ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ - บทที่ 82 ภาค2 บทที่ 12 ออโรร่าและชุดสุดน่ารักของซิลวี่
- Home
- ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์
- บทที่ 82 ภาค2 บทที่ 12 ออโรร่าและชุดสุดน่ารักของซิลวี่
ซวย ซวยแล้วไง งานนี้ซวยแน่ ๆ
ผมจ้องมองไปที่ชุดอันแสนน่ารักในมือของซิลวี่ ทั่วทั้งชุดสีชมพูดฟูฟ่องตรงหน้ามันเต็มไปด้วยพลังแห่งความน่ารักอันแสนสดใสที่เพียงแค่มองก็พร้อมที่จะเห็นรังสีออร่าสีชมพูแผ่ออกมาจากมันจนขนทั่วร่างลุกซู่ ๆ ยามจ้องมอง
นั่นมันอะไรกัน เจ้าชุดนี่… ลายดอกไม้แบบนี้ สีแบบนี้ ให้ใส่ไปต่อหน้าประชาชีมีแต่อายกับอายเท่านั้นล่ะ ซิลวี่นี่เธอคิดอะไรกันถึงเอาเจ้านี่มาให้
ผมจ้องมองเจ้าลายดอกไม้และสีชมพูอันเด่นตาของตัวชุด พอคิดว่าจะต้องใส่มันเดินไปมาให้คนอื่นเห็น มันก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ๆ นี่ยังไม่นับเจ้ากระโปรงยาวอยู่ถึงแค่แถวเข่าเท่านั้น แค่ใส่ไปก็ต้องรู้สึกโล่ง ๆ ที่ขาแน่นอน
สมัยก่อนตอนเป็นเด็กก็เคยใส่เจ้าชุดกระโปรงอยู่หรอก แต่เพราะว่าชุดเด็กมันเล่นยาวจนถึงข้อเข่า จะวิ่งยังไงกระโปรงมันก็ไม่เปิด แต่เจ้านี่ เจ้าชุดที่ซิลวี่เอามาให้ แค่ก้มหน้าก็พร้อมที่จะเห็นต้นขาทันที…. ไม่เอา!!!
แน่นอนว่าออโรร่านั้นตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอม ไม่ว่าใส่ชุดอะไรก็ต้องเข้าอย่างแน่นอน ยิ่งเจ้าชุดตรงหน้าแล้วยิ่งหากใส่คงสามารถดึงความน่ารักอันมากมายของออโรร่าให้ทวีความรุนแรงขึ้นอีกมหาศาล…. แต่ว่าผมน่ะเป็นผู้ชายนะ!!!!
เข้าใจไหมว่าพอต้องไปอยู่ในชุดสภาพแบบนั้นด้วยจิตวิญญาณแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยต่อให้โตมาในร่างสาวน้อยนับสิบปีมันก็ต้องมีความตะขิดตะขวงใจกันอยู่นั่นล่ะแล้วอีกอย่าง ผมรู้สึกว่าหากได้ใส่เจ้านี่ไป จิตวิญญาณแห่งความเป็นชายที่ค่อย ๆ ถูกกรัดกร่อนนี่จะถูกทุบไม่เหลือซาก
เพราะงั้นอย่างไรมันก็ไม่ได้!!!
“ไม่ดีกว่าค่ะซิลวี่ เอาเป็นชุดของมหาวิหารดีกว่า”
ใช่ ต่อให้ชุดนักบวชของมหาวิหารที่มีให้ผมใส่มันจะเป็นชุดกระโปรง แต่นั่นมันก็ยาวจรดขา แถมอันที่จริงแล้วชุดของผู้ชายกับผู้หญิงก็ดูแทบไม่แตกต่าง เป็นชุดสีขาวยาวเรียบ ๆ พอที่จะมองข้ามเรื่องการส่งผลต่อเพศสภาพได้
“แต่ว่าอัลในชุดนี้น่าจะน่ารักกว่านะคะ แถมที่เราไปก็เป็นงานน้ำชา ใส่ชุดสบาย ๆ น่ารัก ๆ จะดีกว่าชุดพิธีการนะ จริงไหม”
ซิลวี่ยังคงพยายามหาทางเกลี้ยกล่อมให้ผมเห็นด้วย แต่ฝันไปเถอะ ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างผมไม่มีทางยอมให้ความเป็นชายที่เหลืออยู่น้อยนิดนี่ต้องพังทลายแน่นอน!!!
“ไม่ค่ะ อย่าลืมสิคะว่างานที่ไปนั้นต้องเจอพระราชาและท่านที่ปรึกษา จะให้แต่งแบบนี้ไปมันออกจะไม่ถูกกาละเทศะซึ่งจะนำความเสื่อมเสียมาให้แก่ศาสนจักรค่ะ”
แน่นอนว่าปฏิเสธไปแบบเฉย ๆ เธอคงไม่ยอมแพ้ ดังนั้นสิ่งที่ผมต้องทำนั้นก็ต้องอ้างเรื่องความเหมาะสม ซึ่งซิลวี่ที่เป็นขุนนางมาก่อนย่อมต้องเข้าใจ
“เรื่องนั้นอัลอย่าห่วงเลย เราได้ถามทั้งท่านราชาออสวัลด์และท่านที่ปรึกษารีชซ์แล้ว พวกท่านบอกว่าอยากให้อัลมาแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเครียด ชุดแบบนี้น่าจะเหมาะสมกว่า”
ล้อเล่นใช่ไหม!!!
บ้าน่า นี่มันอะไรกัน มันต้องมาด้วยอารมณ์ไหนถึงอยากเห็นนักบุญใส่ชุดสีชมพูฟูฟ่อง พวกท่านจิตใจทำด้วยอะไรกัน!!!
“แต่ว่า การแต่งตัวเปิดเล็กเปิดน้อยแบบนี้ เราในฐานะนักบุญแล้วเห็นว่าอาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เหล่านักบวชชั้นสูงจะตำหนิเอาได้”
“เรื่องนั้นอัลอย่ากังวล กระโปรงยาวไม่น้อยกว่าครึ้งต้นขาถือว่าไม่เปิดเผย ในบัญญัติได้เขียนเอาไว้แล้ว”
“อะไรนะคะ?”
นี่บัญญัติทางศาสนาหรือกฎโรงเรียน มีมากำหนดเรื่องความยาวกระโปรงว่าขนาดไหนเหมาะไม่เหมาะ ตามหลักการมันควรจะเขียนแค่ห้ามแต่งกายไม่เหมาะสมสิ!!
“ย้อนอดีตไปในยุคแห่งสงคราม การใส่กระโปรงที่ยาวเกินไปนั้นมีผลต่อการเคลื่อนไหวของนักบุญ เช่นนั้นแล้วจึงได้ลดข้อกำหนดของกระโปรงลงเพื่อให้เหมาะสมกับสถานะแห่งนักรบผู้นำน่ะค่ะ อัลวางใจได้นะ”
ก็ไปใส่กางเกงสิโว้ยย จะไปรบกลางสนามรบทั้งที ไม่ทราบว่าคุณท่านนักบุญท่านนั้นจะใส่กระโปรงไปรบทำเพื่ออะไร ต่อให้มันจะสั้นถึงติ่งหูมันก็ไม่ได้ทำให้เคลื่อนที่ได้สะดวกขึ้นหรอกนะ โดนดึงกระโปรงหน้าคว่ำหมดพอดี
ไม่สิ เรื่องโคตรหน้าเหลือเชื่อแบบนี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซิลวี่อาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อแกล้งผมก็ได้ ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ ไม่มีวันที่กฎแห่งศาสนจักรจะมาบัญญัติอะไรบ้าบออย่างความยาวกระโปรงแน่นอน
“เรื่องนั้นล้อกันเล่นใช่ไหมคะ ตัวเราที่ศึกษากฎทั้งหลายแห่งพระองค์นั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ซิลวี่จะเล่นตลกแบบนี้ก็ไม่ควรเลยนะคะ”
“ไม่หรอก มันเป็นกฎย่อยแห่งบันทึกสงครามศักดิ์สิทธิ์น่ะ ตามหลักแล้วคงจะได้เรียนตอนอายุสิบสี่ แต่พอดีฉันเร่งศึกษาเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับอัลจึงได้อ่านมาล่วงหน้าน่ะ”
ไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น ซิลวี่ที่ยิ้มหน้าระรื่นใช้มืออีกข้างหนึ่งของเธอที่ว่างอยู่ ชูตำราเก่า ๆ เล่มหนึ่งขึ้นมา ซึ่งวรรคหนึ่งในหน้าก็มีเขียนไว้แบบที่ซิลวี่พูดมาทุกระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของกระโปรงที่ใช้ได้ ความยาวแบบไหนพอเหมาะ สามารถมีเครื่องประดับได้หรือไม่ ทุกอย่างล้วนถูกเขียนเอาไว้หมดสิ้น
มันมีจริงด้วยโว้ยยยย
นี่มันจริงจังกันขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ กับเรื่องใส่หรือไม่ใส่เนี่ยนะ บ้าบอน่า เจ้าพระเจ้านี่สาวกของนายจะบ้าบอเกินไปแล้วนะโว้ย
“ปาฏิหาริย์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น อาภรณ์ที่ถูกกำหนดโดยเหล่าผู้ศรัทธาแห่งพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ นั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจจนเกินกว่าที่เราจะสามารถบรรยายความรู้สึกได้เลยค่ะไ
“ใช่ไหมล่ะคะอัล ความรักของเหล่าผู้ศรัทธาที่หวังดีต่อนักบุญนี่น่ะช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ เพราะฉะนั้นอัลไม่ต้องกังวลนะคะ สามารถใส่ได้แน่นอน การใส่ชุดน่ารัก ๆ คือสิ่งที่เด็กผู้หญิงใฝ่ฝันจริงไหมคะ”
แต่ผมเป็นผู้ชาย!!!
