ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ - บทที่ 77 ภาค2 บทที่ 7 ข้อตกลงที่ถูกยื่นให้
- Home
- ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์
- บทที่ 77 ภาค2 บทที่ 7 ข้อตกลงที่ถูกยื่นให้
เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาใกล้ ๆ เขาคนนี้น่าจะมาแสดงความยินดีในฐานะทูตแห่งจักรวรรดิซึ่งผมเองก็ไม่ได้พบเขามานาน ใบหน้าของเขานั้นเรียกได้ว่าเปลี่ยนไปไม่มาก แม้จะดูมีอายุขึ้นและหล่อขึ้น แต่รอยยิ้มที่ชวนหวาดระแวงนั้นยังคงประดับไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ได้ข่าวว่าออโรร่ามีเรื่องสำคัญที่ตามหาอยู่ ให้ผมช่วยไหมล่ะ ถ้าจำไม่ผิด…กำลังตามหาปีศาจที่หลบซ่อนอยู่ใช่ไหมล่ะ”
“น่าแปลกใจจังเลยนะคะที่คุณรู้เรื่องพวกนี้ ตามสืบเหรอคะ… แบบนี้จะเป็นปัญหาทางด้านการทูตได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ไม่หรอก ๆ ผมไม่ได้สืบอะไรขนาดนั้น แค่ระหว่างเดินทางหาของฝากให้อัล ก็ไปเห็นคุณอัศวินศักดิ์สิทธิ์กำลังถามชาวบ้านเรื่องปีศาจน่ะ”
ฝีมือพวกแกเองเหรอ!!!
อุตส่าห์ไว้ใจว่าเป็นถึงหน่วยงานมีชื่อ นึกว่าจะแอบตามสืบหรือตามหาแบบลับ ๆ ที่ไหนได้ คุณพี่เล่นถามจากชาวบ้านกันง่าย ๆ แบบนี้!!!
“งั้นเหรอคะ ไม่นึกว่าคุณทูตจากจักรวรรดิจะเล่นมุกฝืด ๆ กับเขาด้วย อัศวินศักดิ์สิทธิ์ไปเคาะถามเรื่องปีศาจกับชาวบ้านนี่มัน…”
“ผมพูดจริงนะ ไม่เชื่อลองไปถามพวกเขาเองเลยก็ได้ อ๊ะ นี่ของฝากให้อัลนะ”
โลธ์พูดจบก็ชูถุงขนมซึ่งถูกห่อด้วยถุงอย่างดีขึ้นมา หากจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นคุ๊กกี้อย่างดีของร้านในเมืองหลวงที่ต้องจองคิวเป็นเดือน ๆ ถึงจะได้มา ตัวผมเองที่ถูกจำกัดด้วยกฏของนักบุญก็ไม่เคยได้ลิ้มลองมันด้วยซ้ำ
อยากได้!!
ความคิดทันด่วนที่โผล่ขึ้นมาในหัวทำเอาผมต้องรีบพยายามต่อต้านก่อนที่ตัวงเองจะเผลอทำอาการอะไรแปลก ๆ ออกไปเพราะตอนนี้เองก็อยู่ในงานแล้วอีกอย่าง เจ้าคนตรงหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่เชื่อกันได้ง่าย ๆ ที่ไหน ขืนเดินตามเกมเดี๋ยวก็คิดว่าออโรร่าน้อยเป็นคนใจง่ายพอดีดังนั้น
ต้องเล่นตัวซะหน่อย
“ก็รู้อยู่นี่คะว่ากฎของนักบุญนั้นคืออะไร การที่จะเอาขนมมาเป็นของฝากนี่ก็ออกจะไม่ค่อยดีนะคะ เมื่อครู่เองก็เพิ่งเจอผู้ไต่สวนลูดอร์ฟบ่นมาเหมือนกัน”
“งั้นเหรอครับ ช่วยไม่ได้นะถ้างั้นสงสัยต้องเอากลับไป…”
“แต่อุตส่าห์ตั้งใจเอามาฝากแล้ว จะไม่รับก็ผิดต่อความเมตตาของพระเจ้าไปหน่อยเพราะฉะนั้นเอามาเถอะค่ะ”
ควับ!!!
โลธ์ลดมือได้ไม่ถึงเซนติเมตร แต่พริบตาที่เขาพูดว่าจะเก็บ ไขสันหลังของผมมันก็ตอบสนองอย่างไว สั่งการให้มือพุ่งไปหยุดยั้งเจ้าเด็กจากจักรวรรดิอย่างรวดเร็ว
นายจะเอาขนมของผมไปไม่ได้!!!
‘แบบนี้แหละเขาเรียกว่าใจง่าย’
ไม่รู้ไม่ชี้ ขนมหายากแบบนี้ร้อยวันพันปีจะได้สัมผัส หากปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปอย่ามาเรียกชื่อผมว่าออโรร่า!!!
