ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ - บทที่ 63 ผู้ใดมิเห็นความยิ่งใหญ่ของท่านนักบุญ ผู้นั้นย่อมโดนรุมกระทืบ
- Home
- ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์
- บทที่ 63 ผู้ใดมิเห็นความยิ่งใหญ่ของท่านนักบุญ ผู้นั้นย่อมโดนรุมกระทืบ
เยี่ยม เยี่ยมสุด ๆ
หลังจากฉากเล่นใหญ่ของยอดนักบุญออโรร่าและวิหคสวรรค์ราสเมื่อครู่ ก็ไร้ซึ่งการจู่โจมจากศัตรูอีกต่อไป ทุกก้าวเดินของผมช่างปลอดภัยไร้กังวลเหมือนเดินเล่นในสวนดอกไม้ก็ไม่ปาน
“แก ไอ้นักบุญชั่วช้าบังอาจหลอกลวงเราเหรอ ตาย!!”
แน่นอนว่ามันต้องมีคนห้าวเหลืออยู่ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังของออโรร่าน้อยเพียงแค่รอยยิ้มอย่างเดียวก็จัดการปัญหาทุกอย่างได้แบบไม่มีปัญหา
“พอเถอะค่ะ สันติน่ะคือทางออกนะคะ”
แค่นั้นล่ะ เห็นผลทันที เหล่าอดีตคนเถื่อนทั้งหลายที่เจอพลังรอยยิ้มของออโรร่าน้อยแสนน่ารักเข้าไปทีเดียว ก็รีบลุกขึ้นมาจัดการจบกดหัวยอดคนห้าว อดีตพวกเดียวกันคนนั้นลงกับพื้นทันทีแบบไม่รีรอ
“นี่คือหนทางของพวกเราในการไถ่บาป เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ”
“มันหลอกพวกเจ้า มันกำลังหลอกพวกเจ้าอยู่”
ฟังแล้วเจ็บ แต่เขาพูดจริงเลย แต่บางครั้งอยากให้รู้ไว้นะพวก… ความจริงบางครั้งมันก็ทำให้แมวตายน่ะ
“แกปากเสียกับท่านนักบุญงั้นเหรอ แบบนี้เราจะตกนรกกันหมด”
“นรกอะไร จอมมารต่างหากคือที่สุดของพลัง”
“พลังอะไรใครสน ข้าอยากอยู่อย่างสงบใต้อ้อมกอดท่านนักบุญ”
“ใช่ ช่างหัวจอมมารเถอะ จอมมารให้ความอบอุ่นแบบนี้กับเจ้าเช่นท่านนักบุญไหม!!! คิดสิ คิด!!!”
“ไม่เห็นรอยยิ้มอันแสนจริงใจนั่นเหรอ แบบนี้ยังจะกล้าว่าท่านนักบุญอีกเหรอ อย่าอยู่เลย”
สหะบาทาจำนวนมากได้บังเกิดขึ้น ในหลาย ๆ มุมและหลาย ๆ จุด ไอ้ที่จริงตอนแรกก็ไม่นึกว่ามันจะได้ผลดีขนาดนี้หรอกนะ แต่ทำไมคำพูดของเจ้าพวกนี้บางตัวมันดูอันตรายชอบกล
‘สุดยอดจริง ๆ ตั้งแต่ดูนักบุญมาหลายคน มีเจ้านี่ล่ะที่ทำอะไรแบบนี้ได้’
ชมอีกเยอะ ๆ เลยราส ชมอีก ๆ ไงล่ะความสำเร็จของผม~
‘เก่งมาก ๆ ยัยหนู แต่บอกเถอะนะว่าเจ้าทำเอาข้าคิดหนักพอควรแล้วเนี่ย’
ราสแอบถอนหายใจออกมาเหนื่อย ๆ แต่มันก็ยังอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับคมคือต้องรักษาภาพลักษณ์ของวิหคสวรรค์เอาไว้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือนี้
เอาล่ะ แค่นี้ก็ฝ่าด่านแรกอย่างพวกกองทัพคนเถื่อนไปได้แล้ว ต่อไปเหลือแค่ไปห้องบอส ตบหัวเอลดรานแล้วนำตัวซิลวี่กลับมาสินะ
“เราขอถาม เจ้าเห็นชายชื่อเอลดรานซึ่งพาตัวเด็กผู้หญิงผมสีทองคนหนึ่งที่ใส่ชุดของขุนนางบ้างไหม”
“เรียนท่านนักบุญ ชายผู้นั้นอยู่ที่ลานพิธีกรรมกำลังจัดพิธีบางอย่างอยู่”
“เขาอ้างว่าเป็นพิธีอัญเชิญจอมปีศาจครับ ท่านนักบุญ”
“เด็กหญิงผมทองคนนั้นอยู่ที่ลานนั่น หากท่านประสงค์เราพร้อมช่วยท่านขัดขวาง พิสูจน์การกลับใจของพวกเรา!!”
