ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว - ตอนที่ 82
อึนฮันพึมพำเบา ๆ ว่าระ…เรื่องนั้น…ก่อนจะหันไปมองคริสอีกครั้งอย่างหมดหนทาง ถึงจะได้สติแล้วก็เถอะ แต่อีกเดี๋ยวรถพยาบาลก็คงมาแล้ว ผมขอรอส่งเขาก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้เหรอครับ ใบหน้าของอึนฮันบ่งบอกเช่นนั้น ทันใดนั้นวาซีลีก็ยกปืนขึ้นพลางพึมพำว่า “ไม่ใช่คราวนี้” ราวกับไม่สบอารมณ์
“วาซยา”
คราวนี้คนที่เข้ามาห้ามไม่ใช่อึนฮัน เสียงของนีโคไลที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่ทำให้อึนฮันต้องหันไปมองก่อนจะเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้พลางยกมือทักทาย ทำไมมาอยู่นี่ได้ล่ะ ไม่ใช่ว่ากลับไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเหรอ ระหว่างที่อึนฮันนึกสงสัยอยู่นั้น นีโคไลกลับยิ้มให้เขาอย่างขอโทษขอโพย อึนฮันจึงรู้ทันทีว่าวาซีลีไม่ได้มาเจอเขาโดยบังเอิญในไมแอมีที่กว้างแสนกว้างแห่งนี้แน่
คุณเองเรอะ!
อึนฮันมองนีโคไลด้วยสายตาเคียดแค้น หมอนี่ไม่ได้กลับวิลลา แต่สะกดรอยตามเขาอยู่ตลอด! ทำกันแบบนี้ได้ยังไง!
“คนมองอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะ คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกน่า”
“มีคนเห็นแล้วมันยังไง”
วาซีลีตอบอย่างไม่ยี่หระ
“จะอะไรก็เถอะ แต่ตอนนี้ขาเลดี้เลือดท่วมแล้ว หน้าก็ซีด…ขืนต้องมาเห็นคุณยิงปืนอีกมีหวังได้เป็นลมแน่”
“ค่อยปลุกก็ได้”
“หมอนั่นเป็นตำรวจ ถึงขั้นฆ่าแกงกันผมว่าคงมากไปหน่อย แค่นี้ก็พอแล้วละ”
วาซีลีหันไปมองนีโคไล
“นี่นายพยายามขวางฉันอยู่เหรอ นีโคไล”
หลังจากเห็นแววตาของวาซีลี นีโคไลก็ฉีกยิ้มแล้วรีบถอยฉากทันที
“เปล่านี่ เมื่อกี้ผมพูดอะไรไปน้า ผมแค่บอกให้คุณรีบ ๆ ฆ่าหมอนั่นแล้วออกไปจากที่นี่กันแค่นั้นเอง”
ไอ้คนปอดแหก!
แม้สัมผัสได้ถึงแววตาเคียดแค้นของอึนฮัน แต่นีโคไลรู้ดีว่าที่ผ่านมาวาซีลีอดทนมามากเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะทำได้แล้วจึงไม่ได้บอกให้ทนต่ออีก พวกเขาไม่ควรฆ่าตำรวจ แต่หากวาซีลีต้องการ นีโคไลก็พร้อมจะกวาดตำรวจทั้งกรมตำรวจไมแอมีทิ้งจนไม่เหลือซากโดยไม่ลังเล ดังนั้นปล่อยให้วาซีลีฆ่าตำรวจสักคนหนึ่ง อย่างไรเสียก็ดีกว่าไปขัดขวางอีกฝ่ายจนตัวเองซวยไปด้วย วาซีลีหันกลับไปหานายตำรวจอีกครั้ง นีโคไลขยับปากบอกว่าโทษทีนะครับแบบไร้เสียงทั้งที่สีหน้าไม่ได้ดูรู้สึกผิดสักนิด หลังจากได้รับคำขอโทษอึนฮันก็กวาดตามองรอบตัวก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง
จะเอาหินไปทำอะไรล่ะนั่น นีโคไลขมวดคิ้ว สังหรณ์ใจว่าสีหน้าอึนฮันดูไม่ดีเท่าไร ทว่าเขาไม่ทันจะได้ทำอะไร อึนฮันก็หยิบหินก้อนนั้นขึ้นมาทุบหัวตัวเองเข้าเสียแล้ว
ทุกคนเงียบกริบไปพักใหญ่ก่อนที่บรรดาอเมริกันมุงจะเริ่มกรีดร้องออกมา มือของอึนฮันร่วงจากขาของวาซีลีและค่อย ๆ ไถลลงไปตามขาของเขาช้า ๆ
เฮ้อ วาซีลีเงยหน้ามองฟ้าอย่างไม่อยากเชื่อ
+++++++++++++++++++++++++++++
คุณย่ากำลังมองมาที่เขา สีหน้ามีแต่การดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่มีแม้กระทั่งคำอธิบายว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ซ็องฮันที่เคยแนบชิดติดอยู่ด้านหลังเขารีบถอยห่างทั้งที่ยังหายใจกระหืดกระหอบ
“เขาเป็นคนเริ่มครับ!”
