ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้ / ตอนที่ 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้ / ตอนที่ 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย
ตอนที่ 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้
ป๋อจิ่งชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน เขามองเอกสารการวางแผนสองฉบับตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์ นัยน์ตาลึกล้ำทอแสงอ่อนๆ
“ตอนนี้สกุลซูกำลังแข็งแกร่ง ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะแข็งแกร่งมาโดยตลอด ขนาดของจือชิ่นเล็กไปหน่อยก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะไม่ขยับขยาย ส่วนเรื่องที่ว่าความสามารถของใครจะเป็นฝ่ายชนะขาด เปรียบเทียบเอาก็รู้”
ป๋อจิ่งชวนพูดขึ้นอย่างประหยัดถ้อยคำ เสียงเย็นเปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์และความสง่าหาที่เปรียบได้ยากอันติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น
“ฉันได้ยินมาว่าการแข่งขันแฟชั่นในประเทศปีนี้ใกล้จะถึงแล้ว หรือท่านประธานกำลังจะบอกว่าให้ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เหรอคะ”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น นิ้วเรียวยาวกดลงบนเอกสารการวางแผนของจือชิ่น แววตาเย็นชาวูบไหวเข้มสลับจาง ก่อนที่แสงหนึ่งจะเปล่งประกายออกมาจากเบื้องลึกของดวงตา
“ในเมื่ออยากจะร่วมงานกับสกุลป๋อ แค่ชื่อเสียงระดับประเทศจะพอพิสูจน์อะไร”
ใครคนหนึ่งทำสีหน้าตะลึงราวกับคิดอะไรออก เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือความตื่นเต้น “ฉันจำงานแข่งขันนักปรุงน้ำหอมนานาชาติที่ฝรั่งเศสของปีนี้ได้ การแข่งขันนี่น่าจะเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้ว ถ้าใครคว้ารางวัลชนะเลิศนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติมาได้ล่ะก็ ผลประโยชน์ที่จะตามมาหลังจากนั้นก็…”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกมุมปากขึ้นจางๆ จนไม่อาจสังเกตเห็น ร่างสูงสง่าลุกพรวดขึ้นเต็มความสูง
“เลิกประชุม”
เสียงในลำคอราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่าก็ทำให้หลายคนต้องใจสั่น
อวี๋ซงเดินตามมาข้างหลังเขา
“คุณผู้ชายครับ ในเมื่อเฉินเชียนโหรวเคยเข้าร่วมการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมที่ฝรั่งเศสมาแล้ว แถมยังติดอันดับอีก แล้วอย่างนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อคุณฝานซิงหรือครับ”
เพิ่งเดินเข้าห้องทำงานมาได้ไม่นาน อวี๋ซงก็เอ่ยถามกับผู้เป็นนายด้วยความกลัดกลุ้ม ได้ยินดังนั้น ป๋อจิ่งชวนจึงหันมาถามเขากลับด้วยเสียงเย็น
“นายคิดว่าฝานซิงจะแพ้ให้กับเฉินเชียนโหรว?”
หัวใจของคนถูกถามสั่นระรัว เนื้อตัวเกร็งแข็งขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ไม่ครับ”
“ไม่แน่นอน”
“…” อวี๋ซงเม้มริมฝีปาก อยากตีปากตัวเองสักทีสองที
ไม่รู้เรื่องแล้วยังจะไปห่วงเขาอีก!
–
การประชุมของสกุลซูยังคงไม่สิ้นสุด แต่ในเวลาเดียวกันนี้ พวกเขาก็ได้ยินข่าวเรื่องการจะให้ฝ่ายที่ชนะเลิศการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติมีสิทธิ์ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งกับสกุลป๋อ
สำหรับซูเหิงแล้วเรื่องที่ได้ยินมาช่างน่ายินดีเป็นที่สุด
เฉินเชียนโหรวเองก็เคยเข้าร่วมแข่งขันมาก่อน แถมยังได้คะแนนดีเป็นอันดับที่สี่ การแข่งขันในครั้งนี้เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์สักครั้งอย่างเฉินฝานซิง เธอได้เปรียบเห็นๆ
หากชนะมาได้ล่ะก็ คอมมิชชั่นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่มีอีกต่อไป
ซูเหิงลอบถอนหายใจโล่งอก แต่เมื่อนึกไปถึงเฉินเชียนโหรว ความหมองหม่นในใจของเขายังคงไม่อาจลบเลือนหายไป
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ถูกสะสางให้เข้าที่ ไม่เลยแม้แต่น้อย
เขาถึงกับต้องหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองอภัยให้กับเชียนโหรว แต่แค่นึกไปถึงการกระทำของฝานซิง หัวใจเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมา
แม้แต่ตัวเองเขาก็ไม่อาจให้อภัยได้
–
เมื่อเห็นสถานการณ์บนอินเตอร์เน็ตเริ่มจะดีขึ้น เฉินเชียนโหรวจึงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เดิมเธอตั้งใจจะไปหาซูเหิงที่สกุลซู แต่กลับถูกผู้จัดงานโอเชี่ยนซาวด์คัพดักไว้เสียก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเฟยเฟย
ทันทีที่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้แน่นอน
เพียงแต่ว่าตอนนี้บนโลกโซเชียลยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัย
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด ข่มอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นลง
เรื่องนี้ฝากบทเรียนไว้ให้กับเธออย่างใหญ่หลวง
เผชิญหน้ากับเฉินฝานซิงจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากที่ดูเวลาเสร็จ ความหมองเศร้าก็ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเธอ เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป
–
เฉินฝานซิงกลับมาถึงห้องก็กวาดสายตามองเหตุการณ์บนโลกโซเชียลอีกครั้ง
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ตอนที่ 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ไม่รู้เหมือนกันว่าเฉินเชียนโหรวเกลี้ยกล่อมหลินเฟยเฟยท่าไหน เธอถึงได้ยอมลงทุนอัดคลิปตัวเองแชร์ลงอินเตอร์เน็ตไปแบบนั้น
เธอยอมรับว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานเธอเป็นคนลงมือเอง และเธอทำเรื่องทั้งหมดคนเดียว เป็นเพราะเธอไม่ชอบเฉินฝานซิงมาตั้งแต่เด็กๆ เลยเอาเหตุผลที่เธอโดนเฉินฝานซิงหักแขน เรื่องที่ทำให้เธอโชว์หวอกลางงานเลี้ยงและโดนขับไล่ไสส่ง รวมถึงอีกครั้งที่เฉินฝานซิงบังคับให้เธอหมอบลงคำนับกลางห้าง เธอเก็บทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ทั้งหมดเข้ามาผูกรวมกันทีละเล็กทีละน้อยจนมันทำให้เธอเกลียดเฉินฝานซิงจนเข้าไส้ ดังนั้นเธอจึงได้จ้องจะหาโอกาสเอาคืน
ตอนที่เธอถูกชาวเน็ตเค้นถามว่าทำไมสุดท้ายเธอถึงได้โผล่ไปทำเรื่องสกปรกพรรค์นั้นกับเฉินหยินเซิน เธอก็ตอบแค่เพียงว่าตอนนั้นเธอดื่มหนักมาก เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนั้น
ส่วนเรื่องที่เธอกระโจนออกมาถามเฉินเชียนโหรวในตอนนั้น ก็เป็นเพราะว่าตอนแรกพวกเธอสองคนตกลงกันว่าจะนอนห้องเดียวกัน แต่เธอดันมาเกิดเรื่องแบบนั้นกับเฉินหยินเซินและเฉินเชียนโหรวก็ไม่อยู่ เธอจึงร้อนรนจนเผลอพูดออกไปเช่นนั้น
ทุกคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ นั้นใช่ว่าจะไม่ฟังดูน่าสงสัย และที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนสุดท้ายที่เฉินเชียนโหรวเป็นคนเรียกคนในสกุลเฉินมาต่อว่าทั้งยังตบหน้าเฉินฝานซิง ยังทำเอาพวกเขารู้สึกเกลียดเธอจนจับขั้วหัวใจ
แต่ว่าเรื่องนี้เฉินเชียนโหรวก็ได้ให้คำอธิบายที่คลุมเครือไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
ทุกพิรุธและข้อสงสัยก็นับเป็นคำอธิบายอย่างหนึ่งเช่นกัน
แน่นอนว่าคนในโลกอินเตอร์เน็ตมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ
ท้ายที่สุดหลินเฟยเฟยก็ได้ถูกแบนจากชาวเน็ตทุกช่องทาง อนาคตของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังไลฟ์สดอยู่ดีๆ ก็ต้องมาสิ้นสุดลงเช่นนี้
เฉินฝานซิงเห็นแล้วก็ยกยิ้มเย็นขึ้นมาอีกครั้ง
เฉินเชียนโหรวเองก็นับว่าเป็นคนที่ทำร้ายหลินเฟยเฟยทางอ้อมจนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หลินเฟยเฟยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ นอกจากไม่คิดจะเอาคืนเฉินเชียนโหรวแล้ว ดันมายอมรับผิดคนเดียวอีก นี่ยิ่งทำให้ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที!
เธอนึกออกแค่ว่าหลินเฟยเฟยได้สร้างช่องโหว่ให้กับเฉินเชียนโหรว แต่ทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ
ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำลายลงยังไม่พอ แถมยังประกาศให้คนเขารู้กันไปทั่ว แล้วยังจะมีสิ่งไหนที่เธอแคร์อีก
คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
เพียงแต่ว่าแนวโน้มบนโซเชียลในตอนนี้…
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วพร้อมทั้งข่มตาลง
เกรงว่าครั้งนี้จะทำให้เฉินเชียนโหรวลอยนวลไปได้อีกตามเคย
แต่ก็ใช้ว่าจะสูญเปล่า เพราะครั้งนี้หลานอวิ้นเองก็สาหัสพอตัว!
ยิ่งไปกว่านั้น อุปสรรคนี้จะหมายความว่าอย่างไรได้อีก
หนทางยังอีกยาวไกล
เธอตระหนักได้ในทันทีว่าหากไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจของคนสกุลเฉิน เธอก็มีความสุขได้ทุกที่ทุกเวลา
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความแล้วส่งข้อความหาป๋อจิ่งชวนทันที…
[เย็นนี้เลิกงานกี่โมงคะ]
ในขณะนั้น ป๋อจิ่งชวนก็กำลังเดินสำรวจอาคารอยู่ ร่างสูงสง่าสวมทับไว้ด้วยเสื้อสูทตัวแพง ท่าทางของเขาดูสงบเยือกเย็น เบื้องหลังของเขาคือผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่งที่คอยเดินตามเขาต้อยๆ อย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าเครียดเกร็ง
ตอนที่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงดัง กลุ่มคนที่คอยตามอยู่ข้างหลังก็ถึงกับใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบคลำหาโทรศัพท์บนร่างกายของตัวเองกันอย่างลนลาน
หลังจากที่เวลาผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาก็มองหน้ากันเองก่อนจะส่ายหน้าให้กัน
ไม่ใช่ของพวกเขา!
ทอดถอนหายใจยาวเหยียด หลายคนได้สติกลับมาอีกครั้ง แต่กลับพบว่านายเหนือหัวของตัวเองกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างใจเย็น ทั้งยังเดินไปพลาง ก้มลงมองโทรศัพท์ไปพลาง
กลุ่มคนพวกนั้นก้มหน้าเดินตามเขาไปอย่างเงียบเชียบ ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับชะงักเท้าลงเมื่อเห็นข้อความในโทรศัพท์
จนกระทั่งคนกลุ่มหนึ่งรู้สึกตัวขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาก็มองไปยังป๋อจิ่งชวนที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่กับที่ราวกับเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็น
“…”
“…”
[หกโมง]
เฉินฝานซิง : [เย็นนี้ถ้าไม่ติดอะไรล่ะก็ พวกเราไปดูอัลปาก้าที่คุณส่งให้ฉันที่คฤหาสน์เซิ่งจิ่งหน่อยได้ไหม ฉันยังไม่ทันได้ดูเขาให้เต็มๆ ตาเลย]
ป๋อจิ่งชวน : [ได้]
เฉินฝานซิงมองสองข้อความที่ป๋อจิ่งชวนตอบกลับมา พลางบุ้ยปากเล็กน้อย
เย็นชาชะมัด ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย มิน่าล่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ถึงช้าขนาดนี้
ความคิดเพิ่งก่อตัวขึ้นในสมองของเธอไปหมาดๆ แต่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง