ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 29 กองกำลังลับ
เมื่อสักครู่เพียงแต่เขาทำท่าจะกอดหนานอิงด้วยร่างกายเปลือยเปล่าของตนเองก็โดนถีบออกมาทันใด อ้ายเจิงยกมุมปากยิ้มส่งเสียงหนวกหูน่ารำคาญดังลั่น
“ท่านอ๋องท่านต้องถอดเสื้อผ้าของนางออกเสียแล้วกอดนางเอาไว้ให้ร่างกายอบอุ่น แต่ไม่ต้องห่วงหลังจากร่างกายของนางอบอุ่นแล้วประเดี๋ยวข้าไปต้มยาสักหม้อให้นางกินไล่ความเย็นตามเวลานางก็จะดีขึ้นในไม่ช้า”
ไร้เสียงตอบรับจากด้านใน แต่อ้ายเจิงรู้ดีว่าคนทั้งคู่หากไม่มีความรู้สึกกับหนานอิงแล้วย่อมปล่อยให้นางตายไปตั้งแต่นางคิดจะหนีไปจนโดนกับดักวันนั้นแล้ว
คนอย่างลู่หนิงหวังและหานเซียวไม่มีทางช่วยผู้ใดเป็นอันขาด หากคนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา การที่ลู่หนิงหวังช่วยนางอีกทั้งหานเซียวยังยอมทำเพียงนั้นจะบอกว่านางผู้นั้นไม่สำคัญเลยย่อมคิดผิดแล้ว
หลังจากเสียงอันน่ารำคาญของอ้ายเจิงสงบลง สองคนพี่น้องที่อยู่ภายในห้องเพียงลำพังบัดนี้ยังยืนมองหนานอิงเงียบ ๆ โดยไม่มีผู้ใดคิดที่จะแตะต้องนางเลยแม้แต่น้อย
จวบจนกระทั่งร่างกายของหนานอิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางงอเข่าเข้ามากอดปากของนางเริ่มเขียวคล้ำพร่ำคำพูดซ้ำ ๆ ออกมา
“หนาว ข้าหนาว ข้าหนาว”
นางกอดตัวเองเช่นนั้นและกำลังเริ่มเพ้อทั้งยังขยับร่างของตนเข้าไปใกล้หานเซียวมากขึ้นทั้งที่เขาขยับหนีนางจนชิดกำแพงแล้ว แต่นางก็ยังกลิ้งตามมาอยู่ได้
หานเซียวมองหน้าผู้เป็นพี่ชายเมื่อเห็นว่าลู่หนิงหวังไม่พูดสักคำ เขาจึงเอ่ยถาม
“ท่านคิดจะให้นางเข้าร่วมจริง ๆ หรือ”
ลู่หนิงหวังถอนหายใจเขาดึงร่างของหนานอิงให้เข้ามาใกล้ เป็นเพราะเห็นแววตาอ่อนแสงของหานเซียวที่กำลังมองหนานอิง ลู่หนิงหวังจึงใจอ่อนลงเล็กน้อย
เขาขยับมือถอดเสื้อผ้าให้หนานอิงอย่างว่องไวครานี้นอกจากจำใจช่วยนางแล้วเขาไม่คิดเรื่องอื่นอีก ทั้งยังตอบหานเซียวเบา ๆ
“นางมีเส้นลมปราณที่แปลกประหลาด คล้ายเป็นเส้นลมปราณของสตรีที่ตั้งครรภ์แต่ว่าความจริงแล้วไม่ใช่ เส้นลมปราณนี้จะมีเฉพาะยอดฝีมือเท่านั้น นางมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่นางรู้ และเป็นคนที่หากได้รับการฝึกฝนที่เหมาะสมก็นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจและน่าสนใจยิ่ง”
หานเซียวยกมุมปาก
“ท่านคิดจะใช้นางเป็นมือสังหารในหน่วยสังหารของเราหรือ?”
ลู่หนิงหวังยิ้มเย็น
“เจ้าคิดอย่างไรเล่า นางยังมีประโยชน์มากกว่าการเป็นหวางเฟยของเราเสียอีก หนานอิงผู้นี้หากฝึกฝนให้ดีไม่แน่ภายในเวลาไม่กี่ปีนางจะสามารถบรรลุขั้นสูงสุดได้ ในตอนนั้นเจ้าเองก็ต้องระวังนางแล้ว”
ลู่หนิงหวังถอดเสื้อผ้าของหนานอิงออกจนหมดแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่แยแสว่าจะหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนให้นางแม้แต่น้อย
“ท่านจะกอดนางหรือ”
หานเซียวถามอย่างรู้ทัน
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเป็นเพราะนางยังมีประโยชน์ ข้าหาได้คิดเกินกว่านี้”
หานเซียวเม้มปาก มองพี่ชายอย่างคลางแคลงใจ ยังถามย้ำคำเดิมออกไป
“ท่านพี่ ท่านแน่ใจหรือ?”
ลู่หนิงหวังมองเขาแล้วถามว่า
“แล้วเจ้าเล่า คิดอย่างไร?”
ถูกสายตาของพี่ชายมองอย่างรู้ทัน หานเซียวจึงกระแอมออกมา ทั้งแสร้งมองไปที่ร่างของหนานอิง นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาหลบตาสายตาของลู่หนิงหวังด้วยความสับสน
ลู่หนิงหวังไม่ซักไซร้น้องชายต่อแล้ว เขาเพียงแต่คิดว่านางยังมีประโยชน์ต่อกองทัพอยู่มากจึงตายไม่ได้ เขาเป็นคนให้โอกาสคน แม้ว่าหนานอิงจะต้องการฆ่าเขาลู่หนิงหวังก็ยินดีจะให้โอกาสนาง
คนมีประโยชน์ย่อมไม่สมควรตาย ลู่หนิงหวังถอดรองเท้าหุ้มแข็งและเสื้อนอกของตนเองออก ก่อนจะนอนลงเคียงข้างหนานอิงกอดนางเอาไว้แนบอก
หนานอิงยังสั่นสะท้านทั้งยังซุกเข้าหาความอบอุ่นของลู่หนิงหวังโดยไม่รู้ตัว ในคราแรกร่างของลู่หนิงหวังแข็งทื่อ เขาไม่คิดว่าลมหายใจที่แสนใกล้ชิดของหนานอิงจะหอมหวานปานนี้
แต่เมื่อตั้งสติได้เขาจึงขยับให้นางนอนสบายขึ้นใช้ท่อนแขนตนเองหนุนรองคอของนางเอาไว้ พยายามสงบอาการปั่นป่วนแปลกประหลาดที่บินอยู่ตรงช่วงท้องไม่หยุด ทั้งยังคิดวนไปเวียนมา
ถือซะว่าการช่วยนางครานี้ทำเพื่อบ้านเมืองก็แล้วกัน
ร่างกายขาวโพลนเนียนนุ่มงดงามของนางทำให้หานเซียวถึงกับลอบกลืนน้ำลาย เขาทนดูความงดงามของนางไม่ได้แล้ว มือของของหนานอิงข้างหนึ่งหานเซียวก็ยังจับเอาไว้แน่น
แน่นอนว่าเพื่อช่วยคลายความหนาว ในเมื่อลู่หนิงหวังคิดจะช่วยนางหานเซียวเองก็จำใจต้องทำตาม
“ท่านพี่ข้าหาได้คิดเกินเลย เพียงแต่เห็นด้วยที่นางยังมีประโยชน์กับเรา”
ลู่หนิงหวังกลับหัวเราะเย็น
“หากเจ้าต้องการนาง…”
“ไม่ขอรับ”
หานเซียวรีบปฏิเสธ เขาหรือจะต้องการนาง หนานอิงผู้นี้แค่สตรีทั่วไปที่หาได้ตามท้องถนน นางแค่ทำอาหารเก่ง นางแค่เย็บผ้าเรียบร้อย นางแค่ซักผ้าเป็น นางแค่งดงาม นางแค่ถูกใจเขาเหมือนสตรีคนอื่น….