“เอ่อ แต่อัลบอกว่าจะโดนท่านลูดอร์ฟว่าเอาไม่ใช่เหรอ”
“แต่ถ้าปฏิเสธความหวังดีของผู้คน คนที่จะว่าเราค่ะพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ค่ะ เพราะฉะนั้นมอบให้ได้อย่างยินดีเลยค่ะ!!!”
‘เก็บอาการหน่อยออโรร่า!!!’
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ค่ะ แม้ว่าใครจะว่าอย่างไร แต่ความหวังดีของคุณนั้นช่างยิ่งใหญ่ การปฏิเสธถึงความพยายามอันยากเย็นในการต่อแถวเพื่อนำมาซึ่งของถวายแห่งศรัทธานั้น เป็นสิ่งที่มิสามารถจะปฏิเสธได้ด้วยกฎใดของทางโลก เช่นนั้นแล้วขออย่าได้กังขาโปรดนำสิ่งถวายนี้ให้เราโดยไม่ต้องกลัวสิ่งใดด้วยค่ะ”
สารพัดคำสอนสุดประหลาดถูกพ่นออกมาแบบไม่ได้ใช้แม้แต่สติในการคิด ในหัวของผมตอนนี้มีแต่ทำอย่างไรก็ได้ที่ให้เจ้าคุ๊กกี้หายากนี่มาอยู่ในมือของตัวเอง ยิ่งพูดไปมือทั้งสองผมก็ยิ่งกุมมือขอองโลธืหนักขึ้นเรื่อย ๆ
“เข้าใจแล้วครับแต่อัลช่วยปล่อยก่อนได้ไหม เดี๋ยวคนมาเห็นจะเข้าใจผิดเอานะ”
ผมสะดุ้งปล่อยมือตามที่เขาพูดในทันทีเมื่อนึกได้ว่าตัวเองตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพแบบไหน นี่มัน…. เหมือนผมกำลังไถขนมจากเขาเลยนี่หว่า!!!
ไม่ได้การ สภาพแบบนี้ดูจะเป็นนักเลงเกินไป ต้องรีบเปลี่ยนสภาพของตัวเองให้กลับเป็นนักบุญก่อน ไม่งั้นเจ้าเด็กนี่มันจะเอาไปฟ้องพ่อแล้วเป็นเรื่องขึ้นมา
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ เมื่อครู่เพราะเกรงว่าจะผิดต่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นแล้วจึงได้ทำกริยาไม่เหมาะสมไป ขอคุณโลแธร์อย่าเก็บเอามาคิดนะคะ”
“เรียกโลธ์เหมือนเดิมดีแล้วล่ะอัล แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ามันจะสำคัญขนาดนี้นะเนี่ย เอ้านี่ของฝากครับ”
ผมรับถุงคุกกี้สีฟ้ามาด้วยสายตาเป็นประกาย ในใจนี่อยากรีบควักมันออกมากินในทันทีแต่ต้องหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้แสดงอาการต่อหน้าคนของจักรวรรดิ
“ว่าแต่เมื่อครู่จะพูดเรื่องปีศาจสินะคะ แล้วคุณรู้เรื่องของปีศาจตนนี้ขนาดไหนกันล่ะ”
“อืม…. นั่นสินะ ก็รู้ผมสมควรอยู่เหมือนกัน”
“เช่นนั้นแล้วจะเป็นการรบกวนไหม หากคุณจะช่วยบอกถึงข้อมูลที่มีให้กับเราน่ะค่ะ”
“ข้อมูลนี้มันก็เป็นอะไรที่มีค่าซะด้วยสิ ของมีราคาเช่นนี้อัลพอมีอะไรแลกเปลี่ยนไหมครับ?”
ไอ้เด็กนี่!!! หัดขี้งกแต่เด็กแบบนี้โตไปแกได้เป็นพ่อค้าหน้าเลือดแน่ รู้จักไหมความใจบุญใจทานน่ะ ตรงหน้านี่นักบุญนะ หัดบริจาคเป็นตัวอย่างให้เด็กคนอื่นบ้างหน่อยซิ!!
