ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ - บทที่ 74 ภาค 2 บทที่ 4 ออโรร่าและภารกิจแห่งนักบุญ
- Home
- ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์
- บทที่ 74 ภาค 2 บทที่ 4 ออโรร่าและภารกิจแห่งนักบุญ
ชิ้นต้องเอา ไม่สิชิ้นนี้ก็อร่อยเอาไปด้วยดีกว่า
…
มือทั้งสองยังคงรีบคว้าขนมทั้งหลายในงานเข้าปากอย่างรวดเร็วประดุจอดอยากปากแห้งไม่ได้กินข้าวมาหลายวันหลายคืน อันไหนเห็นว่ามันน่าอร่อยผมรีบคว้าตักกินเข้าปากหมดในคำเดียวปานเครื่องดูดฝุ่น
แน่นอนว่าสภาพแบบนี้ใครเห็นก็ต้องรู้สึกอนาถ เจ้าราสตอนนี้กำลังจดจ้องผมที่เดินไปมาระหว่างโต๊ะต่าง ๆ ด้วยสีหน้าราวกับปลาตาย หมดอาลัยตายอยากมาก ๆ แต่ใครสนล่ะ ตอนนี้ในหัวผมมีแต่ขนมสุดอร่อยเท่านั้นแหละ
ดูนี่สิ ขนมมาการอง แค่กัดไปก็รู้สึกได้ถึงน้ำตาลที่ละลายในปาก สัมผัสอ่อนนุ่มที่แค่ฟันสัมผัสก็มีรสชาติของครีมข้างในเพียงแผ่กระจายไปทั่วลิ้น… อูววว อร่อยอะ
อ๊ะ นั่นพุดดิ้งน้ำแข็งจากแดนเหนือนี่นา ตอนนั้นยังทานไม่หมดมาโดนขัดจังหวะก่อน ขอสักคำให้ชุ่มใจ
‘ยัยหนู ยัยหนู!! สติ!!’
ฮื้อออออ เย็นอร่อยชื่นใจ ดูสิ ต้องลงทุนขนาดไหนกันถึงสามารถเก็บน้ำแข็งจากแดนเหนือให้ไม่ละลายโดยไม่มีตู้เย็นแบบนี้ อ้า สัมผัสของความเย็นผสมกับความหวานของน้ำผึ้ง มีอะไรจะสุขใจได้เท่านี้อีก
อ๊ะ ทางนั้นยังมีอีกนี่นา
‘ตื่นสิ ยัยหนู ตื่น!!! ไม่ได้การ สติหลุดไปแล้ว!!’
จัดการของหวานโต๊ะแรกเสร็จผมก็รีบเดินไปโต๊ะสองทันทีเพื่อจัดการของหวานที่มีอยู่ให้ครบทุกชนิดแบบไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว
แน่นอนนักบุญเดินมากินของหวานมันต้องมีคนมาทัก แต่ใครล่ะจะสู้ความลื่นไหลของยอดนักบุญออโรร่าได้ เจอทั้งรอยยิ้ม ทั้งคำพูดแห่งศรัทธาไปมีต้องถอยหลังทำความเคารพแล้วปล่อยผมลุยของหวานต่อแบบไม่มีห้ามและสงสัย
ถามว่าทำไมผมถึงมาไล่เก็บของหวานหมดตะปานปอบเข้าสิงแบบนี้งั้นเหรอ สาเหตุมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ความผิดของท่านลูดอร์ฟคนเดียวเลย
ลองคิดดูสิ เล่นโกรธเกรี้ยวขนาดนั้น ถึงปากจะบอกว่าจะไม่ยุ่งกับของหวานสุดล้ำค่าของผม แต่ใครจะไปรู้ว่าคนเมากาวปานตกถังแบบนั้นจะทำอะไรบ้า ๆ ได้บ้าง บางทีเฮียแกอาจคลั่งไปไล่ทุบร้านของหวานทั่วเมืองหลวงเพื่อป้องกันไม่ให้ผมทานของหวานก็ได้
หากมันจะเกิดเรื่องนั้นจริง ๆ และมันดูจะเกิดขึ้นแน่ ๆ ถ้างั้นก่อนที่ผมจะอดกินของหวานตลอดชีวิต ผมจะต้องเหมาของหวานทั้งหมดและจดจำมันเอาไว้ในความจำ!!!
