ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก - ตอนที่ 36
การนั่งรถกับคุณบีมนั้นเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมาก มันราวกับว่าตอนนี้พวกเรานั้นกำลังอยู่ในหนังมาเฟีย อยู่ก็ไม่ปาน รถสีดำกับชายในชุดสูทพร้อมมีรถหลายคันตามประกบจนทำเอาผมตัวสั่นเกร็งไปหมด
“ตื่นเต้นเหรอฟ้า… ฉันเองก็เหมือนกัน”
“งะ..งั้นเหรอ”
“แล้วเที่ยวกับน้ำเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“เล่าไปจะดีเหรอ”
“ฉันไม่ใช่คนใจแคบซะหน่อย แค่ได้ยินว่าฟ้ามีความสุข…. เท่านั้นมันก็พอแล้วล่ะ”
ฟังแค่นี้ก็ทำให้หัวใจอบอุ่น สมกับเป็นคุณเจ้าชายที่พร้อมจะปกป้องและดูแลเหล่าคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่คน ๆ นี้ก็ทำให้อยู่ด้วยแล้วสบายใจได้เสมอ
“ก็สนุกดี…ไม่สิ มีความสุขมากเลยล่ะ”
มันอาจจะเป็นการเสียมารยาทต่อคุณบีมที่พูดแบบนี้ออกไป แต่พอนึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นและเสียงอันอ่อนโยนแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ตุบ
มือบางได้วางลงที่หัวของผมก่อนจะลูบที่ศีรษะเบา ๆ ตามมาด้วยรอยยิ้มที่เจิดจ้าดุจดวงตะวันยามเช้าที่กำลังส่องแสง
“ดีแล้วล่ะ…แต่ว่านะ วันนี้ฟ้าจะต้องมีความสุขไม่ต่างกันแน่นอน ฉันสัญญา”
“ขะ..ขอบคุณ”
“ถึงแล้วครับคุณหนู”
เสียงของคนขับรถดังขึ้นก่อนที่รถสีดำจอดสนิทหน้าสวนสนุกขนาดใหญ่ คุณบีมลงจากรถมาเปิดประตูให้ผม ในขณะเดียวกัน ขบวนรถอารักขาจอดเรียงแถวด้านหลังพร้อมด้วยคนจำนวนมากลงมาคุ้มกัน พวกเขาต่างมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังประดุจว่าจะมีใครมาทำร้ายคุณหนูของพวกเขา
“สวนสนุก…?” ผมเลิกคิ้วสงสัย ไม่คิดว่าคุณเจ้าชายจะพาผมมาที่แบบนี้ ถึงจะเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเที่ยวกันสองคนแต่ว่าอาจเป็นเพราะเจอคุณน้ำพาไปที่สุดหรูมันเลยทำให้ตัวเองเผลอคิดไปว่าคุณบีมก็จะเอากับเขาด้วย
“ไม่ชอบเหรอ?” บีมถามพลางเอียงคอ ท่าทางกังวลเล็กน้อย “หรือว่าชอบห้างหรู ๆ แบบที่ไปเที่ยวกับน้ำล่ะ ถ้าแบบนั้นเปลี่ยนที่ได้นะ”
คุณบีมทำท่ากำลังจะปิดประตูแล้วเดินไปบอกลูกน้องให้เปลี่ยนสถานที่ แต่ว่าผมก็รีบส่ายหัวรัว ๆ เป็นการปฏิเสธ
“ไม่ใช่นะ เราไม่ได้ต้องการเที่ยวห้างหรูอะไรแบบนั้น เราจะเที่ยวแบบไหนก็ได้…คือ เอ่อ แค่นึกไม่ถึงว่าคุณบีมจะพามาที่แบบนี้ก็เท่านั้นเองน่ะ”
“งั้นเหรอ… แล้วคิดว่าฉันจะพาฟ้ามาที่แบบไหนล่ะ”
“สนามกีฬาอะไรแบบนั้นน่ะ”
ภาพที่พี่ทิพย์แสดงให้เห็นตอนในชมรม ที่คุณบีมเล่นเหมาโรงยิมเตรียมไว้เพื่อสองเรามันยังคงติดตาตัวผมไม่หาย แต่พอพูดแบบนั้นไป คุณบีมก็หัวเราะออกมาแล้วจับแก้มผมเบา ๆ ก่อนจะลูบไปมา
“ฮะ ๆ เที่ยวทั้งทีอยากให้มันพิเศษหน่อยน่ะ แต่ถ้าอยากไปซ้อมด้วยกันจริง ๆ ตอนนี้เลยก็ยังได้นะ”
“มะ..ไม่หรอก ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ธรรมดา ๆ แบบนี้ล่ะรู้สึก…ผ่อนคลายดี”
เอาจริง ๆ ถึงแม้ห้างสุดหรูของคุณน้ำจะทำให้ตัวผมเองตื่นตาตื่นใจไม่ใช่น้อย แต่ก็ต้องบอกว่ามันทำตัวผมเกร็งไปหมดตลอดการเดต แต่ถ้าเป็นสถานที่แบบสวนสนุกคิดว่าน่าจะไม่เป็นไร
“นั่นล่ะ ฉันอยากเที่ยวที่สบาย ๆ ให้ฟ้าได้ผ่อนคลาย มันจะได้เป็นความทรงจำที่มีแต่ความสุขของเราทั้งคู่ไง”
“ขอบคุณนะ”
ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นมือที่ยื่นมา แต่ก็เอื้อมไปจับมันเบาๆ มือของบีมใหญ่กว่าของผมนิดหน่อย อุ่น และให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด จากนั้นก็ลงจากรถมาอยู่ในอ้อมแขนของคุณเจ้าชาย
“พวกนาย ฉันจะเที่ยวกับฟ้า เพราะงั้นอย่ามาเกะกะล่ะ” บีมหันไปสั่งลูกน้อง ก่อนจะพาผมเดินเข้าไปในสวนสนุก พวกเขาก็โค้งหัวก่อนจะกระจายตัวออกไป ซึ่งไม่รู้ว่าไปไหนกัน แต่ขึ้นชื่อว่าลูกเจ้าพ่อ ลูกน้องพวกนี้คงไม่มีทางปล่อยคุณหนูสุดรักไปแบบไม่จับตามองแน่นอน
“ไปกันเถอะ มีเครื่องเล่นให้เล่นเยอะแยะเลยนะ”
เสียงหัวเราะและเสียงกรีดร้องดังมาแต่ไกล ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา บ้างก็ถือขนม บ้างก็ถือตุ๊กตา ทุกคนดูมีความสุข… เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้พบเจอมานานมากแล้ว
“ฟ้าเที่ยวสวนสนุกบ่อยไหม”
“ไม่ค่อยหรอก เคยมาแค่ตอนเด็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่น่ะ”
“งั้นเหรอ”
“แล้วคุณบีมล่ะ”
“ก็มีบ้าง แต่ไม่ค่อยได้มาเพื่อเล่นเครื่องเล่นหรอก”
แล้วมาเพื่ออะไรล่ะนั่น…. แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเพราะรู้สึกเหมือนว่าถ้าถามออกไปมันจะเป็นการเหยียบเท้าเข้าไปในโลกที่ผมไม่สมควรจะเข้าไปเหยียบ
ว่าแล้วก็หันไปสนใจพวกเครื่องเล่นต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่หลากหลายมากมาย หลาย ๆ เครื่องก็น่าเล่นทั้งนั้นแต่ปัญหาคือคนมันออกจะเยอะไปหน่อย
“ไม่ต้องกังวลนะ” คุณบีมพูดราวกับอ่านใจผมออก “ด้วยบัตรนี่….รับรองว่าเข้าได้แบบไม่ต้องต่อคิวเลยล่ะ”
“เอ๊ะ? บัตรผ่านแบบพิเศษงั้นเหรอ…”
“อืม พอดีครอบครัวรู้จักกับเจ้าของที่นี่น่ะ แบบนี้ฟ้าจะได้เล่นสบายๆ ไม่ต้องต่อคิวแล้วจริงไหม”
อา…. ผู้มีอิทธิพลมันก็แบบนี้สินะ
“อยากเล่นอะไรก่อนดีล่ะฟ้า?” คุณบีมถามพลางชี้ไปที่รถไฟเหาะยักษ์ “ลองอันนั้นไหม?”
“อ๊ะ… นั่นมัน…จะดีเหรอ”
“กลัวเหรอ?” คุณบีมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“ไม่ได้กลัวสักหน่อย! แค่…” ผมพยายามทำเสียงเข้ม แต่พอเงยหน้ามองความสูงของรถไฟเหาะแล้วก็รู้สึกใจหายวาบ….. แต่ไม่ได้สิ นี่เรากำลังถูกท้าทายอยู่นะ ใช่แล้ว ลูกผู้ชายอกสามศอกกับของแค่นี้น่ะ…..
“งั้นพิสูจน์กันไหมล่ะ?” คุณบีมท้าทาย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า
ได้ ในฐานะผู้ชาย ผมจะตอบรับคำท้านี่เอง!!!
“ก็ได้!”
พวกเราเดินไปที่รถไฟเหาะ พนักงานรีบมาต้อนรับและพาไปนั่งแถวหน้าสุดทันที และเพียงแค่เอาก้นหย่อนลงไปกับเก้าอี้ของรถแค่นั้นล่ะ……ใจมันก็เริ่มเต้นถี่ระรัวทันทีทันใด
ผมกำราวเหล็กแน่น ในใจก็เริ่มสวดมนต์หาพ่อแก้วแม่แก้วและนะโมสามจบ พลางท่องในใจสะกดจิตตัวเองรัว ๆ
เราเป็นผู้ชาย เราต้องไม่กลัว…. เราเป็นผู้ชาย แค่นี้สบายมาก… เราเป็นผู้ชาย
“ไม่เป็นไรนะ” จู่ ๆ มือของคุณบีมก็เคลื่อนมาจับมือผมไว้ “ถ้ากลัวล่ะก็…จับมือฉันก็ได้นะ”
รถไฟเหาะค่อยๆ เคลื่อนขึ้นไปบนราง เสียงเอี๊ยดอ๊าดของล้อเหล็กทำเอาใจหายใจคว่ำ ผมกำมือที่จับอยู่แน่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
ท่องไว้ฟ้า…ผู้ชาย ไม่กลัว ผู้ชาย……
ครืนนนน วื้นนนนนน
กรี๊ดดดด กลัวแล้วววว
แล้วรถไฟเหาะก็พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง! ผมกรีดร้องเสียงหลง ในขณะที่บีมหัวเราะร่า มือของเราประสานกันแน่น… โลกทั้งใบหมุนคว้าง มีเพียงสัมผัสอุ่นๆ จากมืออุ่น ๆ ของคุณเจ้าชายที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองยังคงปลอดภัยอยู่
“กรี๊ดดดด…. กรี๊ดดดด จะร่วงไหม จะร่วงไหมมมมม”
“ฮะ ๆ อย่างที่บอกนะฟ้า ถ้ากลัวก็จับมือฉันแน่น ๆ เลยนะ”
“จับแล้ววว จับแน่นสุด ๆ เลย ห้ามปล่อยเด็ดขาดนะ กรี๊ดดดดดด”
หลังจากเจอพลังของรถไฟเหาะที่ควงสว่านตีหลังกาไปหลายตลบ ตัวผมนั้นได้กรี๊ดไปไม่รู้กี่สิบรอบ สวนทางกับคุณเจ้าชายผู้ที่แทบจะไม่สะทกสะท้านกับความน่ากลัวของรถไฟเหาะนี่ สิ่งที่เจ้าตัวทำก็มีแต่หัวเราะและยิ้มให้กับการกรีดร้องของผมก็เท่านั้น
และแล้วชั่วโมงแห่งความทรมาณก็สิ้นสุดลง รถไฟหรรษาได้จอดลงพร้อมกับร่างของผมที่เดินลงมาอย่างอ่อนระทวยจนคุณเจ้าชายต้องประคองเพื่อไม่ให้ล้ม
“เป็นไงบ้าง?”
“น่า… น่ากลัวที่สุดเลย….ไม่เอารอบสองแล้วนะ!” ผมตอบพลางจับหัวใจที่ยังเต้นรัว โดยที่คุณเจ้าชายก็ทำการลูบหัวปลอบ
“แต่ใบหน้าของฟ้าตอนอยู่ด้านบนนี่ก็น่ารักไปอีกแบบนะ”
“อย่าแซวกันได้ไหมเนี่ย”
“ขอโทษ ๆ แต่มันน่ารักจริง ๆ นี่นา”
“หึ”
“งั้นไปเล่นอย่างอื่นกันต่อไหม?”
ที่จริงก็อยากตอบรับไปเลย แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าขาของตัวเองมันกลับอ่อนระทวยจนแบจะเดินไม่ค่อยไหวจนสุดท้ายก็เลยต้องบอกไปว่า…
“ขอแบบไม่หวาดเสียวแล้วนะ”
“ได้ ๆ งั้นไปม้าหมุนหรือชิงช้าสวรรค์ไหมล่ะ สบาย ๆ ไม่มีอะไรน่ากลัว”
“อืม ถ้าเป็นพวกนั้นล่ะก็ ไม่มีปัญหา!!!”
