ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 14 ความหวังพังทลาย
ที่แท้ผู้ที่ขอมาพบกับหนานอิงก็คู่อดีตคู่หมั้นของนางหวังเหยียน หวังเหยียนบุรุษผู้เพียบพร้อมมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ อีกทั้งยังผูกใจชอบพอหนานอิงมาเนิ่นนาน เขาเพิ่งสอบได้จอหงวนและฝ่าบาทกำลังพิจารณาตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อรับราชการ
หลายวันก่อนที่กลับมายังบ้านเกิดสกุลหวังจัดงานเลี้ยงคนแทบจะทั้งเมือง ก่อนหน้านั้นสตรีน้อยใหญ่ต่างอิจฉาหนานอิงที่มีคู่หมั้นเพียบพร้อมทั้งหน้าตาฐานะศักดิ์ศรีเช่นนี้ แต่เมื่อนางถูกโจรจับไปแน่นอนว่าสกุลหวังย่อมไม่ยินดีที่จะรับนางเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ จึงบอกเลิกสัญญาหมั้นหมายสร้างความอับอายให้กับท่านหนานเป็นอย่างยิ่ง
ท่านหนานถูกผู้คนหัวเราะเยาะไปทั้งเมือง สายตาของผู้คนที่เหยียดหยามทำให้เขาไม่กล้าที่จะออกไปพบผู้คนแล้ว
ความรักที่หวังเหยียนมีต่อหนานอิงค่อนข้างลึกซึ้ง เขาเป็นบัณฑิตการจะมีใจให้สตรีสักคนย่อมไม่ใช่เพียงเพราะหน้าตาฐานะ แต่หมายรวมถึงความเป็นตัวตนของหนานอิงด้วย
ถึงที่บ้านของเขาและนางจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย เขาก็ยังหวังว่านางจะปลอดภัยกลับมา แม้เป็นภรรยาเอกไม่ได้ในใจของหวังเหยียนก็ยังยินดีรับหนานอิงเป็นภรรยารอง
ในสังคมนี้ยังมีครอบครัวผู้มีอันจะกินหลายครอบครัวไถ่นางโลมมาเป็นอนุ เขาจึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดเสียหาย บิดามารดาคงจะไม่คัดค้านหากเขาไม่ได้ยกย่องนางเป็นภรรยาเอก
ตั้งแต่มีข่าวกลุ่มโจรถูกฆ่าตาย เขาหวังว่าหนานอิงจะยังมีชีวิต ยังให้บ่าวออกตามหาอย่างลับ ๆ แต่หาเท่าใดก็ไม่พบหวังเหยียนยังไม่ละความพยายามเขาให้บ่าวเฝ้าที่หน้าคฤหาสน์ของท่านหนานทุกวันหากได้ข่าวคราวของนางให้รีบไปรายงานทันที
เมื่อรู้ว่านางกลับมาแล้ว เขาจึงไม่รอช้าที่จะมาพบนาง
มีบ่าวผู้หนึ่งที่ยังซื่อสัตย์ต่อหนานอิง เมื่อรู้ว่าหวังเหยียนมาขอพบคุณหนู บ่าวผุ้นั้นจึงดีใจเป็นอย่างยิ่ง รีบวิ่งไปหาหนานอิงที่เรือนทาส
ถึงผู้เป็นเจ้านายในบ้านนี้จะไม่ชอบหนานอิงและต่างอิจฉานางและมารดา แต่หนานอิงเป็นคนมีความเมตตาบ่าวไพร่จึงรักนางยิ่งนัก หลายคนที่ทั้งสงสารและเห็นใจในโชคชะตาของนาง
ในเรือนทาสถึงจะมีคนคอยเฝ้าอยู่ แต่บ่าวผู้นั้นก็รู้จักคนที่เฝ้ายามเป็นอย่างดี จึงเข้าไปส่งข่าวให้หนานอิงรู้ ยังเอายามาช่วยทำแผลให้หนานอิงอย่างเงียบเชียบ
“คุณหนูคุณชายหวังมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ ช่วงที่คุณหนูหายไปข้าได้ข่าวว่าเขาให้คนออกตามหาคุณหนู เขารักคุณหนูจริง ๆ นะเจ้าคะ เขามาช่วยคุณหนูแล้ว”
ในดวงตาที่แห้งแล้งของหนานอิงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ปากของนางแห้งผากยังเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“จริงหรือ พี่เหยียนมาหาข้าหรือ”
“จริงเจ้าค่ะ คุณชายหวังมาช่วยคุณหนูแล้วนะเจ้าคะ ข้าเห็นกับตาท่าทางของเขาเป็นกังวลมาก เขาอยากพบท่านเจ้าค่ะ”
หนานอิงหัวเราะแหบแห้ง
“แต่ข้าไม่มีหน้าไปพบเขาแล้ว ข้าไม่คู่ควร….”
หนานอิงที่คิดว่าตนเองจะไม่มีน้ำตาอีก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องบุรุษผู้ที่เป็นคู่หมั้นของนางนางกลับร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
ที่ผ่านมานางไม่ได้รักเขา แต่เพราะเขาเป็นคนดีนางจึงยินยอมหมั้นหมายตามคำสั่งบิดา ยิ่งนานวันความดีของเขาก็ยิ่งทำให้หนานอิงซาบซึ้งจนคล้ายจะมีใจให้
จวบจนเกิดเรื่องที่นางถูกลักพาตัว นางก็ตัดใจจากเขาไปแล้ว พยายามไม่คิดถึงเขาอีก หนานอิงรู้ดีว่าไม่มีบุรุษใดจะเอาสตรีสกปรกเช่นนางเป็นภรรยาเป็นแน่ อย่างไรนางกับเขาก็ไม่สมปรารถนาก็สู้อย่าเอ่ยถึงและลืมไปเลยเสียดีกว่า
“คุณหนูท่านยอมให้เขาช่วยสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูมีเพียงเขาเท่านั้นนะเจ้าคะ หากคุณชายหวังไม่รังเกียจยอมรับคุณหนูเป็นภรรยา ฮูหยินใหญ่ก็รั้งคุณหนูไว้ในจวนเพื่อทรมานไม่ได้นะเจ้าคะ”
อาโจวเองก็มองเห็นทางรอดของหนานอิงเช่นกัน นางเชื่อมั่นในตัวของคุณชายหวังว่าเขาเป็นคนดีเพียงใด เขาย่อมไม่ทอดทิ้งคุณหนูเป็นแน่
หนานอิงกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว นางกอดอาโจวร้องไห้แม้จะไม่อยากพบเขา หนานอิงบัดนี้ก็ต้องกล้ำกลืนความอับอายแล้วกดข่มมันเอาไว้ เขาคือหนทางรอดของนางคือความหวังเดียวที่นางหวังได้ในตอนนี้ นางหวังว่าเขาจะพานางออกไปจากที่นี่ ออกไปจากการทรมานของฮูหยินใหญ่
“อาโจว ข้าอับอายเขา ข้าไม่เคยคิดฝันว่าจะมีสภาพเช่นนี้ ข้าอับอายเหลือเกิน”
หนานอิงได้แต่ร้องไห้ ในขณะที่อาโจวเองก็สะอื้นออกมา สองนายบ่าวกอดกันกลมได้แต่ภาวนาว่าความหวังที่หวังเหยียนจะช่วยหนานอิงออกไปได้จะเป็นจริง
เรือนรับรอง
หนานฮูหยินโบกพัดเข้าไปทักทายหวังเหยียน ใบหน้าของนางบัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับเชิญเขาให้ดื่มชาอย่างสนิทสนม
“อาเหยียนเจ้าช่างเป็นบุรุษที่น้ำใจประเสริฐแท้ ไม่ถือสาอิงเอ๋อร์ของเราทั้งไม่รังเกียจเหมือนผู้อื่น ยังมีน้ำใจมาเยี่ยมนางทันทีที่ได้ข่าว”
ใบหน้าของหวังเหยียนดูหม่นหมอง แต่กระนั้นก็ยังคงงดงามเปล่งประกายจนฮูหยินหวังอยากได้เป็นลูกเขยใจจะขาด
“ท่านป้าอย่างไรข้าก็ถือว่านางเป็นคู่หมั้นของข้า ข้ารักนางด้วยใจจริงขอรับ ได้ข่าวว่านางกลับมาแล้วเป็นเช่นไรบ้าง ข้าเป็นห่วงนางยิ่งไม่ทราบว่าท่านป้าจะอนุญาตให้ข้าได้พบกับนางหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่ทำหน้าลำบากใจ นางไล่บ่าวออกไปจนหมดพร้อมเอ่ยกับหวังเหยียนเสียงเบา
“อิงเอ๋อร์ของเราน่าสงสารยิ่ง โจรพวกนั้นเฮ้ย….”
กล่าวถึงคำนี้น้ำตาพลันคลอเบ้า ฮูหยินใช้หลังมือปาดน้ำตาเล็กน้อยดูเหมือนว่านางจะเสียใจจนไม่อาจพูดออกมาได้
หวังเหยียนถอนหายใจอย่างเจ็บปวด หากไม่ได้ข่าวว่าทหารของท่านอ๋องสังหารโจรจนตายหมดแล้วเขาก็คงต้องจ้างคนมีฝีมือไปตามล่าพวกมันเป็นแน่
ในยามที่นางถูกจับตัวน่าเสียดายที่เขาไม่อาจช่วยนางได้เพราะอยู่ไกลถึงเมืองหลวง ข่าวคราวของนางเขาก็รู้หลังผู้อื่นหลายวันแล้ว
เขาเองก็รู้สึกสงสารนางเป็นอย่างยิ่งแต่เขาหาได้รังเกียจยินดีจะเลี้ยงดูนางในจวน อย่างไรเขาก็จะพานางไปอยู่เมืองหลวงห่างหูห่างตาชาวบ้านที่นี่ พานางไปให้พ้นความอัปยศที่นางได้รับและตั้งใจจะเลี้ยงดูนางให้ดี
“ท่านป้าข้าขอโทษขอรับ ข้าไม่ได้มีเจตนา”
เมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่ร้องไห้ เขาก็ลนลานแล้วเขาเป็นบัณฑิตผู้อ่อนโยนยิ่ง การเห็นน้ำตาของสตรีทำให้เขารู้สึกเหมือนเข็มที่ทิ่มตำ แต่เพราะเขาอ่อนโยนมากเช่นนี้จึงไม่สามารถขัดคำสั่งของมารดาได้แม้แต่ครั้งเดียว
ฮูหยินใหญ่แสร้งปาดน้ำตาของสองสามครั้ง แอบมองบัณฑิตที่อ่อนต่อโลกผู้นี้ด้วยวัน ๆ อยู่แต่กับตำราจึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ใด เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงเหมาะที่จะเป็นลูกเขยนัก
“ป้าแค่สงสารอิงเอ๋อร์ ถึงไม่ได้คลอดนางมาแต่ก็เลี้ยงดูนางด้วยตนเองตั้งแต่แบเบาะ เห็นหลานชายรักใคร่ห่วงใยนางเพียงนี้ก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้”
“ท่านป้า แล้วนางเป็นเช่นไรบ้างข้าอยากพบนางสักครั้งให้คำมั่นว่าข้าจะไม่ทอดทิ้งนางขอรับ”
ฮูหยินใหญ่ใช้พัดบังหน้า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดบัณฑิตผู้นี้ถึงได้โง่งมเช่นนี้ มีผู้ใดบ้างยังอยากได้สตรีที่ถูกโจรย่ำยีให้เสื่อมเกียรติ สงสัยว่าเขาคงจะเรียนหนักจนหนังสือกินสมองไปหมดแล้ว
ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ
“อิงเอ๋อร์ล้มป่วย ด้วยสภาพของนางในยามนี้เกรงว่าท่านลุงของเจ้าจะไม่อนุญาตให้พบ”
ได้ยินเช่นนั้นหวังเหยียนเองรู้สึกผิดหวัง แต่ด้วยเหตุผลเขาย่อมเข้าใจดี อีกอย่างการที่สกุลของเขาขอถอนหมั้นทันทีหลังจากที่หนานอิงถูกจับตัวก็ทำให้ท่านลุงหนานโกรธมากเช่นกัน จนป่านนี้ท่านลุงยังไม่ยอมพูดคุยกับเขาเลยสักประโยค
“ข้าเข้าใจขอรับ แต่นางไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตใช่หรือไม่ บ่าวของข้าบอกว่านางยังสามารถเดินเองได้ตอนที่ก้าวเข้าจวน”
ฮูหยินใหญ่ทำหน้าเศร้า ในใจเอ่ยไปตามความสัจจริงว่าบัดนี้แม้กระทั่งเดินก็ไม่อาจเดินได้แล้วนั่นเป็นเพราะมีดสั้นด้ามนั้นที่นางปักไว้บนขาของหนานอิง
“นางยังสบายดี ไม่เจ็บไข้รุนแรงเพียงนั้น แต่ร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บหลายจุด”
“ขอรับเพียงเท่านี้ข้าก็วางใจแล้วขอรับ ขอเพียงนางไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”
หวังเหยียนทำหน้าเศร้าเมื่อคิดว่าร่างกายของนางได้รับบาดเจ็บเพียงนั้น
“ไม่ใช่ว่าป้าจะปฏิเสธเจ้าอย่าเพิ่งทำหน้าเช่นนั้น เอาแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าฝากของแทนกายไปให้นาง ให้นางเห็นว่าเจ้าไม่ได้ทอดทิ้ง ป้าจะเป็นผู้นำไปมอบให้นางเอง หลานชายเห็นควรว่าอย่างไร”
“จริงด้วยขอรับ ท่านป้าช่างมีจิตใจละเอียดอ่อนยิ่ง”
หวังเหยียนกำลังคิดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้นางดี เขาไม่ได้เตรียมการมาเสียด้วย ฮูหยินชราจึงเสนอแนะอย่างอ่อนโยน
“หยกที่ห้อยอยู่ที่เอวของเจ้า เป็นหนานอิงสั่งทำให้ใช่หรือไม่ข้าเป็นคนที่ช่วยนางเลือกหยกชิ้นนี้เองกับมือ ของสิ่งนั้นเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร ป้าคิดว่าหากนางเห็นย่อมรู้ว่าเป็นเจ้าแน่นอน”
ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้น อันที่จริงเป็นเรื่องที่นางรู้เพราะมีบ่าวมารายงานว่าหนานอิงใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อหยกราคาแพงนั่นมาแกะเป็นป้ายห้อยเอวให้คู่หมั้น
หากเป็นผู้อื่นใช้เงินทองมากเช่นนี้คงโดนตำหนิ แต่หนานอิงในยามนั้นเป็นที่รักใคร่ของบิดา นางใช้เงินมือเติบเพียงใดเขาก็ไม่เคยบ่นแม้แต่ประโยคเดียว ตรงกันข้ามกับบุตรสาวเมียเอกเช่นนาเพียงซื้อผ้าไหมไม่กี่พับก็ถูกบิดาตำหนิแล้ว
“ใช่ขอรับท่านป้า ไม่คิดว่าแม้กระทั่งหยกของข้าท่านป้ายังเป็นผู้ที่ช่วยนางเลือก”
เขาพยักหน้าพลางคว้าหยกที่เอวของตนส่งให้ฮูหยินใหญ่ นางผู้นั้นรับมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ เพราะป้ากันอิงเอ๋อร์รักกันเหมือนแม่ลูกแท้ ๆ ป้าจึงปวดใจเช่นนี้อย่างไรเล่า ตั้งแต่นางถูกโจรพวกนั้นลักพาตัวไม่มีวันไหนที่ป้ากินอิ่มนอนหลับด้วยเป็นห่วงนางยิ่ง”
บ่าวของหวังเหยียนเอ่ยกับเขาเสียงเบา
“คุณชายขอรับ นายหญิงใกล้เวลาฮูหยินกลับจากไหว้พระแล้วนะขอรับ หากรู้ว่าท่านมาที่นี่..”
หวังเหยียนพยักหน้า เขาเข้าใจแล้วท่านแม่ไม่อยากให้เขาข้องแวะกับสกุลหนานอีก ทั้งยังรังเกียจหนานอิงยิ่งนัก หากรู้ว่านางกลับมาแล้วและเขาเร่งมาหานางคงได้เกิดเรื่องแน่ โชคดีที่วันนี้ท่านแม่ออกไปไหว้พระหวังเหยียนจึงออกจากจวนได้
“ป้ายหยกนี้ข้าวานท่านป้าช่วยบอกนางว่าข้าจะกลับมารับมันอีกครั้งด้วยตนเองนะขอรับ ข้าสัญญาว่าจะมารับนางเป็นภรรยาและจะพานางไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน ขอให้นางดูแลรักษาตัวให้ดีอย่าคิดมากเป็นอันขาด ให้นางรอข้า”
ฮูหยินใหญ่ตอบรับด้วยรอยยิ้มคล้ายกำลังตื้นตันใจ
“ได้สิ ป้าจะส่งข่าวให้นางเองอีกสามวันเจ้ามาหานางอีกครั้ง ป้าคิดว่าตอนนั้นนางคงพร้อมที่จะพบเจ้าแล้ว”
หวังเหยียนดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขารีบตอบรับอย่างลิงโลด
“ขอรับ เข้าใจแล้วขอรับข้าจะกลับมาเยี่ยมนาง”
หวังเหยียนประสานมือเข้าด้วยกัน ก่อนจะขอลากลับ
ฮูหยินใหญ่หัวเราะ มองหยกเขียวเนื้อดีในมือพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย บุตรสาวฝาแฝดที่แอบดูอยู่นานรีบเดินเข้ามา
“ท่านแม่เหตุใดท่านรับของที่ท่านพี่เหยียนมอบให้หนานอิงเล่าเจ้าคะ ท่านคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ คิดจะช่วยนางหรือเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่ส่ายหน้า
“พวกเจ้าเหตุใดคิดว่าแม่ต้องช่วยนางผู้นั้นด้วยเล่า ในเมื่อแม่ทำลายนางด้วยตนเอง เมื่อคิดจะทำลายผู้ใดแล้วก็จงทำให้สะใจที่สุด”
บุตรสาวฝาแฝดทั้งสองไม่เข้าใจ
“แต่ท่านแม่ ท่านยังนัดท่านพี่เหยียนมาพบนางอีกสามวันนะเจ้าคะ หากวันนั้นท่านให้พบแล้วหนานอิงฟ้องว่าเป็นท่านที่ใจร้าย ท่านจะทำเช่นไร”
“ให้พบนางหรือ ไม่มีทางเจ้าทั้งสองอีกสามวันต่อจากนี้จงเตรียมตัวให้ดีเถิด บัณฑิตผู้มีหน้ามีตาที่สุดหวังเหยียนจะกลายเป็นสามีของพวกเจ้าแน่นอน”
ฮูหยินใหญ่และบุตรสาวทั้งสองบัดนี้ยืนอยู่หน้าประตูเรือนทาสที่คุมขังหนานอิงเอาไว้ข้างกายของหนานอิงมีอาโจวบ่าวรับใช้ที่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างกายผู้เป็นนาย
พี่น้องฝาแฝดหนานหมิงและหนานเมิ่งมองนางด้วยสายตาขยะแขยง สภาพของหนานอิงในตอนนี้ดูไม่ออกว่าเคยเป็นสตรีผู้ขึ้นชื่อว่างดงามแลเพียบพร้อมเป็นอันดับหนึ่งในเมือง
อาภรณ์สีขาวของหนานอิงบัดนี้ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงเป็นจุดใหญ่ ๆ ด้วยเลือดของนางเอง อาโจวกำลังช่วยทำแผลที่ขาให้ ฮูหยินใหญ่มองด้วยท่าทางเดียดฉันท์
หนานอิงเหนื่อยหอบนางหลับตาแต่ไม่ได้สลบได้ยินเสียงสนทนาของสามคนแม่ลูกที่อยู่ตรงหน้าหนานอิงไม่แม้แต่จะมองพวกนางให้เสียสายตา
“พวกเจ้าในนี้ดูมันให้ดี อย่าเพิ่งปล่อยให้มันตาย”
“ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดต้องช่วยมันเจ้าคะ”
หนานหมิงและหนานเมิ่งไม่เข้าใจเจตนาของผู้เป็นมารดา
“พวกเจ้ารอดูเฉย ๆ ก็พอ ทุกอย่างให้แม่จัดการเอง”
อาโจวได้ยินดังนั้นพลันรู้สึกว่าฮูหยินใหญ่เกิดมีน้ำใจใช่หรือไม่ สภาพของหนานอิงในตอนนี้ดูย่ำแย่อาโจวกลัวว่าคุณหนูของนางจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว
อาโจวกำลังจะเอ่ยปากร้องขอ แต่หนานอิงจับแขนของนางเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้าไม่ให้นางพูดออกมา ไม่ผิดจากที่หนานอิงคิด ฮูหยินใหญ่หาได้มีใจเมตตาแต่ตรงข้ามนางผู้นี้เกลียดชังหนานอิงจนเข้ากระดูก
“โดนตีจนสลบไปแล้วหรือ พวกเจ้าไปเอาน้ำเย็นมาถังทำให้นางฟื้น”
บ่าวที่เฝ้าพวกนางหวาดกลัวฮูหยินใหญ่รีบทำตามคำสั่งอย่างว่องไว หนานอิงจึงถูกน้ำเย็นถังใหญ่สาดเข้าที่ร่างกายจนเปียกชื้น
อากาศวันนี้ที่หนาวก็นับว่าทรมานแล้ว หนานอิงหาได้สนใจความหนาวนี่อีกต่อไป ได้แต่ก้มหน้ารับโชคชะตาอันโหดร้ายจะทำร้ายนางก็เอาเลย นางไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว
“ฮึ ฮึ ฮึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คงมีแต่เสียงหัวเราะเย็นชาเท่านั้นที่หลุดออกมาจากปากของหนานอิง
“ยังหัวเราะออกอีกหรือ ถ้ารู้เรื่องนี้ยังจะหัวเราะออกหรือไม่ มีคนเขาฝากของมาคืนเจ้า เขาบอกกับข้าว่ามันเป็นเสนียดของชีวิต เขาไม่ต้องการมันอีก”
ฮูหยินใหญ่หัวเราะขบขัน นางโยนหยกต่างหน้าของหวังเหยียนลงบนพื้น อาโจวเห็นเพียงแวบเดียวก็จำได้ว่าเป็นหยกของผู้ใด อาโจวหยิบขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงเบา
“คุณหนู หยกนี่”
หนานอิงเห็นชัดเจนแล้ว เป็นหยกที่นางให้ไว้เป็นของแทนใจคู่หมั้นนางย่อมจำได้ดี
“คุณชายหวังเขารังเกียจ กลัวว่าเจ้าจะยังพร่ำเพ้อถึงเขาอย่างไร้ประโยชน์อีก จึงฝากสิ่งนี้มาคืน หนานอิงผู้น่าสงสาร โถถูกถอนหมั้นว่าน่าอับอายแล้ว อดีตคู่หมั้นยังรังเกียจถึงขนาดส่งของคืนคงจะเจ็บปวดไม่น้อยใช่หรือไม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หนานอิงกำหยกแน่น ความเจ็บปวดพุ่งเข้าทิ่มตำหัวใจของนางจนพังทลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อาโจวเบิกตาโพลง นางส่ายหน้า
“ต้องไม่ใช่เรื่องจริงค่ะคุณหนู อย่าเชื่อเด็ดขาดนะเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าเชื่อนะเจ้าคะ”