ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว - ตอนที่ 13
หกร้อยนัดต่อนาทีงั้นเหรอ
อึนฮันตกตะลึงจนลืมทุกคำที่จะพูด หกร้อยนัดต่อนาทีเนี่ยนะ! เขาจะหลบพ้นได้ยังไงกัน ต่อให้เป็นโลกในหนังเรื่อง เดอะเมทริกซ์ หน้าจอก็คงเต็มไปด้วยกระสุนจนหลบไม่ได้แน่! พอจินตนาการว่าหากตัวเองถูกยิงด้วยปืนนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร อึนฮันก็ขนลุกชัน ไม่เหลือซากแน่ ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้วของเขา คามินสกีก็วางปืนกระบอกนั้นลง
“อันนี้หนักไปใช่ไหม”
ยังไม่ทันได้บอกปฏิเสธคามินสกีที่เข้าใจผิดไปไกล เขาก็หยิบปืนกระบอกอื่นขึ้นมาแทน
“ก็ดี งั้นฉันจะได้แนะนำสินค้าจากเยอรมนีให้ นี่คือจีสามสิบหกซี น้ำหนักไม่ถึงสามกิโลกรัม ระยะยิงหวังผลก็ไกลถึงสองร้อยเมตร นับว่าดีที่สุดในบรรดาปืนกลขนาดเล็กทั้งหมด พลังทำลายล้างสูงแล้วก็พกพาง่าย ใช้แรงเหนี่ยวน้อยเพราะใช้ระบบการยิงแบบชอร์ตสโตรกแก๊สพิสตัน นายอยากให้ฉันอธิบายให้ฟังไหมว่ามันคือระบบอะไร”
พอเถอะครับพ่อคุณ
อึนฮันส่ายหน้า สองร้อยเมตรอย่างนั้นเหรอ หมายความว่าอาจถูกปืนกล ยิงตายอยู่ในที่ลับตาคนก็ได้อย่างนั้นสินะ…เหงื่อกาฬเริ่มไหลลงมาตามสันหลัง
“นายไม่ชอบปืนกลเหรอ”
“ผม…กลัวครับ”
ใครบางคนจะรัวกระสุนปัง ๆ ๆ ใส่เขาอย่างนั้นเหรอ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ก็ยิ่งน่ากลัว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน การให้เขายิงปืนนั่นก็มากเกินไปอยู่ดี แต่พอนึกว่าใครที่หมายเอาชีวิตเขาสามารถยิงเจ้าสิ่งนั้นได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา เขาก็แทบบ้า
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ถ้าอย่างนั้นเอาปืนพกไหม”
คามินสกีพูดพลางหยิบปืนพกขึ้นมา กระบอกนี้ดูใช้ได้ สายตาของอึนฮันจึงมองตามไป
“เบเร็ตตา เอ็มเก้าสิบสองเอฟ น้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม ระยะยิงหวังผลแปดสิบเมตร แรงเหนี่ยวค่อนข้างหนักใช้ได้ อัตราการยิงได้ตรงเป้าก็สูงสมรรถนะในการสังหารก็ดี ที่จริงฉันตั้งใจจะมอบปืนพกกระบอกนี้เป็นของขวัญให้นาย มันเป็นปืนที่ดีมากจริง ๆ ไม่แปลกใจที่พวกทหารชอบใช้…”
ทหารเหรอ จะบอกว่านี่คือปืนที่ทหารอเมริกันซึ่งอยู่ในสงครามตอนนี้ใช้กันอย่างนั้นเหรอ ภาพของสงครามปรากฏชัดอยู่ในความคิดของอึนฮัน ทั้งปืน คนตาย เลือด และความเจ็บปวดทรมาน…
“ยุน…”
อึนฮันค่อย ๆ ไหลร่วงลงไปกองกับพื้น แม้จะไม่ถึงกับล้มคว่ำลงไปเพราะคามินสกีรีบจับไว้ แต่เขาก็หมดสติไปเรียบร้อยแล้ว คามินสกีถึงกับสบถก่อนจะเดาะลิ้น
++++++++++++++++++++++++++++++
“โทรศัพท์ของยุนครับ แต่ตอนนี้ยุนยังรับสายไม่ได้ ยังไงฝากข้อความไว้…”
ใครบางคนกำลังรับโทรศัพท์แทนเขาอยู่ คริสสินะ โธ่ มาปลุกกันก็ได้นี่ จะรับสายเองทำไมเล่า…อึนฮันพยายามจะตื่นจากหลับใหล แต่ว่าร่างทั้งร่างกลับหนักอึ้งเหมือนสำลีชุ่มน้ำจนเขาไม่อาจออกจากความฝันได้ ระหว่างที่อึนฮันล่องลอยอยู่ในฝันอันมืดมิด เสียงเมื่อครู่ก็เข้ามาใกล้เขามากกว่าเดิม
“…ชื่อฉันเหรอ”
คริสเป็นคนเดียวที่จะรับสายแทนเขาได้ แต่นั่นใช่เสียงคริสแน่หรือ เสียงทุ้มต่ำราวกับเดินอยู่ท่ามกลางความมืด นั่นไม่ใช่เสียงคริส และไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองรึเปล่า แต่เสียงนั่นฟังดูน่าเกรงขามชอบกล อึนฮันพยายามคิดอย่างเชื่องช้าด้วยหัวสมองที่ยังมึนงงเพราะความง่วง เจ้าของเสียงนั่นเป็นใครกันแน่
ตอนนั้นเอง เจ้าของเสียงที่ว่าก็ใจดีช่วยเปิดเผยตัวตนให้เขาได้รู้
“วาซีลี อีวาโนวิช คามินสกี แล้วนายล่ะเป็นใคร”
อึนฮันกระเด้งตัวลุกขึ้นทันที ไม่รู้ทำไมเขาถึงมานอนอยู่ตรงนี้และทำไมคามินสกีถึงมารับโทรศัพท์ให้เขาได้ พอลุกขึ้นยืนไหว อึนฮันก็รีบเดินตรงไปหาคามินสกีที่รับสายให้เขาอยู่ เมื่อคามินสกีเห็นว่าอึนฮันตื่นแล้ว เขาก็กำมือก่อนจะกางออก แต่อึนฮันกลับไม่คิดจะตอบรับการขยับมือทักทายอย่างแสนร่าเริงนั่นสักนิด มิหนำซ้ำยังรีบวิ่งเข้าไปหาคามินสกีอีกต่างหาก
“ยุน ตื่นแล้วสินะ”
อึนฮันยื่นมือออกไปเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทว่าคามินสกีกลับเอ่ยถามคนในสาย ขณะเดียวกันแววตาของเขาที่มองมืออึนฮันซึ่งยื่นมาขอโทรศัพท์คืนก็เต็มไปด้วยคำว่าน่ารักชะมัด
“เอ้า นายได้ยินชื่อฉันแล้วนี่ ทีนี้ก็ตานายแล้วไม่ใช่เหรอ คริส”
อึนฮันหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ด้านนอกมืดสนิท ดูท่าจะเลยหนึ่งทุ่มมาแล้ว อึนฮันยื่นมือออกไปอีกครั้ง
“ได้โปรดเถอะครับคุณคามินสกี”
อึนฮันขยับปากขอร้อง คามินสกีมองมือกับริมฝีปากของอึนฮันแล้วก็ได้แต่เดาะลิ้น
“ยุนขอสายนายน่ะ”
คามินสกียอมคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ เมื่อได้โทรศัพท์มา อึนฮันก็รีบพูด
“คริส นี่ฉันเอง”
ทันใดนั้นคริสก็โวยวายลั่นด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“นี่ นายเป็นอะไรรึเปล่า มาตื่นเอาตอนนี้เนี่ยนะ ถ้างั้นก็หมายความว่านายหลับไปต่อหน้าไอ้หมอนั่นเหรอ หรืออะไร”
ด้วยความที่คริสชอบพูดเสียงสูง อึนฮันจึงมักจะลืมอยู่บ่อย ๆ ว่าที่จริงแล้วเสียงของคริสนั้นทุ้มมากต่างหาก เพื่อนของเขาเสียงทุ้มต่ำพอ ๆ กับคามินสกีเลยด้วยซ้ำ