ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว - ตอนที่ 5
หลังจากวันนั้นมา อึนฮันก็ทำงานเป็นนักฟอกเงินให้คามินสกีมากว่าหนึ่งปีแล้ว ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผลมากกว่าที่คิด เขามักจะนัดวันให้มาที่เรือยอชต์ไว้ล่วงหน้า (แม้ว่าจะเป็นการแจ้งเพื่อทราบเฉยๆก็เถอะ) นอกจากนั้นยังไม่เคยบ่นเรื่องค่าตอบแทนเลยสักครั้ง และถึงจะบอกให้อึนฮันถ่อไปถึงเรือยอชต์กลางทะเล แต่ในความเป็นจริงพวกคนรวยที่รวยพอจะฟอกเงินได้ส่วนใหญ่ก็มักจะมีพฤติกรรมบ้าๆบอๆแบบนี้อยู่แล้ว คามินสกีจึงไม่นับว่ามีอะไรแปลกประหลาดจากคนอื่น ถึงกระนั้นอึนฮันก็ยังกลัวคามินสกีไม่หายและไม่เคยไปเจออีกฝ่ายอย่างสบายใจเลยสักครั้ง ดังเช่นวันนี้ที่เขากำลังเตรียมตัวไปหาคามินสกีด้วยความรู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่า
อึนฮันถอนเงินหมื่นดอลลาร์สุดท้ายออกมาใส่กระเป๋า ทีนี้ก็ครบหกล้านดอลลาร์พอดิบพอดี จะโอเคไหมนะ อึนฮันมองดูเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกธนาคาร เขาแต่งตัวเหมือนครั้งที่แล้ว กางเกงตัวเดิม เสื้อยืดตัวเดิม และกระเป๋าใบเดิม ชายหนุ่มจงใจไม่ใช้กระเป๋าที่คามินสกีให้มาเมื่อสองเดือนก่อน
จะไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม อึนฮันได้แต่ถามตัวเอง คามินสกีคงจะไม่กระทืบกันเพียงเพราะไม่ยอมสะพายกระเป๋าที่เขาให้หรอกมั้ง ความจริงแล้วตอนแรกอึนฮันตั้งใจจะสะพายกระเป๋านั่นมา เขาเป็นพวกถือคติปลอดภัยไว้ก่อน ดังนั้นจึงไม่อยากทำอะไรให้คามินสกีหงุดหงิด แต่อีกใจหนึ่งคำพูดของลูกน้องคนนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในใจไม่ยอมหายไปไหน คำพูดที่บอกว่าคามินสกีถูกใจเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะสะพายกระเป๋าที่อีกฝ่ายให้เป็นของขวัญไม่ได้เด็ดขาด เพราะการใช้ของขวัญที่ใครสักคนให้มาในครั้งถัดไปที่เจอกันเป็นเสมือนสัญญาณอย่างหนึ่ง สัญญาณที่บอกว่ามาชอบฉันได้เลย สนใจฉันได้เต็มที่ ฉันพร้อมเปิดใจรับอยู่แล้ว ให้ตายเถอะพระเจ้า ให้ส่งสัญญาณแบบนั้นไปหาคนอย่างคามินสกีน่ะเหรอ อึนฮันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเป็นอันขาด เว้นเสียแต่ว่าจะความจำเสื่อม
อย่าแสดงออกว่าไม่ชอบ แต่ก็อย่าทำให้เขาเข้าใจผิด อึนฮันรู้ดีว่าคามินสกีไม่ได้ชอบเขาแบบคนรัก แต่เรื่องที่อีกฝ่ายสนใจเขาก็เป็นความจริงอีกเช่นกัน วางตัวให้ดีแล้วกัน อึนฮันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สะพายกระเป๋าใบนั้นไป แต่ก็จะไม่แสดงออกว่าไม่ชอบ
หนทางสู่ท่าเรือยังคงเต็มไปด้วยขวากหนามเช่นเคย ชายหนุ่มหนักใจจนทนไม่ไหว ต้องล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบยาพื้นบ้านอูฮวังช็องชิมฮวันห่อทองคำเปลวซึ่งช่วยระงับอาการตื่นตระหนกมาแกะใส่ปากแล้วเคี้ยวทั้งเม็ด อึนฮันรออยู่ที่ท่าเรือไม่นานก็เห็นเรือสปีดโบ๊ตแล่นเข้ามาจากไกลๆ เขาละเกลียดช่วงเวลานี้จริงๆ อึนฮันได้แต่เก็บความรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลเอาไว้
“โย่ เลดี้ยุน!”
ลูกน้องคนนี้เป็นคนละคนกับครั้งที่แล้ว ถึงอย่างนั้นคำเรียกก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เฮอะ ถ้างั้นจะบอกอีกครั้งก็ได้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหากินนะเว้ย เขามองสบตานิดหนึ่งเป็นเชิงทักทายก่อนจะก้าวลงเรือสปีดโบ๊ต ลูกน้องคนนั้นอมยิ้มแล้วถามอย่างสงสัย
“เลดี้ แล้วกระเป๋าที่วาซยาให้ไปครั้งก่อนล่ะ”
อึนฮันได้แต่กลอกตา ไม่ตอบอะไรกลับไป เห็นแบบนั้นลูกน้องก็เดาะลิ้น
“ตายละ นี่คุณทิ้งไปจริงๆเหรอ วาซยาต้องไม่พอใจแน่”
“คือ ผมไม่ได้ทิ้งสักหน่อย…”
เมื่ออึนฮันตอบอ้อมแอ้มกลับไปอย่างกล้าๆกลัว ๆ ลูกน้องก็หันมามองอย่างสงสัยทันที
พอเห็นอึนฮันไม่ตอบอะไรเพิ่ม ลูกน้องก็ยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องของตน เขาติดเครื่องเรือพลางยิ้มมุมปากก่อนจะตะโกนออกมาว่า “จับแน่นๆล่ะ!” ทันใดนั้นเรือสปีดโบ๊ตก็พุ่งทะยานไป ลมทะเลพัดมาปะทะได้ไม่เท่าไร เรือยอชต์สีขาวก็ค่อยๆโผล่เข้ามาในสายตา เรือนั่นลำใหญ่มากจริงๆ ใหญ่จนหัวใจของอึนฮันเหมือนถูกทับด้วยน้ำหนักของเรือยอชต์ยักษ์ที่แข็งแรงทนทานเสียจนคิดว่าบรรทุกเครื่องบินไว้ด้วย
สปีดโบ๊ตลดความเร็วลงช้าๆก่อนจะไปจอดเทียบกับเรือยอชต์
“หือ”
ชายที่รอเรือสปีดโบ๊ตอยู่คือลูกน้องคนที่ไปส่งอึนฮันตรงชายหาดเมื่อคราวก่อน สายตาของเขาก็พุ่งตรงมายังกระเป๋าซึ่งอึนฮันสะพายอยู่เช่นเดียวกับลูกน้องคนแรก เมื่อเห็นอึนฮันเริ่มห่อไหล่ เขาก็เพียงแค่เดาะลิ้น รู้อย่างนี้สะพายมาก็ดีหรอก อึนฮันได้แต่ห้ามใจไม่ให้เกาะติดลูกน้องคนนี้ไว้ ถ้าเขาโพล่งไปว่า ‘เรากลับกันดีไหมครับ!’ นี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า คามินสกีจะฆ่าเขาแน่แล้วใช่ไหม!
ลูกน้องคนนั้นรู้สึกถึงสายตาของอึนฮันและคล้ายจะรับรู้ความรู้สึกเขาได้ อีกฝ่ายนำทางอึนฮันไปยังห้องในตัวเรือพลางยิ้มอย่างขมขื่น
“วันนี้วาซยาอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเลยอยากให้เลดี้สะพายกระเป๋าใบนั้นมาน่ะ”
เขากล่าว ก่อนจะพูดต่อว่านั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“ก็นะ ถ้าเลดี้ไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้”
ที่ไม่ได้สะพายมานั่นไม่ใช่เพราะไม่ชอบสักหน่อย อึนฮันอยากจะแก้ตัวออกไปแบบนั้น แต่ก็ต้องเก็บเงียบไว้ เขากลัวที่ต้องยอมรับความรู้สึกดีๆจากคามินสกี ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายสนใจเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขายิ่งกลัวที่จะยอมรับมัน ตอนจบที่มีความสุขสำหรับอึนฮันในสถานการณ์นี้ก็คือการที่คามินสกียอมปล่อยเขาไปแล้วหานักฟอกเงินคนอื่นมาทำงานให้แทนเท่านั้น เขาไม่เคยต้องการจะฟอกเงินมหาศาลเพื่อให้มาเฟียคนนี้โปรดปรานเลย อึนฮันผู้กินยาอูฮวังช็องชิมฮวันก้าวเข้าไปในห้องเคบินด้วยความมุ่งมั่นว่าจะไม่ให้สะดุดตาคามินสกี ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออกคามินสกีก็หันมามองบานประตูด้วยสีหน้าน่ากลัว อึนฮันแทบจะทรุดลงไปทั้งอย่างนั้น แม้สุดท้ายจะไม่ได้ทรุดลงไปจริงๆ แต่ขาเขาก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“…อ้อ ยุน”
คามินสกีไม่แม้แต่จะทักทายเขาด้วยประโยคไม่เจอกันนานนะเหมือนปกติด้วยซ้ำ ชายหนุ่มมองไปยังลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างอึนฮันแล้วขมวดคิ้วก่อนจะพยักพเยิดให้ออกไป จากนั้นลูกน้องคนเดิมถึงได้บอกว่า “ขอโทษครับ ผมต้องพาคุณไปที่ห้องรับรองต่างหาก” แล้วพาอึนฮันออกมา แต่ก่อนออกจากห้องเคบินที่ดูเหมือนห้องอ่านหนังสือของคามินสกีมากกว่า อึนฮันก็ยังไม่วายหันกลับไปเหลือบมองเจ้าของห้อง คามินสกีถือโทรศัพท์แนบหูเหมือนติดสายอยู่ แต่กลับเม้มปากแน่นสนิทคล้ายกับจะรอให้เขาออกไปก่อน เมื่ออึนฮันออกมาจากห้องและลูกน้องที่อยู่ด้านหลังหันไปปิดประตู เสียงตะโกนของคามินสกีก็ดังลอดออกมาจากห้องนั้นทันที
“จนป่านนี้ยังหาประวัติไอ้เวรนั่นไม่ได้อีกงั้นเหรอ ถ้างั้นก็…”
ถ้างั้นก็…แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีก อึนฮันเข้ามาในห้องรับรองทั้งที่ยังกัดริมฝีปากแน่น ดูเหมือนวันนี้เขาควรจะสะพายกระเป๋าที่คามินสกีให้มาจริงๆนั่นละ แต่แล้วอึนฮันก็เป็นอันต้องลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังโครม ทว่าลูกน้องกลับโบกไม้โบกมือให้เขาเหมือนไม่มีอะไร
“วาซยาแค่โกรธนิดหน่อย คุณรับกาแฟหรือเครื่องดื่มอะไรไหมครับ โมฮิโตก็ดีนะ บนเรือยอชต์นี่มีทั้งพ่อครัวทั้งบาร์เทนเดอร์ประจำตลอดอยู่แล้ว”
“มะ…ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”
อึนฮันส่ายหน้า จากนั้นลูกน้องก็ไม่ได้เอ่ยแนะนำอะไรอีก ชายหนุ่มนั่งรออยู่เฉยๆโดยไม่มีเครื่องดื่มแม้แต่แก้วเดียว แต่แล้วจู่ๆเขากลับกังวลที่ต้องหยิบเงินออกมาต่อหน้าคามินสกี เขาต้องหยิบเงินจากกระเป๋า และนั่นจะทำให้คามินสกีมองมาที่กระเป๋าอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้เลย อึนฮันกังวลเรื่องนั้นจึงรีบหยิบเงินมาจัดไว้บนโต๊ะล่วงหน้าก่อนคามินสกีจะมา บางทีหลังจากมอบเงินให้อีกฝ่ายแล้ว เขาอาจจะได้กลับไปโดยที่ไม่ถูกจับผิดเรื่องกระเป๋าก็ได้
ไม่นานอึนฮันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆดังมาแต่ไกล เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่านั่นคือคามินสกีจึงลุกขึ้นยืนรอ และแล้วประตูห้องรับรองก็เปิดออก สีหน้าของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาไร้อารมณ์เหมือนกำลังโกรธ เขาเข้ามาในห้องรับรองด้วยสีหน้าเย็นชาไม่เหมือนปกติ อึนฮันผลักเงินที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหกล้านดอลลาร์ซึ่งฟอกมาจากเงินแค่หนึ่งหมื่นดอลลาร์ออกไปก่อนจะเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง
“เงินหกล้านดอลลาร์ตามที่คุณบอก แล้วก็ใบเบิกค่าตอบแทนครับ”
คามินสกีเหมือนจะฟังที่อึนฮันพูด แต่ขณะเดียวกันสายตากลับจ้องเขม็งไปที่กระเป๋าของเขา ก่อนจะถามขึ้นด้วยสีหน้าคล้ายไม่อยากเชื่อ
“ทิ้งไปแล้วจริงเหรอ”
“มะ…ไม่ได้ทิ้งนะครับ” อึนฮันปฏิเสธทันที
“แล้วยังไง”