“เราเป็นนักบุญคงไม่มีของมีค่ามากมายให้กับโลธ์หรอกนะคะ”
“ไม่เลย ๆ ที่ต้องการจากอัลน่ะไม่ใช่เงินหรือของมีค่าหรอกนะแต่เป็นอย่างอื่นมากกว่า”
โลธ์พูดพลางหรี่ตาจ้องมาที่ผม รอยยิ้มของเขาก็กว้างขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าดูภายนอกมันช่างดูดีงดงามราวกับเทพบุตรแต่ในใจของผมนี่เหมือนกับปีศาจยิ้มแล้วยื่นสัญญาแปลก ๆ มาให้มากกว่า
หืมม คำพูดมันแก่แดดใช้ได้เลยนี่ โตไปเป็นเสือผู้หญิงแน่นอน แต่เสียใจด้วยนะพวก ตรงหน้านายคือจิตวิญญาณแห่งชายหนุ่มแท้ร้อยเปอร์เซน จะมาไม้ไหนก็จีบไม่ได้หรอกนะ
“ถ้าออโรร่าสัญญาว่าจะทำเรื่องบางอย่างที่ผมร้องขอให้เรื่องหนึ่ง ข้อมูลทั้งหมดที่ผมมี ผมบอกให้หมดเลยนะ”
ป๊าด ๆ มาแบบมุกคลาสสิคแบบนี้ ไม่ได้กินผมหรอก
“กับอะไรที่ดูไม่แน่นอนเช่นนั้น เราว่ามันยากที่จะตอบรับในทันทีอยู่นะคะ”
“งั้นเพื่อเป็นการโฆษณาประกอบการตัดสินใจ ปีศาจที่อัลตามน่ะ พวกอัศวินหาให้ตายก็ไม่มีทางเจอเพราะมันสามารถแปลงกายได้อย่างแนบเนียนมาก ๆ ส่วนเหตุผล…..”
ผมกลืนน้ำลายพลางตั้งใจฟังเรื่องที่เจ้าโลธ์เล่า เพราะว่าเรื่องนี้ผมเองก็กังวลใจเหมือนกัน เพราะหน่วยข่าวกรองของอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพ หากไม่นับที่พวกมันไปเคาะประตูหน้าบ้านถามนะ
ทุกครั้งที่ผมวานอะไร แม้จะยังไม่ได้คำตอบ แต่ก็มักได้ในข้อมูลมากมายที่มีประโยชน์ แต่ครั้งนี้ช่างน่าแปลกที่ผมไม่ได้แม้แต่ข่าวลืออะไรเลยนอกจากภารกิจที่มีขึ้นข้างอยู่ของพระเจ้า
ดังนั้นหากมีเบาะแสถึงพลังและสาเหตุที่ไม่เจอก็อาจจะทำให้พวกเขาสามารถหาข้อมูลได้ง่ายขึ้นก็เป็นการดี
“ส่วนเหตุผลขอไม่บอกก็แล้วกัน หากอยากรู้อัลคงต้องตกลงรับข้อเสนอผมก่อน”
หนอยเจ้านักตัดจบ!!! ทำตัวเหมือนพวกนักแต่งที่มาใบ้ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้วตัดตอนเอาดื้อ ๆ เพื่อให้คนอ่านอยากจ่ายเหรียญซื้องั้นเหรอ สมเป็นยอดนักขายจริง ๆ !!
จะเซ็นเลยดีไหมนะ… เพราะถ้าตอบรับไปล่ะก็คงได้ข้อมูลดี ๆ มาแน่นอน แต่ประเด็นคือคนที่จะต้องตกลงด้วยเนี่ยสิ ดันเป็นเจ้าคนไม่น่าไว้วางใจนี้ด้วย…
“งั้นขอปฏิเสธก่อนแล้วกันค่ะ ถึงแม้ข้อเสนอจะน่าสนใจแต่เราเองไม่รู้ว่าคุณจะให้เราทำอะไรแปลก ๆ เหรอเปล่า คงต้องขอพึ่งตัวเองกับเหล่าอัศวินไปก่อนแล้วกันค่ะ”
“น่าเสียดายจัง อัลนี่ก็กังวลเกินไปนะ ถ้าเป็นอัลแล้วผมไม่มีทางสร้างปัญหาให้อัลแน่อยู่แล้วล่ะ”
“ตำนานว่าไว้ คนพูดเช่นนี้ล้วนแล้วตรงข้ามค่ะ”
“อืม…. อย่างไรผมก็อยู่ที่นี่นานอยู่แล้วหากเปลี่ยนใจก็มาหากันได้ที่บ้านรับรองนะครับ อ้อใช่ว่าแต่สร้อยที่ผมให้ยังอยู่ดีเหรอเปล่า”
“สร้อยที่คุณให้มาเหรอคะ ยังอยู่นี่ค่ะ”
ผมล้วงสร้างที่ห้อยที่คอขึ้นมายื่นให้โลธ์ดู มันคือสร้อยคริสตัลสีทองซึ่งได้มาจากเขาตอนที่จะไปช่วยองค์ชายชาร์ล ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นมาผมก็ห้อยมันไว้ตลอด
“ต้องขอบคุณมากนะคะ มันช่วยชีวิตเราไว้ครั้งหนึ่งแต่ถึงจะน่าแปลกที่ตอนปะทะกับปีศาจที่กลอริเอลจะไม่ทำงานก็เถอะ”
นี่ก็ยังเป็นเรื่องที่ผมสงสัยว่าเจ้าคริสตัลพลังป้องกันสูงนี่ทำไมมันถึงไม่ทำงานตลอดช่วงที่ผมอยู่ที่กลอริเอล ทั้งพลังของปีศาจที่ยิงหรือดาบของเอลดรานที่ฟันเข้าใส่ ทั้งหมดล้วนมาถึงตัวผม ทั้งที่ก่อนหน้านี่กับพวกแปลก ๆ ที่ฟันดาบใส่ มันยังเรียกบาเรียมาป้องกันผมตั้งแต่ยังอยู่ห่างหลายเซนติเมตร
“อืมมม แปลกจังเลยนะ ผมขอดูหน่อยสิ”
“อ๊ะ ได้สิคะ อะนี่…..ฮืออออ โลธ์?”
