ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 737 วิเศษวิโสจากไหน / ตอนที่ 738 ถูกตัดหน้า
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 737 วิเศษวิโสจากไหน / ตอนที่ 738 ถูกตัดหน้า
ตอนที่ 737 วิเศษวิโสจากไหน
“ทุกคน ฉันรู้แล้วว่าผู้หญิงที่ด่าว่าเราเป็นขยะคือใคร”
อินรุ่ยเจวี๋ยลูบคาง จ้องหลินเฟยเฟย ใบหน้าชั่วร้ายประดับด้วยยิ้มเย็น
สายตาของสวี่ฮั่นและลู่เส้าเชียน ก็มองมายังอินรุ่ยเจวี๋ย
“เธอเหรอ”
หน้าของหลินเฟยเฟยซีดจัด รีบส่ายหน้าสะบัดมือเป็นระวิง “เปล่านะ ไม่ใช่ฉัน ฉันเปล่าจริงๆ นะ…ฉันไม่เคยเจอพวกคุณด้วยซ้ำ จะไปด่าคุณได้ยังไงล่ะ”
“หึ สาวน้อย กลัวความผิดของตัวเองซะแล้ว! เมื่อกี้เธอพูดกับใครว่าเพื่อนของเขาต่ำตมสุดๆ ไม่มีดีสักตัว ยังจะเอาไปเปรียบเทียบกับขยะอีก เพิ่งจะผ่านไปไม่นานก็ลืมซะแล้วเหรอ อายุยังน้อยอยู่เลย สมองถูกหมาคาบไปแล้วเหรอ”
อินรุ่ยเจวี๋ยว่าพลางจิ้มลงไปบนศีรษะของหลินเฟยเฟยอย่างไม่เกรงใจ ทำเอาหลินเฟยเฟยตกใจจนร้องกรี๊ด
ในขณะเดียวกันนั้น เพราะคำเตือนนี้ของอินรุ่ยเจวี๋ย ทุกคนจึงตระหนักได้ในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!
ทุกสายตาจับจ้องไปยังเฉินฝานซิงอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง!
คนพวกนี้ หรือว่าจะเป็นพวกเพื่อนๆ เมื่อกี้ของที่เฉินฝานซิง?
ในใจของทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
ในสายตาของพวกเขา เมื่อยอมรับในตัวเฉินเชียนโหรวแล้ว พวกเขาจึงไม่ชอบเฉินฝานซิงไปโดยปริยาย
แม้จะถึงขั้นนี้แล้ว ทว่าตอนนี้เจียงหรงหรงก็ยังไม่อยากจะเชื่อนัก
“ฝานซิง สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เธอเอ่ยกับเฉินฝานซิงด้วยเสียงเยือกเย็นอย่างเคยตัว ทว่าครั้งนี้กลับแฝงไปด้วยการค้นหาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นว่าคนเยอะแยะขนาดนี้มาพร้อมกัน เฉินฝานซิงเองก็รู้ว่าอินรุ่ยเจวี๋ยเป็นคนนำทัพมาหนุนหลังเธอ
หัวใจของเธออุ่นวาบ อีกทั้งยังรู้สึกลำพองใจ
“ดูไม่ออกเหรอ พวกเขาคือพวกเพื่อนเดรัจฉานไม่เอาอ่าวของฉันที่คุณพูดถึงไปเมื่อกี้ไง”
ทำพูดนั้นของเฉินฝานซิงหลุดออกมา อินรุ่ยเจวี๋ย สวี่ฮั่น ลู่เส้าเชียน ซั่งชิงม่อ ซั่งชีชี จึงผันความสนใจไปยังเจียงหรงหรงทันที
“แม่ง! พี่สะใภ้ รอบตัวพี่พวกนี้วิเศษวิโสมาจากไหนเหรอ สายตาถึงได้สูงส่งขนาดนี้ ผมว่าบรรพบุรุษผมน่ะสุดยอดมากเลยนะ มรดกที่ตกทอดมาก็มหาศาล คุณท่านกับเตี่ยผมก็เอางานเอาการ อย่างน้อยๆ ในผิงเฉิงนี่ก็ไม่เคยมีใครกล้าแหยม ทำไมวันนี้ถึงได้กลายเป็นพวกไม่เอาไหนไปได้ นี่ผม…ทำให้สกุลอินต้องขายหน้างั้นเหรอ”
สองมือของอินรุ่ยเจวี๋ยล้วงกระเป๋า ค่อยๆ เดินเข้าหาเฉินฝานซิงที่ละน้อย แม้จะดูเป็นมิตร ทว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ถูกย้อมไปด้วยความโกรธเคืองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ หากบรรพบุรุษของผมมาได้ยินเข้า จะไม่โกรธจนพังฝาโลงศพทิ้งหรอกเหรอ”
