จู่ ๆ หานเซียวก็ไม่เกิดอยากอาหารเมื่อผู้ชรานำโจ๊กจืดชืดมาให้เขา ชายหนุ่มกินไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อนลงเสียแล้ว ยังมียาที่พรานเฒ่านำเข้ามาอีก หานเซียวทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะยกชามยาขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด
แต่แล้วเขากลับเกิดอยากจะพ่นยาทิ้งหากไม่เห็นแก่หน้าแก่ ๆ ของอ้ายเจิงที่จะตำหนิเขาจนน่ารำคาญ
อะไรกันกระทั่งวันนี้ยาที่เคยกินทุกวันจนเคยชินกลับทำให้เขารู้สึกขมอย่างประหลาด
หานเซียวอารมณ์ไม่ดียิ่ง
“ยานี่เจ้าเลขาชั่วร้ายนั่นได้เพิ่มอย่างอื่นเข้าไปหรือไม่ เหตุใดจึงรสชาติแปลกประหลาดไม่เหมือนเดิม”
ชายชราส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด
“ยังเป็นยาตัวเดิมขอรับหรือเขาเพิ่มเข้าไปให้ผู้น้อยไปถามดีหรือไม่”
หานเซียวโบกมือ
“ช่างเถิด เพิ่มหรือไม่อย่างไรข้าก็ต้องกินอยู่ดี”
ผู้เฒ่ามองโจ๊กที่พร่องไปเพียงนิดเดียว ทั้งที่แต่ก่อนในยามที่หนานอิงต้มมาให้นั้นนายน้อยผู้นี้แทบจะกินทั้งหม้อแล้วถึงกับถอนหายใจออกมา
“นายน้อยเหตุใดกินน้อยนักเล่าขอรับ หรือว่าฝีมือการทำอาหารของข้าแย่เพียงนั้น เช่นนั้นท่านก็ควรปล่อยให้หนานอิงกลับมาทำอาหารดังเดิม เลิกลงโทษนางเถิดขอรับ ไม่ว่านางทำสิ่งใดไม่ถูกต้องแต่หากพวกท่านคิดถึงความดีของนางก็ควรยกโทษให้นางนะขอรับ”
ชายแก่พยายามที่จะช่วยเหลือหนานอิงอย่างเต็มที่ เพียงวันสองวันที่นางไม่ได้ลงมือทำอาหารสองพี่น้องนี่ก็แทบจะลากเขาไปตัดคอโทษฐานที่ทำอาหารไม่ถูกใจเสียแล้ว
หานเซียวย่นจมูก เขาย่อมไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำให้นางเป็นเช่นนั้น
“ผู้ใดทำโทษนางกัน เป็นนางที่ทำตัวเองท่านก็รู้ว่าข้าหาได้บังคับนาง ท่านพี่ของข้าก็ด้วย”
“ผู้น้อยเองไม่เข้าใจ หากพวกท่านไม่ได้ลงโทษแล้วนางจะนั่งคุกเข่าเช่นนั้นเพื่อสิ่งใดกัน ทรมานร่างกายตนเองเพื่อผู้ใดกัน”
หานเซียวพึมพำออกมาเบา ๆ หาได้ตอบคำถามของชายชราอย่างจริงจัง
“ท่านพี่แค่บอกว่านางจะพิสูจน์ความอดทนให้เขารู้ได้อย่างไร นางก็ไปนั่งคุกเข่าเช่นนั้นแล้ว โง่เขลาสิ้นดี”
ชายชราฟังที่หานเซียวพูดไม่ชัดนัก แต่เขาก็เลิกที่จะถามแล้ว สองคนนี้จะว่าเป็นคนดีก็ไม่ใช่คนร้ายก็ไม่เชิง เขาเองเป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่งในยามที่ทิ้งทุกอย่างมาอยู่ที่นี่คนที่บ้านเดิมก็ได้นายท่านทั้งสองช่วยดูแล ดังนั้นท่านอ๋องทั้งสองก็นับว่ามีบุญคุณกับเขาไม่น้อย การจะสอดเรื่องของเจ้านายย่อมไม่ใช่เรื่องที่บ่าวสมควรทำ
พรานเฒ่าเก็บชามยาและชามโจ๊กออกไปแล้ว หานเซียวเดิมตั้งใจจะไม่สนใจหนานอิงอีกต่อไป แต่จนแล้วจนรอดเป็นเขาเองที่อดไม่ได้ ด้วยความสนใจใคร่รู้ที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดขาที่ไม่เชื่อฟังจึงเดินออกที่หน้ากระท่อม
เขามองนางนิ่งงัน นางยังนั่งอยู่ที่นั่นจริง ๆ ด้วย
หานเซียวพิงร่างสูงกับประตูจับจ้องสายตาไปที่ร่างเล็กของสตรีผู้นั้นทั้งพิจารณานางอย่างละเอียด อย่างน้อยนางควรเลิกคิดเพ้อเจ้อในเรื่องเป็นไปไม่ได้ แล้วกลับมาเย็บผ้าทำอาหารให้เขาเสียจะดีกว่า เขาผู้มีคุณธรรมในหัวใจจึงอดไม่ได้ที่จะบั่นทอนความตั้งใจของหนานอิงให้เลิกทำเรื่องโง่เขลาเสียที
“หากเจ้าไม่ยอมแพ้อาจจะตายตรงนี้ ท่านพี่ของข้าไม่มีทางใจอ่อนหรอก พอเถิดอย่าทำเรื่องเสียเวลาเปล่าเลย”
เขาเอ่ยเสียงดังแต่หนานอิงกลับไม่มีปฏิกิริยาอันใด เขาเห็นชัดเจนว่านางกำลังหนาวสั่น ผ้าห่มที่ชายชราให้นางไว้ตั้งแต่เมื่อคืนยังกองอยู่ที่พื้น
ในเมื่อนางไม่ตอบและไม่ยอมแพ้ เขาจึงไม่พูดคำใดออกมาอีกได้แต่คอยดูว่าหนานอิงจะทนได้อีกนานเท่าใด
คงเพราะฝ่าความหนาวมาทั้งคืนนางจึงดูคล้ายตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่งที่เรืองรองขาวกระจ่างในยามต้องแสงอาทิตย์ใบหน้าขาวซีดที่มองหาเลือดฝาดของคนผู้มีชีวิตไม่เจอนั้นยิ่งทำให้หานเซียวรู้สึกสนใจ
นางผู้นี้ภายในเวลาไม่นานสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากเพียงนี้เชียวหรือ
เวลาผ่านมานับชั่วยาม สายลมอ่อนพัดโชยมาให้ความรู้สึกเย็นสบายแต่กลับคนที่หนาวเข้ากระดูกอย่างหนานอิงกลับแทบคลั่งด้วยความหนาวเย็นจากสายลมเอื่อยเฉื่อยที่พัดผ่าน
หานเซียวยังยืนมองหนานอิงอยู่เช่นนั้นและนางเองก็ยังคงคุกเข่าอยู่โดยไม่ขยับ จนกระทั่งเสียงดาบที่ปะทะกันอยู่ดังมาจากด้านหลังกระท่อมน้อยจะเงียบลง ยังมีเสียงฝีเท้าของคนสองคนที่เดินมาจวบจนกระทั่งหยุดต่อหน้าของหนานอิง
“ท่านอ๋องนางอดทนเพียงนี้ท่านยังไม่ใจอ่อนอีกหรือ”
เป็นอ้ายเจิงที่เอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางที่ลู่หนิงหวังจะใจอ่อนในยามนี้ สำหรับลู่หนิงหวังแล้วมันยังไม่มากพอ
“หากเจ้าคิดว่าพอแล้วก็ตามใจเถิด”
น้ำเสียงของเขาดูคล้ายจะอ่อนโยนลงแต่อ้ายเจิงรู้ดีว่าช่างเป็นน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาและไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง หากเขาช่วยหนานอิงในยามนี้ก็เท่ากับทำลายความตั้งใจของนางแล้ว
ในเมื่อนางตัดสินใจที่จะแก้แค้นและเข้าร่วมกับกองกำลังสังหารของลู่หนิงหวังนางก็ย่อมต้องพยายามด้วยตนเอง ยาที่เขาให้นางกินอย่างมากก็ช่วยให้นางมีกำลังเพียงข้ามคืนบัดนี้ยานั้นก็คงสิ้นฤทธิ์แล้ว อ้ายเจิงผู้เห็นอกเห็นใจหนานอิงมากกว่าผู้ใดได้แต่คิดอยู่ในใจ
หนานอิงข้าช่วยเจ้าได้แค่นี้ต่อไปก็แล้วแต่ลิขิตฟ้าแล้ว
ด้วยร่างกายอันอ่อนแอของสตรีผู้หนึ่งเมื่อสิ้นฤทธิ์เพิ่มกำลังของอ้ายเจิงแล้วจึงไม่อาจทนได้อีกต่อไป สามชั่วยามต่อมานัยน์ตาของหนานอิงพลันพร่ามัวนางไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ อีกทั้งยังอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นเพียงนี้จึงทำให้นางหมดสติลงไปในที่สุด
“ท่านอ๋องนางไม่ไหวแล้ว”
อ้ายเจิงผู้เฝ้าดูหนานอิงอยู่ด้านนอกตะโกนเสียงดัง พร้อมกับถีบประตูกระท่อมหลังเล็กจนแทบพังเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ลู่หนิงหวังย่นหัวคิ้วมองมือของอ้ายเจิงที่กำลังสัมผัสร่างของหนานอิงด้วยสายตาที่ทำให้คนที่โดนจ้องมองถึงกับขนลุกชัน
อ้ายเจิงไม่มีเวลาสนใจลู่หนิงหวังแล้ว เขาอุ้มหนานอิงไปวางไว้บนเตียงทั้งยังมีหานเซียวนอนตะแคงอยู่บนนั้น
หานเซียวลุกขึ้นทันใด
“นี่เจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน พานางมาที่นี่ทำไม”
หานเซียวแม้จะทำน้ำเสียงเย็นชาแต่มือของเขากลับสัมผัสหน้าผากอันเย็นเยียบของหนานอิงโดยไม่รู้ตัว เขาจับมือของนางเช่นนี้ถึงกับสะดุ้งมันรู้สึกคล้ายกับว่าตนเองกำลังสัมผัสก้อนน้ำแข็งอยู่
“ท่านอ๋องนางต้องการความอบอุ่นในโรงเก็บฟืนย่อมอุ่นไม่พอเป็นแน่ หากชักช้านางอาจไม่รอด”
ลู่หนิงหวังเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกอดอกมองร่างบอบบางและใบหน้างามที่ซีดเซียวของหนานอิงด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“แล้วอย่างไร ที่นี่ใช่ว่าจะดีกว่าก็เย็นไม่ต่างกันกับโรงเก็บฟืนของนางนัก”
อ้ายเจิงมองคนทั้งสองก่อนจะเอ่ยว่า
“ท่านอ๋องท่านไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ที่นี่อุ่นกว่าอย่างน้อยก็มีพวกท่านร่างกายใหญ่โตเพียงนี้ก็ช่วยคลายหนาวให้นางเสียหน่อย ท่านช่วยนางก่อนข้าจะรีบไปต้มยาไล่ความเย็นในร่างให้นาง”
หานเซียวขยับกายออกห่างแต่น่าประหลาดที่มือของเขายังคงเกาะกุมมือของนางอยู่ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้ตัวทั้งที่ปากร้องขับไล่นางผู้นี้แต่กิริยาท่าทางล้วนตรงกันข้ามกับสิ่งที่แสดงออกมา
“พานางออกไปจากเตียงของข้า ข้าไม่อนุญาต”
เขาดูไม่พอใจมากกับความคิดของอ้ายเจิง
อ้ายเจิงย่นคิ้ว อ๋องน้อยผู้นี้ประหลาดยิ่งแม้ใบหน้าจะเย็นชาบ้างแต่มือนั่นเหตุใดไม่ปล่อยมือของหนานอิงกันเล่า แต่เขาย่อมไม่ทำให้อ๋องน้อยรู้ตัวจึงได้แต่พูดจาตะล่อมหานเซียวเหมือนเด็กผู้หนึ่ง
“ท่านอ๋องคนดีของข้าทั้งสอง ในฐานะที่ข้าเป็นหมอ พวกท่านควรกอดนางให้นานเสียหน่อยให้ความอบอุ่นจากร่างกายของพวกท่านเข้าสู่ร่างกายของนางจนกว่านางจะหายหนาวสั่น แต่ก่อนอื่นท่านต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเสียก่อน เสื้อผ้าที่เย็นชื้นพวกนี้จะทำให้นางเป็นปอดบวมได้”
แต่แล้วเสียงเย็นของลู่หนิงหวังทำให้อ้ายเจิงต้องใช้สมองคิดแผนต่อไปทันที
“เป็นห่วงนางมากเช่นนั้นก็ทำเองเสียสิ จะมาวุ่นวายกับข้าอีกทำไม”
ลู่หนิงหวังกำลังจะก้าวออกไปจากที่นี่โดยไม่สนใจไยดีสตรีผู้นี้อีกแล้วเขาเห็นท่าทางห่วงใยของอ้ายเจิงแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ ในใจได้แต่คิดว่า
นางช่างหาเรื่องให้พวกเขาวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
อ้ายเจิงผู้ไม่ยอมแพ้จึงขวางเขาเอาไว้ทันใด
“นางเป็นของพวกท่าน ผู้ใดจะกล้าแตะต้องนางกันเล่าท่านอ๋อง นางคือว่าที่หวางเฟยของพวกท่านนะขอรับ”
หานเซียวได้ยินเช่นนี้พลันรู้สึกอยากจะเตะอ้ายเจิงนัก เมื่อสักครู่เป็นผู้ใดที่อุ้มนางเข้ามากันเล่า เขาอุ้มนางแนบอกเช่นนั้นโดยไม่คิดว่าเป็นสตรีของผู้ใด ครานี้บอกไม่กล้าจะแตะต้องด้วยเหตุผลไร้สาระนั่น
ลู่หนิงหวังผลักเขาออกให้พ้นทาง คิดจะก้าวหนีไม่อยากตีฝีปากกับอ้ายเจิงอีกด้วยรู้ตัวว่าไม่อาจสู้ได้เลยสักครั้ง
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องน้อย หากท่านไม่ช่วยก็ต้องเป็นข้าแล้ว ข้ายินดีใช้เรือนกายของข้าช่วยนางเองถือว่าท่านทั้งสองอนุญาตแล้ว”
กล่าวจบอ้ายเจิงพลันทำบางอย่างที่ทำให้อ๋องทั้งสองช่วยกันเตะเขาออกจากกระท่อมแทบไม่ทันทั้งยังปิดประตูอย่างแน่นหนา
อ้ายเจิงหัวเราะในใจ เขาดึงเสื้อผ้าของตนเองที่หลุดลุ่ยขึ้นมาแล้วใส่กลับอย่างเรียบร้อย หากจะถามว่าผู้ที่รู้ใจสองอ๋องเด็กน้อยนั้นที่สุดคือผู้ใด แน่นอนว่าอ้ายเจิงมั่นใจถึงสิบส่วนว่าต้องเป็นเขาผู้นี้
MANGA DISCUSSION