มิหนำซ้ำข้อเสียของหนานอิงก็มีมาก นางผู้นี้ยังน่ารำคาญยิ่ง นางขี้กลัว นางเจ้าน้ำตา นางอ่อนแอ นางยังเดินช้า ออกจากป่านิดเดียวก็หลงทาง ซุ่มซ่าม เซ่อซ่าจนถูกกับดักของนายพรานเข้า และนางชอบตัวสั่นเวลาอยู่ใกล้เขา แค่คิดก็หงุดหงิดหัวใจแล้ว
“สตรีน่ารำคาญ”
เขาพึมพำออกมาในขณะที่ลู่หนิงหวังนิ่งเงียบ
หานเซียวมองนิ้วมือเรียวของนางที่ยังเย็นราวน้ำแข็ง เขาดึงมือของนางอีกข้างมาประกบเข้าด้วยกันมือข้างนั้นก็เย็นจนจับใจ หานเซียวนั่งพิจารณามือของนางด้วยความสนใจ
แขนเล็กมือเล็กราวลำเทียน นิ้วเรียวยาวขาวผ่องช่างนุ่มนิ่มเกินจะจับดาบได้ เขาไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ทั้งยังมองไม่เห็นว่าหนานอิงจะกลายเป็นมือสังหารได้อย่างไร
น่ารักนุ่มนิ่มเพียงนี้เหมาะที่จะนำมาอุ่นเตียงมากกว่าทำอย่างอื่น
ครั้นรู้ว่าตนเองคิดเตลิดแล้วสายตายิ่งปะทะกับร่างกายขาวโพลนอันงดงามไร้ที่ติ ประกอบไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งที่ทำให้ใจสั่น
หานเซียวกลับคิดว่าเพราะอยู่นิ่งมานานไม่ได้ฝึกฝนดาบฝึกฝนธนู ใจของเขาในตอนนี้เพียงเห็นหน้านางในตอนนี้ก็เหลวเป็นน้ำแล้ว
ทั้งหมดย่อมเพราะอาการป่วย ไม่ได้เขาต้องรีบหายจะได้ไม่ใจอ่อนกับนางอีก
หานเซียวส่ายหน้าคลี่ผ้าห่มผืนโตออกด้วยมือข้างเดียวสะบัดมืออย่างรวดเร็ว พลันผ้าห่มผืนโตก็คลุมร่างของพวกเขาทั้งสามคนอย่างมิดชิด
เขาล้มตัวลงนอนแล้วกกกอดนางจากฝั่งหนึ่งขยับกายเข้ามาแนบชิดกับพี่ชายโดยมีหนานอิงอยู่ตรงกลาง ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ที่ผ่านมาพวกเขาล้วนเสพสมร่วมรักกับสตรีคนเดียวกัน
แต่ครานี้แตกต่างออกไปบุรุษสองคนบัดนี้กำลังทำตัวเป็นแม่ไก่ที่กำลังกกไข่ให้ฟักออกมาเป็นตัว พวกเขาต่างรู้สึกแปลกประหลาดที่ได้ช่วยสตรีคนหนึ่งด้วยวิธีนี้
ด้วยเตียงที่ไม่นับว่ากว้างมาก ปกตินอนสองคนพี่น้องก็เบียดกันเล็กน้อย ครานี้มีสตรีอีกคนหนึ่งอยู่ตรงกลางจึงยิ่งทำให้สองคนแนบชิดกับร่างของหนานอิงจนแทบขยับไม่ได้
พวกเขาต่างยอมรับว่าร่างกายของหนานอิงช่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นอันเป็นกลิ่นเฉพาะกายที่ยากจะมีผู้ใดเหมือน นอกจากจะให้ความอบอุ่นแก่นางแล้วนางยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายกับพวกเขากลับมา
คนทั้งสองแอบสูดดมความหอมจากเรือนผมของหนานอิงเงียบ ๆ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกลทั้งยังช่วยกันกกกอดนางแนบแน่น
ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเขาอยู่ราวหนึ่งก้านธูปหานเซียวจึงเอ่ยว่า
“ท่านพี่ นางอายุมากเกินกว่าที่จะฝึกแล้ว มือสังหารของเราที่ผ่านมาช่วงเวลาในการฝึกฝนอย่างมากไม่เกินแปดปีนะขอรับ นางจะฝึกสำเร็จได้หรือ”
ลู่หนิงหวังกลับไม่คิดเช่นนั้น สำหรับคนมีพรสวรรค์ที่หากยากในแผ่นดินเช่นนี้ แม้จะเป็นสตรีและเลยวัยฝึกวรยุทธ์แล้วนางย่อมมีโอกาส หากเขาและหานเซียวร่วมมือกันเคี่ยวกรำนาง
การที่หนานอิงจะเป็นมือสังหารชั้นยอดย่อมเป็นไปได้ ลู่หนิงหวังเองกลับใจเต้นด้วยเรื่องนี้ การฝึกคนผู้หนึ่งย่อมเป็นสิ่งที่ท้าทายเขาเป็นอย่างยิ่ง
“สำหรับนางผู้มีพรสวรรค์ย่อมไม่สายไป นางเพิ่งสิบเจ็ดปีเท่านั้นนับว่ายังฝึกได้และอีกอย่างนี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าอยากรู้เช่นกันว่านางจะทำได้หรือไม่ เจ้ากับข้ามาร่วมมือกันเถิดแล้วเราคอยดูผลงานกัน”
หานเซียวหัวเราะเสียงต่ำ
“หากนางรู้ว่าหนึ่งในศัตรูของนางเป็นเราเล่า ท่านคิดจะปิดบังนางหรือ?”
ลู่หนิงหวังกลับเอ่ยว่า
“เจ้าบอกนางแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเราคือศัตรูของนาง หากในวันนั้นนางมีฝีมือมากพอที่สามารถสังหารเราได้ ก็นับว่าเราบรรลุเป้าหมายแล้ว ความตายหรือไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย”
หานเซียวย่อมรู้ว่าหนานอิงไม่อาจทำได้ แม้นางจะเก่งกาจเพียงใด แต่ลู่หนิงหวังและตัวเขาเองก็นับว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์เช่นกันเพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรหนานอิงก็ไม่มีทางเทียบพวกเขาได้ หานเซียวหัวเราะเสียงต่ำทั้งเอ่ยเสียงเย็นออกมา
“หากนางทำไม่สำเร็จ สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นนางที่ต้องตาย”
ลู่หนิงหวังหัวเราะเช่นกัน
“ใช่ ในเวลานั้นหากนางฆ่าเราไม่ได้ก็ต้องเป็นฝ่ายที่ถูกสังหาร”
ลู่หนิงหวังเชยคางของหนานอิงขึ้นมา บัดนี้หนานอิงคงอบอุ่นขึ้นปากของนางเริ่มกลับมาเป็นสีชมพูระเรื่อ นิ้วมือหยาบกระด้างของเขากำลังไล้ไปที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มของนาง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงรื่นหู
“หนานอิง เจ้าได้ยินหรือไม่เจ้าคิดเช่นไรกันเล่า หากเจ้าฆ่าข้าไม่ได้ข้าในยามนั้นข้าก็จำเป็นต้องฆ่าเจ้า มันคือกฎของนักล่า หากเจ้าเข้าร่วมในการล่านี้แล้วก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง หนานอิงหากเจ้าฟื้นข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เลือกอีกครั้งหนึ่ง ดีหรือไม่”
หนานอิงบัดนี้ยังไร้สติไม่ว่าลู่หนิงหวังกับหานเซียวจะพูดคุยสิ่งใดนางย่อมไม่ได้ยิน
และเมื่อเขาปล่อยคางของนางหนานอิงก็ฟุบลงที่อกของเขาแล้ว ลู่หนิงหวังคล้ายหัวใจกระตุกเมื่อสตรีผู้นี้กำลังขยับกายเข้าหาไออุ่นของเขาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายนุ่มนิ่มของอิสตรีย่อมพาให้ใจบุรุษอ่อนลงได้ราวปาฏิหาริย์
จู่ ๆ เขาก็กระชับอ้อมแขนกอดนางแนบแน่นและยังเผลอตัวสูดดมความหอมจากศีรษะของนางครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่หานเซียวเองก็ยังจับมือของแน่นเช่นกัน
หานเซียวและลู่หนิงหวังย่อมรู้ดีว่าวันที่นางจะสามารถสังหารพวกเขาได้นั้นย่อมเป็นไปได้ยาก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดคนทั้งสองจึงคล้ายกับกำลังเฝ้ารอเวลานั้นอยู่
ลู่หนิงหวังและหานเซียวคิดว่าจะใช้หนานอิงเป็นอาวุธสังหารให้พวกเขาและจะปล่อยให้นางตามแก้แค้นคนที่นางต้องการโดยไม่ขัดขวางแม้สุดท้ายจะเป็นพวกเขาที่ต้องสู้กับนางเองก็ตาม
ที่ผ่านมาแม้สงครามจะยุติแล้วแต่คนทั้งสองย่อมไม่วางใจ ไหนจะเรื่องราวภายในราชสำนักอีกที่ต้องจัดการ การใช้หนานอิงผู้ที่ดูอ่อนแอในสายตาผู้อื่นบางทีอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ที่แท้จริงแล้วลู่หนิงหวังและหานเซียวนั้นแอบฝึกซ่อนมือสังหารที่เป็นสตรีมานานแล้ว สตรีพวกนั้นคือคนที่ยอมพลีชีวิตเพื่อแผ่นดิน ต่างเป็นเด็กหญิงกำพร้ามาจากหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ถูกศัตรูต่างแคว้นตีจนแตกพ่ายและสูญเสียบิดามารดาทุกคนล้วนต้องการแก้แค้นจึงเข้าร่วมกองทัพอย่างลับ ๆ ด้วยความเต็มใจ
เรื่องมือสังหารนี้เป็นความลับของพวกเขาแม้แต่ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทรงทราบ
แม้ว่าอ้ายเจิงจะเป็นสายให้พระองค์มาตลอด แต่เรื่องนี้อ้ายเจิงก็หาได้ปิดบังต่อพวกเขา ด้วยรู้ดีว่าทั้งลู่หนิงหวังและหานเซียวไม่มีทางคิดคดทรยศเป็นอันขาดสิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อปกป้องบ้านเมืองก็เท่านั้น
ถึงพวกเขาจะดูอำมหิตแต่จะมีแม่ทัพสักกี่คนที่พร้อมยอมตายในสนามรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน ทั้งยังไม่สนลาภยศเงินทองเพียงต้องการชายแดนสักที่เพื่อคุ้มครองดูแลห่างไกลความวุ่นวายของราชสำนักที่พวกเขาแสนรังเกียจ
ที่ผ่านมาลู่หนิงหวังและหานเซียวต่างส่งสตรีเหล่านี้เข้าไปแอบแฝงในกองทัพศัตรูทั้งในฐานะนางบำเรอ คนครัว บ่าวรับใช้ มือสังหารของเขาล้วนไม่กลัวตายสิ่งเดียวที่พวกนางต้องการคือแก้แค้นเท่านั้นผลงานของกองทัพที่ทำให้ศัตรูแตกพ่ายย่อมเป็นผลงานของมือสังหารสตรีของลู่หนิงหวังเป็นส่วนหนึ่ง
หานเซียวเข้าใจลู่หนิงหวังแล้วว่าเหตุใดจึงยอมยุ่งเกี่ยวกับหนานอิง แต่นอกจากนั้นเขายังเห็นลู่หนิงหวังในวันนั้นที่มองหนานอิงกำลังซักผ้าอยู่ที่ทะเลสาบ สายตาอำมหิตที่ดูจะอ่อนแสงลงในยามที่จับจ้องร่างไปที่หนานอิงเช่นนั้น หานเซียวรู้ดีว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลู่หนิงหวังมองสตรีด้วยสายตาเช่นนี้
ในขณะที่หานเซียวบัดนี้เข้าใจว่า ที่เขาสนใจนางนั่นเป็นเพราะลู่หนิงหวังที่คล้ายจะให้ความสำคัญกับหนานอิงก็เท่านั้นเอง เพราะแบบนี้หนานอิงจึงสามารถดึงความสนใจจากเขาได้กระมัง
หานเซียวมั่นใจตัวเองว่า เขาหาได้รู้สึกพิเศษกับสตรีผู้นี้แม้แต่น้อย