‘ออโรร่า สติ เอาสติกลับมาใส่สมองเจ้าก่อนข้าขอร้อง!!!’
อ๊ะ ราส มีอะไรงั้นเหรอ
‘ข้าเรียกเจ้าอยู่นานสองนาน แต่เจ้าก็ไม่สนใจเอาแต่เดินไล่ตักขนมทั่วงาน ข้าเข้าใจว่าเจ้ากังวลแต่ถึงเขาจะคลั่งกฏของศาสนจักรขนาดไหนก็คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า’
แต่นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผู้ไต่สวนน่ะมีอำนาจมาก ๆ แถมยังเคร่งกฎมากเลยนะ เขาอาจจะประกาศขนมหวานเป็นแบบแล้วไล่ประหารพ่อครัวขนมทุกคนก็ได้!!!
‘เลอะเทอะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเขาก็ต้องเอาชนะฝั่งของขุนนางให้ได้ก่อนแล้วล่ะ’
เออนั่นสินะ ลืมไปเลยว่าที่นี่มันปกครองด้วยระบบขุนนางมากกว่าศาสนา เพราะงั้นถึงจะประกาศแบนของหวานในศาสนาแต่ถ้าขุนนางไม่เล่นด้วยเพราะพวกเขาเองก็ลงทุนในร้านทั้งหลาย กฎหมายก็คงไม่ผ่านแล้วร้านก็คงยังอยู่ต่อได้
คิดได้แบบนั้นผมก็ถอนหายใจก่อนวางจานขนมหวานลงที่โต๊ะแล้วจ้องมองซากจำนวนหลายสิบจานที่โดนผมเขมือบไปแบบไม่สนชาวบ้านชาวช่อง
จะอ้วนไหมเนี่ย….
‘ห่วงเรื่องนั้นเรอะ!! ถึงจะแปลกแต่เจ้ากินแค่ไหนข้าก็ไม่เคยเห็นร่างของเจ้ามันจะเปลี่ยนเท่าไหร่เลย… ความสูงก็ด้วยน่ะนะ’
อึก.. เจ็บสุด ๆ
คิดแล้วยังน่าเศร้าใจ ไม่รู้ทำไมเพื่อน ๆ ของผมทั้งมาเรียและซิลวี่ต่างตัวสูงวันสูงคืน ในขณะที่ผมมากสุดก็เพิ่มมาไม่กี่เซนจนรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ ทั้งที่ผมก็ทานนมทุกวัน แต่ทำไมถึงได้ยังตัวเตี้ยแบบนี้ สวรรค์ไม่ยุติธรรมจริง ๆ
‘เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ แล้วเจ้าภารกิจนักบุญของเจ้ามันว่าอย่างไรบ้างล่ะ’
“อ๊ะ ลืมเรื่องนั้นไปเลยนี่นา”
ผมเผลอร้องอย่างตกใจเมื่อเจ้าราสทักเรื่องสำคัญอีกเรื่องของวันนี้มา ทำให้ผมรีบโบกไม้โบกมือก่อนที่จะมีกระดาษเรืองแสงลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้า ที่ตรงนั้นเองมันได้สลักไว้ซึ่งตัวอักษรที่เรืองแสงสีทอง
ภารกิจแห่งนักบุญผู้ถูกเลือก:รวบรวมมณีแห่งนักบุญให้ครบ 1/7
มณีที่เก็บกู้ได้: ไพรินแห่งการเปลี่ยนแปลง
สิ่งตอบแทนของพระเจ้า:พลังอันยิ่งใหญ่ที่จะล้างคำสาปและยกระดับตัวตนของนักบุญให้สูงขึ้น
ถึงไอ้คำสุดท้ายมันจะดูโฆษณาชวนเชื่อแปลก ๆ แต่ว่าผมก็อยากล้างคำสาปที่เจ้าพระเจ้ามันสาปผม ดังนั้นแล้วจะอะไรมันก็ได้ทั้งนั้น
“หลายปีแล้วก็ยังมีแค่หนึ่งเม็ดเองค่ะ”
เนื่องด้วยตั้งแต่หลังจบปัญหาทีกลอริเอลแล้วได้ไพรินแห่งความเปลี่ยนแปลงมา สี่ปีนั้นเต็มไปด้วยการฝึกฝนในฐานะนักบุญทำให้แทบไม่ได้ออกไปใน การรวบรวมจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะขอร้องพวกกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไปช่วยตามหาแต่ก็เหมือนยังไม่ได้ข่าวอะไร
จะไหวไหมนะ
‘เรื่องมณีอย่างไรก็ต้องใช้เวลา หลายร้อยปียังหาแทบไม่เจอ เจ้าจะมาเจอง่าย ๆ มันก็กะไรอยู่ ที่ข้าหมายถึงคือภารกิจของนักบุญน่ะ’
“อ๋อ นั่นสินะคะ ก็มีมาเรื่อย ๆ ให้ทำ”
ภารกิจศักดิ์สิทธิ์แห่งนักบุญ
1.แต่งตั้งผู้พิทักษ์ประจำตัว
2.แก้ปัญหาในเมืองอันแสนสำคัญ (ต้องตามหาเบาะแสก่อน)
3.ช่วยเหลือผู้ยากไร้
4.สังหารปีศาจที่แอบหลบซ่อนในเมืองหลวง
ถึงแม้หน้าตาของมันจะเป็นกระดาษแต่จริง ๆ แล้วเหมือนหน้าต่างของเกมมากกว่าเพราะแค่กดพวกตัวอักษรเรืองแสงพวกนี้มันก็จะขยายสิ่งที่อยู่ภายในและอธิบายรายละเออียดของภารกิจที่พระเจ้ามอบให้
ภารกิจแต่งตั้งผู้พิทักษ์
คำอธิบาย: ผู้พิทักษ์แห่งนักบุญ ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ที่แม้แต่นักบุญรุ่นต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยได้แต่งตั้งกันเท่าไหร่นัก มีเพียงผู้ที่มีความเหมาะสมและพิสูจน์ได้ถึงพลังแห่งศรัทธาและพลังศักดิ์สิทธิ์ที่จะสามารถขึ้นถึงจุดนี้ได้ พิธีนี้สำคัญมากนัก เพราะมันคือหนึ่งในพิธีที่เป็นดั่งตัวแทนแห่งพระเจ้า เช่นนั้นนักบุญจึงมีหน้าที่ในการสร้างปาฏิหาริย์และศรัทธาจากเหล่าผู้คน
เงื่อนไข:ทำให้ผู้คนทั้งหลายประทับใจในงานพิธีและทำให้การแต่งตั้งผู้พิทักษ์สำเร็จลุล่วง
รางวัล:ขึ้นกับความศรัทธาของคนในพิธี-> ผู้คนศรัทธามากล้นเช่นนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้คือ 100
การลงโทษ:หากการแต่งตั้งไม่สำเร็จท่านจะถูกงดใช้พลังของนักบุญหนึ่งสัปดาห์
ก็เป็นอะไรประมาณนั้น มีทั้งคำอธิบายและเงื่อนไขของการทำภารกิจคล้าย ๆ กับพวกเกม ทั้งยังมีสิ่งตอบแทนมาเป็นสิ่งที่เรียกว่าแต้มนักบุญ โดยเจ้าแต้มนี่ก็น่าเศร้าที่ไม่ได้ทำให้ผมสามารถอัพความสามารถตรง ๆ อย่างความฉลาดหรือกำลัง ไม่ก็ความสูงของตัวเองได้แบบพวกตัวละคร
ส่วนมากแล้วสิ่งที่มีให้ใช้ไปมักจะเป็นเรื่องของพลังต่าง ๆ มากกว่า ไม่สิ ต้องเรียกว่าการปลดล็อคพรของนักบุญ ซึ่งมีอยู่หลายสายด้วยกันไม่ว่าจะสายปาฏิหาริย์ที่เน้นในเรื่องของพลังแบบหมู่ หรือบางอันก็มีพรสำหรับสายต่อสู้ที่เพิ่มพละกำลังหรือไม่ก็ปลดเงื่อนไขของอาวุธต่าง ๆ แบบมองข้ามข้อกำหนดทิ้งไปเลยก็ยังมี…แถวบ้านผมเรียกว่าระบบ Perk ชัด ๆ
แน่นอนว่าเอาจริง ผมสามารถสวดอ้อนวอนและใช้พลังเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันกับพรจากระบบนี้ได้ แต่นั่นมันก็เสี่ยงทำให้ผมหมดสติจากการปรับตัวกับพลังมหาศาลที่ไหลผ่านไม่ได้ แต่หากใช้ระบบนี้แล้วตัวของพลังที่เลือกก็จะควบคุมได้ง่ายแบบเห็นผล
เหมือนพระเจ้าบอกว่าที่จริงมันเป็นการพยายามปรับสภาพร่างกายของผมแบบมุ่งเป้าเฉพาะจุดมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าใช้ได้ก็เป็นพอ
แต่ที่น่าสนใจมันคืออีกอย่างมากกว่า นั่นคือระบบของที่เรียกว่าระบบอัญเชิญแห่งสวรรค์ ซึ่งความดีงามมันคือหากผมจ่ายแต้มที่มันต้องการ ผมจะสามารถเรียกสิ่งนั้น ๆ ที่มีอยู่ในระบบมาได้เป็นการชั่วคราว ซึ่งหลาย ๆ อย่างก็น่าสนใจ มีทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์ประจำธาตุ ชุดเกราะขั้นเทพ หรือขนาดคทารักษาโรคภัยแบบเคาะหัวทีเดียวหายก็ยังมี
น่าเศร้าคือมันมีเวลาจำกัด แถมพอหมดแล้วหากอยากใช้อีกก็ต้องจ่ายแต้มไป ให้ตายสิทำไมถึงขี้งกขนาดนี้นะ
‘เรื่องค่าตอบแทนน่ะช่างมันก่อน ที่ข้าสนใจคือเรื่องของภารกิจตามหาปีศาจที่แอบซ่อนในเมืองมากกว่า มันขึ้นมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วและยังคงไม่หายไปไหน นี่ยิ่งทำให้ข้ากังวลใจ’
เรื่องนี้ผมเข้าใจที่เขาพูดอยู่ โดยหลักการของภารกิจส่วนใหญ่หากไม่ใช่ภารกิจสำคัญนั้นก็จะไม่มีบทลงโทษอะไร หากทำไม่ทันหรือมีคนชิงตัดหน้าแก้ไปก่อนมันก็จะหายไปเฉย ๆ ส่วนเงื่อนไขที่ภารกิจโผล่มาจากการทดลองมาตลอดสี่ปี ก็คือผมได้หรือไม่ก็อยู่ใกล้เบาะแสสำคัญของภารกิจเหล่านั้น
อย่างถ้าเป็นคำขอร้องของทางศาสนจักรส่วนใหญ่เจ้าภารกิจก็มักจะขึ้นมาร่วมด้วย หรือบางครั้งที่มีคนมารายงานเรื่องแปลก ๆ เองก็ทำให้ภารกิจขึ้นมาเหมือนกัน
แต่ครั้งนี้มันจัดว่าแปลก เพราะทั้งไม่มีใครมาบอกว่ามีปีศาจในเมืองแล้วก็ยังไม่มีพวกรายงานเรื่องผิดปกติอีก ก็เหลือเพียงแค่ว่าปัญหามันอยู่ใกล้กว่าที่ผมคิดเอาไว้ไม่ก็ผมอาจได้มันมาแล้วแต่ยังหาไม่เจอมากกว่า
“เห้อ ภารกิจเองก็ดูเป็นเรื่องใหญ่โตเสียด้วยนะคะราส”
ผมถอนหายใจแล้วบ่นออกมาพึมพำกับเจ้าราสอย่างช่วยไม่ได้ ระหว่างนั้นก็คลายเครียดด้วยการยกนมร้อนมาดื่มให้หัวมันโล่ง
‘อืม ภารกิจอื่นข้าไม่ค่อยสนใจ แต่ภารกิจนี้อย่างไรเราก็มองข้ามมันไม่ได้เด็ดขาด’
“ว่าแต่จะไปตามหาข้อมูลที่ไหนกันนะ”
“ออโรร่า อยู่ที่นี่เอง”
เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากทางด้านข้าง เรียกให้ผมหันไปหาต้นเสียง ซึ่งที่ตรงนั้นเองได้ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มผมสีทองกำลังเดินเข้ามาหา