สวี่ฮั่นเองก็คล้อยตาม ทำให้เรื่องมันดูใหญ่โตจนถึงขึ้นดูถูกบรรพบุรุษ
สีหน้าของเจียงหรงหรงย่ำแย่จนถึงขีดสุด ไม่กล้ายั่วโทสะของบรรดาผู้มีอิทธิพลตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
“ทุกท่านกำลังเข้าใจผิดแล้ว ฉันคิดไม่ถึงว่าเพื่อนของฝานซิงจะเป็นพวกคุณ”
ในตอนนั้นซั่งชีชีก็เอ่ยหัวเราะหึ เยาะเย้ยขึ้นเสียงหนึ่ง “ดูออกเลยว่านางแม่มดเฒ่าอย่างยายนี่เลวแค่ไหน ไม่ชอบพี่สะใภ้ แม้แต่เพื่อนของเธอที่ไม่เคยจะเจอหน้ากันสักครั้งก็พลอยโดนดูถูกไปด้วย ตอนนี้กลัวขึ้นมาแล้วเหรอ นังหมาบ้าอำนาจ”
“ชีชี อย่าพูดคำหยาบ!”
ซั่งชิงม่อออกปากเตือน
“ไม่ต้องหรอก! กับคนพรรค์นี้ คำหยาบทุกคำยังบรรเทาความโกรธในอกหนูไม่ได้เลย อาเล็ก พวกมันว่าเราเป็นขยะน่ารังเกียจนะ หนูเป็นขยะเหรอ หนูน่ารังเกียจเหรอ ใช่ไหม ใช่รึเปล่า”
ซั่งชีชีปฏิเสธ ก่อนจะย้อนถามซั่งชิงม่ออย่างน้อยอกน้อยใจ
สุดท้ายสีหน้าของซั่งชิงม่อก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิมได้สำเร็จ สายตาที่มองมายังเจียงหรงหรงก็เยือกเย็นยิ่งกว่าเก่า “ไม่ใช่อยู่แล้ว”
ซั่งชีชีขำหึออกมาสองเสียง สีหน้าของเจียงหรงหรงเปลี่ยนเป็นสีอุจจาระ
“ประธานซั่ง นี่มันเรื่องเข้าใจผิด! ฉันขอโทษก็ได้ค่ะ หวังว่าคุณจะไว้หน้ากันสักหน่อย อย่าซักไซ้เรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลย!” เจียงหรงหรงเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่แล้ว
“ทำไมต้องไว้หน้ายายด้วย หน้ายายตีเป็นเงินได้สักเท่าไหร่”
ซั่งชีชีโพล่งออกมา เธอไม่ได้รู้สึกดีกับนางแม่มดเฒ่าคนนี้เลยสักนิด
เมื่อเห็นว่าเจียงหรงหรงซึ่งเป็นคนส่งเธอมาในวันนี้ ต้องอับอายขายหน้าอีกครั้ง เฉินเชียนโหรวจึมเม้มปากครั้ง เธอลอบสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด คลี่ยิ้มอันสวยงามขึ้น ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เสียงนุ่มกล่าวขึ้นว่า
“ทุกท่านคะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ฉันต้องขออภัยทุกท่านแทนเฟยเฟยกับคุณย่าด้วย นะคะ เชิญทุกท่านเข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าในบ้านก่อนดีกว่า แล้วเราค่อยๆ เจรจาเรื่องเข้าในผิดนี้ให้เข้าใจกัน…”
“เข้าใจผิดก็เข้าใจผิด ไม่จำเป็นต้องชี้แจง ถึงยังไงเราก็ไม่มีอะไรให้ต้องสร้างความสัมพันอันดีต่อกันอยู่แล้ว วันนนี้พวกคุณรังแกพี่สะใภ้ของเรา ด่าเราเสียๆ หายๆ ก็เป็นเรื่องจริง ของแบบนี้มันย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ไม่งั้นพวกคุณจะคิดว่าเราไม่มีมือไม่มีเท้า คิดจะรังแกยังไงก็ได้”
อินรุ่ยเจวี๋ยปัดมือลวกๆ อย่างเหลืออด!
