ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 373 เสียดายผิวพรรณดีๆ / ตอนที่ 374 มู่กุ้ยอิงยอดขุนศึก
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 373 เสียดายผิวพรรณดีๆ / ตอนที่ 374 มู่กุ้ยอิงยอดขุนศึก
ตอนที่ 373 เสียดายผิวพรรณดีๆ
ทว่าการแต่งตัวของเฉินฝานซิงในค่ำคืนนี้กลับไม่ได้ดูโดดเด่นเท่าที่ควร
ชุดสีขาวดูค่อนข้างเป็นทางการ
กางเกงสูทขากว้างสีขาว ด้านบนเป็นเสื้อสูทสีเดียวกันทรงพอดีตัวยาวประมาณเข่า ผมยาวพลิ้วสลวยประบ่า ดูสะอาดสะอ้านสบายตา
การเปิดตัวของเธอไม่ได้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากนัก ทำให้อินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย
“ต้าซิงซิง ทำไมไม่ใส่ชุดราตรีมาล่ะ ไม่ยอมใส่ชุดราตรีเนี่ย คุณดูสิ ผู้หญิงในงานคนไหนบ้างที่ไม่แหวกอกผ่าหลังน่ะ ของคุณนี่อะไร ไม่ได้มาทำงานซะหน่อยถึงต้องใส่แบบนี้ นานๆ ทีจะมีงานเลี้ยง ทำไมถึงไม่พรีเซนต์ตัวเองสักหน่อยล่ะ คุณดูสวี่ชิงจือ…เอ่อ…พวกคุณยังเป็นผู้หญิงกันอยู่หรือเปล่า”
อินรุ่ยเจวี๋ยแทบจะกระอักเลือด เมื่อเห็นสวี่ชิงจือมาในชุดเดรสสีกรมที่ดูเรียบร้อยและแสนธรรมดา ทำเอาหมดคำพูดจนต้องยกมือก่ายหน้าผาก
“เสียดายผิวพรรณดีๆ แบบนี้เสียจริง”
เฉินฝานซิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
แต่สายตาของเย่ซู่ซู่ที่มองเธออยู่ด้านข้างนั้นกลับแฝงไปด้วยความชื่นชม
เป็นผู้หญิงที่ฉลาดและสง่าจริงๆ
แววตาของเธอเปล่งประกาย แต่น่าเสียดาย ถ้าไม่รู้ว่าคุณชายสกุลป๋อชอบพอกับเธออยู่แล้ว แนะนำเธอให้กับอวิ๋นเจ๋อรู้จักก็คงจะดี
ดูเหมือนว่าลูกชายของเธอคงจะไม่มีโชคเอาเสียเลย ตอนแรกก็เป็นคุณชายสกุลซูนั่น ตอนนี้ก็โดนคุณชายคนนั้นของสกุลป๋อเข้ามาเสียบอีก ลูกชายบ้านนี้ แม้แต่โอกาสแสดงตัวยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
เธอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เฉินฝานซิงกลับสังเกตเห็น
“คุณนายเผย ไม่เป็นไรนะคะ”
เย่ซู่ซู่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรจ้ะ”
ทันใดนั้นเอง ภายในโถงงานเลี้ยงก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาเบาๆ
ผู้คนต่างหันไปมอง
คู่รักหน้าตาดีคู่หนึ่งกำลังเดินเข้าประตูมา
ผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางดูเฉลียวฉลาด สูงส่งเป็นสง่า
ส่วนหญิงสาวที่เขาควงมาด้วยมาในชุดกระโปรงยาวปาดไหล่สีแดงเข้ารูป เผยให้เห็นช่วงบ่า ในขณะที่ย่างก้าว เรียวขายาวขาวที่อยู่ภายใต้ประโปรงผ่าสูงเผยให้เห็นวับๆ แวมๆ
การแต่งกายที่ละเมียดละไม รูปลักษณ์ภายนอกสะสวย มาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆ
หญิงสวยชายหล่อ เป็นคู่รักหน้าตาดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งนั่นก็คือซูเหิงและเฉินเชียนโหรว
เฉินฝานซิงค่อยๆ ถอนสายตาออกมา ก่อนที่ใบหน้าเย็นชาจะฉายประกายเย้ยหยัน
สายตาของเย่ซู่ซู่หยุดอยู่ที่เฉินฝานซิงปราดหนึ่ง คิ้วค่อยๆ ขมวดเล็กน้อย
เฉินเชียนโหรวมองเห็นเฉินฝานซิงตั้งแต่เดินเข้าประตูมาแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อเห็นการแต่งตัวของเธอในค่ำคืนนี้ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
ควรจะเป็นแบบนี้นี่แหละ เธอควรจะค่อยๆ เลือนหายไปแบบนี้แหละ สู้ฉันไม่ได้ไปตลอดกาลถึงจะถูก!
ส่วนซูเหิงเมื่อเห็นเฉินฝานซิง ใบหน้างดงามของเขาก็ชะงักไป
–
งานเลี้ยงวันเกิดยังไม่ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เฉินฝานซิงหยิบแชมเปญของตัวเองขึ้นมาหนึ่งแก้ว ยืนตากลมอยู่ที่ระเบียงในมุมหนึ่งของงาน
เส้นผมปลิวไสว กลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่นตราตรึงใจ
“ฝานซิง”
เสียงคุ้นเคยค่อยๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง คิ้วทั้งสองข้างของเฉินฝานซิงขยับเล็กน้อยพลางหันกลับไปช้าๆ
ซูเหิงเดินมาหยุดอยู่ข้างเธอ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้เจอเธอมานานเหลือเกิน
ตั้งแต่ที่พวกเขาแยกจากกัน พวกเขาก็พูดคุยกันน้อยมาก
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
เฉินฝานซิงสีหน้านิ่งเรียบ การแต่งกายที่ดูสบายๆ ของเธอทำให้คอยาวระหงของเธอเด่นชัดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ใบหน้าของเธอปรากฏความรู้สึกเฉยชาและห่างเหินอย่างชัดเจน “ไม่ยักรู้ว่าสกุลเผยเปลี่ยนแซ่ไปเป็นซูแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดเสียดสีของเฉินฝานซิง ซูเหิงก็ได้แต่เม้มริมฝีปาก มองดูเส้นผมของเฉินฝานซิงที่กำลังพลิ้วไหวไปตามลม พลันอดใจหายขึ้นมาไม่ได้
ตอนที่ 374 มู่กุ้ยอิงยอดขุนศึก
“เรื่องที่งานเลี้ยงมหาวิทยาลัย…ฉันขอโทษเธอแทนเชียนโหรวด้วย…แต่ว่าเชียนโหรวเป็นห่วงเธอจริงๆ ก็เลยโทรไปบอกสกุลเฉิน…”
เฉินฝานซิงยกมุมปาก ก้มลงมองแก้วเหล้าใสๆ ในมือ
“พอสักทีเถอะ นายคิดว่าตัวเองมีหน้ามีตามาจากไหนกัน นายออกหน้าขอโทษแทนฉันก็ต้องให้อภัยงั้นเหรอ ใช่! เชียนโหรวของนายใจดี ใสซื่อ และอ่อนแอเสมอ จะไปรวมหัวกับเฉินหยินเซินทำร้ายฉันได้ยังไง”
“ฝานซิง…เชียนโหรวอธิบายให้ฟังแล้ว นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
สีหน้าของซูเหิงเต็มไปด้วยความลังเล คำที่พูดออกมา แม้แต่เขาเองก็รู้สึกพูดไม่เต็มปาก แต่ว่า เขาจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาที่มีอยู่แต่แรกแล้วร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร
“เป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอยืนยันว่าฉันอยู่กับเฉินหยินเซินโดยไม่มีสาเหตุเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอพาคนมากมายมาเคาะประตูห้องฉันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด โทรไปบอกสกุลเฉินล่วงหน้าทำให้ฉันต้องโดนตบหน้าก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด…รวมถึงเรื่องก่อนหน้านั้น…”
เฉินฝานซิงหยุดนิ่งไป ก่อนจะยกมุมปากยิ้มออกมา “บางทีฉันกับเฉินเชียวโหรวอาจจะดวงชงกันมาตั้งแต่เกิด เรื่องเข้าใจผิดระหว่างฉันกับเธอมีมากมายเหลือเกิน แต่เรื่องที่เธอเจ็บปวดเสียใจเพราะฉันกลับไม่เคยเป็นเรื่องเข้าใจผิด ที่แท้ ฉันต้องกลายเป็นคนเลวในสายตาพวกนายถึงจะเป็นเรื่องปกติ ใช่ไหมล่ะ”
น้ำเสียงของเธอเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ แต่สิ่งที่ซูเหิงได้ยินกลับเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“ฝานซิง ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันไม่เคยบอกว่าเธอเป็นคนเลวเลยนะ…”
เฉินฝานซิงยิ้มพร้อมส่ายหน้า “ช่างเถอะ ในสายตาของนาย ฉันเป็นคนเลวหรือเปล่าไม่สำคัญเลยสักนิด แล้วฉันก็ไม่สนความคิดของนายด้วย เฉินเชียนโหรว สกุลเฉิน สิ่งที่พวกเขาเคยให้กับฉันทั้งหมด ฉันจะต้องคืนกลับไปอย่างสาสม รวมไปถึงนายด้วย ซูเหิง เฉินเชียนโหรวไม่ใช่ว่าชอบแย่งของจากฉันนักเหรอ แย่งให้พอ เพราะไม่ว่าเธอแย่งอะไรไป ฉันจะทำให้เธอสูญเสียสิ่งนั้น ยิ่งแย่งไปเยอะเท่าไหร่ ความรู้สึกที่ต้องสูญเสียหลังจากได้รับ ก็จะยิ่งมากเท่านั้น”
พูดจบ เธอไม่สนใจสีหน้าเหยเกของซูเหิง เพียงแค่ถือแก้วหันหลังเดินจากไป
“อ้อ จริงสิ…”
เฉินฝานซิงหยุดชะงักกะทันหัน ก่อนจะหันกลับมามองซูเหิง แล้วพูดยิ้มๆ
“ครั้งนี้ที่พาเชียนโหรวมาเพราะอยากให้เธอช่วยซูซื่อตีสนิทเผยซื่องั้นเหรอ เงินลงทุนของเผยซื่อนี่ทำให้ใครๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนจริงๆ ฉันว่าถ้าจือชิ่นได้รับการสนับสนุนจากเผยซื่อ จะต้องได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแน่”
ซูเหิงตะลึงงัน รีบคว้าแขนของเฉินฝานซิงไว้ ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“เพราะงั้นวันนี้ที่เธอมาที่นี่ เพราะอยากจะมาดึงเผยซื่อไปลงทุนให้จือชิ่นงั้นสินะ”
“นายคิดว่ามีปัญหาอะไรเหรอ”
“ฝานซิง!” ซูเหิงคิ้วขมวดมุ่น มองเธอด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า พร้อมกับพูดเสียงแข็งกร้าว “เธอก็รู้ว่าเผยซื่อสำคับกับซูซื่อขนาดไหน”
เฉินฝานซิงพูดพลางสะบัดมือเขาออก มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ตอนนี้มันเกี่ยวกับฉันด้วยเหรอ”
เฉินฝานซิงพูดจบก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
–
หลังจากที่ออกไปไม่นาน งานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
นายใหญ่สกุลเผยเดินถือไม้เท้าออกมาพร้อมกับมีคนประคองไปนั่งยังที่นั่งหลักที่จัดเตรียมไว้
ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่ท่าทางน่าเกรงขรามกลับยิ่งแผ่ซ่านออกมาชัดเจนขึ้นกว่าเดิม
ดวงตาที่หลักแหลมคู่นั้นแฝงไปด้วยแววตาแห่งความดื้อรั้นและไม่ยอมแพ้
เสียงอวยพรวันเกิดดังขึ้น หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกันไปเข้าที่นั่ง ผู้สูงอายุไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่ค่อยชอบการฉลองงานเลี้ยงในแบบที่เป็นที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบัน
กิจกรรมร้องๆ เต้นๆ แน่นอนว่าไม่อยู่ในสายตาของนายท่านเป็นธรรมดา ในฐานะที่เป็นหลานสะใภ้ เย่ซู่ซู่รู้มาตลอดว่าคุณปู่ชอบอะไร
คืนนี้เธอตั้งใจเชิญคณะงิ้วที่มีชื่อเสียงจากเมืองหลวงมาโดยเฉพาะ เพื่อมาแสดงเพลงดังอมตะอย่าง “มู่กุ้ยอิงยอดขุนศึก[1]”
[1]มู่กุ้ยอิงยอดขุนศึก เรื่องราวจากวรรณกรรมในสมัยรัชวงศ์หมิงที่มักนำมาขับร้องงิ้ว เนื้อหาเล่าเรื่องของมู่กุ้ยอิง ขุนศึกหญิงจากตระกูลหยางเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพ