ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก - ตอนที่ 5
หลังจากวันแรกที่วุ่นวายของการเรียนในโรงเรียนหญิงล้วน ผ่านไปแล้ว ผมคิดว่าคงจะได้ใช้ชีวิตแบบเงียบสงบตามที่คาดหวังไว้สักที…แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายขนาดนั้น
เช้าวันต่อมา เมื่อผมเดินเข้ามาในโรงเรียน โดยในใจก็ได้แต่สวดภาวนาให้ชีวิตนั่นไม่เจอเรื่องตื่นเต้นแบบเมื่อวานอีก แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงทักทายดังขึ้นจากด้านหลัง
“ไง! นั่นฟ้าใช่ไหม?”
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองที่มาของเสียงที่คุ้นเคย พบว่าเป็นเด็กสาวคนคนเดียวกับเมื่อวานที่ผมเจอ คนที่เมื่อวานนี้ที่ผมช่วยเธอจากพวกมาเฟียน่ากลัว เธอเดินเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนมประดุจรู้จักกันมาแรมปี
“คุณบะ…บีม? ใช่ไหมนะ”
ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกล้ากลัว ๆ เพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะจำถูกรึเปล่า แถมเมื่อเจอคนพลังงานสูงมาแบบนี้มันก็ทำเอาผมเหมือนถูกสูบพลังไปตั้งแต่แรกพบซะอย่างงั้น
“นี่อยู่ห้องเดียวกันเหรอเนี่ย น่ายินดี ๆ?”
บีมยิ้มกว้าง พร้อมกับยืนพิงประตูห้องเรียนอย่างสบาย ๆ ก่อนจ้องมาที่ผมอย่างดีอกดีใจราวกับว่าการปรากฏตัวของผมคือสิ่งที่เธอกำลังรออยู่
“อ่า… ดีจังเลยนะ”
ผมตอบรับกลับไปอย่างเขิน ๆ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเจอเธอในบรรยากาศที่เป็นกันเองแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำตัวสนิทกับคนที่เราเพิ่งรู้จัก แต่แน่นอน เธอทำได้
“แล้ววันนี้ไม่มีอะไรตามมาใช่ไหม?”
ผมมองซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวัง ถ้าให้บอกคือเมื่อวานตั้งแต่กลับบ้านไปนั้น ผมกลัวตัวเองจะโดนบุกเข้ามาจับไปถ่วงอ่าวไทยแทบแย่เพราะดันไปยุ่งกับโลกมืด
“ไม่หรอก พวกนั้นคงตามมาแล้วล่ะ แต่ก็ขอบใจจริง ๆ นะ ฟ้าที่ช่วยตอนนั้นน่ะ”
เธอพูดพลางยื่นมือมาตบไหล่ผมเบา ๆ พร้อมยิ้มให้อย่างอบอุ่น ท่าทางที่ดูสนิทสนมเกินไปหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ให้บอกนะ รอยยิ้มที่เธอยิ้มมานั้นมันช่างดูเจิดจ้าซะจนผมรู้สึกว่าผู้หญิงด้วยกันยังต้องหลงในความหล่อของแม่สาวคนนี้
โห…. ชีวิตนี้มันอะไรเนี่ย เจอแต่คนเรืองแสง… คุณฟ้าก็ส่องประกาย นี่ก็เจิดจรัส โรงเรียนนี้มันศูนย์รวมคนหน้าตาดีอย่างงั้นเหรอ?
“ไม่เป็นไรเลย… คือ…”
ผมยังไม่ทันพูดจบ บีมก็แทรกขึ้นมา
“เออ ฟ้า…ไหน ๆ ก็ช่วยฉันไว้แล้ว งั้นวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม?ฉันสัญญาแล้วนี่ว่าจะเลี้ยงข้าวเธอ”
บีมพูดมาแบบกะไม่ได้ให้โอกาสผมปฏิเสธแม้แต่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าพอเจอสายตาอันแสนคาดหวังนั่นมันก็ยากที่จะปฏิเสธแต่ว่าภาพของคุณน้ำที่ยื่นเงินพันบาทให้มันยังคงติดตา ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่าปฏิเสธก่อนจะดีกว่า
“เอ่อ…จริง ๆ ก็ไม่ต้องเลี้ยงหรอก เราไม่ได้ช่วยอะไรเยอะขนาดนั้น”
ผมพยายามหาทางปฏิเสธเพราะรู้สึกเกรงใจ แต่บีมกลับหัวเราะและยิ้มอย่างมั่นใจ
“ไม่หรอก ๆ ช่วยได้มากเลยล่ะ ไม่เคยมีใครช่วยฉันแบบนี้มาก่อนเลยนะรู้ไหม”
บีมพูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมเผลอก้าวถอยหลังไปอย่างหวาด ๆ ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าถ้าปฏิเสธไปผมจะต้องดูเป็นคนที่ชั่วมากแน่ ๆ
“เอ่อ… งั้น…ก็ได้ค่ะ”
เมื่อสุดท้ายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ผมก็เลยได้แต่ก้มหน้าตอบตกลงไป
“เยี่ยมเลย! งั้นเจอกันตอนเที่ยงนะ!”
บีมพูดอย่างดีใจ ก่อนที่จะโบกมือลาผมแล้วเดินเข้าห้องเรียนไปแบบสบาย ๆ ส่วนผมก็เดินก้มหน้าเข้าไปในห้องเพราะเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตา
“โห เมื่อวานก็เจ้าหญิง วันนี้ก็เจ้าชาย เด็กใหม่นี่เสน่ห์แรงจริง ๆ”
“ว้ายยย เจ้าชายกลับมาแล้วล่ะ”
“ว้า…ฟ้าโดนฉกตัวไปแล้วล่ะ! วันนี้อุตส่าห์ว่าจะเล่นด้วยหน่อย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองตามก็พบกับกลุ่มสาว ๆ ที่จ้องมองมาทางผมอย่างสนอกสนใจ พอเป็นแบบนั้นก็ยิ่งทำเอาตัวผมสั่นเป็นลูกนกกว่าเดิม
“เจ้าชายบีมก็สุดยอดเลยนะ เล่นใช้ยิ้มทรงเสน่ห์แบบนี้ ฟ้าจะรอดไหมเนี่ย” อีกเสียงหนึ่งเสริมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“จริงด้วย! นี่สองวันติดแล้วนะ โดนรุมจีบทั้งเจ้าหญิงเจ้าชาย สมแล้วที่เป็นแม่ตุ๊กตาน้อยของห้องเรา”
ฉายานี้มันมาจากไหน!!!!นี่มันเพิ่งเรียนวันที่สองผมก็มีฉายาแปลก ๆ แล้วอย่างงั้นเหรอ!!!
“แต่คราวนี้บีมฉกไปก่อนแหละ… ว้า เหมือนเจ้าหญิงจะมาไม่ทันนะ”
เสียงนึงแทรกขึ้นมาด้วยความสนุกสนาน ทว่าผมกลับไม่ได้สนุกสนานด้วยเลยเมื่อตอนนั้นเองที่ผมเดินมาถึงโต๊ะเรียนของตัวเองก็พบกับคุณน้ำที่จ้องมาแบบแปลก ๆ
“สวัสดีค่ะคุณฟ้า”
“สะ..สวัสดี”
เป็นน้ำเสียงที่นุ่ม ไพเราะ สดใสและร่าเริง ปนไปด้วยความเอ็นดูเหมือนเดิมแท้ ๆ แต่ทำไมกัน ทำไมผมรู้สึกว่ามันช่างน่าหวาดกลัวอย่างไรก็ไม่รู้
“ไม่นึกว่าคุณฟ้าจะรู้จักคุณบีมอยู่ก่อนแล้วนะคะ?”
“เอ่อ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ก็เลยได้รู้จักพอดีน่ะ”
“เห…. เรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ งั้นเหรอคะ”
คุณน้ำทวนคำผมนิดหน่อยแต่ไม่รู้ทำไมว่าผมรู้สึกว่าภายใต้น้ำเสียงอันสดใสนั่นมันมีความน่ากลัวบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน แต่บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ นางฟ้าอย่างคุณน้ำคงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก
“ก็… เอ่อ… ใช่ค่ะ แค่เรื่องเล็ก ๆ น่ะ”
ผมยิ้มแหย ๆ กลัวว่าคุณน้ำจะซักไซ้มากกว่านี้ เพราะถ้าเล่าไปว่าวันแรกในโรงเรียนของผมดันไปเจอมาเฟียเข้า นี่คงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแน่ ๆ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าถ้าลากหญิงสาวคนนี้เข้าไปเกี่ยว อ่าวไทยมันจะถามหาผมเร็วขึ้นไหม
“ไม่นานก็สนิทกับคุณบีมแล้วแบบนี้ สมแล้วที่เป็นฟ้าค่ะ”
น้ำพูดพลางยิ้มอีกครั้ง แต่คราวนี้ยิ้มที่มุมปากเล็ก ๆ แบบที่ไม่รู้ว่าตีความได้อย่างไรดี มันเป็นการยิ้มแบบ… ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนเส้นด้ายแห่งโชคชะตาที่พร้อมขาดตลอดเวลา
และการสนทนาของพวกเราก็หยุดอยู่แค่นั้นเพราะคาบเรียนกำลังจะเริ่มขึ้น โดยหากสังเกตดี ๆ แล้วเหมือนคุณบีมแกจะนั่งอยู่ด้านหลังผมอย่างพอดดิบพอดีในขณะที่คุณน้ำนั้นนั่งข้างขวา และนั่นล่ะที่มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
จ้องงงงง
ทำไมกันนะ…. เมื่อวานก็รู้สึกว่าโดนจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่มาวันนี้กลับเหมือนโดนจ้องแบบคูณสอง นี่ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้หนอถึงได้ถูกเพ่งเล็งแบบนี้น ฮืออออออ
และมันก็เป็นแบบนั้นยาวไปจนถึงคาบพักเที่ยงเลยก็ว่าได้ มันช่างเป็นชั่วโมงอันแสนระทึกที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเผลอไปเหยียบกับระเบิดอะไรเข้าตอนไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะผ่านมันมาได้ดี
เมื่อเสียงกริ่งช่วงเวลาพักดังขึ้น น้ำก็หันหน้ามาคุยกับผมเพื่อชักชวนไปทานอาหารด้วยกันแบบเมื่อวาน
“คุณฟ้าคะ ทานข้าวกับเรานะคะ วันนี้มีเมนูใหม่ในโรงอาหารที่อยากให้คุณฟ้าลองทานดู ส่วนเรื่องเงินถ้าลืมเอากระเป๋าเงินมาอีก เรายินดีเลี้ยงนะคะ”
“โถ่ ใครมันจะลืมกระเป๋าได้ทุกวันกันล่ะคุณน้ำ.. นี่ เราเอามาด้วยแล้วกระเป๋าเงินประจำตัว”
ใช่ ผมท่องเช้าท่องเย็นไม่ให้ตัวเองลืมเอากระเป๋าเงินมาอีก โดยใส่มันลงในกระเป๋าเรียนตั้งแต่คืนก่อนเริ่มวันใหม่ เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ผมจะพลาดอีกไปครั้งที่สอง
และด้วยความภูมิใจนั้นเองที่ทำให้ผมยกเจ้ากระเป๋าเงินขึ้นมาอย่างภูมิอกภูมิใจ ทว่าจู่ ๆ น้ำก็ยิ้มกว้างออกมาจนผมสงสัยด้วยคำพูดที่ตามมาของเจ้าหล่อน
“โอ๊ะ… น่ารักจัง”
สายตาผมเหลือบไปมองสิ่งของที่อยู่ในมือตัวเองตามดวงตาสีฟ้าของคุณน้ำที่จดจ้อง นั่นเองที่ทำให้ผมรู้ถึงสาเหตุที่เธอพูดแบบนั้นออกมา
กระเป๋าเงินหนังที่ผมนำมาด้วยนั้นมันเป็นกระเป๋าหนังสีชมพูติดรูปลายกระต่ายน่ารักสองตัวกำลังยิ้มอย่างเริงร่า ไม่ว่ามองอย่างไรมันก็เป็นกระเป๋าของเด็กประถมชัด ๆ และเพราะแบบนั้นมันจึงทำให้ผมเริ่มหน้าแดงแจ๋
“เอ่อ..คือไม่ใช่นะ ไม่ใช่นี่มัน”
เป็นฝีมือของเจ้าประธานบริษัทไม่ผิดแน่เพราะข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างคุณเลขากับเขาเป็นคนจัดการให้หมด แล้วทำไมกัน ทำไมถึงต้องเป็นกระเป๋าสีชมพูดลายกระต่าย!!ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่เห็นต้องเป็นลายน่ารักสดใสแบบนี้นี่นา
“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ กระเป๋าน่ารักแบบนี้เหมาะกับคุณฟ้าดีออก”
ยิ่งเธอพูดผมก็ยิ่งอายมากยิ่งขึ้น ไม่รู้ทำไมตอนนี้อยากเอาหน้าไปซุกปี๊ปสักอันเพื่อเอาหน้าที่มันร้อนเป็นไฟนี่หลบออกจากสังคมไปซะเดี๋ยวนี้
“ใช่ น่ารักมาก เหมาะกับฟ้าสุด ๆ”
บีมก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ไหนไม่รู้ เธอโผล่เข้ามายืนข้างผมด้วยท่าทางสบาย ๆ และนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมเขินหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อทั้งคุณเจ้าชายและเจ้าหญิงต่างมารุมมองกระเป๋าสีชมพูของผม แค่นั้นมันยังไม่พอ เพราะคนดังนำแล้วมีเหรอที่คนอื่นมันจะไม่ตาม
“ว้าย ๆ สมแล้วเป็นตุ๊กตาตัวน้อย”
“น่ารักจริง ๆ”
“น่ารักจังเลยอ่ะ! สมแล้วที่เป็นฟ้า ตุ๊กตาน้อยของห้องเรา!”
“เอาล่ะ ๆ อย่าแกล้งฟ้าสิ ดูสิ หน้าแดงหมดแล้ว” บีมพูดพลางยื่นมือมาตบไหล่ผมเบา ๆ คล้ายจะช่วย แต่การปรากฏตัวของเธอกลับทำให้สถานการณ์กลับกลายเป็นแย่กว่าเดิม… เพราะทุกคนในห้องต่างหันมาจับจ้องอีกครั้ง คราวนี้เสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบก็เริ่มดังขึ้น
“โห เจ้าชายบีมปกป้องตุ๊กตาน้อยซะด้วย!”
“อิจฉาจังเลย~ ทั้งเจ้าหญิงเจ้าชายรุมจีบแบบนี้ ฟ้าโดนล้อมทุกทางเลยนะ!”
โอ๊ยย… ผมต้องเจออะไรแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันนะ! ยังไม่ทันได้พูดแก้ตัวหรือหาทางหลบหนี คุณบีมก็เดินเข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
“ว่าแต่พร้อมไปกินข้าวกันรึยัง?สัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะเลี้ยงเธอตอบแทนน่ะ!”
เธอพูดพลางวางแขนลงบนไหล่ผมแบบสนิทสนมมาก ๆ
“เอ๋…สัญญากับบีมเหรอ?”
น้ำหันไปมองบีมด้วยความสงสัย ดวงตาเธอเปลี่ยนจากความอ่อนโยนเป็นความระแวงเล็กน้อย
“แต่ฟ้ามีแผนจะไปทานข้าวกับเรานะคะ…”
“งั้นเหรอ?” บีมเลิกคิ้ว
“แต่ฟ้าก็รับปากฉันไว้แล้วเหมือนกัน จริงไหมฟ้า?”
จริงที่ไหน นั่นคุณบีมพูดเองล้วน ๆ เลย ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แถมเมื่อเช้าก็บอกไปแล้วว่าไม่ต้อง ๆ ว่าแต่ทำไมคุณน้ำจ้องมาน่ากลัวจัง…..
“แต่ว่าเมื่อวานคุณฟ้าก็รับปากเราแล้วว่าจะทานข้าวกับเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณบีมอาจจะต้องชวนวันอื่นนะคะ”
นี่ก็มโนอีกคน ผมไปรับปากตอนไหนนนนนนน ว่าแต่มือ… มือของคุณน้ำกำลังมาเกาะที่แขนผมแล้ว แถมอีกข้างก็ยังโดนคุณบีมพร้อมฉุดไปอีก นี่มัน….แย่สุด ๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอไง
“เปลี่ยนเพื่อนกินอาหารจะได้เจอบรรยากาศหลากหลาย ๆ จริงไหมฟ้า?”
ผมที่โดนดึงไปดึงมาแบบนี้ก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ พูดอะไรไม่ออก มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่รู้จะออกทางไหนให้ถูก สุดท้าย บีมก็ฉกแขนผมแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“งั้นเราไปกันเลยเถอะฟ้า!”
“เอ่อ เดี๋ยวสิ…”
“อ๊ะ คุณฟ้า!!”
ผมยังไม่ทันได้พูดจบ บีมก็ดึงตัวผมไปต่อหน้าต่อตาน้ำ ทำให้ผมเหลือบมองน้ำที่ยืนมองตามหลังพวกเราไปด้วยสีหน้าที่……น่ากลัวสุด ๆ เธอนั้นหรี่ตามองมาด้วยแววประกายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
หลังพักเที่ยงจะมีเลือดอาบในห้องไหมเนี่ยยยยย
หลังจากที่บีมดึงผมมาถึงโรงอาหารแบบที่ไม่มีเวลาให้คิดอะไรทัน เธอก็พาผมไปที่โต๊ะว่าง ๆ มุมหนึ่งของโรงอาหาร บรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างคึกคัก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเงียบสงบมากกว่าตอนที่ทานข้าวกับน้ำในวันก่อน
“มานั่งตรงนี้สิ”
บีมพูดพร้อมกับดึงเก้าอี้ออกให้ผม เธอทำตัวสบาย ๆ เหมือนกับรู้จักผมมานานแล้ว ซึ่งต่างจากน้ำที่ดูสุภาพและเป็นทางการมากกว่า
ผมนั่งลงอย่างเกร็ง ๆ ก่อนที่บีมจะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะและนั่งลงฝั่งตรงข้าม เธอเอียงคอมองผมแล้วยิ้มขำ ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่กัดหรอกน่า”
บีมพูดพลางหัวเราะเบา ๆ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง
“แค่ไม่ค่อยชินกับเอ่อ…. ผู้คนเท่าไหร่น่ะ”
พูดแล้วผมก็หลบตาหน่อย ๆ เพราะเมื่อมองใกล้ ๆ แล้วคุณบีมนั้นเป็นสาวที่ทั้งหล่อและสวยในเวลาเดียวกัน ยิ่งเวลาที่ยิ้มด้วยรอยยิ้มสุดกระชากใจด้วยแล้วยิ่งรู้สึกว่าถ้ามองไปนาน ๆ จะต้องหลงไปกับเสน่ห์ของมันแน่นอน
“ฮะ ๆ ไม่เป็นไร ๆ พอได้คุยกันมากกว่านี้เดี๋ยวก็จะสนิทเองน่ะ”
บีมตอบกลับอย่างสบาย ๆ พลางเริ่มทานข้าว “ว่าแต่…เธอรู้ไหม?เมื่อวานที่เธอช่วยฉันไว้ ฉันต้องบอกเลยว่าเธอเจ๋งมากเลยนะ”
“เจ๋ง?” ผมทำหน้าสงสัย ก่อนจะนึกถึงเรื่องมาเฟียที่เพิ่งผ่านมา “ไม่หรอก เราแค่กลัวโดนจับไปถ่วงอ่าวเอง…”
ตอนนั้นเองที่พอเธอได้ยินผมพูดอะไรสุดแปลกออกไป คุณบีมก็ขำพรืดออกมา
“อ่าวไทย? ……ฮะ ๆ ๆ ฟ้าเธอตลกกว่าที่ฉันคิดอีกนะเนี่ย แต่อย่าคิดมากไปเลย พวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก ฉันว่าที่เธอแกล้งบอกมั่วไปแบบนั้นน่ะ โคตรฮีโร่เลย”
“ฮีโร่ที่หวาดกลัวแบบนี้ไม่รู้จะเจ๋งตรงไหน…”
ผมพึมพำเบา ๆ ยิ้มแห้ง ๆ ขณะเขี่ยข้าวในจานอย่างไม่ค่อยแน่ใจในตัวเอง เพราะถ้าให้มองสภาพตัวเองเมื่อวาน มันช่างดูไม่จืดเสียนี่กะไร
“แค่มีความกล้าจะสู้กับสิ่งอันตรายมันก็พอแล้วล่ะ”
โอ้โห ประโยคโคตรพระเอก นี่สินะทำไมถึงถูกเรียกว่าคุณเจ้าชายน่ะ!!!
“ก็… จริงนะ” ผมยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเริ่มกินข้าวบ้าง เธอทำให้ผมผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ค่อยชินกับการคุยกับคนที่ดูจะเร่งเร้าเอาความเป็นกันเองแบบนี้
บีมนั่งเท้าคางมองผมด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนี่… ฟ้าชอบทำอะไรเวลาว่างเหรอ?”
ผมหยุดคิดนิดหน่อย จริง ๆ แล้วผมไม่มีงานอดิเรกอะไรที่ดูน่าประทับใจสักเท่าไหร่ เพราะหากมีเวลาว่างส่วนใหญ่ก็มีแต่นั่งเล่นเกมหรือไม่ก็ดูหนัง
“ก็… ดูซีรีส์ เล่นเกม แล้วก็… นอน”
บีมหัวเราะลั่นออกมาอีกครั้ง
“โห ผิดกับที่เห็นเลยนะเนี่ย นึกว่าจะชอบอะไรที่มันน่ารัก ๆ กว่านี้ซะอีก”
“คิดว่าเราชอบทำอะไรล่ะนั่น”
“ก็อย่างพวกวาดรูป ฟังเพลงหวาน ๆ อ่านนิยายรัก อะไรพวกนั้นล่ะมั้ง ดูเธอน่ารักแบบนี้ ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้นทั้งนั้นแหละ”
“ตรงข้ามสุด ๆ ไปเลยล่ะ……..มันประหลาดใช่ไหมล่ะ?”
บางครั้งการทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นมันก็ทำให้เราดูแปลกแยก และนั่นเป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในการที่จะเข้าสังคมกับคนอื่น กลัวที่จะถูกมองว่าเป็นคนประหลาด ดังนั้นงานอดิเรกแบบผู้ชายแบบนี้คงจะเป็นอะไรที่แปลกแยกพอควร”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะทำอะไร แค่ทำแล้วสบายใจก็พอแล้ว”
หล่ออีกแล้วครับ!!!คุณเจ้าชายจะโชว์ความหล่อยไปถึงไหนกัน!!!
แต่ว่านั่นมันก็แอบทำให้ผมรู้สึกสบายใจไม่ใช่น้อย ยิ่งคุยกับเธอคนนี้เท่าไหร่มันก็เหมือนว่าผมกำลังกลมกลืนไปกับโลกอันแสนผิดแปลกรอบตัวนี้ จนทำเอาใจที่ว้าวุ่นกลับมาสงบได้อย่างน่าประหลาด
“งั้นวันไหนที่ฟ้าไม่มีซีรีส์ดู สนใจไปเล่นบาสกับฉันไหม?” บีมเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า
“เอ๋… บาสเหรอ?” ผมทำหน้าสงสัย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเล่นกีฬาอะไรได้เลยเพราะถ้ามองย้อนไปแล้วสมัยก่อนมากสุดก็เป็นตัวสำรองยืนอยู่ข้างสนามบอล พวกงานวิ่งนี่ได้ที่เกือบสุดท้ายตลอด
“คือ… เราไม่ค่อยถนัดกีฬาเท่าไหร่…”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันสอนให้เอง บาสสนุกจะตาย ลองสักครั้งแล้วจะติดใจ!”
เธอยืนยันพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมเริ่มคิดว่าการปฏิเสธเธอไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ และจะลองดูมันหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไรยิ่งตอนนี้ผมเป็นเพียงสาวน้อยร่างบอบบาง พลาดมาอาจจะไม่ถูกว่าอะไรก็ได้
“เอ่อ… ไว้ว่าง ๆ จะลองดูนะ” ผมตอบกลับไปอย่างไม่มั่นใจนัก
บีมยิ้มอย่างพอใจ “เยี่ยม! สะดวกเมื่อไหร่บอกนะ เดี๋ยวฉันจะสอนให้กับมือเองเลย”
ผมล่ะนับถือในพลังบวกสุดยอดนี่ของเธอจริง ๆ ด้วยพลังนี้เองมันคงทำให้ผมคล้อยตามและตกปากยอมรับคำของเธอไปง่าย ๆ สินะ เนี่ยว่าแต่สงสัยจังเลยว่าทำไมกับแค่นักบาสโรงเรียนถึงได้โดนมาเฟียไล่ล่า
ว่าแล้วสายตาขี้เสือกของผมก็ได้ทำงานของมันอย่างขยันขันแข็ง ตาเหลือบไปมองที่ชื่อของเธอโดยพลันและตรงนั้นเองก็ได้เห็นชื่อและนามสกุลของเธอ
อริสรา อัศวเศรษฐานนท์
นามสกุลคุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน…..
พอคิดไปเรื่อย ๆ แค่นั้นล่ะก็ทำเอาถึงบางอ้อ….. ว่าแล้วว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นามสกุลของคุณบีมนี้มันเป็นนามสกุลของนักการเมืองชื่อดังไม่ใช่เหรอไง….
อัศวเศรษฐานนท์ จากข่าวที่เคยอ่านมานั้น คนในตระกูลนี้ส่วนใหญ่หากไม่เป็นนักการเมืองก็เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ซึ่งมีข่าวลือว่ามีอำนาจมืดอยู่มากมายในมือจนไม่ว่าใครก็ไม่กล้าแตะต้องคนของตระกูลนี้หากไม่แน่พอ…..
โอ้โห… ชัดเลย….ชัดเลยว่าทำไมเมื่อวานถึงได้มีพวกมาเฟียมาตามล่าคุณบีมแบบนั้น เธอไม่ใช่แค่นักบาสธรรมดา แต่เป็นทายาทของตระกูลผู้มีอิทธิพล……. งานงอกแล้วไงเรา ไปยุ่งอะไรกับคนอันตราย ๆ อีกแล้ววววว
มาทรงนี้นี่….. ไม่อ่าวไทยก็ทะเลอันดามันแน่เลยชะตาชีวิตผม….