ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 509 ลำบากใจ / ตอนที่ 510 คุณจำได้ก็ดี
ตอนที่ 509 ลำบากใจ
ในระหว่างมองดูฝนตกพรำๆ อยู่ด้านนอก เฉินเชียนโหรวก็คล้องแขนไช่จิ้งอี๋ด้วยท่าทางสนิทสนมพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“คุณป้า ขอโทษด้วยนะคะ ครั้งนี้สร้างปัญหาวุ่นวายไว้เยอะ…ทำให้ทุกคนลำบากกันหมดเลย…”
ได้ยินดังนั้น ไช่จิ้งอี๋ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ข่าวฉาวในวงการบันเทิงมีมากเกินไป พอไม่ทันระวังตัวก็กลายเป็นปัญหารุมเร้ารอบตัวเต็มไปหมด ฉันรู้ว่าซูเหิงก็ไม่ค่อยสนับสนุนให้เธออยู่ในวงการบันเทิงไปตลอดหรอกนะ คืนนี้เรามาหารือเรื่องการแต่งงานของพวกเธอกัน ก่อนแต่งงานพวกเราให้อิสระกับเธอ แต่หลังแต่ง…สะใภ้สกุลซู จะคอยปรากฏตัวต่อสาธารณชนอยู่บ่อยๆ ก็ไม่งาม เธอก็ลองคิดดูเองเถอะ”
เฉินเชียนโหรวขมวดคิ้วมุ่น แพขนตางอนยาวกะพริบไปมา บ่งบอกถึงความรู้สึกสับสนลังเลและลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณป้า…จะให้หนูออกมาจากวงการบันเทิงตอนนี้ หนูไม่สมัครใจ…อีกอย่างตอนนี้หลานอวิ้นก็ขาดหนูไม่ได้…”
สุดท้าย ไช่จิ้งอี๋ก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความระอา ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ลึกๆ ในใจของเฉินเชียนโหรวก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เธอจึงพูดขึ้นมาช้าๆ
“หนูจะออกจากวงการบันเทิงค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยังไงก็ยังทำไม่ได้ อย่างน้อย หนูไม่ควรจะออกมาในตอนที่ย่ำแย่ที่สุด แล้วก็ไม่อาจทิ้งหลานอวิ้นไว้โดยไม่สนใจได้…”
ไช่จิ้งอี๋หันไปมองเธอปราดหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้า
“เรื่องนี้ เธอปรึกษากับซูเหิงเองเถอะ”
ดูเหมือนฝนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หน้าประตูมีรถโฟล์คสวาเกน ซีซี สีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับเข้ามาจอด
สวี่ชิงจือลงมาจากฝั่งที่นั่งข้างคนขับพร้อมกับกางร่มออก บนไหล่มีเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนึ่งคลุมอยู่
จากนั้น ประตูรถฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออก เฉินฝานซิงมาในชุดสูทตัวยาว ถือร่มสีดำหนึ่งคันพร้อมกับเดินลงจากรถ
ในระหว่างที่หันตัวกลับมา ถึงแม้จะกั้นด้วยม่านสายฝนตรงหน้า แต่เธอก็ยังมองเห็นคนสองคนตรงหน้าประตูที่ก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน
หลังจากที่เหลือบมองสองคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นเอง ใบหน้างามสง่าก็ปรากฎความเย็นชา
เธอขมวดคิ้วมุ่น ภายในใจลึกๆ แอบรู้สึกต่อต้านกับการถือวิสาสะตัดสินใจทำอะไรตามใจตัวเองของอินรุ่ยเจวี๋ยอย่างรุนแรง
คิ้วเรียวได้รูปกระตุกเบาๆ จากนั้นเฉินฝานซิงก็เดินอ้อมตัวรถพร้อมกับถือร่มเดินมุ่งหน้าไปทางข้างในสโมสรเอ็นเตอร์เทนเมนท์กับสวี่ชิงจือ
ใบหน้าของไช่จิ้งอี๋เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ สำหรับเฉินฝานซิงแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร อย่างไรเสีย เฉินฝานซิงก็เคยช่วยเหลือสกุลซูในตอนที่ตกอับที่สุดมาไม่น้อย
ส่วนซูเหิง...
ถึงจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนดี แต่ก็ไม่ใช่คนเลว
สำหรับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาสองคน ตอนนั้นพวกเขาก็รู้สึกยินดีที่จะได้เห็นทั้งคู่เป็นฝั่งเป็นฝามาตลอด รู้สึกว่าเด็กสองคนมีความสามารถ เดินมาถึงจุดนี้ด้วยกันได้ก็ถือเป็นเรื่องที่สวยงามเรื่องหนึ่ง
แต่ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายซูเหิงกลับมาคบกับเฉินเชียนโหรวเสียได้…
มาคิดๆ ดู ครั้งล่าสุดที่ได้พบเธอก็ผ่านมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนและอึดอัดใจกับเหตุการณ์ในงานเลี้ยงครบรอบอยู่ไม่น้อย
ระหว่างที่ขบคิด สายตาก็เห็นเฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือกำลังจะเดินจากไป ไช่จิ้งอี๋ลังเลอยู่ครึ่งหนึ่ง สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหันไปทักทายกับเฉินฝานซิง
“ฝานซิง เธอก็มาด้วยเหรอ”
เฉินฝานซิงค่อยๆ ชะงักฝีเท้า
หันกลับไป สีหน้าที่มองผู้พูดนั้นเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“คุณนายซู ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรเหรอ”
ไช่จิ้งอี๋ไม่คิดว่าท่าทีของเฉินฝานซิงจะมีวันที่เปลี่ยนไปกลายเป็นคนเฉยชาห่างเหินและพูดจาถากถางแบบนี้
“ก็แค่ไม่ได้เจอกันนานเลยมาทักทาย เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”
เฉินฝานซิงหัวเราะเยือกเย็นในลำคอ “เรื่องนี้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ของเฉินฝานซิงหลายประโยคเข้า ไช่จิ้งอี๋ก็เริ่มทนไม่ไหว
เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ฝานซิง เรื่องบางเรื่องปล่อยวางได้ก็ปล่อยวางเถอะ ซูเหิงเลือกเชียนโหรว ความโมโหในใจของเธอ ก็น่าจะระบายออกไปหมดได้นานแล้วนะ…จนถึงตอนนี้เธอยังไม่ยอมเลิกรา ซูเหิงอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับเชียนโหรวก็ลำบากใจเหมือนกันนะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้เธอทำอะไรไป ซูเหิงกับเธอก็…”
“คุณนายซู”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางพูดตัดบทไช่จิ้งอี๋ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ตอนที่ 510 คุณจำได้ก็ดี
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางพูดตัดบทไช่จิ้งอี๋ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เธอหุบร่มด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติพร้อมพูดอย่างเฉยชา
“ผู้ชายคนหนึ่ง คบซ้อนในขณะที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เดิมทีนี่ก็ดูเป็นเศษเดนมนุษย์ที่ไม่มีหน้าไปพบใครได้อยู่แล้ว อีกทั้งคนที่นอกใจไปคบยังเป็นน้องสาวต่างแม่ของคู่หมั้นตัวเองอีก คุณคิดว่าซูเหิงวิเศษวิโสมาจากไหนกันเหรอคะ ควรค่าพอให้ฉันลืมไม่ลงงั้นเหรอ”
ไช่จิ้งอี๋ได้ยินเฉินฝานซิงพูดถึงลูกชายของตัวเองด้วยคำพูดที่แย่ขนาดนี้ จากใบหน้าที่อ่อนโยนใจดีก็หม่นหมองลงไปพริบตา พลันชี้หน้าต่อว่าเฉินฝานซิงด้วยความโกรธ
“เธอ…เธอพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง เธอ…”
เฉินฝานซิงค่อยๆ พับร่มเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นมา สายตาที่เย็นชานั้นแฝงไปด้วยความถากถางเย้ยหยันอย่างชัดเจน
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ที่ฉันพูดไม่ถูกเหรอ ถ้าคุณอยากจะโต้แย้งกับฉันให้ได้เลยละก็ คุณก็ลองจินตนาการดู…”
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจ้องไปที่ไช่จิ้งอี๋ด้วยสีหน้าที่มีความหมายแฝงลึกซึ้ง ก่อนจะพูดขึ้นมาช้าๆ
“สมมติว่าคุณผู้ชายของคุณ แอบไปคบกันน้องสาวของคุณลับหลังคุณ คุณจะรู้สึกยังไง…”
ไช่จิ้งอี๋โกรธจนหน้าเปลี่ยนสี ชี้หน้าเฉินฝานซิงพร้อมกับพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“เธอชักจะกำเริบใหญ่แล้ว”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วพูดอย่างประชดประชัน
“แค่ยกตัวอย่างก็ถึงกับรับไม่ได้เลยเหรอ”
“…”
เฉินฝานซิงแสยะหัวเราะเบาๆ ก่อนที่สายตาบนใบหน้าค่อยเธอจะค่อยๆ เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ฉัน เฉินฝานซิง ไม่ใช่คนที่ยอมฝืนใจตัวเองเพื่อไว้หน้าใครหรอกนะ ผู้ชายต่ำต้อยธรรมดาทั่วไปฉันก็รับไว้พิจารณาหมด แต่นี่กลับเป็นผู้ชายที่เทียบไม่ได้แม้แต่กับเศษเดนด้วยซ้ำ หยุดความคิดที่ว่าลูกชายของคุณวิเศษที่สุดในโลกจนผู้หญิงทุกคนต้องรีบวิ่งเข้าหาได้แล้วนะ…
ฉันกับเขาไม่มีทางพัฒนาอะไรไปได้มากกว่านี้แน่นอน เขาคู่ควรกับฉันเหรอคะ”
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่โกรธจนหน้าถอดสีของไช่จิ้งอี๋ แววตาของเฉินฝานซิงก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม
พอคิดว่าในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ทว่ากลับเห็นดีเห็นงามให้ซูเหิงคบกับเฉินเชียนโหรว ความเหน็บหนาวภายในใจก็ยิ่งทวีมากขึ้น
เธอรีบดึงตัวเองออกมาจากความคิดนั้น ไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก ดังนั้นจึงหมุนตัวเตรียมเดินไปทางหน้าประตู
“เธอฟังสิ่งที่เธอพูดตอนนี้สิ ก่อนหน้านี้ใครกันที่ติดสอยห้อยตามซูเหิงของเรา คอยเฝ้าบริการ ต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต แล้วทำไมถึงได้พูดราวกับตัวเองสูงส่งขนาดนั้น”
เฉินฝานซิงชะงักฝีเท้าในทันที เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาช้าๆ สายตาเย็นชามองไปยังไช่จิ้งอี๋ และพลันเหลือบไปเห็นสีหน้าของเฉินเชียนโหรวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยและมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
รูปร่างสูงโปร่งเพรียวบางกลับซ่อนไว้ซึ่งรังสีแห่งพละกำลังที่แกร่งกล้า ความเฉยชาและท่าทางอันตรายที่ไม่อาจละสายตาได้ของเธอทำให้ไช่จิ้งอี๋ที่โดนจ้องอยู่นั้นใจเต้นด้วยความประหม่า
เฉินฝานซิงจ้องเธออยู่ชั่วครู่ จึงจะค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“คุณก็รู้เหรอว่าฉันเคยคอยเฝ้าบริการ ต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อซูเหิงของพวกคุณ ไม่เลวนี่ คุณจำได้ก็ดี ต่อไปเวลาที่ฉันจะทวงหนี้ที่ผ่านมาทั้งหมด จะได้ไม่ต้องเสียงแรงมาอธิบายให้เมื่อยปากอีก”
ไช่จิ้งอี๋ตกใจและหวาดกลัวกับรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวเฉินฝานซิงจนทำให้เธออดขยับเข้าไปชิดเฉินเชียนโหรวไม่ได้
เมื่อรับรู้ได้ถึงการพึ่งพิงจากไช่จิ้งอี๋ เฉินเชียนโหรวจึงรีบพูดขึ้น
“พี่คะ ยังไงซะคุณป้าก็เป็นผู้ใหญ่นะคะ…”
“ผู้ใหญ่ก็ควรจะมีท่าทางของความเป็นผู้หญิงสิ อย่ามาใช้วิธีสองมาตรฐานและแนวคิดผูกมัดทางศีลธรรมกับฉัน คำว่าศีลธรรมนี่ ก็ต้องดูที่ตัวบุคคลด้วย”
เฉินฝานซิงชำเลืองมองเธอด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปแล้วเดินเข้าประตูไปพร้อมกับสวี่ชิงจือ
ในระหว่างที่จ้องมองแผ่นหลังของเฉินฝานซิง ไช่จิ้งอี๋ก็ได้แต่ส่ายหน้ารัว
ความตกตะลึงบนใบหน้าแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจและผิดหวัง
“เมื่อก่อนเฉินฝานซิงไม่ใช่แบบนี้ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”