ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 17 คนที่เป็นภัย
หนานอิงรู้สึกตัวนางก็อยู่บนหลังม้าเสียแล้ว เสียงลมหวีดหวิดและยังมีเสียงแหวกอากาศพร้อมกับเสียงตะโกนก้องดังเข้าหูของนาง
“อย่าปล่อยให้พวกมันรอดไปได้ ฆ่ามัน ฆ่ามัน”
นางรู้สึกถึงแรงกระแทกของม้าและหน้าอกอุ่นจนเกือบร้อนที่อยู่ด้านหลัง หนานอิงพยายามลืมตาแต่คล้ายถูกบางสิ่งกดทับดวงตาของนางเอาไว้ทำอย่างไรก็ลืมไม่ขึ้น หรือว่าบัดนี้นางกำลังฝันไป
หนานอิงพยายามปลุกตัวเองให้ตื่น ในใจร้องตะโกนเสียงดัง
ตื่น หนานอิง ตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้
ฉับพลันหนานอิงก็รู้สึกทรมานคล้ายกำลังถูกใครสักคนบีบคอจนหายใจไม่ออก และก่อนที่นางจะหมดลมมือนั้นพลันคลายออก นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางลืมตาไม่ได้ ยาที่นางดื่มยังมีฤทธิ์ทำให้นางสะลึมสะลือจนถึงตอนนี้
ถึงอยากจะพูดเพียงใด ก็ไม่สามารถอ้าปากและเปล่งเสียงออกมาได้
เป็นแบบนี้ช่างทรมานเหลือเกิน
ที่แท้เป็นเพราะว่านางกำลังอยู่บนหลังม้ากับอวิ๋นอ๋องหานเซียว พวกเขากำลังหลบหนีการตามล่าอยู่ เมื่อข่าวการออกจากวังของพวกเขาเพียงลำพังรั่วออกไป แน่นอนว่าศัตรูที่มีอยู่รอบด้านย่อมไม่รอช้าส่งมือดีมาตามไล่สังหารทันที
ก่อนหน้านั้นอวิ๋นอ๋องหานเซียว และ ซู่อ๋องลู่หนิงหวังต่างเดินทางโดยไม่หยุดพัก มุ่งหน้ามาหาหนานอิงที่หอนางโลมตามที่อ้ายเจิงบอก
กระทั่งมาถึงคนทั้งสองแอบเข้าไปพบนางเหมยเซียงอย่างลับ ๆ ข่มขู่นางด้วยดาบถามหาสตรีของท่านแม่ทัพว่าบัดนี้อยู่ที่ใด
เป็นเพราะว่าคนทั้งสองไม่เคยโอนอ่อนกับผู้ใดแม้จะเป็นสตรี
เมื่อโดนทั้งขู่ทั้งตะคอกนางเหมยเซียงหวาดกลัวจนปัสสาวะราด
เหตุใดไม่ถามดี ๆ ไยจึงต้องใช้ดาบพาดคอนางด้วย อย่างไรก็เป็นนางที่ดูแลหนานอิงไม่ใช่หรือ บัดนี้นางเหมยเซียงเองก็กลัวเป็นอย่างมากที่ปล่อยว่าที่พระชายากลับไปลำบากเช่นนั้น นางจึงอ้อนวอนจนตัวสั่น
“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยผิดไปแล้วที่ปล่อยนางไป”
นางเหมยเซียงปาดน้ำตา ไม่กล้ากระทั่งจะเงยหน้ามองนายท่านทั้งสองด้วยหวาดกลัวยิ่ง
สองอ๋องหาได้เปิดเผยฐานะ แต่ดูจากท่าทางอันสง่างามรัศมีแห่งความตายกระจายอยู่รอบตัวทำให้นางเหมยเซียงคิดว่าพวกเขาต้องรั้งตำแหน่งใหญ่โตไม่ต่างจากท่านเลขาผู้นั้น และนางคิดไม่ถึงว่าจะเป็นซู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องที่มาด้วยตนเอง
“นายท่านทั้งสองข้ากำลังกลัดกลุ้มคิดจะส่งข่าวไปหาท่านแม่ทัพ วันนี้เมื่อบ่าวของคฤหาสน์ท่านหนานแอบลอบส่งจดหมาย ตอนนี้คุณหนูหนานอิงแย่แล้วถูกจับขังอยู่ในเรือนทาส ให้รีบไปช่วยก่อนจะสาย ยังมีหยกของท่านแม่ทัพที่ข้าให้ไว้มาอันหนึ่ง ท่านดูข้าไม่แน่ใจว่าเป็นลายมือของแม่นางหนานอิงหรือไม่แต่คิดว่านางต้องได้รับความลำบากแน่ บ่าวผู้นั้นก็ดูหวาดกลัวอยู่มาก พบหน้าแล้วไม่พูดคุยอันใดส่งจดหมายแล้วรีบกลับทันที”
ท่านป้าช่วยข้าด้วย ข้าถูกขังอยู่ในเรือนทาส ได้โปรดช่วยข้าด้วย
หนานอิง
เบื้องหลังกระดาษนี้เป็นแผนที่ในคฤหาสน์ที่วาดอย่างคร่าว ๆ ดูเหมือนว่าคนวาดจะรีบร้อนเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นคนอื่นที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการอ่านแผนที่มองอย่างไรก็คงมองไม่ออก แต่ตรงกันข้ามกับสองอ๋องพวกเขามองปราดเดียวก็จดจำได้
พวกเขาไม่คิดทำสิ่งใดให้เอิกเกริกตั้งใจเข้าไปช่วยคนแบบที่เคยทำ พาออกมาเงียบ ๆ นำนางไปถวายฝ่าบาท หากฝ่าบาทไม่ขัดข้องค่อยยกขบวนมาสู่ขอ ในยามนั้นนางอยากชำระความกับผู้ใดก็สุดแท้แต่นางพวกเขายินดีสนับสนุน
ตกดึกพวกเขาจึงแอบย่องเข้าไปในคฤหาสน์ พบคนเฝ้ายามมากมายเดินกันขวักไขว่ไปมาแทบจะชนกันตาย
ตั้งแต่เกิดเรื่องกับหนานอิงที่โจรดักจับนาง ท่านหนานกลายเป็นหวาดระแวง สมบัติเงินทองของเขาที่ซุกซ่อนเอาไว้มีมาก ทั้งเป็นเงินทองที่เอาไว้คอยยัดขุนนางทุจริตเพื่อให้เขาค้าขายคล่องและรายชื่ออันสำคัญของเหล่าขุนนางที่รับสินบน
ของพวกนี้จะให้ผู้ใดรู้ไม่ได้ ท่านหนานจึงจัดคนเฝ้ารักษาคฤหาสน์เต็มกำลังทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดที่จะเข้ามาเด็ดขาด
บัดนี้อ๋องทั้งสองแฝงกายอยู่บนหลังคา มองกลุ่มชายฉกรรจ์มากมายที่เดินจนแทบจะชนกันอยู่บนที่สูงแล้วรู้สึกขบขัน
“ท่านพี่เราเข้าไปแบบเปิดเผยไม่ดีกว่าหรือ คนมากยิ่งกว่ากองทหารอีก คนผู้นี้หวาดกลัวเกินไปหรือไม่”
ลู่หนิงหวังหัวเราะเสียงเย็น
“เวรยามแน่นหนาคงไม่ใช่เพื่อป้องกันบุตรสาวกระมัง คงจะหวาดกลัวคนมาปล้นเสียมากกว่า เจ้าดูเอาเถิดเป็นเพียงชนชั้นพ่อค้าแต่บ้านใหญ่โตยิ่งกว่าจวนอ๋องของเจ้าเสียอีก”
หานเซียวเองก็แปลกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่าพ่อค้าคนหนึ่งจะร่ำรวยเงินทองได้เพียงนี้
“เช่นนั้นเราลอบเข้าไป” หานเซียวเอ่ยต่อ
“ข้าก็อยากรู้ว่าคนของเขาจะมีฝีมือสักเพียงใดกัน รู้สึกเบื่อเหมือนกันหากได้ตัวนางไปง่าย ๆ เป็นเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกว่านางผู้นั้นก็ดูน่าสนใจอยู่บ้าง”
“ข้าเห็นด้วยนอกจากความงามของนางที่ออกจะติดตรึงเล็กน้อย ข้าก็ชักรู้สึกสนุกแล้วสิ”
“ไป”
ลู่หนิงหวังเอ่ยเสียงเบา ก่อนที่พวกเขาจะกระโดดลงมา ฝีเท้าของทั้งคู่รวดเร็วว่องไวยิ่งกว่าแมว ตีคนสลบไปหลายคนแล้วลากไปไว้ในมุมมืด เดินผ่านลัดเลาะตามแผนที่ ที่หนานอิงให้ไว้ในความทรงจำมาอย่าง่ายดาย
ลู่หนิงหวังยังนึกปรามาสเศรษฐีผู้นี้อยู่ในใจ คนมากมายเพียงนี้แต่กลับไร้ฝีมือต่อให้โจรมาแค่คนเดียวก็ขโมยของพวกเขาได้สบาย
เห็นทีว่าเศรษฐีหนานคงสิ้นเปลืองเงินทองโดยเปล่าประโยชน์แล้ว
สองอ๋องกระโดดจนกระทั่งมาถึงเรือนที่น่าจะใช่เรือนทาส เมื่อถึงตรงนั้นคนทั้งสองก็เผยตัวแล้ว
“พวกเจ้าเป็นใคร”
บ่าวคนหนึ่งตะโกนถาม อวิ๋นอ๋องเพียงแต่ถามว่า
“แม่นางหนานอะไรสักอย่างถูกขังอยู่ที่นี่หรือไม่”
ใช่เขาจำชื่อหนานอิงไม่ได้
บ่าวทั้งสองไม่ตอบ พวกเขายกกระบี่ทู่ ๆ ที่คล้ายจะตัดสิ่งใดไม่ขาด ที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาทำท่าจะจัดการกับคนที่มาใหม่ทั้งสอง ยังส่งเสียงเหี้ยมเพื่อให้หวาดกลัว
“ถามหาคุณหนูหนานอิงด้วยเหตุใด บอกมาพวกเจ้าเป็นผู้ใด เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
อวิ๋นอ๋องหานเซียวหัวเราะ
“ใช่ นางชื่อหนานอิงอยู่ในนั้นใช่หรือไม่? ข้าถามเจ้าดี ๆ จงตอบดี ๆ เถิด”
อย่างไรก็เป็นราษฎร ฝ่าบาทย้ำหนักหนาว่าต้องพูดจากับชาวบ้านให้ดี ที่นี่ไม่ใช่สนามรบอย่าทำให้คนหวาดกลัวเป็นอันขาด อวิ๋นอ๋องน้อมรับพระบัญชาแล้วจึงพยายามทำตามที่รับปากฝ่าบาทเอาไว้
แต่พี่ชายของเขาผู้นั้นกลับถีบชายร่างใหญ่สองคนนั้นเสียกระเด็น และยังต่อยพวกเขาจนสลบโดยสองคนนั้นไม่ทันได้ร้องสักแอะ
“ท่านพี่ข้ากำลังเจรจา”
ซู่อ๋องมองเขาด้วยสายตาตำหนิ
“ที่นี่ไม่ใช่หอนางโลม จะพูดมากไปไยน่ารำคาญยิ่ง”
ประตูเรือนนั้นค่อนข้างผุถูกแรงกระแทกก็พังลงทันใด คนทั้งสองมองเข้าไปในเรือน ในขณะนั้นหนานอิงได้ผูกคอของตนเองแล้ว แสงตะเกียงส่องให้เห็นเงาของนางที่ดิ้นไปมากลางอากาศ นางกำลังสิ้นใจดิ้นทุรนทุรายโดยมีคอแขวนอยู่บนผ้า
“แย่แล้ว”
อวิ๋นอ๋องเห็นดังนั้นจึงขว้างกระบี่ออกไปตัดผ้าที่รัดคอของนางจนขาดและกระโดดเข้าไปรับร่างของนางไว้ ลู่หนิงหวังจับชีพจรของนางแล้วเอ่ยว่า
“โชคดีของเจ้าที่ยังมีดวงอยู่บ้าง คิดจะฆ่าตัวตายหรือด้วยเหตุใด”
เสียงคนด้านนอกดังขึ้น คงมีคนพบคนที่ถูกทำร้ายแล้ว หานเซียวอุ้มหนานอิงแนบอก
“ท่านพี่เราต้องรีบไปแล้ว”
คนทั้งคู่ออกมาจากสกุลหนานอย่างว่องไว พวกเขาพานางไปยังที่ผูกม้าที่อยู่ไม่ไกล แต่ผู้ใดจะคาดคิดจู่ ๆ มีกลุ่มมือสังหารโผล่ออกมา
“พานางไป”
ลู่หนิงหวังตะโกนเสียงดัง หานเซียวไม่รอช้ารีบพานางขึ้นม้าหนีออกมาทันใด ด้านหลังลู่หนิงหวังจัดการคนพวกนั้นจนเรียบร้อยเขาจึงรีบขี่ม้าตามออกมา
ข่าวการออกจากวังโดยไร้กองกำลังทหารของสองอ๋องไม่รู้ว่ารั่วออกไปได้อย่างไร พวกเขาล้วนเป็นเป้าให้ทั้งคนในและคนนอก การมีอยู่ของสองคนนี้สร้างปัญหาให้พวกกบฏ ที่อยากจะแยกตนเป็นอิสระ และสร้างปัญหาให้ขุนนางที่หวาดระแวงว่าฝ่าบาทจะยกบัลลังก์ให้คนใดคนหนึ่ง
คนที่หมายปองบัลลังก์เองก็มีไม่น้อย วังวนแห่งความขัดแย้งกำลังคุกรุ่น ยิ่งพวกเขากลับจากชายแดน สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ความหวาดระแวงของฝ่ายตรงข้ามนับวันยิ่งมากขึ้นจึงไม่ปล่อยให้พวกเขารอดพ้นไปได้
สิ่งที่ตามหลังพวกเขามานอกจากจะเป็นกลุ่มนักฆ่าจำนวนมากแล้ว ยังมีลูกธนูที่ตามมาอีก หนานอิงในอ้อมแขนของอวิ๋นอ๋องหานเซียวกำลังไร้สติ ร่างไถลลงไปด้านข้าง เขาไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ล็อกคอของนางเอาไว้ และนั่นทำให้นางหายใจไม่ออกจนเกือบสิ้นชีวิต
หานเซียวทั้งต้องดูแลหนานอิง ทั้งต้องหลบคมหอกและธนูจึงเผลอทำร้ายนางโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าร่างที่แต่เดิมไร้สติกำลังดิ้นทุรนทุรายเขาจึงได้คลายแรงรัดของตนเองลง
หนานอิงจึงรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดไม่ถูกบุรุษไร้ความอ่อนโยนผู้นี้รัดคอตายโดยไม่ตั้งใจ
ลู่หนิงหวังเป่าปากสองคราหานเซียวรู้ทันทีว่าเบื้องหน้าเป็นทางแยกเขาต้องเลี้ยวขวา เขาบังคับม้าให้ไปในทิศที่พี่ชายสั่งการ ลู่หนิงหวังจัดการคนที่ตามมาก่อนจะเลี้ยวซ้ายหลอกล่อคนให้ตามเขาไป
คนพวกนั้นตามลู่หนิงหวังไปทางซ้าย หานเซียวและหนานอิงจึงปลอดภัยแล้ว
หานเซียวขี่ม้ามาไกลพอสมควร เขาต้องกลับไปช่วยลู่หนิงหวังจึงหาที่ปลอดภัยกระทั่งเห็นโพรงเล็กในหินก้อนใหญ่ก่อนจะจับร่างของหนานอิงโยนลงจากม้า
ใช่เขาจับนางโยนจริง ๆ และโยนแรงจนหนานอิงรู้สึกตัวเพราะเจ็บหลัง คราวนี้นางลืมตาได้แล้วเห็นใบหน้าบุรุษผู้หนึ่งรางเลือนที่กำลังจับนางมัดเอาไว้
“ทะท่าน ปะปล่อย”
“ฟื้นแล้วเหรอ ข้าต้องมัดเจ้าไว้กลัวว่าจะฆ่าตัวตายอีก”
เขาเข้าใจนางผิดจึงมัดหนานอิงอย่างแน่นหนา ฉีกอาภรณ์ของนางจนขาดอุดปากนางเอาไว้ไม่ให้พูด
“ข้าต้องมัดปากเจ้าไว้กลัวเจ้าจะร้องเรียกคนมาฆ่าตัวเอง เจ้ายังมีประโยชน์กับข้าตายไม่ได้”
เขาอธิบายสั้น ๆ จับนางยัดเข้าไปในซอกหิน หนานอิงตัวเล็กจึงอยู่ในซอกนั้นได้ หานเซียวยังกลัวคนมาพบนางเข้า จึงยกก้อนหินมาปิดไว้บังสายตาคน
เสียงเย็นเยียบไร้หัวใจของเขายังสั่งนางก่อนหายไป
“รอที่นี่ ถ้าข้ากับพี่ไม่ตายเสียก่อนก็จะกลับมาช่วย แต่ถ้าข้ากับพี่ชายตายเจ้าเองก็อยากตายอยู่แล้ว ก็ปล่อยตัวเองตายในซอกหินนี้ให้สมใจเจ้าเถิด”
หานเซียวยิ้มในความปรารถนาดีที่ตนเองส่งต่อให้นาง
ในเมื่อนางอยากตายอยู่แล้ว หากพวกเขาตายก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใดเกี่ยวกับนางแล้วเช่นกัน