เขาไม่แม้จะมองเฉินเชียนโหรวสักครั้งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะไว้หน้าเธอหรือไม่
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้มาด้วย ‘จุดประสงค์ร้าย’ รังแกเฉินฝานซิง วันนี้จึงยกทัพกันมา
ยิ่งไปกว่านั้น พวกคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงคำว่า ‘หน้าตา’ คำนี้เสียด้วยซ้ำ
เฉินฝานซิงเองก็ไม่อาจยอมให้เหล่าไฮโซทรงอิทธิพวกนี้ก่อเรื่องที่นี่ได้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจว่าควรจะพอแค่นี้
“เอาล่ะ อย่ามีเรื่องเลย รีบกลับเถอะ”
อินรุ่ยเจวี๋ยรีบก้าวไปหยุดลงตรงหน้าของเธอด้วยท่าที่อ่อนน้อม “ครับๆ พี่สะใภ้วางใจได้ ความเจ็บปวดที่คุณได้รับในวันนี้ เราจะเอาคืนให้คุณแน่นอน! ดึกมากแล้ว คุณควรจะกลับไปแล้ว เดี๋ยวพี่ป...”
แรกเริ่มเขายังคงดูเผด็จการบ้าอำนาจ ทว่าจู่ๆ ก็กลับมามีท่าทีประจบประแจงเยี่ยงสุนัขเฉินฝานซิง ทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นอดที่จะสีหน้าแปลกใจไม่ได้
ในใจก็สงสัยไปว่า คำว่า ‘พี่สะใภ้’ จากปากของเขานั้น กับ ‘พี่ใหญ่’ ของเขาคือใคร
ทว่าคำพูดของอินรุ่ยเจวี๋ยยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงเครื่องยนต์จากรถอีกคันหนึ่งก็ได้ขึ้นที่หน้าประตู เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมอง รถเก๋งสีดำสุขุมคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา
หัวใจเธอหยุดชะงักลง พลางมองอินลุ่ยเจวี๋ยอย่างตักเตือน ก่อนจะทิ้งคำๆ หนึ่งเอาไว้อย่างราบเรียบ “ลาละ” จากนั้นจึงเดินลงบันได แล้วก้าวฉับๆ เข้าหารถคันนั้น
เฉินฝานซิงเดินออกไปรอของป๋อจิ่งชวนตรงครึ่งทาง
ก่อนที่รถจะจอดลง เธอจึงเปิดประตูตรงเบาะหลังแล้วนั่งลงไป
ป๋อจิ่งชวนในเสื้อสูทสีดำตลอดทั้งตัว ถูกรีดจนเนี๊ยบทุกระเบียบนิ้ว นั่งอย่างเข่งขรึมในรถคันหรู เผยให้เห็นถึงความสูงส่งและเงียบขรึม
“คุณมาได้ไงคะ”
“มาหนุนหลังคุณ ผมกลัวว่าคุณจะตกลงไปในส้วมหลุม” ป๋อจิ่งชวนเหลือบมองเธอเรียบๆ ไปวูบหนึ่ง นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นแฝงไปด้วยความดึงดูดอันหลากหลายที่ดูคลุมเครือ
เฉินฝานซิงยิ้มอย่างเข้าใจ พยักเพยิดคางไปข้างหน้า “เห็นรึยังคะ พวกเขาเองก็มาหนุนหลังฉันเหมือนกัน”
ป๋อจิ่งชวนหันไปกวาดมองรถหรูตรงหน้าวูบหนึ่ง สายตาถูกรถบังเอาไว้ทำให้ไม่อาจเห็นได้ว่าฉากข้างหน้านั้นมีสภาพเช่นไร
“อยากให้ผมสั่งสอนแทนคุณด้วยตัวผมเองไหม”
ตอนที่ 738 ถูกตัดหน้า
“ไม่ต้องอยู่แล้ว พวกเขาเหล่านั้นแค่คนเดียวก็ขยี้ทั้งสองตระกูลได้แล้ว นับประสาอะไรกับการรวมกลุ่มกันมาแบบนี้”
แค่ได้ยินไม่กี่ประโยคผ่านวีแชทก็รวมกลุ่มกันรีบมาหนุนหลังพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอแล้ว เรื่องเช่นนี้ตลอดชีวิตยี่สิบหกปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเจอมาก่อน
ความรู้สึกของการมีเพื่อน ที่แท้มันก็ดีมากๆ
“ดูเหมือนคุณจะมีความสุขมาก” ป๋อจิ่งชวนหันหน้าไปมองเธอ รับรู้ถึงความรู้สึกของเธอได้อย่างฉับไว
เฉินฝานซิงตอบ “อื้ม...ความรู้สึกที่มีเพื่อนคอยซัพพอร์ต มันไม่เลวเลย”
ป๋อจิ่งชวนหันไปมองเธอ ความพึงพอใจบนใบหน้านั้น พลอยทำให้ความประทับใจเกิดขึ้นกลางใจของเขา
เขาโน้มตัวลงจุมพิตลงไปตงมุมปากของเธอหนึ่งครั้ง ตอนนี้เธออยู่ได้ใกล้ระยะสายตา เสียงแหบทุ้มชวนหลงใหลค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า
“ความรู้สึกที่มีสามีคอยซัพพอร์ตก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ลองสักหน่อยไหม”
“ก่อนอื่น คุณต้องกลายเป็นสามีของฉันก่อน”
นัยน์ตาของเฉินฝานซิงเป็นเส้นโค้ง พลางยกแขนดันไหล่เขาออกไป “เอาละ กลับบ้านกันเถอะ”
ป๋อจิ่งชวนตอบรับเสียงหนึ่งอย่างราบเรียบ “อืม” อวี๋ซงเปลี่ยนทิศทางของรถไปจากทางเดิม
ด้วยความสงสัย เจียงหรงหรงจึงก้าวออกไปยังเบื้องหน้า สุดท้ายกลับเห็นเพียงเงารถของป๋อจิ่งชวน
เธอเห็นเงาของสองร่างที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังรางๆ ทว่าไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นใคร
“ไปแล้วเหรอ ชิ ว่าจะกลับไปรับความดีความชอบสักหน่อย ดันมาถูกชิงตัดหน้าไปซะได้!”
อินรุ่ยเจวี๋ยแขวะออกมาประโยคหนึ่ง ก่อนจะกวาดตามองไปยังผู้คนตรงหน้า จากนั้นความเย่อหยิ่งก็ได้กลับมาบนใบหน้าเขาอีกครั้ง
“แค้นครั้งนี้! บอกไม่ได้ว่าจะคิดบัญชีตอนไหน นับแต่นี้ไป ก็ใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ”
สีหน้าของเจียงหรงหรงเปลี่ยนสีไปในทันที เมื่อเห็นว่ากลุ่มของอินรุ่ยเจวี๋ยเตรียมจะไปแล้ว เธอก็เอ่ยออกมาในทันใด
“คุณชายอิน ช่วยบอกได้ไหมคะว่าคนที่มารับฝานซิงเมื่อกี้คือใคร”
ฝ่าเท้าของอินรุ่ยเจวี๋ยหยุดชะงัก นึกไปถึงสายตาตักเตือนนั้นของเฉินฝานซิงก่อนจะกลับไป แล้วกล่าวขึ้นว่า “เรื่องอะไรผมต้องบอกคุณ”
เจียงหรงหรงคลี่ยิ้ม “ฝานซิงเป็นหลานสาวของฉัน ฉันคิดว่า ฉันคือคนที่สมควรจะได้รับรู้การเป็นอยู่ของเธอมากกว่าใคร…”
อินรุ่ยเจวี๋ยกะพริบตาพริบ ก่อนที่จู่ๆ จะหันมาระเบิดหัวเราะเสียงดัง “อ่ายโย แม่งเอ๊ย! ขำชิบหายเลยว่ะ…”
เขาว่าพลางหันไปมองเจียงหรงหรง “ในเมื่อเธอเป็นหลานสาวของคุณ เธอเป็นอยู่ยังไง คุณยังต้องมาถามผมอีกงั้นหรอ”
“…”
“ผมแม่งโคตรจะนับถือเลย พี่สะใภ้ผมล้มลุกคลุกคลานมาตั้งไม่รู้เท่าไหร่ เพราะพวกวิปริตอย่างพวกคุณ! หากอยากรู้จริงๆ ผมจะบอกให้สักหน่อยก็ได้…ก็นะ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับพวกผมนักหรอก ไม่น่าคบหาเหมือนกัน!”
