ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 603 บรรลุขั้นสุดยอดของความน่าไม่อาย / ตอนที่ 604 ไม่ระวังจนเผลอถูกทำให้โกรธ
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 603 บรรลุขั้นสุดยอดของความน่าไม่อาย / ตอนที่ 604 ไม่ระวังจนเผลอถูกทำให้โกรธ
ตอนที่ 603 บรรลุขั้นสุดยอดของความน่าไม่อาย
เมื่อได้ยินเสียงที่เห็นได้ชัดว่ายังไม่ตื่นดีของเฉินฝานซิง ก็พาลให้เจียงหรงหรงบันดาลโทสะขึ้นมาจากหลายสาเหตุ
ช่วงนี้ชื่อเสียงของเฉินเชียนโหรวก็ดิ่งฮวบอยู่แล้ว แต่ประชาสัมพันธ์ของบริษัทก็ยังฝืนประคับประคองไปอย่างถูๆ ไถๆ
ภาพลักษณ์ของดาราคนหนึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีทางที่เฉินฝานซิงจะไม่รู้
เฉินเชียนโหรวเปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ของกุมารีหยกผู้แสนดีและใสซื่อบริสุทธิ์มาตั้งแต่แรกเริ่มเข้าวงการ
แม้ว่าจะคบกับซูเหิงแต่ก็หาใช่ความผิดร้ายแรง แต่หากรูปถ่ายพรรค์นั้นถูกเผยแพร่ออกมา ต่อให้อีกฝ่ายเป็นใคร ภาพลักษณ์กุมารีหยกผู้บริสุทธิ์ที่ผ่านๆ มาของเฉินเชียนโหรวก็ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
ครั้งนี้แม้แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เองก็ไม่มีที่ยืน
เพราะแฟนคลับก็เป็นเสียเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะถูกทำนองคลองธรรม แต่เมื่อภาพลักษณ์พังลงก็จบ
ภาพลักษณ์ของเฉินเชียนโหรวพังพินาศจนไม่เหลือชิ้นดี ไร้หนทางจะทวงกลับคืน
ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นฝีมือของเฉินฝานซิง
จะให้เธอใจเย็นกับมันอยู่ได้อย่างไร
ทัศนคติของเธอที่ไม่เคยมองเฉินฝานซิงในแง่ดีอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มพูนความชิงชังขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
เฉินฝานซิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาพร่ามัวค่อยๆ ลืมขึ้น แววตาของเธอเหน็บหนาวจนกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้วเรียบร้อย
เธอขยับปาก แค่เพิ่งคิดจะพูด ป๋อจิ่งชวนที่อยู่ข้างๆ กันก็ประชิดเข้ามาใกล้แล้วโอบรอบเอวเธอเอาไว้ พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงถูไถไปมาบนใบหน้าเธอ ก่อนจะประทับจูบบางเบาลงบนแก้มของเธอ
เสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความแหบพร่าหลังจากอาการสะลึมสะลือเอ่ยถามขึ้น “ใคร”
เขาว่าพลาง มือที่วางอยู่บนร่างกายเปลือยเปล่าซึ่งสัมผัสอยู่กับผิวเนียนละเอียดของเธอก็ลูบไล้ไปมาเบาๆ ริมฝีปากเองก็ประทับลงตรงมุมปากของเธอ
เฉินฝานซิงทอดถอนหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่ง เธอเร่งสงบจิตใจก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
“อย่าซน…”
ป๋อจิ่งชวนซุกหน้าลงตรงแอ่งคอของเธอก่อนจะสงบลง
เจียงหรงหรงที่อยู่ในสายได้ยินคำว่า ‘ใคร’ จากปากของป๋อจิ่งชวนได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ตกตะลึงไปได้ค่อนวัน ก็ราวกับว่าเธอจะได้สติขึ้นมา ทันใดนั้นความเดือดดาลก็แล่นเข้าสู่หัวใจ
“เฉินฝานซิง แกอยู่กับใคร”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่น “เกี่ยวอะไรกับคุณงั้นเหรอ”
เจียงหรงหรงกลับพูดเองเออเองขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
“แก…นี่แกนอนกับผู้ชายงั้นเหรอ แก…นังเด็กนรก! แกยังมียางอายอยู่บ้างไหม!”
เสียงของเจียงหรงหรงที่ทั้งเล็กแหลมและแสบแก้วหู เรียกให้หว่างคิ้วของป๋อจิ่งชวนขมวดเข้าหากัน
การด่าทอแบบไม่รู้จักแยกแยะจุดไฟโทสะให้ปะทุขึ้นกลางอกของเฉินฝานซิง!
“เจียงหรงหรง อย่ามาทำตัวแก่กะโหลกกะลาแถวนี้ ฉันไว้หน้าคุณแล้วแต่คุณไม่สนมันเองนะ! ฉันอยู่กับผู้ชายมันน่าอายนักเหรอ งั้นเฉินเต๋อฝานคงกระโดดออกมาจากซอกหินงั้นสิ”
“หึ”
ผู้หญิงคนนี้น่ารักไปหมดจริงๆ
จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนที่ซุกอยู่ตรงแอ่งคอก็หลุดขำออกมา
“แก…”
เจียงหรงหรงถูกเฉินฝานซิงเล่นเอาสำลักจนเสียงหาย “แกอยู่กับใคร”
“คุณจะยุ่งมากเกินไปแล้ว!”
“จองหอง! อย่าลืมไปนะว่าแกยังแซ่เฉินอยู่ แกอยู่กับผู้ชายต่ำๆ ข้างนอกนั่น หากเกิดอะไรขึ้นมา ถึงยังไงสกุลเฉินก็ยังต้องแบกหน้ารับความเสื่อมเสียของแกอยู่นะ…”
เฉินฝานซิงขำเสียงเย็น
“ใครบอกว่าผู้ชายของฉันเป็นพวกต่ำๆ”
เจียงหรงหรงเค้นขำเสียงเย็น “แกเพิ่งจะแยกทางกับซูเหิงได้ไม่เท่าไหร่ เวลาสั้นๆ แค่นี้ แกจะไปคบกับผู้ชายดีเด่ที่ไหนได้ อีกอย่างผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาจะชายตาแลคนอย่างแก”
เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ เธอก็รู้สึกอ่อนเพลียไปเล็กน้อยกับบุคคลที่เป็นขั้นสุดยอดเช่นนี้
ความไร้ยางอายของเจียงหรงหรง แทบเรียกได้ว่าบรรลุขั้นสุดยอดไปแล้ว
อีกฝ่ายไม่มีจิตสำนึกของความเป็นผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย และเธอเองก็พูดจาเกินควรกับผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่ได้เช่นกัน
ช่างเป็นการใช้ลำดับศักดิ์ที่เหนือกว่าได้ไร้ประโยชน์จริงๆ
คำพูดจาพวกนี้ เธอพ่นมันออกจากปากมาได้อย่างไร
“แกจะเล่นอะไรก็เล่น แต่อย่าให้ฉันหมดความอดทน! สกุลเฉินจะเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้! วันนี้แกกลับบ้านมาหาฉัน! ไม่ว่าจะยังไง ครั้งนี้แกจะต้องขอโทษเชียนโหรว!”
เฉินฝานซิงเค้นขำ “ฉันขอโทษเธอ? เหมือนว่าคุณจะยังไม่ตื่นนะ”
เหมือนว่าเจียงหรงหรงเองก็เหนื่อยจะพูดกับเธอให้มากความ เธอจึงเอ่ยไปตรงๆ ว่า
“เชียนโหรวแต่งงานกับซูเหิงแล้ว เรื่องสินเดิม ปู่แกต้องการให้แกกลับบ้านมาปรึกษาพร้อมๆ กัน หากไม่กลับมา เมื่อถึงตอนนั้นก็อย่าสร้างเรื่องให้ฉันอีกก็แล้วกัน!”
ตอนที่ 604 ไม่ระวังจนเผลอถูกทำให้โกรธ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินฝานซิงก็หรี่ตาลง
เธอครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย จู่ๆ เธอก็หัวเราะหยันออกมาเสียงหนึ่ง
“เพิ่งจะแต่งงานก็จะแบ่งสมบัติกันแล้ว? ประธานเจียง จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แบ่งสมบัติอะไร แกพูดไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้าไม่กลับมาก็เรื่องของแก”
“กลับสิ ฉันกลับไปแน่ ในเมื่อจะพูดเรื่องสินเดิม งั้นเราก็มาคุยเรื่องสินเดิมกันให้รู้เรื่องไปเลย”
คำพูดของเฉินฝานซิงฟังดูไร้เหตุผลจนคนฟังรู้สึกประหลาดใจ เจียงหรงหรงเม้มปากแน่น หว่างคิ้วขมวดชนกัน เมื่อนึกไปถึงการกระทำอันหยาบกระด้างแต่ละอย่างของเฉินฝานซิงในช่วงนี้ หัวใจของเธอก็พลันเต้นระส่ำ
จากนั้นคนในสายก็ทอดถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจนปัญญา
“ฝานซิง อย่าหาว่าย่าลำเอียงเลยนะ เชียนโหรวต้องเผชิญความลำบากข้างนอกมาตั้งแต่ยังเด็ก ฉันจะรักน้องมากกว่าสักหน่อยมันก็สมเหตุสมผลแล้ว หากว่าแกไม่ทำเรื่องกำเริบเสิบสานพวกนั้น เรื่องมันคงเบาลงกว่านี้ ฉันเองก็ไม่ต้องพลอยผิดหวังไปเสียหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเชียนโหรวเรื่องนี้ ถึงยังไงเธอก็เป็นน้องสาวแก น้องชอบแกขนาดนั้น ในใจก็คิดแต่จะได้ใกล้ชิดกับแก…”