คำพูดของคามินสกีทำให้อึนฮันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ตัวเขานึกอยากจะคืนกระเป๋าให้ด้วยซ้ำ แต่ก็พกมาไม่ได้เพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะให้ความสำคัญกับของขวัญเล็กๆชิ้นนี้มากทีเดียว และมันจะน่าขำขนาดไหนกันหากอึนฮันบอกว่าเขารับมันไว้เฉยๆไม่ได้ทั้งที่คามินสกีก็แค่ให้เขามาเฉยๆเหมือนกัน เขาลำบากใจเกินกว่าจะใช้กระเป๋าใบนั้น เพราะไม่อยากรับความรู้สึกของคามินสกีไว้ ไม่ว่าจะเป็นความชอบหรือความสนใจก็ตาม การไม่ต้องมารู้จักบุคคลที่บ้าระห่ำที่สุดในโลกคือหนทางที่ดีที่สุด แต่ในเมื่อรู้จักแล้ว การภาวนาให้ความสัมพันธ์นี้จบลงก็เป็นหนทางที่ดีรองลงมา เพราะอย่างนั้นอึนฮันจึงตัดสินใจว่าจะไม่พกของที่อีกฝ่ายให้ติดตัวและจะไม่ทำตัวให้คามินสกีสนใจเขาอีกต่อไป ถึงกระนั้นเขาก็พูดออกไปตามตรงไม่ได้จึงต้องเปลี่ยนคำพูด แต่ก็นึกไม่ออกว่าควรพูดอย่างไรดี
“นายคงไม่ชอบสินะ”
คามินสกีพูดถึงเหตุผลที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด อึนฮันไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เพราะหากทำอย่างนั้น ตัวเขาเองนี่ละที่ต้องหาเหตุผลอื่นมาตอบอีก และเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะหาเหตุผลใดได้
“เอาเถอะ ไว้คราวหน้าก็ไปซื้อด้วยกันสิ รสนิยมนายมันค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้สไตล์ของเด็กประถมเท่าไร เพราะงั้นไว้เราไปร้านเสื้อผ้าเด็กด้วยกันเถอะ ไปร้านโจนาสเลยดีไหมล่ะ”
อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก คามินสกีคนเมื่อกี้ยังโกรธขึ้งอยู่เลย แต่ตอนนี้ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นว่าอึนฮันไม่พูดอะไรชายหนุ่มก็ลุกขึ้น
“วันนี้อากาศดีนะ ไม่ว่ายน้ำหน่อยเหรอ”
อึนฮันคิดหาข้ออ้างเพื่อบอกปัดคำชวนนั้นโดยไม่แสดงออกว่าไม่ชอบ
“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวน่ะครับ”
คามินสกีมองอึนฮัน ชายหนุ่มหรี่ตาลงเมื่อรู้สึกว่าท่าทีของอึนฮันดูต่างไปจากที่เคยเป็น วันนี้คามินสกีสวมเสื้อยืดที่เปิดให้เห็นไหล่และกระดูกไหปลาร้าน้อยๆ กระดูกตรงนั้นเป็นร่องเด่นชัดจนหากหยดน้ำลงไปก็คงค้างอยู่ภายในดูเซ็กซี่เป็นบ้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือไม่ แต่ใบหน้าที่มักจะน่ายำเกรงเสมอวันนี้กลับดูเร้าอารมณ์อยู่หน่อยๆ และแน่นอนว่าใบหน้าแบบวันนี้ย่อมหล่อกว่า อึนฮันแอบประเมินใบหน้าหล่อเหลาของคามินสกีอยู่เงียบๆ วันนี้ชายหนุ่มได้เกรด A++ ปกติเขาก็ได้ A+ อยู่แล้วแต่วันนี้ได้คะแนนเสริมด้วย การให้คะแนนใบหน้าของคามินสกีเป็นเพียงความสุขเดียวในการทำงานกับผู้ชายคนนี้ อึนฮันจึงชอบแอบมองเขาบ่อย ๆ (สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนนั้น ชุดว่ายน้ำเมื่อเดือนที่แล้วถือเป็น A+++ วันนั้นคือที่สุดแล้วจริงๆ)
“แสดงว่าถ้านายสบายดีก็จะว่ายสินะ เอาเป็นว่าตอนไปซื้อกระเป๋าก็ซื้อชุดว่ายน้ำด้วยเลยแล้วกัน สไตล์นายดูจุกจิกเสียขนาดนั้น ฉันเลือกให้ไม่ได้หรอก”
รู้งี้สะพายกระเป๋ามาด้วยก็ดี
อึนฮันได้แต่นึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง ไอ้กระเป๋านั่นมันทำไมนักนะ แค่ไม่สะพายมาแล้วเขาต้องมาฟังอะไรไร้สาระพวกนี้ด้วยเหรอ แม้จะคิดว่าคำพูดเหล่านั้นคงไม่ได้ออกมาจากใจจริง แต่อึนฮันก็ยังกังวลอยู่ดี เพราะปกติแล้วเขาแทบจะไม่เคยเห็นคามินสกีพูดอะไรไร้สาระเลย
