิ่นจะได้เรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์บ้าง
ผู้เชี่ยวชาญยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร
เขาสวมชุดทางการพร้อมแว่นตากรอบดำ ดูเหมือนคนที่เข้าถึงยาก
เหอชุนเซิงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย
เขาไม่มีท่าทีอยากจะคุยกับเย่เสี่ยวจิ่นเลย
เย่เสี่ยวจิ่นชะงัก พบว่าเหอชุนเซิงคนนี้มีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเธอ
เธอกระแอมเบาๆ “อาจารย์เหอคะ ถึงฉันจะอายุน้อย แต่ก็ชอบเรียนรู้มากค่ะ หวังว่าจะได้เรียนรู้เทคนิคการเพาะปลูกที่ก้าวหน้าจากคุณนะคะ”
“ก่อนหน้านี้หล่อนเคยเป็นหัวหน้าทีมของสวนผลไม้นี้ และมักจะสอบถามเรื่องสวนผลไม้กับพี่สาวของหล่อนบ่อยๆ”
เขาตั้งใจพูดต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านว่า “น้องสาวของผมถึงแม้จะไม่รู้เรื่อง ทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง แต่ยังไงก็ดีกว่าเด็กสามขวบอย่างคุณมากนัก”
“ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้คุณฟัง พูดไปคุณก็คงไม่เข้าใจหรอก”
เหอชุนเซิงไม่ได้สนใจเย่เสี่ยวจิ่นเลยสักนิด
และไม่ได้เกรงใจเธอแม้แต่น้อย
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างรู้สึกอึดอัด
เย่เสี่ยวจิ่นเข้าใจแล้ว “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นพี่เขยของหัวหน้าเซี่ยวนี่เอง?”
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สุภาพกับเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นกัน
เย่เสี่ยวจิ่นไม่เชื่อหรอกว่าผู้เชี่ยวชาญในยุคนี้จะรู้เทคนิคการเพาะปลูกขั้นพื้นฐานที่ก้าวหน้ากว่าเธอ
การที่เธอสุภาพด้วยนั้นแสดงว่าเธอมีมารยาท
เมื่ออีกฝ่ายไม่รักษาหน้า เธอจึงแค่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา
“แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าหัวหน้าเซี่ยวเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้หมู่บ้านของพวกเราต้องสูญเสียเงินไปหลายร้อยหยวน ในเมื่อคุณครูเหอเป็นห่วงน้องสาวมากขนาดนี้ ทำไมไม่ลองช่วยปิดช่องโหว่นี้ให้หล่อนล่ะคะ”
“จะได้ไม่ต้องให้คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์คุณธรรมอันงดงามของหัวหน้าเซี่ยวอีก”
สีหน้าของเหอชุนเซิงเปลี่ยนไป ท่าทางเย็นชาลงเล็กน้อย “แกกำลังพูดเป็นนัยอยู่เหรอว่าใครไร้คุณธรรมกันแน่?!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ไม่น่าเคารพแบบนี้ เด็กมันก็ไม่จำเป็นต้องเคารพด้วยเหมือนกันล่ะค่ะ โดนเด็กถอนหงอกมาแล้วจะรู้สึก
ไหหม่า(海馬)
……….