และแล้วการเที่ยวกันในสวนสนุกของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น คุณบีมได้พาไปหลากหลายสถานที่มากมายไม่ว่าจะเป็นนั่งชิงช้าสวรรค์ดูวิวในเมืองด้วยบรรยากาศส่วนตัว หรือนั่งม้าหมุนที่ตลอดการนั่งได้แต่หน้าแดงเพราะคุณเจ้าชายเอาแต่จ้องผมและยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“งั้นต่อไปบ้านผีสิงนะ”
“อะ…เอาจริงเหรอ”
“ถ้าไม่เข้าก็เหมือนไม่ได้มาสวนสนุกไม่ใช่เหรอ”
“มีหลักการนี้ด้วยเหรอคุณบีม”
“น่า…ถ้ากลัวล่ะก็ กอดแขนฉันไว้ได้ตลอดเลยนะ จะปกป้องไม่ให้ผีตัวไหนมาทำอะไรฟ้าแน่นอน”
ไม่สิ ไม่ได้ แบบนี้บทมันก้กลับกันหมดพอดีน่ะสิ ตามหลักการแล้วคนที่ควรจะเป็นคนปกป้องน่ะ มันต้องเป็นผมที่เป็นผู้ชายสิ ถึงคนตรงหน้าจะเป็นเจ้าชายแต่ว่าเราน่ะมันลูกผู้ชายตัวจริง
“คะ..ใคร ใครว่าเรากลัวล่ะ คุณบีมต่างหากล่ะ ถ้ากลัวล่ะก็ จะกอดแขนเราไว้ก็ไม่ว่าหรอกนะ”
คุณเจ้าชายได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะเข้ามาสวมกอดแขนของผมอย่างฉับไวและยิ้มด้วยสีหน้าระรื่น
“งั้นฝากดูแลฉันด้วยนะ…เจ้าชายฟ้า”
“จะ…จะดูแลเป็นอย่างดีเลยล่ะ”
ท่ามันก็ดีแค่ตอนแรกเท่านั้นล่ะ พอเท้าเหยียบเข้าบ้านผีสิง เริ่มมาเจอความมืดตัวผมก็สั่นจนคนบีมทักขึ้นมาเลยว่า
“ตัวสั่นเหรอคะ อัศวินฟ้า”
“คะ..ใครว่าล่ะ นี่สั่นสู้ต่างหาก!!”
“แฮร่”
“กรี๊ดดดดดดดด”
ผีตุ้งแช่ที่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวทำเอาผมเผลอร้องเสียงหลงออกมาก่อนที่ตัวจะหันเข้าไปกอดคุณบีมแน่น เจ้าตัวก็กอดตอบแล้วพูดกระซิบข้างหูเบา ๆ
“นี่เป็นท่าปกป้องของคุณอัศวินงั้นเหรอคะ”
“ชะ…ใช่แล้ว เรากลัวว่าคุณบีมจะตกใจเลยเอาตัวมาบังให้ ไม่ได้กลัวสักหน่อย”
พูดไปขาก็สั่นไป จะแก้ตัวอะไรก็แก้ไม่ค่อยขึ้นแต่สุดท้ายก็พยายามรักษาหน้าของความเป็นชายให้ถึงที่สุดจนคุณบีมเอาแต่หัวเราะและตลอดทางของพวกเรามันก็เกิดเรื่องแบบนี้วนเวียนไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายผมก็ยอมแพ้ให้กับความกลัวแล้วก็เดินหลบหลังคุณบีมแบบตัวไม่ห่างแทน
“ฮะ ๆ คุณอัศวินกลายเป็นเจ้าหญิงไปแล้วสิ แต่ไม่เป็นไรนะ เจ้าชายคนนี้จะปกป้องคุณเจ้าหญิงให้ถึงปลายทางเอง”
“โถ่วว อย่าแซวสิคุณบีม…ก็คนมันกลัวนี่นา”
“แต่ว่าตอนที่ฟ้าพยายามปกป้องเราเนี่ย ดูเท่มากเลยนะ”
“แซวกันใช่ไหมคะ”
“ฮะ ๆ พูดจริงนะ ฟ้าที่พยายามปกป้องทั้งที่กลัวแบบนี้น่ะ สุดยอดมากเลยล่ะ ทำเอาคิดถึงวันแรกที่พวกเราเจอกันเลย”
สภาพตอนนั้นผมก็ไม่ต่างจากตอนนี้ ตัวสั่นเทากลัวให้กับเหล่าลูกน้องที่บ้านของคุณบีม แต่ที่แตกต่างคือตอนนี้มีคุณเจ้าชายคอยจูงมือและปกป้องไม่ให้ห่างทำเอาความกลัวที่มีอยู่มันค่อย ๆ เริ่มจางหายไปเรื่อย ๆ
“ไม่ใช่เรื่องที่น่าชมเลยสักนิด…หึ”
“ฮะ ๆ หน้าตอนงอนก็น่ารักเหมือนกันนะ”
และมันก็เป็นแบบนั้นไปตลอดทางจนพวกเราออกมาจากบ้านผีสิงได้ในที่สุด พอรู้สึกตัวก็พบว่าเวลามันผ่านไปล่วงเลยได้สักพักหนึ่งแล้ว
“ขอพักก่อนได้ไหมคะ…นี่ก็จะเที่ยงแล้วด้วยสิ”
“นั่นสินะ งั้นไปกินไอติมกัน” ว่าเสร็จคุณบีมก็จูงมือผมไปที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่งก่อนจะหันมาถาม “ชอบรสอะไรล่ะ?”
“ช็อกโกแลตค่ะ”
“งั้นช็อกโกแลตสองที่” บีมสั่งพลางล้วงกระเป๋าหยิบการ์ดสีดำออกมาซึ่งการ์ดนี้แทบไม่ต่างจากที่คุณน้ำใช้เลย ใช่แล้ว การ์ดวงเงินไม่จำกัดในตำนานที่เขาล่ำลือกัน
เราไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบผิดกับความวุ่นวายรอบๆ ผมเหลือบมองคุณบีมที่กำลังกินไอศกรีมอย่างเพลิดเพลิน….ทว่าตอนนั้นเองจู่ ๆ ก็มีเสียงมือถือดังขึ้นมาทำเอาคุณบีมหยุดทานและรับมือถือ
“ขอโทษนะฟ้า ขอเวลาสักครู่”
“อื้อ”
คุณบีมลุกออกไปจากม้านั่ง ส่วนตัวผมก็ทานไอติมไปเรื่อย ๆ จนหมดลงแต่ก็ยังไม่เห็นคุณบีมกลับมาเลยเดินไปตามอย่างสงสัยและสิ่งที่พบคือคุณเจ้าชายที่กำลังคุยโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่
“เข้าใจแล้ว… จัดการให้เรียบร้อยล่ะ ถ้าจำเป็นก็จัดการให้สะอาด”
น้ำเสียงของคุณบีมเย็นเฉียบ ต่างจากความอบอุ่นที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน
“ฉันไม่อยากได้ยินข่าวว่ามีใครหลุดรอดไปได้ เข้าใจไหม?” คุณบีมพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าพวกมันกล้าท้าทายอำนาจของตระกูลเรา ก็ต้องรู้ดีว่าจะเจออะไร”
โอ้โห ชัดเลย…..กิจการทางบ้าน ทรงแบบนี้ถอยดีกว่า ขืนฟังนานไป เดี๋ยวอ่าวไทยผสมอันดามันจะมาถามหาถึงหน้าบ้าน…
ด้วยความที่ไม่อยากให้ชีวิตมันสั้นลงไปสักนาที ผมก็ตัดสินใจเดินถอยหลังกลับไปนั่งม้านั่งอย่างว่าง่ายก่อนที่จะรอให้คุณเจ้าชายที่ตอนนี้กลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มประดุจดวงอาทิตย์ สวนทางกับเมื่อครู่ราวกับคนละคน
“ไงฟ้ารอนานไหม”
“มะ..ไม่นานเลย”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นไปเที่ยวที่ถัดไปกันเลยไหม”
“เที่ยวเหรอ?”
“อือ ที่ ๆ สงบไม่มีใครรบกวน เหมาะแก่การให้ฟ้าได้พักผ่อนน่ะ”
คำพูดแบบนี้…. ไม่ใช่ว่าเพราะรู้ว่าผมได้ยินเรื่องเมื่อครู่เลยจะให้ผมได้พักผ่อนไปตลอดกาลใช่ไหม? ใช่ไหม?!!!