ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 24 ทำดี
หลายวันมานี้หนานอิงเรียกได้ว่าอาศัยปีกของอ้ายเจิงคอยหลบคนโฉดทั้งสอง ในยามเช้านางไม่ต้องไปเช็ดเนื้อตัวให้นายน้อยหานเซียวแล้วด้วยทั้งหมดเป็นอ้ายเจิงที่ดูแลและท่านตานายพรานก็ได้กลับมาแล้วนางจึงอยู่ที่นี่อย่างสงบใจอยู่บ้าง
เป็นเพราะนางยังรอให้หานเซียวหายเสียก่อนเพื่อที่จะลงเขาไปพร้อมกับพวกเขา หนานอิงไม่คิดที่จะหนีอีกนางเข้าใจคำว่าเขาวงกตและยังมีหลุมดักสัตว์พวกนั้นเป็นอย่างดี
หน้าที่ของหนานอิงในตอนนี้จึงไม่ต่างจากสาวใช้ผู้หนึ่ง นางทั้งทำอาหารและซักผ้าให้พวกเขาอีกทั้งยาสระผมของนางก็ถูกหานเซียวเรียกหา โชคดีที่ท่านตาเข้าไปในหมู่บ้านด้านล่างครานี้ถือสบู่มันแพะติดไม้ติดมือมาให้นางด้วยหลายห่อนางจึงใช้ส่วนผสมพวกนั้นผลิตยาสระผมที่มีกลิ่นสดชื่นช่วยผ่อนคลายให้เขาได้
หนานอิงยังให้ท่านตาและอ้ายเจิงดมกลิ่นสมุนไพรที่นางทำขึ้น พวกเขาล้วนบอกว่าสดชื่นหาได้มีใครเกิดอาการแปลกประหลาดอย่างอื่นเช่นที่หานเซียวกล่าวหานางว่านางกำลังทำยาปลุกกำหนัดเขา
หนานอิงยังขอให้อ้ายเจิงช่วยพูดเรื่องนี้กับหานเซียว นางไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดอีก นางยังได้สนทนากับหานเซียวอยู่บ้างแต่กับลู่หนิงหวังนั้นหนานอิงหวาดกลัวยิ่งกว่า
เมื่อเห็นหน้าเขานางแทบถอยออกห่างหลายจั้งไม่ยอมเข้าใกล้เขานอกจากในยามที่ยกอาหารไปให้พวกเขาเท่านั้น ในขณะที่เข้าไปปรนนิบัติเรื่องอาหารการกินนางยังแอบมองหานเซียวอยู่บ่อย ๆ สงสัยว่าเขาหายดีหรือยังและเมื่อใดที่นางจะได้ลงจากเขา
หานเซียวกระแอมเอ่ยเสียงต่ำคล้ายรำคาญ
“หัดเก็บสายตาอันร้อนแรงของเจ้าเอาไว้บ้าง สตรีบ้านใดกันแอบมองบุรุษเช่นนี้ช่างไม่รู้จักธรรมเนียมเสียจริง”
ลู่หนิงหวังปรายตามองเขาในขณะที่อ้ายเจิงพ่นข้าวออกมาจากปากด้วยสำลัก เขาหัวเราะออกมาทันใดและแน่นอนว่าย่อมถูกสายตาอาฆาตของหานเซียวมองอย่างเอาเรื่อง
“มีสิ่งใดให้ขบขันกัน”
อ้ายเจิงไม่ตอบ คิดในใจว่าคนที่ไร้กฎเกณฑ์ห่างธรรมเนียมอย่างหานเซียวเหตุใดจึงเอ่ยคำนี้ออกมาได้ ในขณะที่หนานอิงสวดมนต์อ้อนวอนสวรรค์ในใจ ให้หานเซียวที่เติมข้าวเป็นชามที่สามผู้นั้นเกิดสำลักอาหารติดคอตายที่กล้าดูถูกนางเช่นนี้
แม้ในใจจะโกรธแค้น แต่นางยังแค่นยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยว่า
“ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าท่านหายดีหรือยัง”
“ใช่ธุระของเจ้าหรือ”
กลับเป็นลู่หนิงหวังที่เอ่ยเสียงต่ำ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับนางในสามวันนี้หนานอิงยังกลัวเขาอยู่นางจึงขยับห่างออกมาอีกหน่อย
“ข้าเพียงแต่”
อ้ายเจิงจึงพูดขึ้น
“มีสิ่งใดก็พูดออกมาเถิด อย่าปล่อยให้ผู้อื่นเข้าใจผิดคนบางคนในนี้แม้ปากจะไม่ค่อยพูดแต่เรื่องความคิดนั้นบางทีก็เตลิดไปเกินความเป็นจริง”
หานเซียวย่อมรู้ว่าอ้ายเจิงพูดถึงเขา ถึงถูกยันโครมไปครั้งหนึ่งแต่บุรุษผู้นั้นว่องไวกลับขยับกายพลิ้วหนีแล้วนั่งลงบนตั่งอีกครั้งคีบเนื้อกระต่ายย่างหอมกรุ่นอันเป็นสูตรลับของหนานอิงกินอย่างอร่อย
ข้อดีที่นางอยู่ที่นี่คือฝีมือการทำอาหารของนางล้ำเลิศยิ่ง ทำให้เขาพลอยฟ้าพลอยฝนได้แห่งความสุขทางปากไปด้วย
ลู่หนิงหวังตบโต๊ะเสียงดังคราหนึ่ง เมื่อหานเซียวและอ้ายเจิงเริ่มปะทะกัน เขาอยากจะกินข้าวอย่างสงบสักมื้อไม่ได้หรือ นั่นจึงทำให้คนสองคนนิ่งเงียบ
ครานี้เป็นลู่หนิงหวังที่กระแอม เขาเริ่มรำคาญเมื่อหนานอิงทำอ้ำอึ้งเหมือนคนบ้าใบ้อยู่ตรงนี้
“อยากได้สิ่งใดก็บอกมา ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าปรนนิบัติข้ามาหลายวัน นั่งลงแล้วกินข้าวเสีย”
หนานอิงไม่รู้ว่าที่พวกเขารออยู่เช่นนี้แท้ที่จริงเป็นเพราะตนเอง พวกเขาต้องการให้แน่ใจว่านางตั้งครรภ์จริงหรือไม่ หากไม่ตั้งครรภ์แน่นอนว่าลู่หนิงหวังย่อมคิดที่จะทำให้นางท้องให้จงได้
เขาไม่ชอบสตรีที่ผอมแห้งแรงน้อย ในทุกวันเขาจึงบังคับให้นางกินข้าวให้มากหน่อยหวังว่านางจะกลับมามีเนื้อมีหนังดังเดิม
หนานอิงผู้ไม่รู้เรื่องราวจึงถูกบังคับให้กินข้าวแทบจะอาเจียนออกมาในทุกวัน นางไม่กล้าบอกเขาว่าอิ่มแล้วกระเพาะของนางก็เล็กเพียงนี้จึงได้แต่ยัดข้าวเข้าปากไปทั้งน้ำตา เมื่อออกมานางก็ล้วงคออาเจียนเพราะอึดอัดยิ่ง
ลู่หนิงหวังพยักหน้าเป็นการสั่งให้อ้ายเจิงคีบอาหารให้นางให้มากหน่อย ตั้งใจดูนางกินด้วยสายตาอำมหิตคล้ายนางเป็นศัตรูที่เขาจับเอามาล้วงความลับ โดยการทรมานนางโดยการกินและกินจนกว่านางจะตาย
ความพยายามของลู่หนิงหวังย่อมได้ผล เมื่อสุขภาพของหนานอิงดีขึ้นร่างกายที่ผอมจนแทบจะติดกระดูกของนางบัดนี้มีเนื้อหนังมังสาและนุ่มนิ่มขึ้นหลายส่วน สร้างความพอใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
แต่ครานี้หนานอิงทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้ง เมื่ออ้ายเจิงถามนางแล้วว่านางต้องการสิ่งใด จึงเอาแต่มองหานเซียวเช่นนั้นนางกลับไม่ตอบ
เขาตบโต๊ะเสียงดังจนนางสะดุ้ง
“ตอบเจ้าต้องการสิ่งใดจึงมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้น มีแผนชั่วอันใดอยู่”
หนานอิงแทบจะน้ำตาร่วงหากเป็นเมื่อก่อนนางคงสะอื้นไปแล้ว แต่ในตอนนี้นางเหมือนจะเริ่มชินกับความป่าเถื่อนนี่จึงไม่เผลอร้องออกมาเช่นเดิม
“ข้าอยากช่วยท่านแม่ออกจากจวน ยังมีสาวใช้ข้าอีกเจ้าค่ะข้าไม่รู้ข่าวของนางเลย ท่านพอจะช่วยข้าได้หรือไม่”
เสียงของหนานอิงดังออกมาคล้ายเสียงยุงที่น่ารำคาญ หากในยามปกติเขาได้ยินนางพูดคุยกับอ้ายเจิงหรือบ่าวผู้นั้นลู่หนิงหวังพบว่าสตรีผู้นี้มีเสียงหวานใสเป็นอย่างยิ่ง
ยกเว้นในยามคุยกับเขาหรือหานเซียว เสียงของนางก็คล้ายจะเปลี่ยนไปยังลดต่ำลงหลายส่วน เขาเป็นทหารกล้าย่อมชอบคนที่พูดจาชัดถ้อยชัดคำ เห็นนางผู้นี้ทำเสียงเล็กเสียงน้อยก็รู้สึกหงุดหงิดจนแทบจะง้างปากให้นางพูดให้ดังขึ้น
“เจ้าคิดถึงท่านแม่กับสาวใช้หรือ”
หนานอิงพยักหน้า ส่งดวงตาที่เต็มไปด้วยคำขอร้องไปยังอ้ายเจิง หานเซียวกับเป็นฝ่ายตบโต๊ะจนหนานอิงสะดุ้ง
นางเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้แล้วในใจก็คิดอวยพรในใจด้วยคำอธิษฐานอันแรงกล้า สองพี่น้องตบโต๊ะกันเก่งเช่นนี้ขอให้กระดูกข้อมือหักหรือร้าวตายไปเลยยิ่งดี
“เหตุใดน้ำเสียงเจ้าเปลี่ยนไปมาเช่นนี้ น่ารำคาญยิ่ง”
ใช่แล้วหานเซียวรำคาญนางจนทนกินข้าวต่อไม่ได้แล้วหลังจากหมดข้าวชามที่สามและซดน้ำซุปกระดูกซี่โครงหมูป่าของหนานอิงจนไม่เหลือสักหยด
อ้ายเจิงหัวเราะน้อย ๆ แล้วเอ่ยกับลู่หนิงหวังเป็นเชิงขอร้องเพื่อช่วยนาง
“นายท่านข้าจะให้คนไปดูนะขอรับ”
“วุ่นวาย นี่ใช่ธุระของเจ้าหรือ เจ้าเป็นบ่าวของนางหรืออย่างไรถึงต้องคอยตามรับใช้เช่นนี้”
นี่คือคำพูดสุดท้ายของลู่หนิงหวังที่ทำเอาหนานอิงถึงกับน้ำตาตกใน นางหวังแค่ข่าวของท่านแม่เท่านั้น เขาเป็นผู้กว้างขวางนางยังเห็นเขาส่งนกสื่อสารกับคนข้างล่างอยู่บ่อยครั้ง
นางเสียใจจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ที่ผ่านมานางปรนนิบัติพวกเขาดีเพียงใด ดูแลข้าวปลาอาหารทั้งซักผ้าทำเครื่องหอมไม่ได้ขาดเหตุใดน้ำใจอันน้อยนิดลู่หนิงหวังจึงไม่มีให้นางบ้าง
ด้วยอำนาจของเขาแค่เพียงไปสืบข่าวท่านแม่ของนางง่ายยิ่งกว่ากะพริบตาเสียอีก หลายวันมานี้นางมักฝันร้ายถึงท่านแม่บ่อย ๆ จึงทำให้หนานอิงไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
และคืนนี้นางก็ได้แต่กระสับกระส่ายเช่นเดิม ในตอนกลางคืนนางยังฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งทั้งตื่นขึ้นมากลางดึก หลังจากนั้นก็เกิดอาการหนอนไม่หลับ ทั้งเริ่มเหม่อลอยดวงตากลมที่เคยสดใสคล้ายจะไร้ซึ่งพลังชีวิตเสียแล้ว
สองวันต่อมา
หนานอิงยังล่องลอยนางเก็บเสื้อผ้าของลู่หนิงหวังและหานเซียวรวมทั้งของอ้ายเจิงไปซักที่ริมแม่น้ำ วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นทั้งยังมีแสงแดด หนานอิงเองก็รู้ว่าแม้พวกเขาจะเป็นทหารก็รักสะอาดยิ่ง บุรุษผู้อื่นนาน ๆ จะอาบน้ำสักครั้งแต่คนพวกนี้แม้จะหนาวเย็นเพียงใดก็ยังอาบกันได้ทุกวัน
นางไม่รู้ว่าความจริงแล้วคนทั้งสามมักจะได้กลิ่นโลหิตมนุษย์ติดกายอยู่เสมออันเนื่องจากสงครามอันยาวนานจึงทำให้พวกเขารังเกียจเลือดเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งรังเกียจพวกเขายิ่งอยากจะชำระล้างร่างกายให้สะอาดพวกเขาจึงจะสามารถนอนได้ นับว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อของคนทั้งสามไปแล้ว
ลู่หนิงหวังและหานเซียวเองต่างก็เดินมาที่ริมทะเลสาบเช่นกัน ในวันที่อากาศอบอุ่นขึ้นทั้งยังมีแสงแดดเช่นนี้หากไม่พาหานเซียวซึ่งกำลังพักฟื้นมาสูดอากาศก็นับว่าเสียดายยิ่ง