ราส ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย!!!
…
ไม่มีเสียงตอบกลับอะไรทั้งสิ้นจากนกที่คุยกับผมอยู่หมาด ๆ … ไอ้นี่มันทิ้งกันแล้วนี่หว่า หนอยคอยดูเถอะ!!!
ไม่สิ เรื่องเจ้าราสช่างมันก่อน ตอนนี้ผมต้องเอาตัวรอดจากฆาตกรโหดซิลวี่ก่อน
ผมเริ่มถอยหลังเมื่อซิลวี่เดินย่างสามขุมชูเจ้าชุดสุดแสนน่ารักเข้ามาใกล้ตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ ไม่พอใบหน้าอันยิ้มแย้มของเธอที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความปรารถนาอันลุกโชนนั้นทำเอาผมเหมือนกับกำลังโดนจับขึ้นเขียงก่อนโดนจับกินก็ไม่ปาน
กึก
ร่างกายเล็ก ๆ ของผมชนเข้ากับเจ้าตู้ด้านหลัง ไม่มีที่ให้ถอยหลังอีกต่อไป สัตว์ร้ายแห่งความน่าหวาดกลัวนามซิลวี่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ภาพของชุดสีชมพูมันยิ่งชัดเจน ลวดลายดอกไม้แสนน่ารักเริ่มทำให้ผมหายใจถี่แรง ความคิดทั้งหมดล้วนปั่นป่วน
“มะ…ไม่ได้ค่ะ อย่างไรก็ไม่ได้จริง ๆ เราว่ามันไม่เหมาะค่ะ อย่างไรก็ไม่เหมาะ ๆ!!!”
“ไม่หรอก อัลน่ะเหมาะมากเลยนะ ฉันเข้าใจค่ะว่าครั้งแรกมันจะไม่ค่อยชินแต่พอสักพักก็จะชินไปเอง”
นี่คุณเธอจะทำอะไรผม!!!!
ประโยคสองแง่สองง่ามที่ถูกส่งออกมาทำให้ผมเริ่มหวาดกลัวเด็กสาวตรงหน้ามากขึ้น นี่ซิลวี่โดนผีตัวไหนสิงมา หรือเจ้าผีเอลดรานมันอยากแก้แค้นผมแล้วเป่าหูอะไรซิลวี่กัน
“เอ่อ…ซิลวี่ คือแบบว่า…”
“เดี๋ยวจัดการให้เองนะคะ”
“กรี๊ดดดดด”
และแล้ว ด้วยกำลังที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวระหว่างนักบุญออโรร่าตัวน้อยที่ไร้เรี่ยวแรง กับยอดผู้พิทักษ์ที่ทั้งเสริมพลังและฝึกฝนมานับไม่ถ้วนก็แสดงให้เห็นชัด ผมไม่สามารถขัดขืนอะไรซิลวี่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องห่วงนะ จะเบามือที่สุดนะคะ”
ก็บอกว่าอย่าพูดอะไรสองแง่สองง่ามแบบนี้ไง!!!!