ไม่ใช่ใครที่ไหน ชาร์ล องค์ชายอันดับสองแห่งราสเวนน่า ตัวของเขาตอนนี้โตขึ้นจนผมสูงเพียงแค่หัวไหล่ไปแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น ใบหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจไม่มีความหวาดกลัวหรือความกังวลใจอีกต่อไป ดวงตาสีฟ้าที่ดูสง่างามยิ่งกว่าราชสีห์จนให้อารมณ์ราวกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่
เขาอยู่ในชุดสีขาวที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องยศมากมายสมกับเป็นคนของราชวงศ์ ทวงท่าที่เดินมานั้นเองก็เรียกได้ว่าผ่านการฝึกฝนหลักสูตรมาอย่างดี ไม่ใช่ท่าทีของเด็กน้อยที่วิ่งหนีผีกับผมอีกต่อไป
“ผมตามหาอยู่นานเลยครับ หวังว่าออโรร่าจะถูกใจงานที่ครอบครัวผมจัดให้ทั้งออโรร่าแล้วก็ผู้พิทักษ์นะครับ”
ชาร์ลพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความสุภาพ ก็ได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นที่นิยมของลูกคุณหนูทั้งหลายอยู่หรอก แต่ไม่นึกว่าออร่ามันจะแรงขนาดนี้
ผมมองไปที่ชาร์ลที่ตอนนี้พูดไปพลางเอามือทาบอกของตัวเองอย่างเป็นมารยาท ทุกครั้งที่เขาพูดและยิ้มมา มันราวกับมีออร่าสีทองเป็นประกายสาดส่องมาจนแสบตาอยู่ตลอด.. ไม่นึกจริง ๆ ว่าจะโตมาทางนี้ได้
องค์ชายผู้สมบูรณ์พร้อมงั้นเหรอ สี่ปีมันเปลี่ยนคนเราได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
นึกถึงวันวานแล้วภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งร้องไห้ขอความช่วยเหลือยังอยู่ในใจของผมเสมอ ผมยังจำคำที่บอกให้เขาเป็นฮีโร่ได้ แต่ก็ไม่นึกว่าฮีโร่ของเขาจะเป็นองค์ชายผู้สมบูรณ์แบบเช่นนี้
ก็นับว่าเป็นพัฒนาการที่ดีนั่นล่ะ
“อืม เราถูกใจมากเลยล่ะ ทั้งอาหาร เครื่องดื่มและยังขนมก็ดีไปหมด”
“เรื่องขนม…”
ชาร์ลชะงักไปชั่วครู่หนึ่งเมื่อผมพูดคำว่าขนมขึ้นมา นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าคิ้วด้านขวาของตัวเองมันกระตุกแปลก ๆ
“ออโรร่าไม่ได้ลำบากใจใช่ไหมครับ เพราะผมได้ยินมาว่าเมื่อครู่ทางศาสนจักรร้องเรียนมาว่าการนำขนมมาจัดในงานที่นักบุญเข้าร่วมนับว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาท ถ้าเป็นแบบนั้นครั้งหน้าที่ออโรร่าจะมา ผมจะบอกให้..”
“ไม่ต้องค่ะ เอาแบบนี้แหละดีแล้ว”
“เอ๋? ออโรร่าเดียวก่อน”
มือทั้งสองของผมรีบคว้ามือของชาร์ลอย่างอัติโนมัติ ตาทั้งสองจดจ้องเขาอย่างไม่วางตา ความกังวลใจนับล้านได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ขีดสุด
ไอ้ลูดอร์ฟฟฟฟ นี่เอ็งยังจะมาละลานขนมของผมอีกงั้นเหรอ!!!