“คราวหน้าเจอกันในตัวเมืองนะ”
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด คามินสกีเอาจริง อึนฮันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกว่าชอบก็ไม่ได้ ไม่ชอบก็ไม่ได้ เขาจึงได้แต่ปิดปากเงียบ แม้จะเดินออกมาเพื่อลงเรือกลับเข้าฝั่งแล้ว แต่ใบหน้าของอึนฮันก็ยังดูหม่นหมอง แค่คิดว่าครั้งหน้าจะต้องมาเจอคามินสกีแค่สองต่อสอง เขาก็ปวดหัวรอไปเรียบร้อย ในทางตรงกันข้าม สีหน้าไม่สบอารมณ์ของคามินสกีเมื่อครู่นี้กลับปลิวหายไปไกลลิบ เขาเดินเคียงข้างอึนฮันไปจนถึงฝั่งที่มีเรือสปีดโบ๊ตอยู่อย่างที่ปกติแล้วไม่เคยทำ อึนฮันตัวแข็งทื่ออยู่ข้างคามินสกี แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามเดินให้ทันชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง นี่คามินสกีมาส่งเขาอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้น่าซาบซึ้งเลยสักนิด น่ากลัวละสิไม่ว่า
จู่ๆลมก็พัดวูบมาจนอึนฮันต้องหลับตาลง ลมทะเลนั้นทั้งเค็มทั้งชุ่มชื้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างเข้าตาจึงยกมือขึ้นขยี้ตา ทันใดนั้นคามินสกีก็จับข้อมือเขาไว้แน่น สัมผัสของชายหนุ่มติดตรึงยิ่งกว่าลมทะเลเสียอีก
“เดี๋ยวเจ็บตา”
แหม นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มีคนบอกเขาว่าถ้าขยี้ตาแล้วจะเจ็บตาเนี่ย อึนฮันพยายามผ่อนคลายร่างกายที่แข็งทื่อไปแล้ว เขาควรจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ง่ายเลย ยิ่งพยายามทำเหมือนไม่เป็นไรก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงลงไปอีก ครั้งหน้าเขาต้องสะพายกระเป๋าเจ้ากรรมนั่นมาด้วยแล้วสินะ แต่การพกสิ่งของที่ใครคนหนึ่งซื้อให้ติดตัวมาด้วยตอนพบกันมันดูโรแมนติกชอบกล แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ในความหมายอย่างว่าก็เถอะ โดยเฉพาะกับคามินสกีที่นอกจากเงินค่าตอบแทนแล้ว อึนฮันก็ไม่เคยต้องการอะไรจากเขาแม้แต่เครื่องดื่มสักแก้ว
จู่ๆสายตาของอึนฮันก็มองไปยังบรรดาลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังคามินสกีโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าพวกนั้นต่างก็ยิ้มกว้างกันทุกคน เขาจึงรีบก้าวลงเรือทันที และคามินสกีก็ช่วยประคองเขาลงโดยยังจับข้อมือเขาไว้ ทำให้ตอนนี้ดูราวกับว่าชายหนุ่มกำลังดูแลอึนฮันอยู่ก็ไม่ปาน ใครสักคนเผลอหัวเราะออกมา อึนฮันรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงจนต้องรีบก้มหน้างุด เขาอายที่ตัวเองทำตัวสมกับที่เจ้าพวกนั้นเรียกว่าเลดี้ แต่คามินสกีไม่สนใจว่าใครหัวเราะอยู่ข้างหลัง เขาพูดกับอึนฮันว่า
“เดือนหน้าฉันจะกลับมาไมแอมีใหม่ ไว้จะติดต่อหานะ”
ว่าแล้วคามินสกีก็ปล่อยข้อมืออึนฮัน เขาได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะลงเรือไป เห็นแบบนั้นนีโคไลที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับก็มองเขาด้วยแววตาขบขัน คามินสกีถอยหลังกลับ จากนั้นเรือก็ติดเครื่องขึ้นทันที อึนฮันก้มหน้าเมินหนีจากคามินสกีอย่างสับสน เขาไม่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอีกเลยจนกระทั่งเรือแล่นออกไป