“ขอทราบนามท่านนักบุญผู้นี้ได้หรือไม่”
ชาวลัทธิกลับใจรีบวิ่งเข้ากันเข้ามาแย่งกันตอบผมด้วยสายตาอันแสนเถิดทูนบูชา แต่มันก็มีอะไรแปลก ๆ แอบแทรกปนมาซึ่งผมก็ทำหูทวนลมไม่ได้ยินไปก่อน ว่าแต่ว่าเชื้อหมีมันแพร่กันได้เหรอเปล่า?
“เช่นนั้นก็ดี เราจะให้ปีศาจตนนี้ทำสำเร็จไม่ได้เป็นอันขาด”
“เข้าใจแล้วครับ พวกเราท่านนักบุญต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา เช่นนั้นก็ถึงเวลาพิสูจน์ความศรัทธาแล้ว!!”
“ถูกต้อง ปีศาจหลอกลวงเราด้วยอำนาจจอมปลอม มีท่านนักบุญเท่านั้นคือความจริง พวกเราลุย!!!”
ชาวลัทธิกลับใจนับพันต่างโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งพร้อมลุกขึ้นหันหลังกลับไปทางเดียวกัน อาวุธที่วางลงไปได้ยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก่อนชี้ไปที่อีกฝั่งของเนินที่มีลานพิธีขนาดใหญ่ตั้งไว้อยู่
“เดี๋ยวก่อนค่ะ เราเป็นคนบอกพวกท่านให้วางอาวุธเพื่อมุ่งหาหนทางแห่งความสงบ เช่นนั้นแล้วการจับดาบมาเช่นนี้คงไม่ดีนัก แค่พวกท่านเข้าใจเราก็พอใจแล้ว”
ที่จริงได้พวกเขามาช่วยรบด้วยก็น่าจะดีไม่ใช่น้อย แต่นี่ผมก็เพิ่งพูดไปว่าให้พวกเขาวางอาวุธไปหยก ๆ จู่ ๆ ก็บอกให้ยกพวกไปทุบหัวเอลดราน มิวายคงโดนสงสัยเอาแหง ๆ
“อย่าว่าเช่นนั้นเลยท่านนักบุญ ท่านนักบุญน่ะคือความถูกต้อง”
“ใช่แล้ว ความสงบนั้นคือสิ่งที่ดีแต่ว่าผู้ใดเป็นศัตรูของท่านนักบุญผู้นั้นคือศัตรูของความสงบ”
“ฆ่าไอ้พวกนอกรีต!!!”
“ฆ่าศัตรูของท่านนักบุญ!!”
นี่ถามจริงว่าเพิ่งกลับใจมาเปลี่ยนศาสนากันใช่ไหม ทำไมมันคึกอะไรกันได้ขนาดนี้เนี่ย แล้วนี่อะไร มองข้ามทุกอย่างแล้วบอกว่าผมคือความถูกต้องไปแล้วงั้นเหรอ พวกนายไปโดนตัวไหนมา!!!
เอาเถอะ ถ้าเรื่องมันไปขนาดนี้แล้วก็เอาไงเอากัน ถือซะว่าพวกเขาเลือกเองนะ ผมไม่ได้บังคับเลยนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ผมไม่รับผิดชอบด้วยนะ!!!
เหล่าชาวลัทธิกลับใจทั้งหลายได้แหวกทางออกให้ผมเดินนำไปยังที่ลานพิธีโดยพวกเขาทั้งหลายก็อาวุธครบมือทั้งดาบ ขวาน ธนูหรือคทาเวทเดินตามกันมายกขโยงระดับพร้อมต่อยหน้าทุกคนที่จะเข้ามาทำร้ายผม
ที่ตรงนั้นเองใจกลางของลานพิธีร่างของเอลดรานกำลังยืนตระหง่านอยู่ เขาในยามนี้อยู่ในชุดคลุมสีดำที่เปรอะไปด้วยเลือดจำนวนมาก ที่รอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยรังสีพลังของปีศาจที่แผ่กระจายออกมาอย่างชวนสะอิดสะเอียน
“ดูสิว่าใครมา สังเวยไปกี่ชีวิตกันล่ะเพื่อจะมาถึงที่นี่…หือ นี่มัน!!”
เอลดรานหันหลังมา ใบหน้าของเขาตอนแรกยิ้มแสยะออกมาอย่างชั่วร้ายแต่ก็ถึงกับชะงักไปทันทีเมื่อพบว่ารอบตัวเองถูกล้อมไปด้วยเหล่าคนเถื่อนซึ่งเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนั้นยังเป็นลูกน้องของเขาอยู่
“หนทางของเรานั้นไร้ซึ่งการนองเลือดอาจารย์เอลดราน ขออย่า…”
“อย่าเอาท่านนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ไปเทียบกับเจ้า ไอ้ปีศาจชั่ว!!”
“บังอาจหลอกพวกเราให้หลงผิด หากไม่ได้ท่านนักบุญชี้ทาง พวกเราคงโง่งมในความมืด ไปตายซะ ไอ้ปีศาจ”
“วันนี้ล่ะ เลือดของแกจะต้องหลั่งสังเวยให้กับท่านนักบุญ”
เฮ้ย ๆ ใจร่ม ๆ ก่อนพวกพี่ ๆ ไม่ทราบว่าคึกอะไรขนาดนั้น แล้วเดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่เมื่อครู่ผมเพิ่งพูดไปว่าหนทางผมไม่นองเลือดไม่ใช่เหรอ แล้วไงพวกพี่แค่เจอหน้าก็จะละเลงเลือดกันแล้วเนี่ย
เข้าใจนะว่าออโรร่าน้อยน่ะน่ารัก แต่ขอร้องล่ะนะเหล่าคุณคนกลับใจทั้งหลาย ช่วยยึดคำพูดที่ผมสอนหน่อยได้ไหม ไม่ใช่มายึดตัวบุคคล!!!
“สุดยอดจริง ๆ นักบุญเช่นเจ้านี่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“ไม่ต้องพูดอะไรมากความได้แล้วค่ะ ตอนนี้หมากในมือของคุณหมดแล้ว คืนตัวซิลวี่มาเดี๋ยวนี้”
“หมากงั้นเหรอ… ข้ายังมีอยู่อีกไม่ใช่เหรอไง”
หรือว่า!!
ราวกับบรรยากาศตอนบอสใหญ่ของเกมมันได้ปรากฏตัวขึ้น เอลดรานยกมือขึ้นเหนือหัวจากนั้นอากาศรอบ ๆ ได้เริ่มสั่นไหว คลื่นพลังสีดำมืดเริ่มปะทุมากขึ้นเรื่อย ๆ แววตาสีแดงหม่นจดจ้องไปที่มือของเขา ก่อนรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวจะเริ่มเผยออกมา
“ไพลินแห่งการเปลี่ยนแปลง ครั้งหนึ่งซึ่งใช้ผนึกข้าบัดนี้ด้วยสายเลือดอันน่ารังเกียจและพลังแห่งอันยิ่งใหญ่ของตัวตนต้องสาป ข้าจะเป็นนายเหนือเจ้า”
อัญมณีสีฟ้าปรากฏขึ้นที่มือของอสูรร้ายผู้บ้าคลั่ง มันคือไพลินสีฟ้าที่ส่องประกายคล้ายกับท้องฟ้าในดินแดนเหมันต์ เงามืดสีดำค่อย ๆ พุ่งเข้าไปโอบล้อมอัญมณีจนสีของมันเริ่มหม่นลงเรื่อย ๆ
วิ้งงง
“อ้า อำนาจที่พระเจ้ามอบให้แก่นักบุญคนช่างยิ่งใหญ่นัก ไม่สิ พลังที่พระเจ้าแย่งชิงมาจากโลกน่ะ มันช่างหอมหวานเหลือเกิน… เอาล่ะบุตรีแห่งเหมันต์จงสละวิญญาณของเจ้าและกลายเป็นก้าวแรกของการล้างแค้นเมืองที่น่ารังเกียจนี่ซะ!!!”
พร้อมกัน ร่างของซิลเวียที่นอนอยู่ตรงแท่นก็เริ่มเปล่งแสง อักขระเวทมหาศาลที่รายล้อมเริ่มเรืองรองส่องประกายสีแดงฉานจนทำเอาทั้งร่างขนลุกซู่
ไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไร แต่ต้องไม่ใช่ผลดีต่อซิลวี่แน่นอน เพราะงั้นผมต้องหยุดเขาเดี๋ยวนี้
“ขอร้องล่ะค่ะเหล่าผู้ศรัทธาในพระองค์ โปรดหยุดชายต้องสาปผู้นี้ด้วยเถิด”
“ท่านนักบุญได้กล่าวแล้วพวกเรา ได้เวลาละเลงเลือด”
“กลับหลุมของแกไปซะ ไอ้ปีศาจ!!!”
สารพัดการโจมตีได้ถาโถมเข้าใส่ร่างของจอมปีศาจจากทุกทิศทาง หอกนับร้อย ธนูนับพันหรือเวทอันหลากหลายทั้งหมดได้ถูกใช้เพื่อหมายจัดการปีศาจ ผู้ปราถนา ทำลายทุกสิ่ง
“ไร้สาระ… อำนาจแห่งกาลเวลาอยู่ในมือข้า พวกเจ้าทั้งหมดมันก็แค่มดปลวก”
สิ้นเสียงคำพูดของเขา คลื่นพลังมหาศาลได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากไพลินสีฟ้าหม่น มันได้ทำเอาบรรยากาศรอบข้างเริ่มถูกบิดเบือนจนบางส่วนโดยรอบเริ่มมองไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งสีสันและรูปทรงของหลายสิ่งเริ่มถูกบิดเบือนไปเรื่อย ๆ ราวกับสีที่ถูกผสมอย่างมั่วซั่ว
คลื่นพลังอันแปรปรวนนั่นเริ่มแผ่ไปปกคลุมรอบ ๆ เอลดรานทุกสิ่งทั้งหลายที่ผ่านเข้าไปในนั้นมันเริ่มบิดเบี้ยวไปเรื่อย ๆ
‘ยัยหนูระวัง ไพลินแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถเร่ง ย้อนและหยุดเวลาได้ หากเข้าไปไม่ระวังเจ้าได้กลายเป็นทารกแน่’
ธรรมชาติของพื้นที่ทั้งหมดเริ่มแปรปรวน ผืนหญ้ารอบ ๆ บางต้นเริ่มแห้งเหี่ยว บางต้นก็หดเล็กลงจนหายไป อาคารทั้งหลายบางที่ก็กลับมาเหมือนใหม่ บางที่ก็เริ่มเสื่อมโทรมพุงพังราวกับเวลาผ่านไปหลายร้อยปี
ธนู หอก หรือมีดดาบเริ่มผุกร่อนขึ้นสนิมเกรอะกรัง บางชิ้นหนักถึงขั้นกลายเป็นผุยผง เวททั้งหลายที่ปล่อย บ้างก็สลายหายไปทันที บ้างก็ย้อนพุ่งกลับคืนสู่เจ้าของ
สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความสับสนให้แก่กองทัพทั้งหลายของเหล่าลัทธิผู้กลับใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาดูหวาดกลัวอย่างตอนที่เจอผม
“ไอ้ปีศาจชั่ว ไม่รู้ว่าแกทำอะไรแต่ต่อให้ไร้อาวุธ พวกเราก็ยังมีร่างกาย เอาเท้ากระทืบมันได้!!”
“ระวังนะคะทุกท่าน พลังของมณีนั่นมันทำให้กาลเวลาบิดเบือน หากไปโดยไม่ระวังอาจถูกย้อนกลับเป็นทารกหรือไม่ก็กลายเป็นคนแก่ได้ค่ะ”
ผมรีบร้องเตือนพวกเขาทันทีเมื่อได้ยินคำเตือนของราส ซึ่งยังดีที่คำพูดของผมไปถึงพวกเขาทันทำให้พวกเขาไม่ก้าวไปยังเขตแดนของเอลดราน
“อ้าว ๆ ความมั่นใจเมื่อครู่หายไปไหนหมดกันล่ะ หรือว่าเพราะพลังที่ควรจะเป็นของพวกเจ้ามันกลายเป็นของข้า”
รอยยิ้มเยาะถูกส่งมาจากปีศาจตรงหน้า ยิ้มใส่ไม่พอยังมีมาพูดถากถางกันอีก แต่ดูแล้วโคตรน่าสงสัยเลยว่ามันดูแปลก ๆ
เจ้าหมอนั่นเองถ้าได้พลังมากขนาดนั้นล่ะก็คงไม่ยืนอวดพลังแบบนี้หรอก เป็นผมนี่หยุดเวลาไล่ตบหัวรายคนหรือไม่ก็ไล่ย้อนพลังจบศึกเร็ว ๆ ไปแล้ว
“เชิญพูดไปเถอะค่ะ พลังยังไม่สมบูรณ์ใช่ไหมล่ะคะ ไม่งั้นคุณคงจัดการพวกเราไปตั้งแต่ปล่อยพลังเมื่อครู่แล้ว”
“ฉลาดดีนี่ นักบุญเอ๋ย แต่ว่าอีกไม่นาน ข้อจำกัดที่เจ้าพูดก็จะหายไป”
โห มันช่างกล้า ทำตัวเหมาะสมกับเป็นบอสระดับกลางของเรื่องจริงแท้ ทั้งความมั่นใจในพลัง ทั้งการพูดบอกใบ้พลังข้อมูลของตัวเอง นี่นายต้องการให้ตัวเองตกต่ำไปถึงไหนกันเอลดราน!!!
