ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ - บทที่ 70 อออโรร่าน้อยกับวันเวลาที่น่าคิดถึง (จบภาค 1)
- Home
- ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์
- บทที่ 70 อออโรร่าน้อยกับวันเวลาที่น่าคิดถึง (จบภาค 1)
วันเวลาอันแสนวุ่นวายได้ผ่านพ้นไป เรื่องราววิกฤตในแดนเหนือได้ผ่านพ้นไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น บ้านเมืองที่เสียหายได้ถูกซ่อมแซม ผู้คนที่บาดเจ็บได้รับการรักษา การจัดการของพวกเขานั้นช่างรวดเร็วสมเป็นดินแดนที่อยู่ในสงครามมาตลอด
ไม่ใช่แค่นั้น เหล่าคนเถื่อนทางเหนือที่ทำสงครามด้วยกันมาตลอดเวลาได้ประกาศตนเป็นพันธมิตรผู้ศรัทธาในพระเจ้า ไม่มีอีกแล้วสงครามนองเลือดแห่งแดนเหนือ ข่าวดียังไม่หมดแค่นั้น วิญญาณร้ายที่หลอกหลอนกลอริเอลก็ถูกแสงของผมที่ผสานเข้ากับเวทแห่งกาลเวลาของไพลินแห่งการเปลี่ยนแปลงชำระล้างจนหมดสิ้น จนตอนนี้มันกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่สงบสุขที่สุด
‘เจ้าทำได้ดีมากเลยนะ ยัยหนู’
“นาน ๆ ทีจะชมกันแบบนี้รู้สึกดีใจเหมือนกันนะคะ”
‘ทั้งจัดการจอมปีศาจได้ ไหนยังเก็บมณีแห่งดาบของนักบุญคนแรกมาได้ ทำขนาดนี้ไม่ชมข้าก็เป็นนกใจร้ายไปแล้วล่ะ’
“ปกติก็ใจร้ายกับหนูอยู่ตลอดนี่นา”
‘นั่นข้าหวังดีต่างหากล่ะ หลังจากนี้เจ้ายังต้องฝึกอีกมาก นี่โชคดีที่แม้ศัตรูในคราวนี้จะพลังมากแต่ก็ไม่เฉลียวพอจะอ่านแผนของพวกเราออก ถ้าเจ้าเจอพวกเหลี่ยม ๆ หน่อยอาจแย่ เพราะงั้นการสร้างเสริมพลังคือสิ่งจำเป็น’
“เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์ราส”
เรื่องที่ราสพูดมาอย่างไรผมก็เข้าใจดี เพราะครั้งนี้ฝึกมาไม่พอทำให้พอใช้เวทขนาดใหญ่ทีไรเข่าก็เกือบทรุด จะมาหวังเพิ่งปาฏิหาริย์ทั้งหลายก็คงไม่ได้อีก เพราะงั้นทางที่ดีคือพัฒนาตัวเองให้พอรับมือได้จะดีกว่า
‘แล้วมณีล่ะเป็นเยี่ยงไรบ้าง’
“ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็ยังไม่ตอบสนองเลย”
ผมว่าเสร็จก็หยิบไพลินสีฟ้าในมือขึ้นมาดู ตอนนี้มันเป็นเพียงไพลินธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้ส่องแสงอะไร ไม่รู้ว่าเพราะมันมีเงื่อนไขหรือพวกเราใช้พลังหมดเกลี้ยง ทำให้มันไม่ตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็น
‘น่าจะต้องทดลองหลาย ๆ อย่างแต่ก็ดีแล้วที่เราจัดการปีศาจทั้งหมดได้ ไม่งั้นทางเหนือคงไม่ยอมปล่อยมณีนี่มาให้ง่าย ๆ’
“พูดถึงเรื่องจัดการปีศาจ ไม่รู้ว่าใครฆ่าเจ้าเอลดรานกันนะ”
ในวันถัดมาที่เกิดเหตุวุ่นวายที่ห้องพยาบาล ก็มีข่าวการตายของเอลดรานเกิดขึ้น ในคุกเต็มไปด้วยเลือดมากมาย แขนขาของเขาถูกตัดอย่างน่าสยดสยองจนไม่อาจบรรยายได้ หลายคนคาดเดาว่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความแค้นกับจอมปีศาจผู้นี้