“การเปลี่ยนแปลงใด ๆ เพื่อคน ๆ เดียวไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยค่ะ อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพื่อเราเลย”
“เรื่องนั้นถ้าเพื่อออโรร่าผมไม่คิดว่ามันเดือดร้อนอะไรเลยนะครับ”
อย่ามาพระเอกตอนนี้นะ!!!
“นักบุญนั้นอยู่เพื่อผู้คนทั้งหลาย การทำให้เด็กน้อยที่มางานหรือยังลูกคุณหนูที่รักในรสชาติต้องอดเพียงเพราะเรื่องส่วนตัว นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นค่ะ”
“แต่ออโรร่าเป็นนักบุญ ขนมหวานเป็นข้อห้ามใหญ่ ผมก็ไม่อยากให้ทางเราเป็นต้นเหตุทำให้ออโรร่าต้องทำผิดกฎเพื่อรักษาน้ำใจหรอกนะ”
ยังมารู้ดีอีก!!! รู้ไหมว่ากฎมันมีไว้แหก ไม่ได้มีไว้ให้ทำตาม!!
“เรื่องนั้นมันคือการฝึกตัวเองค่ะ ขนมหวานที่ห้ามไว้เพราะนำมาซึ่งความอยาก และความอยากทำให้เกิดความโลภ แต่ทว่าหากเราทานเพียงเพื่อตอบแทนน้ำใจโดยไร้ซึ่งความปรารถนาในรสชาติ เช่นนั้นแล้วก็ไม่นับว่าผิด.. การจะพูดถึงกฎเราต้องดูถึงที่มาค่ะ”
‘ทำเป็นพูดอ้างหลักการ ในหัวเจ้ามันเต็มไปด้วยความตะกละกว่าใครเพื่อนเลยนะยัยหนู’
“แต่การไม่มีสิ่งกระตุ้นให้เกิดความผิดเลยจะดีกว่านะครับ ผมเองก็อยากสนับสนุนออโรร่าในทุก ๆ ทางเหมือนกัน”
แต่มันต้องไม่ใช่ทางนี้!!! ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพระเอกผิดที่ ผิดเวลา!!
“ไม่ค่ะ การฝึกตนที่ดีที่สุดคือไม่ใช่การหลีกหนีแต่เป็นการเผชิญหน้ากับมัน นี่ถือว่าชาร์ลช่วยเราในการฝึกฝนตัวเอง.. ไมได้เหรอคะ”
ไม่รอช้า ผมใช้สายตาอ้อนวอนผสมจิตอันแรงกล้าพุ่งจ้องไปที่ชาร์ลจนเขาเริ่มออกอาการลนลานคล้ายสมัยเด็กขึ้นมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“เอ่อ..เอ่อเรื่องนั้นถ้าออโรร่าว่ามาอย่างงั้นก็ตามนั้นแล้วกันครับ ผมจะไปบอกเสด็จพ่อให้นะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ผมกับชาร์ลพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าถึงช่วงที่เราไม่ได้เจอกันว่าแต่ละคนเจออะไรกันมาบ้าง แน่นอนผมส่วนใหญ่ก็คือการฝึกส่วนเขาคือบทเรียนของราชวงศ์
แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้เพียงอย่างเดียว
….ตูคิดบัญชีเอ็งแน่ ลูดอร์ฟ!!!
—————————————-
ช่วงนี้เป็นการเปิดตัวละครเพื่อย้อนความหลังกันนะครับ เดี๋ยวหาว่าไรต์ลำเอียงมอบบทให้ใครเป้นพิเศษ แน่นอนว่าออโรร่าของเรามีอุปกรณ์ช่วยเหลือเพิ่มเติมมาบ้างแล้ว ก็ดูว่าน้องแกจะใช้อย่างไรน่ะนะ
ปล.ทุกคอมเม้นคือกำลังใจครับ