ชุดนอกได้ถูกถอดออกก่อนที่จะเหลือชุดสีขาวบางที่ผมสวมเอาไว้ เมื่อรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้สุดท้ายจึงได้แต่ยอมแพ้ ตอนนี้ร่างกายของผมไม่ต่างจากตุ๊กตาตัวน้อยให้ซิลวี่ได้ทำการสวมเจ้าสุดสีชมพูขาวลายลูกไม้สุดน่ารักแบบไร้การขัดขืน
“เสร็จแล้วค่ะอัล ดูสิน่ารักมากเลยนะคะ”
ภาพสะท้อนจากกระจกทำเอาผมนิ่งชะงักไป ภาพของเด็กสาวผมสีขาวยาวถึงเอวที่ปรกติจะสวมไม่กางเกงพิธีการก็ชุดกระโปรงยาวถึงหัวเข่า ตอนนี้ได้อยู่ในชุดสีชมพูขาวที่เข้ากันกับเส้นผมสีขาวดุจหิมะ ไม่ใช่แค่นั้น ด้วยผ้าสลักลายดอกไม้สุดน่ารักยิ่งทำให้ออร่าของสาวน้อยวัยแรกแย้มที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้นเปล่งประกายแบบไม่เคยพบเจอ
ปรกติออร่าที่ส่งออกมาของออโรร่ามักจะเป็นออร่าของความศักดิ์สิทธิ์ น่าศรัทธา น่าเคารพและเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์เป็นแสงสีขาวที่มองแล้วรู้สึกว่าจิตใจถูกยกระดับขึ้น แต่ว่านี่ สภาพของผมในตอนนี้นั้นกลับถูกแทนด้วยออร่าสีชมพูน่ารัก ซึ่งเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ที่แตกต่างจากแต่ก่อน มันเป็นความบริสุทธิ์แห่งวัยเยาว์ที่มองแล้วทำให้จิตใจเบิกบาน
หมดแล้ว หมดกัน ความเป็นชายของผม
สวนทางกับออร่าอันสว่างไสวของออโรร่า จิตใจของผมตอนนี้มันดำดิ่งสู่ความมืดอันสิ้นหวัง ดวงตาสีฟ้าอันสดใสตอนนี้กลับไร้แววไปเหมือนน้ำขุ่น ๆ ในหนอง
“ฮึก ฮึก… หมดกัน”
ผมน้ำตาซึมออกมาอย่างอดไม่ได้กับความเป็นชายที่ถูกทำลายไปอย่างยับเยิน แต่ตอนนั้นเองที่มือบางหนึ่งได้สัมผัสที่ไหล่ของผม
“ขอโทษด้วยนะคะอัล ไม่นึกว่าอัลจะจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดนี้ ฉันก็แค่อยากให้อัลปล่อยวางภาระของนักบุญและได้รู้สึกถึงความเป็นเด็กสาวคนหนึ่งดูสักครั้งเท่านั้นเอง”
อึก!!!
คำพูดนี้เองมันทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง เลือดในกายทั้งหมดราวกับถูกดูดรวมไปอยู่ที่หน้า ความรู้สึกแปลก ๆ มากมายได้เกิดขึ้นอย่างยากที่จะอธิบาย แต่ที่แน่ ๆ มันกลับรู้สึกถึงความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เด็กสาวคนหนึ่ง.. คนธรรมดาคนหนึ่ง…
คำพูดของไรน์ได้ย้อนมาในหัวถึงความสุขที่ผมควรได้รับในฐานะของคนธรรมดาไม่ใช่ในฐานะของคนที่ยิ่งใหญ่ ทำเอาความหม่นหมองทั้งหลายถูกทำลายไปด้วยความหวังดีอันมากล้นของเพื่อนสนิท
“มะ…ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ค..แค่เราไม่ชินเท่านั้นเอง”
ผมรีบพยายามแก้คำพูดของตัวเองทันทีเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มของซิลวี่จางหายไป และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าแห่งความกังวลและรู้สึกผิด มันทำให้ใจของผมแอบปวดร้าวกับการทำลายความหวังดีนี้ของคนอื่น
“ก..ก็ไม่ได้โกรธหรือไม่ชอบอะไร แค่นาน ๆ ครั้งก็น่าจะพอได้ค่ะ”
“งั้นเหรอคะ… ดีจัง คราวหน้าจะหาสีอื่นที่เหมาะกับอัลมาเพิ่มนะคะ!!!”
เมื่อได้ยินผมพูดปลอบ ใบหน้าของซิลวี่ก็เปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ รอยยิ้มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาของเธอเป็นประกายพร้อมกับกอดที่ไหล่ของผมแน่นราวกับปลาหมึก
“สีฟ้าก็เข้ากับอัลนะคะ เหมือนสีตาไงล่ะ ไม่สิครีมอ่อน ๆ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ ๆ …แย่แล้วจะสีไหนก็เข้ากับอัลทั้งนั้นเลย เลือกไม่ถูกแบบนี้เดี๋ยวคราวหน้าเอามาให้ลองหมดเลยแล้วกันนะคะ!!”
ไม่!!!!
ถึงสุดท้ายจะอยากบ่นอย่างไรแต่ผมก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ขึ้นรถม้ากับซิลวี่ไปงานเลี้ยงน้ำชาที่บ้านของเธอเพื่อพบกับท่านราชา โดยตลอดเส้นทางนั้นซิลวี่ก็เอาแต่พูดเรื่องการแต่งตัวผมไม่มีหยุด สารพัดแฟชั่นจำนวนมากได้พลั่งพลูออกมาจนผมวิญญาณหลุดออกจากร่างเพราะทนรับความเสียหายทางจิตใจไม่ไหว
นี่เชื้อภัยสังคมมันติดกันได้เหรอไง ทำไมแต่ละคนถึงกลายเป็นแบบนี้กันไปหมด!!!
——-
จบไปแล้วกับตอนเบา ๆ นะครับ ถือซะว่าพักผ่อนกับความน่ารักของออโรร่านะครับผม