ก็นะ ทำเรื่องไว้ใหญ่โตขนาดนั้นจะมีคนต่อแถวจองกฐินไล่สับก็คงไม่แปลกอะไร แต่เล่นมาฆ่าถึงกรงแบบนี้มันก็อุกอาจใช้ได้
ตอนแรกผมก็เป็นกังวลเกี่ยวกับจิตใจของซิลวี่อยู่หรอก เพราะถึงเจ้านั่นมันจะชั่วแต่ก็เคยดูแลซิลวี่มาตั้งหลายปี ทำให้ไม่แปลกที่เธออาจสับสนหรือเสียใจ แต่เธอก็เพียงยิ้มให้ผมอย่างเข้มแข็งเท่านั้น
“สุดยอดไปเลยนะ ซิลวี่เนี่ย”
‘เจ้าควรดูนางเป็นแบบอย่างนะ ได้ข่าวหลังเจ้าออกมาจากแคว้นกลอริเอล ทางนั้นเหมือนจะฝึกเต็มที่เลยนี่ อย่าน้อยหน้าผู้พิทักษ์ของเจ้าแล้วกันยัยหนู’
ฮึยยยยย
พูดแล้วยังเขินไม่ให้กับสารพัดฉากรุกอันร้อนแรงของซิลวี่ที่ตั้งแต่ประกาศตัวเป็นผู้พิทักษ์ของผมก็เล่นรุกเข้าใส่ไม่ยั้งทั้งทางคำพูดหรือการกระทำอย่างกับเจ้าชายขี่ม้าขาวเอาจนแม้แต่อดีตเด็กหนุ่มอย่างผมยังต้องเขิน
“จะพยายามก็แล้วกันค่ะ”
ผมเอียงตัวคุดพิงเข้ากับผนังไม้ของรถม้าเพื่อเอาหน้าซุกเบาะนุ่ม ๆ นั่นเพื่อหลบสายตาของเจ้าราส มันก็ไม่ทำอะไรนอกจากหัวเราะไปมา
‘แล้วพ่อของเจ้ากับเด็กที่ชื่อว่าไรน์นั่นล่ะ’
“พวกเขาบอกว่าเพราะเป็นห่วงผมก็เลยเตรียมเรื่องย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงแล้วน่ะ ตอนแรกนึกว่าจะยากแต่ไม่รู้ท่านพ่อไปทำอีท่าไหนทางราชวงศ์ถึงตอบตกลงซะง่ายขนาดนั้น”
นึกแล้วยังสงสัย ไม่รู้ว่าคุณพ่อใช้เส้นลึกลับหรือเส้นนักบุญของผม ทำให้ทั้งเอกสารข้ามเขตแดนหรือยังพวกที่อยู่อาศัย ทางราชวงศ์ก็เตรียมพร้อมให้เสร็จสรรพ แถมที่ให้อยู่ก็ไม่ใช่แค่บ้านธรรมดา หลังใหญ่มากเสียด้วย ถ้ากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไรคงต้องไปเยี่ยมดูสักครั้ง
เจ้าไรน์ก็ดันได้อานิสงส์ติดสอยห้อยตามคุณพ่อมาด้วย นี่มันบุญหล่นทับชัด ๆ ทั้งวิชาดาบก็ได้ ทั้งบ้านสุดหรูก็ยังได้ ถ้าผมได้ไปบ้างคงนอนตีพุงกินขนมทั้งวัน
‘ว่าแต่ในมือนั่นมันอะไรเหรอ’
เจ้าราสพูดขึ้นพลางมองสิ่งที่อยู่ในมือของผม มันเป็นก้อนน้ำตาลซึ่งเคลือบผลไม้เมืองหนาวอย่างแอปเปิล
“ของฝากน่ะ”
มันเป็นของฝากจากซิลวี่ก่อนที่ผมจะออกจากกลอริเอลมา ที่จริงเธออยากจะให้มากกว่านี้แต่ขนมส่วนใหญ่ของเมืองเหนือดันต้องอาศัยความเย็นเก้บรักษาอย่างเจ้าพุดดิ้งเกล็ดหิมะ นั่นทำให้ผมพกมาด้วยไม่ได้ แต่เรื่องนั้นใครสนเพราะซิลวี่กับคนของเดอฟรอเซียเลี้ยงขนมหรูหราพวกนั้นซะจนผมอิ่มหนำไปหลายวันเลยล่ะ
‘เจ้านี่มันเลี้ยงง่ายจริง ๆ’
“ถ้าท่านวิหคสวรรค์โตมากับดินแดนที่อาหารเลิศรสแล้วต้องมาอยู่ในดินแดนอันแสนจืดชืดด้านรสชาติเช่นนี้ สักวันท่านก็จะเข้าใจค่ะ”
‘พอดีข้าเป็นนกน่ะนะ เลยไม่ได้ต้องการของหรูหราพวกนั้นหรอก’
“แค่หนอนก็พองั้นสินะคะ”
‘ปากเสีย แค่พืชผลไม้ที่เอามาถวายก็พอแล้วต่างหากเล่า!!!’
ปู้น
เสียงแตรดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าพวกเรานั้นได้มาถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย เสียงตะโกนร้องยินดีมากมายดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสายราวกับงานเทศกาลประจำปีอันยิ่งใหญ่
“ดูเหมือนเราจะมาถึงแล้วสินะคะ”
‘ทำเต็มที่ล่ะ’
“จะพยายามไม่ให้ผิดหวังค่ะ”
หน้าต่างรถม้าถูกเปิดออกเผยทิวทัศน์ของเมืองอันแสนคุ้นตา ถนนขนาดใหญ่ที่ถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ สองข้างทางรายล้อมไปด้วยฝูงชนมากมายที่ต่างร้องสรรเสริญชื่อผมและพระเจ้าออกมากันมาไม่ขาดสาย
“ท่านนักบุญผู้กลับมาแล้ว ท่านกลับมาแล้ว”
“นักบุญผู้สังหารจอมปีศาจ ท่านออโรร่า!!”
เดี๋ยว ๆ ผมไม่ได้สังหารอะไรเจ้าเอลดรานเลยนะ มันโดนคนอื่นสับเป็นหมูบะช้อไม่ใช่ผม นี่ใครเอาข่าวลือมาปล่อยมั่วซั่วเนี่ย
“โอ้สมแล้วที่เป็นผู้ที่ถูกเลือกโดยพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่มณีแห่งดาบนักบุญก็ยังสยบให้”
เสียงที่ดังขึ้นมาทำให้ผมเหลือตาไปมองไพลินสีฟ้าครามในมือซึ่งผมเผลอหยิบติดมาด้วยตอนคุยกับเจ้าราสจนลืมตัว นั่นมันยิ่งทำให้ความศรัทธาและเสียงสรรเสริญมากมายเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ
“แด่ท่านนักบุญ แด่ศาสนจักรแห่งเรสเวน แด่พระผู้เป็นเจ้า!!”
อ้อ งานนี้รู้เลยฝีมือใคร นี่มันฝีมือคนของศาสนจักรแน่นอน เพราะหากมีข่าวว่านักบุญสังหารได้ย่อมเด็ดดวงกว่าผนึกพลัง และยิ่งเป็นนักบุญที่มหาวิหารดูแล ชื่อเสียงของศาสนจักรยิ่งเพิ่มขึ้นไปใหญ่
ให้ตายสิ กลับมาจากศึกสุดโหดก็โดนโยนเข้าใส่การเมืองอีกแล้วงั้นเหรอ ชีวิตของผมมันจะสงบกับเขาบ้างไหมเนี่ย ดูนั่นสิ พวกคนของราชวงศ์มองใหญ่แล้วน่ะ
มองไปที่หัวขบวนซึ่งมารับขบวนนักบุญของผมคือตัวขององค์ชายอันดับหนึ่งและสอง ตัวของชาร์ลน่ะไม่เท่าไหร่ เขายิ้มอย่างยินดีและโบกมือไปมาให้กับผมอย่างเป็นมิตร ส่วนพี่ชายน่ะเหรอ… มองหน้าผมอย่างกับเห็นขี้… นี่ตูไปทำอะไรผิดมาเนี่ย สงสัยจริงจัง
แต่เรื่องนั้นใครสน เพราะตอนนี้เมืองหลวงได้จัดเทศกาลต้อนรับผม ดังนั้นเมื่อขึ้นชื่อว่าเทศกาลสิ่งที่ตามมาก็คืออาหารและขนมรสเลิศที่หาได้ยาก ไม่รอช้าผมได้อาศัยจังหวะที่โบกมือประดุจนางสาวไทยสอดส่องร้านที่น่าสนใจและจำมันในหัว โดยกะว่าจะฝากคนอื่นไปซื้อมาให้หลังถึงที่พัก
โอ้ใช่ พูดถึงที่พัก คราวนี้มันถึงเวลาที่ผมจะได้กลับไปที่มหาวิหารแล้วนี่นะ คิดดูแล้วก็คิดถึงมาเรียไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นไงบ้าง…. ไม่สิ บางทีไม่เจอกันจะดีกว่าไหมนะ เพราะเธอกำลังจะหาทางจับผมแต่งกับพี่ชายเธอนี่หว่า ตายแล้วไง ๆ
“เป็นยังไงบ้างครับออโรร่า สุดยอดไปเลยนะสามารถปราบจอมปีศาจในตำนานนั่นได้ด้วย สมเป็นนักบุญจริง ๆ”
ชาร์ลควบม้ามาอยู่ข้างผมและพูดชมด้วยความใสซื่อสมวัยเด็กผิดกับเด็กแก่แดดหลายคนที่ผมเจอมา นั่นเรียกสติของผมให้ตื่นจากสียงของความกังวล
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เพราะได้ความร่วมมือจากซิลวี่… เอ่อซิลเวีย ผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์จึงเอาชนะมาได้”
“น่าอิจฉาจังเลยนะ ผมเองก็อยากเป็นผู้พิทักษ์กับเขาบ้างเหมือนกัน”
“นั่นสินะคะ ไว้รอโตขึ้นก็ไม่เสียหาย ชาร์ลอาจจะค้นพบตัวเองก็ได้”
ไป ๆ มา ๆ ผมรู้สึกราวกับเจ้าชายผู้ใสซื่อนี่เหมือนกับน้องชายของตัวเองไม่มีผิด เขาช่างใสซื่อราวกับผ้าสีขาวที่พร้อมเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ความฝันที่สมกับวัยเด็กนั่นด้วยทำให้ผมยังรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีเด็กจริง ๆ หลงเหลืออยู่
“อือ ไว้โตขึ้นผมจะต้องเป็นองค์ชายที่สมบูรณ์แบบและช่วยออโรร่าให้ได้อย่างแน่นอน ผมสัญญา”
“จะเฝ้าคอยอย่างตั้งใจนะคะ”
เราทั้งสองแยกไปอยู่ตำแหน่งที่ควรอยู่อีกครั้ง ชาร์ลกลับไปที่ขบวนของราชวงศ์ผมก็ทำหน้าที่นางสาวไทยโบกมือต่อไป แต่ไม่รู้ทำไมถึงแม้จะรู้สึกถึงความวุ่นวายที่จะมาถึงแต่บรรยากาศแบบนี้มันก็ช่างคิดถึง
งานเทศกาล พิธีการต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีให้กับความสำเร็จครั้งนี้ของผม ไม่ว่าจะเป็นการมอบรางวัล การอวยยศมากมายจากราชวงศ์หรือคำประกาศเกียรติและตำแหน่งทางศาสนาของศาสนจักร แต่สิ่งเหล่านั้นสำหรับผมมันเทียบไม่ได้เลยกับขนมอันหอมหวานอร่อยในพิธีซึ่งผมแอบจดจ้องมันตลอดงาน
ความเหนื่อยทำเอาให้ผมทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่ม ๆ ที่ตรงนั้นเองผมก็สะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องผมอยู่
แย่แล้วเผลอตัวไป
“ทะ..ท่านออโรร่า ยะ..ยินดีต้อนรับกลับค่ะ”
สายลับแห่งตระกูลลอเลนซ์ มาเรียลอเลนซ์ สาวน้อยขี้อายที่หวังจับผมไปแต่งงานกับพี่ชายของเธอแย่ล่ะเผลอทำท่าน่าอายไปซะได้ ต้องรีบเปลี่ยนโหมดเป็นนักบุญผู้เพียบพร้อมก่อน!!!
“ไงคะมาเรีย กลับมาแล้วคะ”
“ส..สบายดีไหมคะ”
“อืม ดีมากเลยค่ะ ถึงจะมีเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี แล้วทางมาเรียล่ะคะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฉะ..ฉันงั้นเหรอคะ!! เอ่อ ก็ดีค่ะ… พอตัดสินใจบางอย่างได้ก็เลยว่าจะลองฝึกดูน่ะค่ะ”
มาเรียบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย ดวงตาของเธอไม่กล้าที่จะสบกับตาของผมแต่ทุกครั้งที่เราคุยกันเธอก็เอาแต่ลูบกิ๊ฟติดผมที่ผมให้ไว้ตลอดเวลา… นี่จะสื่ออะไรเหรอเปล่าเนี่ย จะบอกว่าจับตาดูอยู่ตลอดงั้นเหรอ ไม่ต้องห่วงออโรร่าคนนี้ไม่หลุดง่าย ๆ หรอกนะ
“ฝึกงั้นเหรอคะ ดีจังเลยนะคะฝึกอะไรงั้นเหรอคะ”
ล้วงข้อมูลมาล้วงกลับไม่โกง ผมพยายามใช้สายตาอันยอดเยี่ยมของตัวเองแอบสอดส่องหนังสือที่เธอซ่อนเอาไว้อยู่ข้างหลัง
“ไม่มีอะ…อะไรหรอกค่ะแค่หนังสือพัฒนาตัวเอง..ค่ะ”
ร้อยมารยาหญิง การบงการจากเงามืด พูดอย่างไรให้คนคล้อยตาม ร้อยแปดวิธีการข่มขู่คน…. นี่เธออ่านอะไรเนี่ยมาเรีย!!!