ตอนแรกกำลังจะปลดสร้อยแล้วยื่นคืนเจ้าของเก่าแต่เจ้าตัวดันพุ่งเอามือมาคว้าสร้อยไปจากมือของผม ด้วยที่มันยังห้อยคออยู่ทำให้ตอนนี้หน้าของผมแทบจะห่างจะหน้าของเขาไม่ถึงคืบ
ยิ่งมองใกล้ก็รู้สึกเจ้าหมอนี่เป็นเด็กที่มีเสน่ห์จนผมที่เคยเป็นผู้ชายเหมือนกันยังต้องรู้สึกน่าอิจฉา ดวงตาสีเขียวที่จ้องมองสร้อยอย่างไม่วางตาเองก็ดูลึกลับชวนน่าค้นหา ไม่ใช่แค่นั้น บางอย่างในใจผมยิ่งจ้องเขาไปนาน ๆ มันกลับยิ่งรู้สึกแปลก มันเป็นความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยและคิดถึงแบบแปลก ๆ
“อ๊ะ ดูเหมือนวงจรมีปัญหานิดหน่อย ตอนนี้ผมแก้ให้แล้วคงไม่น่ามีปัญหาแล้วล่ะ”
ว่าเสร็จก็เกิดแสงสีทองจาง ๆ ออกมาจากมือของโลธ์ เจ้าสร้อยนี่ดูเป็นประกายมากขึ้นกว่าเดิมไม่พอ ยังรู้สึกถึงพลังเวทมากมายที่ส่งออกมาจากมันอีก
และเมื่อเสร็จสิ้นเป้าหมายมือเขาก็ยังไม่ปล่อยออกจากสร้อยคอนี่ เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีเขียวนั่นจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตาจนทำเอารู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก
นี่มันอะไรเนี่ย!! ฉากแบบนี้ไม่ควรมีอยู่ในเนื้อเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เจ้าหมอนี่ต้องการอะไร มันจะจ้องผมทำไม สับสน ไม่ไหว หัวมันปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ยิ่งจ้องนานก็ยิ่งทำเอารู้สึกจิตใจปั่นป่วน ความรู้สึกแปลก ๆ และไม่คุ้นเคยจำนวนมากถาโถมเข้าใส่จนตัวผมที่รับมือไม่อยู่นิ่งข้างไป
“ผมขอแนะนำให้นายปล่อยมือจากเธอจะดีกว่านะ….”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาเรียกสติของผมให้กลับมาพร้อมกัน หน้าของโลธ์ก็ผละไปแล้วหันไปตามต้นเสียงนั่น ทีตรงนั้นเองมีร่างที่ค้นเคยอีกร่างยืนอยู่
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงตามร่างกายมีกล้ามเนื้อบ่งบอกถึงการฝึกฝนมากมายที่เขาได้ประสบ ผมสีดำที่ถูกตัดอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบได้ถูกจัดทรงให้เหมาะสมกับงาน ดวงตาสีม่วงนั้นมองมาที่โลธ์อย่างหงุดหงิดและคุกคาม
“หืมมม ดูเหมือนมีคนที่น่าสนใจมาแล้วสิเนี่ย… เอาเป็นว่าวันนี้ธุระผมเสร็จแล้ว”
มือของเขาได้ปล่อยออกไปก่อนจะผละตัวออกอย่างรวดเร็ว แล้วเดินจากไปพร้อมโบกมือลาอย่างสบายอารมณ์ โดยทิ้งไว้เพียงแค่คำพูด
“เอาเป็นว่าถ้าตอบรับข้อเสนอล่ะก็มาหาผมได้ตลอด เพราะผมน่ะรออัลอยู่เสมอนั่นล่ะ”
ร่างนั้นหายไปทิ้งเพียงความสับสนหลาย ๆ อย่างที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของผมถึงตัวตนของเขาและความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นมานี่
เอาล่ะถึงเวลาของอเวนเจอร์คนสุดท้ายแล้ว!!!!!