“เหอะ…” จู่ๆ เธอก็เค้นขำขึ้นเสียงเย็น นี่แม่มดเฒ่าตนนี้คิดจะใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนเลยหรือ
“เธอชอบฉัน? เธอถึงอยากได้ทุกอย่างที่เป็นของฉัน ทั้งของเล่น ห้อง เสื้อผ้า เพื่อนฝูง แม้กระทั่งแฟน นี่เธอชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอ เกรงว่าในโลกนี้จะไม่มีใครรับความชื่นชอบแบบนี้ได้ โดยเฉพาะฉัน ฉันกับเธอน่ะ ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีวันญาติดีกันได้…”
หว่างคิ้วของเจียงหรงหรงถูกฉาบไปด้วยความเคร่งขรึม เธอพยามยามสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวและไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก
เฉินฝานซิงเองก็คร้านจะไปสนใจเธออีก เมื่อพูดเสร็จก็ตัดสายลงทันทีและโยนโทรศัพท์ไปให้พ้นทาง
สุดท้ายเธอก็ทอดถอนลมหายใจออกมายาวเหยียด ความง่วงงุนก่อนหน้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ไม่นอนแล้ว?” เสียงทุ้มนุ่มในลำคอของป๋อจิ่งชวนดังขึ้นตรงแอ่งคอ
เฉินฝานซิงเอ่ยอย่างจนใจ “ไม่ระวังจนเผลอถูกทำให้โกรธเข้าจนได้”
“คนดี ไม่โกรธนะ” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยปลอบด้วยเสียงทุ้ม เสียงครึ้มดั่งหมู่เมฆแฝงไปด้วยความสบายใจ
“คุณไม่โกรธรึไง เธอบอกว่าคุณเป็นผู้ชายต่ำๆ นะ…”
“คุณเองก็เคยบอกว่าผมเป็นถูเฝ่ยไม่ใช่รึไง ถูเฝ่ยที่ไหนบ้างไม่ต่ำ
คิ้วสีเข้มของเฉินฝานซิงร่นเข้าหากันเล็กน้อย วินาทีถัดมาเธอกลับรู้สึกว่ามือที่วางอยู่บนร่างกายของเธอเริ่มจะอยู่ไม่สุข พร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงการขบกัดอันร้อนชื้นที่ตรงแอ่งคอ
สมองของเธอขาวโพลน อดจะย่นไหล่เข้ามาไม่ได้
“ป๋อจิ่งชวน คุณ…คุณ เพื่อเรื่องพรรค์นี้ แม้แต่คำวิจารณ์แบบนั้นก็ยอมรับได้งั้นเหรอ คุณมีขีดจำกัดบ้างรึเปล่า”
เสียงหัวเราะนุ่มนวลเอ่อล้นขึ้นมาจากลำคอของป๋อจิ่งชวน “มีอยู่แล้ว ก็คุณไม่ใช่เหรอ”
หัวใจของเธอสั่นไหว ก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน
คือการจับเธอพลิกไปมางั้นเหรอ
ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนคางและแก้มของเธอ จูบละเมียดละไมอ่อนโยนเป็นพิเศษและแฝงไปด้วยความสนิทสนมอย่างลึกซึ้ง
ความเย็นชาตรงคิ้วของเธอค่อยๆ จางหายไป ป๋อจิ่งชวนจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อจูบจนหนำใจแล้วก็ยื่นมือออกไปรั้งเธอมาแนบไว้ในอ้อมกอด
“ยังเช้าอยู่เลย นอนต่อสักหน่อยเถอะ”
ผ่านไปไม่นานนัก ข้างนอกหน้าต่างก็พลันส่องสว่างขึ้น ฟ้านอกผ้าม่านยังคงเป็นสีครามของน้ำทะเล
หัวใจของเฉินฝานซิงถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่น เธอแนบชิดอยู่กับอ้อมกอดอุ่นตรงหน้า กลิ่นหอมสดชื่นที่มักจะติดอยู่บนกายของชายหนุ่มมาตลอดหลายปีทำให้อารมณ์ของเฉินฝานซิงผ่อนคลายลงทีละน้อย เธอส่งเสียง “อืม” ขึ้นเบาๆ ความง่วงนอนค่อยๆ เข้ามาเยือน เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง
นับตั้งแต่ผู้เป็นแม่จากไป เธอใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความหวาดกลัวที่จะถูกทอดทิ้งไปอีกครา เธอจึงหวังจะมีชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของสกุลเฉินอย่างต่ำต้อย
แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจจะหนีชะตากรรมของการถูกทอดทิ้งไปได้