ไม่สิ มันชัดเลยไม่ใช่เหรอ แบบนี้มันชัดเลยว่าเธอกำลังเตรียมพร้อมที่จะเล่นงานผมอยู่น่ะ!!! ใช่แน่ ๆ ทั้งการข่มขู่ ทั้งการคล้อยตาม นี่เธอคนนี้ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจจะจับผมเข้าตระกูลแน่นอน ไม่ได้แล้วต้องรีบแสดงให้ดูว่าเราแข็งเหมือนกัน… ไม่สิตอนนี้ต้องสร้างความประมาทให้อีกฝ่ายก่อนว่าเราพวกเดียวกัน เธอจะได้ไม่รีบดำเนินแผน
“งั้นเหรอคะ ไม่ว่ามาเรียจะทำอะไรฉันเองก็จะคอยเอาใจช่วยนะคะ เพราะว่าเป็นมาเรียจึงเชื่อว่าต้องทำสำเร็จแน่นอนค่ะ”
ดวงตาสีเขียวมรกตลุกวาวเป็นประกายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนผมรู้สึกเสียวสันหลังไปวูบหนึ่ง แต่อาจจะเป็นความคิดมาไปเอง
รอยยิ้มเล็กได้เผยออกมาเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะดีใจกับคำชมนั่นทำให้ผมไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากยิ้มให้
“ค่ะ..จะพยายาม…นะคะ ท่านออโรร่า”
และเธอก็แยกไปนอนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั่น ส่วนผมก็จัดเก็บข้าวของก่อนจะเปิดหน้าต่างรับลมของเมืองหลวงที่ไม่ได้รับมานานเพื่อผ่อนคลาย
สายลมอันอบอุ่นของเรสเวนน่าที่พัดผ่านทำเอารู้สบายทุกครั้งที่สัมผัส ทำเอาความจำมากมายตลอดหลายปีที่เกิดขึ้นผ่านเข้ามาในหัว
เสียงวุ่นวายยและสับสนอลหม่านของผู้คนที่คับคั่งต่างจากบ้านเกิดที่เงียบสงบ หรือยังเหล่าคนทั้งหลายที่คุ้นหน้าที่วัน ๆ เอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวายไม่หยุด แต่ถึงจะวุ่นวายพวกเขาเหล่านี้นั้นก็เปรียบเหมือนประสบการณ์อันล้ำค่าที่พาผมมาถึงจุดนี้ แม้บางครั้งจะน่ารำคาญบ้างแต่ก็ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่คิดถึง
ในอนาคตเมื่อโตขึ้นเรื่องวุ่นวายคงมีมากมายกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนที่อยากใช้ประโยชน์ของผมในเกมการเมือง กลุ่มคนปริศนาที่ยังไม่รู้จุดมุ่งหมาย หรือยังภารกิจรวบรวมมณีแห่งดาบนักบุญ ทั้งหมดนี้คงมีแต่ความยากลำบากรอผมอยู่
แต่เรื่องนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ความยากลำบากที่ยังมาไม่ถึงกังวลไปก็มีแต่จะปวดหัว ไว้มันเกิดขึ้นด้วยมิตรภาพทั้งหลายที่มีและพลังที่ได้รับมาจะต้องแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน ส่วนตอนนี้ก็มามีความสุขกับปัจจุบัน ความสุขของวัยเด็กแสนสนุกนี่ก่อนเถอะ
ผมขอวิงวอนให้ทุกวันมีแต่ความสุขด้วยเถิด
‘เจ้าได้สิ่งนั้นเสมอ’
———————————-จบบทที่ 1 ก้าวแรกแห่งการตื่นของนักบุญผู้เป็นที่รักของพระเจ้า————————————–