“อีกไม่นาน กาลเวลาที่หวนคืนจะนำมาซึ่งตัวตนเก่าของข้า มันจะหวนคืนมา!!! ข้าจะกลับไปสู่ตัวข้าที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง!!”
เอลดรานตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง รอยยิ้มของมันแสยะกว้างออกมา พลังสีทมิฬระเบิดกว้างออกมาจนบรรยากาศภายในวงเวทเริ่มหมุนวนเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างบ้าคลั่ง
แต่เมื่อเจ้าตัวยอมรับแบบนี้ แปลว่าพลังของเขาคงมีเงื่อนไขเพื่อใช้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนตอนนี้เงื่อนไขเดียวที่คิดได้ว่าทำไมเขานั้นไม่สามารถขยับไปไหนเพื่อใช้พลังอย่างอิสระได้…
ซิลวี่….
หากตั้งใจดูดี ๆ ศูนย์กลางทั้งหมดของทั้งวงเวทโลหิตและเขตแดนพลังของไพลินแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนั้นมีซิลวี่ที่ขณะนี้เรืองแสงอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง เพราะฉะนั้น
“แค่เอาซิลวี่คืนมาได้ก็จบใช่ไหมล่ะคะ”
“จะทำได้เหรอ ตัวเจ้าที่ไร้พลัง กับข้าที่มีพลังอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือน่ะนะ”
เอลดรานยิ้มเยาะออกมา แววตาสีแดงของเขาเป็นประกายจ้องมองผมราวกับนักล่าจ้องเหยื่อ ไพลินในมือของเขาเริ่มส่องแสงสีหม่นออกมาเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณของพลังที่พร้อมจะปะทุเข้ามาทุกขณะ
“และเมื่อข้าฟื้นเต็มตัว เจ้าจะเป็นเครื่องสังเวยรายถัดไปนักบุญผู้เป็นที่รักยิ่งของพระเจ้า ด้วยพลังของเจ้า ข้าจะเหนือกว่าปีศาจตนไหน ๆ”
บทพูดนายยิ่งจะตัวประกอบตายไวมากเกินไปแล้วเอลดราน! เข้าใจอยู่ว่าพลังในมือมันหอมหวานและยิ่งใหญ่ แต่นายจะหลงมัวเมาจนไปพูดบทปักธงตายไวเยี่ยงตัวประกอบแบบนั้นไม่ได้.. แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอไง
อีกอย่างตอนนี้ผมมีแผนรับมือเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่รอช้าผมปรับระดับความสามารถการแสดงของตัวเองให้พุ่งสูงถึงขีดสุดอีกครั้ง ใบหน้าเริ่มยิ้มแย้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกันมือทั้งสองข้าก็ผายออก
“หากนั่นทำให้คุณมั่นใจในชัยชนะ ก็คงต้องถามว่าคุณลืมแล้วเหรอไง ว่าเรามีวิหคสวรรค์อยู่น่ะ”
วิหคสีแดงทองได้ร่อนลงมาอยู่ด้านหลังผม ปีกสีทองสุดยอดของประกอบฉากสุดอลังกาลของราสได้สยายออกกว้างส่องประกายเจิดจ้ารับเข้ากับแสงตะวันที่พาดผ่านเหล่าวิญญาณซึ่งสลายไปหมดสิ้น
เอาล่ะราส ได้เวลาขึ้นเวทีของนักแสดงตุ๊กตาทองแล้ว!!
ปั่นกันยาว ๆ ครับ ช่วงนี้มือไรต์กำลังมาแรง