หมอนั่นพูดกับคุณย่า ทุกอย่างถูกตัดสินด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ร่างเล็ก ๆ ของคุณแม่ที่ยืนอยู่หลังคุณย่าก็มองเขาอยู่เช่นกัน สีหน้าของเธอเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
“ไปซะ”
คุณพ่อที่ยืนอยู่ข้างคุณย่าพูดขึ้น
ไปไหนล่ะ อึนฮันอยากจะย้อนถามกลับไป แต่เสียงกลับไม่ยอมออกมา ไปไหนล่ะ เสียงเขายังคงไม่ยอมออกมาอยู่ดี
และแล้วเคย์ก็พูดขึ้น ฉันจะให้นายเข้าโครงการพิทักษ์พยาน อึนฮันจึงถามกลับ ไปไหนล่ะ แต่แม้กระทั่งเคย์ก็ยังไม่ยอมตอบคำถามเขาเช่นกัน ไปไหนล่ะ ตอนนี้รอบตัวเขาเหลือเพียงความมืดมิด อึนฮันถามขณะหันมองไปมา ท่ามกลางความมืด จะให้ฉันไปที่ไหน ทำไมล่ะ ทำไมฉันถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย คำถามของเขาฟังดูแล้วช่างคล้ายเสียงกรีดร้องเหลือเกิน
“ทำไมฉันถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!”
อึนฮันลุกพรวดขึ้นนั่ง เขามองไปรอบ ๆ อย่างมึนงงอยู่พักหนึ่งเพราะยังแยกความฝันกับความเป็นจริงไม่ออก รอบตัวอึนฮันตอนนี้มีวาซีลี นีโคไล และชายสวมชุดกาวน์คนหนึ่งยืนอยู่ ทั้งสีหน้าเมตตา ชุดกาวน์สีขาว ไปจนถึงกระเป๋าเครื่องมือสำหรับการรักษาที่บ้าน ไม่ว่าใครมองก็ต้องบอกว่าชายผู้นี้มีคำว่า ‘หมอ’ แปะอยู่บนหน้า แต่ถึงอย่างนั้นอึนฮันก็ยังระแวงเพราะตัวเขานั้นคุ้นเคยกับใบหน้าของวาซีลีที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องบอกว่า ‘พ่อพระ’ เป็นอย่างดี พอเห็นความแตกต่างระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกกับธาตุแท้ของวาซีลีแล้ว บางทีผู้ชายคนนี้อาจเป็นผู้ผลิตยาเสพติดก็ได้นี่นา
“ฮ่า ๆ ๆ” คุณหมอหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอึนฮันตึงเครียดเหมือนแมวจะโดนป้อนยา ทั้งยังไม่ละสายตาจากเข็มฉีดยาที่เขากำลังจะฉีดให้อีก คุณหมอจึงวางเข็มลงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าหลังมาแสดงบัตรประจำตัวให้อึนฮันดู บัตรใบนั้นช่วยยืนยันว่าเขาเป็นหมอจากโรงพยาบาลจริง ๆ
“อ๋อ”
หมอจริงหรอกเหรอเนี่ย