ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 695 รอให้ครบสามครั้งก่อนค่อยไป / ตอนที่ 696 คุณลองสักหน่อยไหม
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 695 รอให้ครบสามครั้งก่อนค่อยไป / ตอนที่ 696 คุณลองสักหน่อยไหม
ตอนที่ 695 รอให้ครบสามครั้งก่อนค่อยไป
“งั้นก็ปล่อยให้เขาพูดไปสิว่า ฉันกลั้นใจทำงานได้ ฉันเชื่อว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องคิดว่าเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญประการแรกกันทั้งนั้น…”
ผู้ช่วยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “ประธานกู้ ไหนๆ ตอนนี้ก็เลยเวลานัดมานานแล้ว ฉันคิดว่าใครคนนั้นก็คงแทบจะคลั่งตายแล้วค่ะ! เป้าหมายของคุณก็ถือว่าสำเร็จแล้ว มันก็น่าจะพอได้แล้วนะคะ…”
กู้เจ๋อเหยียนเลิกคิ้วแล้วจิบกาแฟอีกครั้ง
“งั้นก็รอให้พวกเขาโทรมาเร่งสิ จำไว้นะ ต้องให้ครบสามครั้งก่อนถึงจะตอบตกลง…”
ผู้ช่วยถอนหายใจเบาๆ “ค่ะๆ ค่ะ”
ทางด้านกองถ่าย เมื่อผู้ช่วยวางสายลง เขาเร่งรายงานสิ่งที่ผู้ช่วยของกู้เจ๋อเหยียนพูดกับเขาให้เซียวหมิงเจี๋ยฟังทันที
“บอกว่ากำลังให้น้ำเกลืออยู่ ให้เรารอไปก่อนครับ!”
เซียวหมิงเจี๋ยถอนหายใจฮึดฮัด กระแทกขวดน้ำแร่เย็นฉ่ำในมือลงกับโต๊ะ
“ข้ออ้างสิ้นคิดแบบนี้ พูดออกมาได้ไม่อายปาก!”
ทว่าเฉินฝานซิงที่ยืนอยู่ห่างๆ ก็ได้รับภาพถ่ายหลายภาพหลังจากที่วางสายไปแล้ว
จากนั้นเธอจึงกรีดยิ้มขึ้น แล้วก้าวเดินไปหยุดลงตรงหน้าของเซียวหมิงเจี๋ยใหม่อีกครั้งก่อนจะกล่าวว่า
“พิจารณาเปลี่ยนคนใหม่เถอะค่ะ เพราะต่อให้เขามาฉันก็ไม่มีวันยอมให้จี้อี้ถ่ายต่อแน่”
ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตวัดหน้าขึ้นจ้องเฉินฝานซิง
“ประธานเฉินหมายความว่ายังไง”
คนแถวนั้นต่างก็ล้อมวงกันเข้ามาหาเฉินฝานซิง เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ในวงการบันเทิงอยู่เช่นกัน
ทุกคนในวงการบันเทิงต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น สิ่งที่อยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้น คือความหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าดีลับหลังคิดร้าย แม้ว่าจะเกลียดกัน แต่พอเจอหน้ากันก็ส่งยิ้มให้และโอบกอดกัน
ประเภทที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างไม่ปกปิดเช่นนี้ พวกเขาเพิ่งจะเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก
ความเยือกเย็นก่อตัวขึ้นตรงหว่างคิ้วของเธอ พลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ที่ฉันต้องพูดกับคุณตามตรง อาจารย์เซียว นั่นก็เพราะฉันเห็นแก่หน้าของคุณ ฉันเองก็ไม่อยากทำให้ทีมงานผิดหวัง โดยการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำมาจนถึงตอนนี้ต้องยุติลง แต่ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะก็ จะให้ฉันรอจนกว่ากู้เจ๋อเหยียนจะมาถึงแล้วค่อยปฏิเสธเขาต่อหน้าก็ได้นะ”
เพียงแค่คำพูดนั้นออกมา สีหน้าของเซียวหมิงเจี๋ยก็แย่ลงถนัดตา ทว่ายังคงเจือไปด้วยความอบอุ่นเล็กน้อย
คนที่ถูกเบี้ยวนัดวันนี้ไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว แต่ยังมีจี้อี้ด้วย
ในฐานะเจ้านายของจี้อี้ ศิลปินของตัวเองถูกดูแคลนขนาดนี้ จะขุ่นเคืองบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
จริงอย่างที่เธอว่า การบอกความจริงกับเขาตั้งแต่ตอนนี้ เขายังพอมีเวลาที่จะไปหาคนมาแทนจี้อี้ได้ เขาเองก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องผิดๆ ถูกๆ ในทีมงานถ่ายทำของเขาเช่นกัน
จะมีอะไรสาแก่ใจไปกว่าการได้ฉีกหน้าตัวการซึ่งๆ หน้า
เธอไม่รอให้กู้เจ๋อเหยียนมาให้ฉีกหน้าถึงที่ ก็ถือว่าไว้หน้าเขาสุดๆ แล้ว
แต่ว่า…
“เมื่อกี้คุณไม่ได้…ทำไมจู่ๆ ถึงตัดสินใจแบบนี้ล่ะครับ”
เฉินฝานซิงไม่ลังเลที่จะยื่นโทรศัพท์ในมือของตัวเองไปให้เซียวหมิงเจี๋ย
“หากถึงขั้นนี้แล้วฉันยังจะทนต่อไปได้อีกล่ะก็ ซิงเฉินกั๋วจี้ของฉันก็คงจะดูไร้ค่าเกินไป”
เซียวหมิงเจี๋ยคว้าโทรศัพท์มาดู กระทั่งเมื่อได้เห็นรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเธอ สีหน้าเขาก็ดูเครียดขรึมลงในชั่วขณะ
ในโทรศัพท์ปรากฏให้เห็นภาพของกู้เจ๋อเหยียนกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านกาแฟระดับไฮเอนด์สักแห่งหนึ่งอย่างสบายใจเฉิบ ตรงมุมขวาของรูปปรากฏให้เห็นเวลาในการถ่าย ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ผู้ช่วยจะวางสายไปได้ไม่นาน
เขาถือโทรศัพท์ไว้ บันดาลโทสะจนร่างกายสั่นเทิ้ม
“ดีจริงๆ กู้เจ๋อเหยียน ฉันก็เพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรก ที่บอกว่าไม่สบายจนต้องให้น้ำเกลือคือการอัดกาแฟเข้าสู่ร่างกาย! ช่างหัวแม่ง…”
เซียวหมิงเจี๋ยผุดลุกขึ้นอย่างเดือดดาล พลันยกขาขึ้นถีบโต๊ะกลมขนาดเล็ก ที่ทำมาจากเครื่องสานตรงหน้า
น้ำแร่ที่เขาเพิ่งจะดื่มไปได้แค่สองคำตรงหน้าปลิวไปตามแรงอันมหาศาลของเขา โต๊ะทั้งตัวล้มตึงลงไปด้านหน้า
ตอนที่ 696 คุณลองสักหน่อยไหม
น้ำแร่ที่เขาเพิ่งจะดื่มไปได้แค่สองคำตรงหน้าปลิวไปตามแรงอันมหาศาลของเขา โต๊ะทั้งตัวล้มตึงลงไปด้านหน้า
เฉินฝานซิงถอยหลบไปอย่างฉับไว ทว่าน้ำแร่เย็นฉ่ำขวดนั้นก็ยังคงกระเซ็นมายังเธออยู่ดี
น้ำเย็นสาดกระเด็นลงบนหน้าอกของเธอ เรียกให้เธอสะดุ้งไปครั้งหนึ่ง
นาทีนั้นเธอรู้สึกหนาวเสียจนแม้แต่จะหายใจก็ยังยากลำบาก
“พระเจ้าๆ ประธานเฉิน คุณโอเคใช่ไหม”
เสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางถูกสาดจนเปียกชุ่ม เฉินฝานซิงยกมือขึ้นทาบปิดตรงหน้าอกเอาไว้ทันควัน ก่อนจะเดินเข้าหาผนังมุมหนึ่ง เพื่อหันหลังให้กับทุกคน
ผู้ช่วยที่ยืนอยู่อีกฝั่งใจหายวาบ เซียวหมิงเจี๋ยดีดตัวขึ้นยืน
“รีบไปหาเสื้อคลุมมาเร็ว!”
เหตุการณ์อลหม่านกันไปพักหนึ่ง ไม่นาน ก็มีคนนำเสื้อคลุมตัวหนึ่งมาคลุมร่างของเฉินฝานซิงเอาไว้
เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเองต้องเผยเนื้อหนังต่อหน้าผู้คนมากขนาดนี้ เธอจึงรับเสื้อคลุมตัวนั้นมาสวมไว้อย่างไม่ลังเล จัดการห่อหุ้มร่างกายของตัวเองไว้อย่างมิดชิด จากนั้นจึงยกมือขึ้นสะบัดหางม้าที่เปียกชื้นของตัวเอง บิดวนมันไปมาสองครั้งแล้วปัดมันไปไว้ข้างหลัง
“ประธานเฉิน ต้องขอโทษจริงๆ นะ…ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เฉินฝานซิงพ่นลมหายใจทิ้งไปหนึ่งครั้งแล้วหันหน้ากลับมาจากกำแพง
เธอมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไร”
และนาทีที่เฉินฝานซิงหมุนตัวกลับมานั้น นัยน์ตาของเซียวหมิงเจี๋ยก็พลันประกายระยับ
เขารีบก้าวฉับๆ เข้าไปหาเธอ แล้วเดินวนรอบเฉินฝานซิงที่กำลังสวมสูทหลวมๆ อยู่สองรอบ
ท่าทีของเขาทำเอาทุกคนงงงวย
“อาจารย์เซียว นี่คุณ…”
เฉินฝานซิงถามอย่างสงสัย
ทว่าเซียวหมิงเจี๋ยกลับช้อนสายตาขึ้นมองเธออย่างกระปรี้กระเปร่า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ประธานเฉิน คุณมาถ่ายเถอะ”
เฉินฝานซิงมุ่นคิ้ว “ว่าไงนะคะ”
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“คุณมาถ่าย แทนกู้เจ๋อเหยียน”
ต่างคนต่างก็เอียงคอมองไปยังเฉินฝานซิง ด้วยสีหน้าเหมือนมีมคนดำฉงน
นี่มันเป็นภาพคู่ของคู่รัก ไม่ว่าจี้อี้ หรือประธานเฉินต่างก็เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น จะถ่ายยังไง
คล้ายว่าเฉินฝานซิงจะมีสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้วในใจ เธอจึงเลิกคิ้วขึ้นมองเซียวหมิงเจี๋ย
เซียวหมิงเจี๋ยพยักหน้า “ไปลองกัน”
เฉินฝานซิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้ารับ
หลังจากที่เซียวหมิงเจี๋ยบอกความต้องการสองสามอย่างกับสไตล์ลิสต์ไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกไปรอข้างนอกด้วยสีหน้าตื่นเต้นและรอลุ้น
ยังคงเป็นโต๊ะกลมตัวเล็กๆ ตัวนั้น ยังคงเป็นตำแหน่งนั้น เซียวหมิงเจี๋ยเกลียดการรอศิลปินแต่งหน้าเป็นที่สุด เพียงแต่ครั้งนี้เขากลับตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ
และในขณะนั้นเอง ภายนอกของสตูดิโอ รถยนต์สีขาวคันหนึ่งก็เคลื่อนตัวลงจอดอย่างคล่องแคล่ว ตามมาด้วยประตูที่นั่งคนขับได้ถูกเปิดออกมา
ร่างหนึ่งในชุดสีแดงสะดุดตาก้าวออกมา ตามด้วยเสียงประตูรถถูกปิดลง ปึก เธอสะบัดศีรษะเบาๆ เรือนผมสีบลอนยาวเป็นลอนใหญ่บนบ่าของเธอกระเพื่อมเป็นคลื่นสวยตามการเคลื่อนไหวภายใต้แสงอาทิตย์
เดรสสีแดงสดแนบลำตัว ขับให้ผิวดูขาวใสไร้ที่ติ เอวนิ่มเพรียวบาง หน้าอกอวบอั๋นเย้ายวนใจ ช่างเป็นเรือนร่างที่งดงามและเร่าร้อน
เธอเดินอ้อมตัวรบไปหยุดอยู่ตรงขั้นบันไดข้างๆ เมื่อเห็นว่ารถยนต์ที่ดูนิ่งสงบและสุขุม ทว่าไม่ทิ้งความสูงค่าคันนั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านมา ริมฝีปากสีแดงเพลิงบนใบหน้าสวยก็ระบายยิ้มออกมาอย่างงดงาม
เบนท์ลีย์สีดำจอดสนิทลงช้าๆ อวี๋ซงเดินลงจากรถมาก่อน เขาสาวเท้ายาวๆ หมายจะก้าวไปเปิดประตูรถ
แต่สุดท้ายการกระทำนี้กลับถูกหญิงสาวแย่งไป เธอชิงเปิดประตูรถตัดหน้าเขาไปเสียก่อน
“คุณชายป๋อ เชิญค่ะ”
รอยยิ้มสวยสง่า แต่ก็ไม่ทิ้งเสน่ห์และความน่าหลงใหล
เธอเบี่ยงกายเข้าหาชายผู้สุขุมและสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ในรถเล็กน้อย รองเท้าหนังสะอาดเอี่ยมถูกมองเห็นเป็นสิ่งแรก กางเกงสูทตัวแพงที่ถูกรีดเป็นระเบียบซึ่งห่อหุ้มขายาวตรงของเขาเอาไว้ถูกยื่นออกมาตามๆ กันทีละข้าง