ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 19 อยู่กันเพียงลำพัง
ผ่านมาสามวันหนานอิงก็ไม่ได้พบหน้าบุรุษทั้งสองอีกเลย ในขณะที่นางเองก็ล้มป่วยลงโดยมีท่านตานายพรานผู้นั้นคอยดูแลให้นางอยู่ในโรงเก็บฟืนของเขา
แม้โรงเก็บฟืนนี้จะคับแคบแต่ก็นับว่าอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ในแต่ละวันหนานอิงจะได้รับยาต้มเป็นเวลาพร้อมน้ำข้าวต้มอันไร้รสชาติ หนานอิงล้มป่วยครานี้นางยังสามารถขยับกายได้บ้างดังนั้นท่านตาเพียงแต่วางยาและน้ำข้าวเอาไว้ให้นางช่วยเหลือตนเอง
ที่นอนของหนานอิงเป็นฟางหนามีผ้าเก่า ๆ ที่เหม็นอับปูทับเอาไว้ในขณะที่ผ้าห่มของนางก็ทั้งขาดทั้งมีกลิ่นเหม็นอับเช่นกันแต่มันกลับสามารถกันความหนาวได้เป็นอย่างดี
วันต่อมานางก็ฟื้นขึ้นท่านตานำยาทาสมานแผลมาให้แล้วออกไป หนานอิงในยามนี้คิดอย่างเดียวคือต้องพยายามเอาชีวิตรอดให้จงได้ แม้ร่างกายจะเจ็บปวดเพียงใดนางก็ฝืนทนทายาให้ตนเองและกินยาและน้ำข้าวที่พรานป่าผู้นั้นนำมาให้จนหมด
ในตอนนี้หนานอิงแข็งแรงขึ้นมาก นางรู้สึกว่าช่วงเวลาหนักหนาสาหัสของชีวิตคงผ่านมาแล้ว ต่อไปหนานอิงต้องคิดให้รอบคอบเพื่อพามารดาและสาวใช้ของนางออกจากจวนสกุลหนานให้ได้
เสียงเปิดประตูดังขึ้นหนานอิงเงยหน้า นางรู้สึกคุ้นเคยกับชายชราผู้นี้แล้ว เขาเองก็เหมือนบุรุษทั้งสองคนนั้น คำพูดของเขายิ่งกว่าทองคำกว่าจะเอ่ยออกมาสักประโยคช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก
เขาวางยาและอาหารให้นางเช่นเคย มื้อนี้หนานอิงพบว่าตนเองไม่ได้กินน้ำข้าวเหมือนเช่นทุกมื้อแล้ว แต่เป็นข้าวต้มและปลาแห้งย่างตัวหนึ่ง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
นางกล่าวเสียงเบา ผู้ชราเพียงแต่พยักหน้าและเก็บชามยาพร้อมชามข้าวจากมื้อที่ผ่านมาอย่างเงียบเชียบ
“ท่านตาเจ้าคะ คนผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
ชายชราเพียงแต่ถอนหายใจ เขาไม่ตอบคำถามหนานอิงและถือชามเปล่าออกไปเงียบ ๆ หนานอิงได้แต่มองตามคิดในใจว่าไม่ใช่ว่าเขาผู้นั้นสิ้นชีพแล้วหรอกนะ
ท่าทางของเขาในวันนั้นก็ดูเหมือนจะไม่รอด
จู่ ๆ หนานอิงก็รู้สึกจุกที่คอหอย อย่างไรเสียก็เพราะคนผู้นั้นพยายามช่วยนางจึงได้รับบาดเจ็บ นางรู้สึกแย่เป็นอย่างยิ่ง หากเขาตายนางจะทำเช่นไร
ที่เขาตกที่นั่งลำบากก็เป็นเพราะช่วยนาง ความรู้สึกผิดบาปก่อขึ้นในใจนางไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ผู้ใดตาย อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้มีพระคุณอีกคนหนึ่งของนาง
หนานอิงสลัดความคิดแย่ ๆ ออกไป พยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ พี่ชายของเขาคงไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไร หรือหากว่าเขาตายแล้ว บุรุษท่าทางน่ากลัวนั่นคงได้ถือกระบี่มาฟันคอนางด้วยบันดาลโทสะแล้วกระมัง
เอาล่ะนางต้องหายเสียก่อน ในเมื่อท่านตาผู้นั้นไม่ยอมพูดนางก็ต้องไปดูด้วยตาของตัวเองว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
หนานอิงหยิบชามข้าวขึ้นมา คงเป็นเพราะอากาศที่เย็นจัดเช่นนี้ความร้อนที่ยังมีอยู่เมื่อสักครู่หายไปแล้ว ดีที่ยังคงอุ่นอยู่บ้าง นางตักเข้าปากคำแรกก็รู้สึกจืดชืดยิ่งนัก กระทั่งปลาแห้งที่ย่างมาก็ไร้รสชาติโดยสิ้นเชิง
หนานอิงในยามนี้ไม่คิดมากแล้ว แม้ที่ผ่านมานางจะเป็นคนพิถีพิถันเรื่องอาหารการกินเพียงใด แต่ในยามนี้กลับสามารถกินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้าขอเพียงมันช่วยทำให้ท้องอิ่มได้
หลังกินข้าวเสร็จนางก็ดื่มยาขมแล้วบ้วนปาก หนานอิงถอดเสื้อผ้าของตนเองออก เปิดกระปุกไม้ที่บรรจุยาทาแผลออกแล้วค่อย ๆ แตะยาทาไปที่ร่างของตนที่ถลอกปอกเปิกจนครบทุกจุด
เมื่อเรียบร้อยแล้วนางจึงใส่เสื้อผ้าอีกครั้ง เสื้อผ้าของนางก็เป็นเสื้อผ้าของชาวบ้านชุดหนึ่งที่ท่านตานำมาให้เปลี่ยน ถึงมันจะเป็นเพียงผ้าต่วนสีมืดแต่ก็อบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง
หนานอิงมองเสื้อผ้าของตนเองที่นางพับอย่างเรียบร้อยอยู่บนกองฟืน หวนนึกถึงชีวิตของตนเองในสกุลหนาน และคิดถึงท่านแม่รวมทั้งอาโจ
นางถูกช่วยมาแล้วแต่ยังนับไม่ได้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ เพราะนางไม่รู้เลยว่าสองคนนั้นจะทำกับนางอย่างไร ความจริงในคราแรกหนานอิงคิดว่าหากตนเองดีขึ้นแล้วก็คิดจะหนีไปด้วยไม่รู้ชะตาชีวิตของตนเอง
แต่เท้าของนางกลับยังได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ นางคิดใคร่ครวญไปมาคงเป็นในตอนที่น้องชายของคนผู้นั้นโยนนางลงจากหลังม้าเป็นแน่
ผ่านมาราวหนึ่งสัปดาห์หนานอิงก็หายดีจนเกือบเป็นปกติ หนานอิงเองก็โล่งอกแล้วเมื่อรู้เห็นสีหน้าของท่านตาดีขึ้นมาก
“เขาไม่ตายใช่หรือเปล่าเจ้าคะ”
ท่านตาส่งยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ ในเมื่อเขาไม่ตายจึงทำให้หนานอิงแทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ความลำบากใจสำนึกผิดตลอดหลายวันที่ผ่านมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
หนานอิงคิดว่าตนเองก็หายดีคนผู้นั้นก็หายแล้ว บัดนี้นางจึงไม่จำเป็นต้องห่วงสิ่งใด ความหวาดกลัวในใจของนางยังมีหนานอิงจึงคิดที่จะหนี แต่ท่านตาผู้นั้นกลับเอ่ยว่า
“นายใหญ่ไม่อยู่อีกสองสามวันถึงจะกลับในตอนนี้แม่นางช่วยข้าดูแลนายน้อยจะได้หรือไม่ ข้าวสารกำลังจะหมด ข้าต้องลงเขาไปซื้อ จู่ ๆ พวกเจ้าโผล่มาไม่ทันได้เตรียมการ”
หนานอิงยังมีมโนธรรมในใจ ในกระท่อมนั้นมีคนเจ็บผู้หนึ่งอยู่และเขายังเจ็บเพราะนาง ส่วนชายชราผู้นี้ก็คือผู้ที่คอยดูแลนางในยามนางเจ็บป่วยนางจึงไม่อาจเห็นแก่ตัวได้
“ข้าอย่างไรก็ต้องตอบแทนบุญคุณพวกเขาอยู่แล้ว ข้ายินดีเจ้าค่ะ ท่านตาสบายใจเถิด”
“งานของเจ้าแค่ทำอาหารให้เขาตามเวลา และเคี่ยวยาไปส่งเขารวมทั้งในตอนเช้าช่วยเขาเช็ดตัวให้สะอาดเปลี่ยนผ้าพันแผลและใส่ยาก็พอ”
หนานอิงเข้าใจแล้ว อย่างไรนางก็เป็นสตรีเรื่องดูแลคนป่วยนางย่อมคล่องแคล่ว อีกทั้งฝีมือการทำอาหารของนางก็นับว่าดีเยี่ยม ยังถูกท่านพ่อชมอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อคิดถึงท่านหนานใบหน้าของหนานอิงพลันเศร้าสลด แผลที่มือของนางอันเกิดจากมีดที่นางกรีดเลือดตัดขาดจากเขาพลันรู้สึกเจ็บขึ้นมาแม้ว่ามันจะเริ่มหายแล้ว
บัดนี้เขาไม่ใช่บิดาของนางอีกต่อไป
นางอยากให้คนผู้นั้นหายในเร็ววัน นางอยากรีบไปช่วยท่านแม่หากพวกเขาสองคนไม่ช่วยหนานอิงคิดว่าจะหาวิธีพาท่านแม่และอาโจวออกมาด้วยตนเอง อย่างน้อยน้องสาวของนางหนานหงก็ยังอยู่ที่นั่น การพาคนที่ท่านพ่อไม่สนใจออกมาย่อมมีหนทาง
หลังจากสอนหนานอิงต้มยาแล้วพรานชราก็ขึ้นม้าของเขาแล้วลงเขาไปทันใด หนานอิงได้ยินเสียงไอดังออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก นางจึงลังเลเล็กน้อยว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ แต่เสียงไอนั้นยังดังไม่หยุด
หนานอิงรู้สึกเป็นห่วงเขา อย่างไรเสียก็เป็นเพราะนางเขาจึงได้รับบาดเจ็บ นางจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปดูเขาในทันที เมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้าไปสายตาของนางพลันปะทะเข้ากับร่างของบุรุษผู้หนึ่ง
ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงซีดและมีหนวดเคราขึ้นมารอบปากเพราะไม่ได้ดูแลตนเอง เดิมทีหนานอิงคุ้นเคยกับคุณชายหน้าขาวเกลี้ยงเกลา แต่เมื่อพบบุรุษหน้าคมที่มีไรหนวดเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกประหลาด
เขากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงร่างกายส่วนบนงดงามเปลือยเปล่าดูแข็งแกร่งกำยำเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนเขาจะมีเพียงผ้าห่มผืนเดียวที่คลุมร่างกายส่วนล่างอยู่
หนานอิงรีบเบือนสายตาหนีภาพนั้น ใบหน้านางแดงเล็กน้อยไม่คิดว่าจะเข้ามาพบเขาในสภาพกึ่งเปลือยเช่นนี้ ไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าห่มสีตุ่นเขาจะใส่กางเกงหรือไม่
หานเซียวไอออกมาอีกครั้ง เขาเห็นนางแล้วกลับมองนางด้วยสายตาว่างเปล่า หนานอิงข่มความอายพิจารณาดูเขาอย่างรวดเร็ว
นางพบว่าร่างส่วนบนของเขาบาดเจ็บไปทั้งร่าง มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบกาย ยังมีที่แขนของเขาอีก ท่านตาบอกว่าเขาถูกธนูยิงที่แขนและยังมีที่หลังของเขาที่ถูกคมดาบฟันเป็นแผลฉกรรจ์
เมื่อเห็นกับตาเช่นนี้หนานอิงอดนับถือไม่ได้ที่เขาสามารถผ่านความตายมาได้
เขาจ้องนางอย่างไม่ไว้ใจ เห็นชัดว่าเขาไม่พอใจเพียงใดที่นางเข้ามาในยามนี้
หนานอิงเห็นว่าริมฝีปากของเขาแห้งผาก เขาใช้สายตาขับไล่นางก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังโดยไม่สนใจนางอีก
หนานอิงไม่รู้ต้องทำเช่นไรเดิมทีคิดจะถอยหลังกลับ แต่เมื่อได้ยินเสียงไออีกครั้งนางจึงหยุดชะงัก ด้วยความหวังดีนางจึงเดินไปที่โต๊ะตัวเล็กแล้วรินน้ำลงจอกที่วางอยู่เอ่ยออกมาเสียงเบา
“ท่านดื่มน้ำเสียหน่อย”
นางไม่รู้ว่าจะเรียกเขาอย่างไรจึงใช้นิ้วชี้ของตนจิ้มไปที่ลำตัวของเขา เพียงแค่นั้นจริง ๆ คนผู้นั้นกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วและมือหยาบกระด้างของเขาก็กุมลำคอขาวผ่องของนางเอาไว้พร้อมกับบีบอย่างแรง
หนานอิงถึงกับไอออกมาหน้าของนางเริ่มแดงก่ำเพราะหายใจลำบากจากแรงบีบของเขา นางปล่อยจอกน้ำหล่นลงพื้นแล้วพยายามแกะมือของเขาออกจากลำคอของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย นางเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว
ดวงตากลมโตของนางสั่นระริกเหมือนกำลังจะร้องไห้ เสียงเย็นเยียบของเขาทั้งแววตาแข็งกร้าวที่มองมาทำให้หนานอิงรู้สึกคล้ายกับว่าเขากำลังจะสังหารนางทิ้งเพราะกวนใจเขา
“ไสหัวไป”
เขาคลายมือเล็กน้อยจนหนานอิงหายใจได้สะดวก ในยามนี้นางจึงร้องเสียงหลงออกมาด้วยความหวาดกลัว รอยแดงพลันเกิดขึ้นรอบลำคอขาวราวหยกของนางอย่างชัดเจน
“ขะ ข้าไปแล้ว ข้าไปแล้วอย่าฆ่าข้า”
หานเซียวแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วคลายมือออกทันใด
หนานอิงตัวสั่นก่อนจะตั้งสติค่อย ๆ ก้าวถอยหลังจนห่างจากร่างของเขา เมื่อเห็นว่าตนเองปลอดภัยแล้ว ครานี้นางไม่รอช้าหมุนตัววิ่งออกมา ก้าวเท้าไวเท่าชีวิตเพื่อออกจากกระท่อมนั้นให้ไกลที่สุด
จนกระทั่งนางหยุดหอบอยู่ที่ถนนเส้นเล็กเส้นหนึ่งที่เป็นทางลงเขา นางเพิ่งรู้ตัวว่าวิ่งมาไกลเพียงใด
“คนบ้าข้าหวังดีต่อท่านแท้ ๆ กลับจะสังหารข้าได้”
หนานอิงนั่งลงตรงขอนไม้ นางมองไปรอบ ๆ ทั้งใช้มือต่างพัดให้ตนเอง กระทั่งเห็นว่านางอยู่ไกลจากกระท่อมหลังนั้น
ความคิดที่จะหนีของหนานอิงเกิดขึ้นอีกครั้ง นางสองจิตสองใจคิดว่าหากนางหนีแล้วคนพวกนั้นไล่ตามล่า นางจะทำเช่นไร
จะหนีรอดหรือไม่ หรือหากหนีนางมิเท่ากับเป็นผู้เนรคุณหรือ นายท่านผู้มีพระคุณช่วยนางจากโจรร้าย ยังส่งสองคนนั้นมาช่วยนางออกจากสกุลหนานอีก
แล้วนางจะหนีไปได้หรือ?
หนานอิงคิดไม่ตก พลันเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น หนานอิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจที่แท้เป็นท่านตาที่กลับมาเพราะลืมของบางอย่าง เขาถามนางด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
“เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
หนานอิงกระโดดไปใกล้เขาฟ้องออกมาราวเด็กน้อย
“เขาจะข้าฆ่า ข้าแค่รินน้ำให้เขาเท่านั้น ข้ากลัวเลยวิ่งมาที่นี่ข้ากลัวเขาเจ้าค่ะท่านตา เหตุใดเขาโหดร้ายเช่นนั้น”
ท่านตากลับหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอ
“ข้าสั่งเจ้าไว้แค่ไหนก็ทำตามนั้น อย่าได้มากกว่านั้น”
หนานอิงไม่เข้าใจ นางเป็นเพียงแค่สตรีตัวเล็กคนหนึ่งจะทำร้ายเขาได้อย่างไร
“ข้าแค่รินน้ำเท่านั้นเอง เหตุใดเขาจึงโกรธข้าเช่นนั้น”
“เขาไม่ชอบให้คนทำมากกว่าคำสั่ง สั่งอย่างไรเจ้าก็ทำเท่านั้นก็พอ ต่อไปหากเขาไม่เรียกห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด เขาเป็นคนเช่นนี้และลู่หนิงหวังก็เช่นกัน”
หนานอิงเข้าใจแล้ว คิดว่าคนผู้นั้นเหตุใดเอาใจยากเสียเหลือเกิน นางเสียอีกที่เห็นคุณหนูในห้องหอยังสมควรที่จะเอาแต่ใจมากกว่าเขาที่เป็นบุรุษ นางเดินกลับกระท่อมตามท่านตาช้า ๆ ลืมเรื่องที่จะหนีเสียสนิท ครานี้นางไม่คิดจะเข้าใกล้กระท่อมของท่านตาอีก
ท่านตากลับเข้าไปในกระท่อมหนานอิงได้ยินเสียงพูดคุยกันเล็กน้อย นางรอกระทั่งท่านตากลับออกมา ท่านตาย้ำกับนางอีกครั้งก่อนจากไป
“เจ้าทำตามที่สั่ง หนึ่งส่งยาและอาหารตามเวลา สองเปลี่ยนผ้าพันแผลและเช็ดตัวในยามเช้า อย่างไรนายน้อยก็รักสะอาดยิ่งเรื่องนี้ก็ให้ระวัง ในยามเช็ดตัวให้เขาก็ทำให้ดี”
“เจ้าค่ะ”
หนานอิงรับคำ ในยามที่อยู่สกุลหนานเรื่องภายในบ้านล้วนเป็นนางที่ได้รับความไว้วางใจให้จัดการ สกุลหนานใหญ่โตเพียงนั้นนางยังรู้สึกว่าจัดการได้ง่ายกว่าหานเซียวผู้นี้
บัดนี้ใกล้ยามเซินแล้วหนานอิงจึงตรงเข้าไปยังห้องครัวเล็ก ๆ ของท่านตาพบว่าในนี้มีปลาตากแห้งและเนื้อแห้งอยู่จำนวนหนึ่ง ในขณะที่ข้าวสารเหลือเพียงก้นถัง
“ข้าวสารกำลังจะหมดจริง ๆ ด้วย”
หนานอิงพึมพำเบา ๆ นางเริ่มต้นก่อไฟตั้งน้ำ มีปลาแห้งอยู่มากนางจึงคิดทำโจ๊กปลาแห้งให้เขาอย่างตั้งใจ หนานอิงใช้เวลาเคี่ยวโจ๊กราวหนึ่งชั่วยาม ก็ได้โจ๊กหอมกรุ่นที่นางชิมแล้วถึงกับน้ำตาไหลด้วยความอร่อยที่ตัวเองทำขึ้นมา
ใช่เพราะนางเองก็โหยหารสชาติอาหารเช่นนี้มานานแล้ว หนานอิงอุ่นโจ๊กเอาไว้แล้วเริ่มต้นเคี่ยวยาตามที่ท่านตาสอน จนกระทั่งได้ที่จึงยกไปให้เขาพร้อมกับโจ๊กปลาแห้งที่นางตั้งใจทำ
ครานี้นางรู้แล้วว่าต้องทำตัวเช่นไร นางนำอาหารและยาเข้าไปให้เขาวางไว้บนโต๊ะทั้งแบบนั้น หนานอิงไม่กล้าแม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำก่อนจะวิ่งออกมาอย่างขลาดเขลา
หานเซียวมองสตรีผู้นั้นด้วยความรู้สึกรำคาญใจ กว่านางจะวางอาหารลงบนโต๊ะได้เกือบจะทำชามโจ๊กนั่นคว่ำไม่รู้กี่ครั้ง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่านางจะกลัวอะไรหนักหนา
เมื่อนางออกไปแล้วเขาจึงขยับร่างกายอย่างลำบาก พิษที่เขาโดนในครานี้หนักหนา แต่หานเซียวเองก็อดทนยิ่ง ยาที่เขากินในตอนนี้เพียงแต่สามารถช่วยระงับพิษได้ แต่ไม่อาจถอนมันออกจากร่างกาย
ในตอนนี้อ้ายเจิงส่งข่าวมาแล้วว่าผู้ใดที่มียาถอนพิษ และคนผู้นั้นต้องการให้ลู่หนิงหวังไปพบเขาด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะยอมมอบยาถอนพิษให้ ลู่หนิงหวังจึงจำเป็นต้องไปด้วยตนเองโดยมีอ้ายเจิงรออยู่ที่นั่น
หานเซียวเองก็รู้ว่าเป็นผู้ใด และเหตุใดจึงต้องเป็นลู่หนิงหวังด้วยที่ต้องไปเอาด้วยตนเอง สตรีผู้นั้นยังผูกใจกับพี่ชายเขาแม้ว่าลู่หนิงหวังจะปฏิเสธไม่รับเยื่อใยของนาง
กลิ่นโจ๊กของหนานอิงนับว่ายั่วน้ำลายยิ่ง หานเซียวดมดูเล็กน้อยแล้วใช้เข็มเงินตรวจยาพิษด้วยความเคยชินเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว เขาจึงตักชิมไปคำหนึ่ง
รสชาติของโจ๊กปลาแห้งของหนานอิงคล้ายกำลังเปิดประตูสวรรค์ให้หานเซียว เขาไม่ได้ลิ้มรสความรู้สึกว่าได้กินอาหารตั้งแต่ถูกลอบสังหาร
อาหารที่นางทำไม่น่าเชื่อว่าทำให้หานเซียวถึงกับนิ่งอึ้ง นางผู้นี้อย่างน้อยก็ยังมีดีอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าอารมณ์อันขุ่นมัวของหานเซียวจะดีขึ้น เขาตั้งใจกินอย่างอร่อย นับเป็นครั้งแรกที่เขากินข้าวจนหมดชามและยังอยากจะร้องขอเพิ่มอีก
เมื่อหนานอิงเข้ามา หานเซียวกำลังจะเอ่ยปากบอกนางว่าให้นำมาให้เขาอีกสักชาม แต่สตรีที่เงอะงะผู้นั้นเหตุใดในยามนี้จึงว่องไวราวกับหายตัวได้ พริบตานางก็ออกไปพร้อมกับชามเปล่าแล้ว
นางผู้นั้นไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ด้วยเหตุใด เขามันน่ารังเกียจในสายตาของนางนักหรือ
เหตุใดรู้สึกหงุดหงิดใจเช่นนี้