อินรุ่ยเจวี๋ยมองเจียงหรงหรงด้วยสีหน้าหยามเหยียดก่อนจะเรียกให้คนอื่นๆ กลับไปพร้อมกัน
ผลสุดท้ายหลินเฟยเฟยก็ไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าพวกของอินรุ่ยเจวี๋ยกำลังจะจากไป เธอก็วิ่งออกมาร้องตะโกนขึ้นว่า
“พวกคุณอย่าถูกผู้หญิงที่ชื่อเฉินฝานซิงคนนั้นหลอกเอานะ ฉันจะขอเตือนพวกคุณเอาไว้ เฉินฝานซิงเป็นผู้หญิงจิตใจหยาบช้า เธอมีข่าวฉาวตั้งมากมายขนาดนั้น มันคงไม่ใช่แค่ข่าวลือแน่! อย่าลดค่าของพวกคุณเพื่อคนอย่างเธอเลย!”
อินรุ่ยเจวี๋ยหยุดอยู่กับที่ เขาก้มลงเตะรองเท้าหนังราคาแพงระยับคู่นั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจับตรงท้ายทอยแล้วพึมพำว่า
“ผู้หญิงจิตใจหยาบช้า?”
เมื่อได้เห็นว่าอินรุ่ยเจวี๋ยรับฟังเธอ หลินเฟยเฟยก็ขยับเข้าไปใกล้เขาอีกนิด พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ ไม่เชื่อพวกคุณก็ลองไปสืบดูก็ได้…อ๊ายยย!”
ประโยคของหลินเฟยเฟยยังไม่ทันจะถูกพูดจบ ก็เกิดเสียง เพียะ ขึ้นกลางคัน ตามมาด้วยเสียงร้องแสบแก้วหู
เมื่อทุกคนหลุดจากภวังค์ ก็กลับได้พบว่า มือของอินรุ่ยเจวี๋ยได้กระแทกปิดลงไปบนปากของหลินเฟยเฟยอย่างแรงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
เสียงสูดหายใจเย็นๆ ดังขึ้นเฮือกหนึ่ง
หลินเฟยเฟยป้องปากที่แสบร้อนดังไฟเผา พลางถอยกลับไปสองก้าวด้วยฝีเท้าไม่มั่นคง ก่อนจะล้มพับลงไปบนพื้นภายในเสี้ยววินาที
อินรุ่ยเจวี๋ยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ถูลงไปบนมือของตัวเองที่สัมผัสกับหลินเฟยเฟยอย่างแรง ด้วยท่าทีลูกคุณหนูอันธพาล
“เดิมฉันก็ไม่อยากจะดัดนิสัยเธอในอาณาเขตของสกุลซูหรอกนะ! พอให้โอกาสเธอ เธอแม่งก็ยังจะหาเรื่องให้ฉันหน้าไม่เป็นหน้าได้อีกงั้นเหรอ! เธอคิดว่าฉันโง่หรือตาบอดฮะ ใครดีใครชั่วถึงต้องให้เธอมาคอยบอก ฉันขอเตือนเธอเอาไว้นะ ต่อไปหากฉันยังได้ยินเธอพูดถึงเฉินฝานซิงผิดๆ อีกแม้แต่คำเดียว ฉันเอาเธอถึงตายแน่ คอยดู!”
คำพูดเหี้ยมโหดสิ้นสุดลง อินรุ่ยเจวี๋ยจึงหันไปมองซูเหิงที่อยู่ข้างๆ ไปวูบหนึ่ง แล้วยื่นมือตบลงตรงบ่าของเขาก่อนจะพูดว่า
“เพื่อน อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้านายเลยนะ ที่ฉันลงมือในถิ่นของนาย หากจะโทษก็ต้องโทษที่ปากผู้หญิงคนนี้พล่อยเกินไป! ให้อภัยกันนะ!”
ว่าพลางก็กระแทกมือลงไปบนไหล่ของเขาสองครั้ง ก่อนจะหมุนตัว แล้วเรียกให้ทุกคนขึ้นรถ
เสียงเครื่องยนต์จากรถหรูหลายคันในลานบ้านส่งเสียงเลื่อนลั่นอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากลานบ้านของสกุลซูไปอย่างเอิกเกริก
ลานบ้านที่เสียงดังระงมไม่นานก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง แม้ว่าที่นี่จะมีคนมากแค่ไหน ทว่าตอนนี้ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักแอะ
สายตาอึดอัดพลันเหลือบมองไปยังเจียงหรงหรงสองสามครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคร่ำครวญของหลินเฟยเฟย
“พี่คะ…พี่ยอมให้พวกเขารังแกฉันแบบนี้เหรอคะ ที่นี่มันสกุลซูนะ…”
หลินเฟยเฟยคร่ำครวญออกมาใหญ่โต พลางมองไปยังซูเหิงด้วยความเจ็บใจที่เขาไม่มีท่าทีใดๆ เลย
นัยน์ตาของซูเหิงเยือกเย็นลงในพริบตา พลันหันลู่สายตาลงมองหลินเฟยเฟยที่กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่บนพื้นด้วยสภาพน่าอาย
“เธอสมควรโดนแล้ว!” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเยียบเย็นเสียงหนึ่ง “นิสัยเดิมไม่เปลี่ยน! หากฉันเป็นเขา อย่าว่าแต่ตบปากเธอเลย ฉันจะฉีกปากของเธอด้วยซ้ำ!”
หลินเฟยเฟยสะอึกไปในทันที เธอแหงนหน้ามองซูเหิง น้ำตาแทบจะลักออกมาเป็นเขื่อนแตก
“คุณตา!”
เธอหันมองไปยังซูข่งที่เดินตามออกมา ซูข่งเองก็ขำหึออกมาเสียงหนึ่ง พลันหันไปเอ่ยกับลูกสาวคนที่สองของตนตามตรง
“พาเธอกลับสกุลหลินไปซะ! ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องมา!”
ลูกสาวคนที่สองอย่างซูเหลียนหน้าซีดลงทันที
“คุณพ่อ!”
เธอกลับมาครั้งนี้ เพราะรู้ว่าแข่งขันระดับนานาชาติของเฉินเชียนโหรวนั้นอาจจะได้คะแนนไม่เลว พอที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาของสกุลซูได้ เดิมเธอหวังจะหาตำแหน่งในบริษัทให้หลินเฟยเฟยสักตำแหน่ง เธอจะได้วางใจ จะได้มีสิทธิมีเสียงในบริษัทสักนิดสักหน่อยบ้าง
สุดท้ายเมื่อมาเกิดเรื่องเช่นนี้ เธอจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ต่อให้พูดออกมาได้ ก็คงได้ถูกปฏิเสธกลับมาอย่างแน่นอน
อีกอย่าง ต่อไปเนื้อติดมันของสกุลซูชิ้นนี้ แม้แต่น้ำมันหยดเดียวเธอก็คว้ามาไม่ได้ เธอจะไปยอมได้อย่างไร
“ไสหัวไปซะ! ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแกอบรมลูกสาวแกยังไง นิสัยอาละวาดไปทั่วแบบนี้ได้มาจากใคร! โง่สิ้นดี! หลังจากเกิดเรื่องที่งานฉลองวิทยาลัยก็ยังไม่รู้เลยว่าจะตามล้างตามเช็ดยังไง แล้วตอนนี้รู้รึเปล่าว่าเธอก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีกแล้ว?”
“วันนี้ห้าคนนั้นที่มา มีคนไหนที่สกุลซูไปกระตุกหนวดเขาได้บ้าง แค่ปลายนิ้วเดียวของพวกเขาสักคน ก็โค่นสกุลซูได้ทั้งตระกูล! เขาไม่ลงมือในสกุลซูถือว่าไว้หน้ากันมากแค่ไหนแล้ว แกก็ยังมีความสามารถไปบีบให้เขาลงมือจนได้! ดีจริงๆ ทำให้เขาฉีกหน้าสกุลซูโดยตรงได้ ต่อไปก็ไม่ต้องไปขอให้ใครเขามาสงเคราะห์แล้ว เรื่องร่วมมือกันยิ่งไม่ต้องหวัง พอคิดๆ ดูแล้ว มันก็ได้รับผลกระทบไปหมดทุกทาง! แกจะให้สกุลซูอยู่ในวงการธุรกิจต่อไปได้ยังไง?!”
เพียงคำพูดไม่กี่คำของซูข่ง ก็ถอดสีจากใบหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้จนซีดเซียว
สายตาของทุกคนต่างมองไปยังหลินเฟยเฟยอย่างเกลียดชัง ตอนนี้สกุลซูยังไม่ทันได้เตรียมจะออกวิ่ง ทว่าหนทางก็ดันมาถูกปิดตายไปเสียก่อน แบบนี้ใครมันจะไปรักลง