ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 12 รุมทำร้าย
“ท่านพ่อ…กำลังไล่ลูกหรือเจ้าคะ”
ไร้เสียงตอบจากบิดาในยามนี้เขาไม่มองหน้านางเสียด้วยซ้ำ กลับยังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พ่อบ้านหลิ่ว ลากนางออกไป”
“ท่านพี่ ท่านพี่ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ อิงเอ๋อร์เป็นธิดาของท่านนะเจ้าคะท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร จะไล่นางไปได้อย่างไร ท่านใจร้ายมากนะเจ้าคะ ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอมให้ท่านทำเช่นนี้กับลูกของข้า”
“หุบปาก”
ท่านหนานหน้าตึงถลึงตามองมารดาของหนานอิง นางผู้นั้นสวมอาภรณ์ผู้ไหมเนื้อดีเทียบเท่าได้กับอาภรณ์ของฮูหยินเอกผู้หนึ่ง เพราะบุตรสาวหายตัวไปจึงทำให้ใบหน้าของนางทรุดโทรมอิดโรยกินไม่ได้นอนไม่หลับมาครึ่งเดือน จนบัดนี้ความงามที่เคยมีร่วงโรยคล้ายสตรีชราผู้หนึ่ง
ท่านหนานเห็นเช่นนี้แล้วรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก เพียงอนุผู้หนึ่งเหตุใดบัดนี้จึงได้เหิมเกริมถึงเพียงนี้
มารดาของหนานอิงคุกเข่านางโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงอ้อนวอนขอร้องผู้เป็นสามีทั้งยังร้องไห้ปริ่มใจจะขาด
“ท่านพี่ ท่านไล่นางไปไม่ได้เจ้าค่ะ นางเป็นบุตรสาวที่ท่านรักที่สุดไม่ใช่หรือเจ้าคะ ท่านพี่ได้โปรดข้าขอร้องท่าน ต่อไปท่านไม่ต้องสนใจนางก็ได้ แต่ขอให้นางอยู่ที่สกุลหนาน อย่าปล่อยให้นางออกไปลำบากข้างนอกเลยนะเจ้าคะ นางเป็นลูกของท่าน ท่านกำลังทำไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ”
“ท่านแม่ ฮือ ฮือ ท่านแม่ พอเถิดเจ้าค่ะ พอเถิด”
หนานอิงแทบจะหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดมารดาของนางโขกศีรษะลงกับพื้นจนแดงไปหมดแล้ว หนานอิงกลั้นสะอื้นกอดมารดาเอาไว้ ไม่ให้นางทำร้ายตนเองอีก
“ท่านแม่อย่าทำเช่นนั้น ข้าไม่เป็นไร ข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่พอเถิดเจ้าค่ะ”
นางผู้นี้กลายเป็นคางคกขึ้นวอตั้งแต่เมื่อใด มีอนุเรือนใดบ้างที่กล้าต่อปากต่อคำกับผู้เป็นเจ้าชีวิตเช่นนาง สตรีผู้นี้ยังกล้าเอ่ยปากตำหนิเขาอีก
“ท่านพี่ ท่านกำลังทำไม่ถูกต้อง เหตุใดท่านจึงใจดำถึงเพียงนี้”
เพื่อที่จะปกป้องบุตรสาวที่นางรักเท่าชีวิต มารดาของหนานอิงย่อมไม่ยอมเป็นอันขาด
แต่การกระทำเช่นนั้นของนางกลับเพิ่มโทสะให้กับท่านหนาน เขาเป็นใหญ่ในเรือนนี้มีผู้ใดบ้างที่กล้าขัดคำสั่งเขา หรือกระทั่งกล้าที่จะเถียงเพียงเขาชำเลืองสายตาคนในเรือนก็หวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว
ท่านหนานก้าวเข้าไปดึงร่างของอนุที่เคยเป็นคนโปรด แล้วลงมือตบอย่างแรงเพื่อสั่งสอน
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
“ท่านแม่ อย่านะ อย่าทำท่านแม่”
หนานอิงโผเข้าไปขวาง แต่ถูกพ่อบ้านดึงร่างนางออกมาไม่ให้เข้าไปยุ่ง ยังผลักนางจนหนานอิงล้มเข่ากระแทกพื้น นางเพิ่งฟื้นจากอาการป่วยร่างกายอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ถูกแรงเหวี่ยงแรงเช่นนี้จึงทำให้นางเจ็บไปทั้งร่าง
เมื่อจัดการสตรีขึ้นวอผู้นั้นแล้ว ท่านหนานชี้นิ้วที่สั่นระริกไปที่ร่างของสตรีผู้นั้น
“เจ้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ลากนางออกไปอย่าให้รำคาญสายตาของข้าอีก ขังนางเอาไว้ให้นางได้สำนึก”
“ไม่ข้าไม่ไป ท่านพี่ข้าขอร้องท่านเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”
ท่านหนานโบกมือเสียงแข็ง
“ลากนางไปหาสิ่งใดอุดปากนางด้วยหนวกหูเหลือเกิน”
หนานอิงไม่ต้องการให้มารดาเดือดร้อนเพราะนางอีก นางต้องเข้มแข็ง พยายามฉีกยิ้มให้กับมารดา
“ท่านแม่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่ข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องห่วงข้า”
หนานอิงไม่ขอร้องบิดาแล้ว นางไม่ใช่คนโง่ สายตาของบิดาในตอนนี้ทำให้นางรู้ว่านางก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ทำประโยชน์ให้เขาเท่านั้น
ที่ผ่านมาแม้จะเป็นบุตรอนุผู้หนึ่งและยังได้รับการยกย่องจากเขานั่นเป็นเพราะนางมีความสามารถทำให้กิจการค้าของเขาก้าวหน้าก็เท่านั้นเอง
บุตรธิดาของท่านหนานมีรวมกันเกือบยี่สิบคนยังมีอนุอีกสองคนที่กำลังตั้งท้อง ท่านหนานเป็นบุรุษรูปงามร่ำรวยเงินทอง แม้จะย่างเข้าสู่วัยชรา แต่เพราะอาหารการกินชั้นเลิศ และการดูแลร่างกายของตนเองเป็นอย่างดีทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง
เขาเป็นพ่อค้าหน้าเลือด เห็นเงินเป็นสำคัญกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของเขาและลูกอนุล้วนเป็นความสัมพันธ์ในเชิงผลประโยชน์ทั้งสิ้น
มารดาของหนานอิงถูกบ่าวลากออกไปแล้ว หนานอิงยังได้ยินเสียงของมารดาเรียกชื่อของนางอย่างโหยหวนจนกระทั่งเสียงนั้นเงียบไป
ปวด ปวดใจเหลือเกิน
ถุงเงินถุงหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าของนาง หนานอิงมองมันอย่างเย็นชา แม้กระทั่งถุงเงินที่โยนให้ยังเป็นถุงเงินเก่าที่แม้แต่ขอทานยังโยนทิ้ง
“ไปจากสกุลหนานเสียอย่ากลับมาอีกข้าไม่เคยมีบุตรสาวเช่นเจ้า”
หนานอิงปาดน้ำตาเจ็บเจียนใจสลายเมื่อได้ยินจากปากบิดาที่นางนับถือเท่าชีวิตและรักเคารพเขามาจวบจนกระทั่งอายุสิบเจ็ดปีเอ่ยคำนี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย
นางกลั้นสะอื้นท่ามกลางสายตาของทุกคนในสกุลที่มองนางอย่างรังเกียจ ทั้งฮูหยินใหญ่ อนุของท่านหนานที่เคยเรียกตนเองว่าแม่อย่างอ่อนโยนและบรรดาพี่น้องของนางที่แต่ก่อนมักจะเข้ามาเอาอกเอาใจและขอร้องให้นางช่วยมาโดยตลอด
พวกเขามักจะปั้นหน้ามีรอยยิ้มอ่อนน้อมให้นางเสมอ บัดนี้ทุกคนกลับมองนางด้วยความสะใจและเกลียดชังอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
ที่แท้กระทั่งพี่น้องที่นางเคยมี เคยช่วยเหลือด้วยใจจริงทุกคนต่างก็เกลียดนาง นางเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว
หนานอิงดึงมีดสั้นออกมาจากเอว เป็นมีดสั้นที่นางแอบพกติดกายในยามที่อยู่หอนางโลม ด้วยกลัวว่าแม่เล้าจะบังคับให้นางขายตัว บัดนี้นางกลับได้ใช้มีดนี้กับคนในสกุลของตนเอง
หนานอิงดึงมีดออกจากฝักท่ามกลางเสียงหวีดร้องของคนที่มุงดูซึ่งส่วนมากเป็นสตรี หนานอิงกำผมของตนเองเอาไว้ใช้มีดสั้นจ่อเข้าที่เรือนผมยาวสลวย
หนานอิงหัวเราะอย่างเย็นชา ปลดปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ให้หลั่งออกมาเป็นสาย
ท่านหนานเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าหนานอิงกำลังคิดจะทำสิ่งใด
“นี่เจ้าคิดจะทำสิ่งใด นังเด็กสารเลว”
หนานอิงกล่าวอย่างเจ็บปวด
“ร่างกาย เส้นผม ผิวหนัง พ่อแม่เป็นผู้ให้มา ไม่ควรทำลาย แต่บัดนี้ท่านได้ตัดขาดจากข้าแล้ว ข้าหนานอิงก็ไม่ขอที่จะเป็นลูกของท่านเช่นกัน ข้าขอคืนให้ท่านต่อไปเราสองไม่ต้องติดค้างกันอีก”
ท่านหนานกำมือแน่น หนานอิงทำเช่นนี้เป็นการหยามเกียรติของเขาผู้เป็นบิดา นางเป็นคนที่เขาให้ชีวิตมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถตัดสินชีวิตของนางได้
เขาลงมือได้แต่นางห้าม!!!!
หนานอิงตัดผมของตนเองออกมากำใหญ่ แล้วโยนเส้นผมลงพื้นก่อนที่จะยกมุมปากเย็นชา หนานอิงสะอื้นพลางยกมือซ้ายขึ้นมา ข้อมือของนางผอมแห้งเพราะเพิ่งพ้นจากอาการป่วย นางไม่แม้แต่จะหวาดกลัวเมื่อกดมีดแหลมคมลงบนฝ่ามือแล้วกรีดเป็นทางยาวปล่อยให้เลือดรินไหลออกมา
“เส้นผม กับเลือดของข้าขอคืนให้ท่าน บัดนี้เราสองคนตัดขาดกันอย่างกันแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก”
“นังสารเลว คิดจะเหยียดหยามข้าหรือ?”
ท่านหนานไม่สามารถระงับโทสะของตนเองได้อีกต่อไป เขาปรี่เข้ามาตบหนานอิงอย่างแรงจนนางล้มลงไปที่พื้น แก้มของนางบวมเป่งทั้งยังเลือดไหลออกมา
หนานอิงพ่นเลือดออกจากปาก นางในตอนนี้ไร้ค่ายิ่งสมควรตายไปเสียดีกว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของนางหรือ ถูกโจรชั่วจับตัว ถูกวางยา ถูกข่มขืน ยังถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้ายและยังผลักไสอย่างอำมหิต
ทั้งหมดเป็นความผิดของนางหรือ?
หนานอิงเกลียด เกลียดทุกคนที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้ บัดนี้นางไร้แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ศักดิ์ศรีถูกทำลาย บิดาไม่ต้องการ จะให้นางมีชีวิตอยู่ภายใต้สายตาของผู้คนที่เหยียดหยามได้อย่างไร
หนานอิงได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น เป็นเสียงของหนานหมิงและหนานเมิ่งบุตรสาวฝาแฝดของฮูหยินใหญ่ สองคนนี้ที่ผ่านมาล้วนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดนางเพียงใด
หนานอิงเป็นเพียงลูกอนุแต่กลับได้รับความโปรดปรานจากบิดามากกว่าพวกตน สิ่งที่หนานอิงเจอในวันนี้ล้วนสมควรแล้ว ความตกต่ำอย่างที่สุดของหนานอิงคือสิ่งที่พวกนางทั้งสองต่างรอคอย
และในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่หนานอิงมีสภาพยับเยินเช่นนี้
“ออกไปเสีย และอย่าได้บอกผู้ใดว่าเป็นลูกของข้า”
น้ำเสียงเย็นชาของบิดาเอ่ยออกมาอีกครั้ง พร้อมทั้งสะบัดผ้าจากไปโดยไม่ไยดี ผู้คนทยอยเดินหนีนางไม่มีแม้แต่สักคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือ คงมีแต่สาวใช้ของนางที่เข้าไปประคองหนานอิงด้วยร่างกายสั่นระริกอีกทั้งยังร้องไห้น้ำตาเป็นสาย
“คุณหนู หากท่านไม่อยู่ข้าก็จะไปกับท่าน”
“อาโจว”
หนานอิงมองอาโจวอย่างซาบซึ้ง ในขณะที่อาโจวฉีกกระโปรงของตัวเองออกเป็นทางยาวช่วยพันแผลที่มือให้นางด้วยความรู้สึกปวดร้าว
“เจ้าจะไปกับข้าได้อย่างไร หากหนีไปกับข้าก็ต้องถูกตามล่า และโทษของทาสที่หนีก็คือตายสถานเดียวเจ้าไม่รู้หรือ”
“คุณหนูแต่บ่าวเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาคุณหนูไม่เคยลำบากเลยนะเจ้าคะ จะอยู่ได้อย่างไร ท่านอยู่ที่ใดบ่าวก็จะอยู่กับท่านที่นั่น ต่อให้ตายบ่าวก็ไม่กลัว บ่าวจะขอร้องนายท่านให้บ่าวไปกับคุณหนู เขายังให้เงินคุณหนูเขาน่าจะมีใจเมตตาบ้าง”
หนานอิงส่ายหน้า
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้า…..”
หนานอิงบัดนี้ปล่อยวางแล้ว มีดยังอยู่ในมือของนาง ตั้งใจว่าจะฆ่าตัวเองให้ตายเพื่อหลุดพ้นเสีย นางมองมีดอย่างเหม่อลอย แก้มบวมเป่ง จวบจนกระทั่งนางได้ยินเสียงของมารดาหวีดร้องขึ้นมาอีกคราหนึ่ง
“ข้าจะไปช่วยลูกของข้า อิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะไปช่วยเจ้า ปล่อยข้า อิงเอ๋อร์ของแม่ ปล่อยข้า ข้าจะไปช่วยลูกของข้า”
เสียงของมารดาบัดนี้คล้ายจะเป็นบ้าไปแล้ว หนานอิงเจ็บราวกับมีผู้ใดเอามีดมากรีดที่หัวใจซ้ำ ๆ นางยังตายไม่ได้ นางยังมีท่านแม่ของนางอีกคน นางยังมีบ่าวคนนี้ที่รักนางด้วยใจจริง นางจะตายไม่ได้
“พวกเจ้าจะรอช้าอยู่ไยลากนางออกไป อย่าปล่อยให้หญิงชั้นต่ำผู้นี้เป็นตัวซวยของที่นี่อีก”
คำสั่งของฮูหยินใหญ่พลันดังขึ้น บ่าวผู้ชายสองคนซึ่งเป็นคนของฮูหยินใหญ่ผลักร่างของอาโจวออกจนกระเด็น พวกเขาจับแขนของหนานอิงคนละข้างในขณะที่หนานอิงเองร้องเสียงหลงออกมาเมื่อเห็นว่าอาโจวเองก็กำลังถูกบ่าวของฮูหยินใหญ่ทำร้าย
“อาโจว”
ฮูหยินใหญ่นั่งลงตรงหน้าของหนานอิง จิกศีรษะของหนานอิงให้นางเงยหน้าขึ้นด้วยมือหนึ่ง อีกมือดึงมีดสั้นเล่มนั้นออกมาถือเอาไว้ หนานอิงไม่มีแรงแล้วนางเจ็บไปทั้งร่างจึงถูกแย่งมีดออกจากมืออย่างง่ายดาย
ฮูหยินใหญ่เอ่ยเสียงเยาะหยัน
“เมื่อสักครู่เห็นทำท่าอยากตาย เหตุใดไม่แทงตัวเองเสียเล่า ตายไปเสียจะได้ไม่สร้างความอัปยศให้วงศ์สกุลอีก ความจริงโจรผู้นั้นน่าจะฆ่าเจ้าเสีย เป็นเช่นไรรสรักบนเตียงของโจรตาเดียวถึงใจหรือไม่”
หนานอิงเบิกตากว้าง ฮูหยินใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าหัวหน้าโจรที่ลักพาตัวของนางมีตาบอดข้างหนึ่ง หรือว่า…?
หนานอิงแสยะยิ้มพร้อมกับพ่นน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดใส่หน้าของฮูหยินใหญ่
ถุ้ย ถุ้ย
ฮูหยินใหญ่หัวเราะอย่างเย็นชา นางค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำลายของหนานอิงอย่างใจเย็น อีกทั้งยังกระซิบข้างหูเสียงเบา
“เป็นแค่ลูกอนุ คิดยกตนเทียมลูกสาวข้าหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เด็กเอ๋ยเด็กเจ้าน่ะมันคนละชั้นกับข้า ในเมื่อกล้าเสนอหน้าก็ควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง แม่ของเจ้าอีกอย่าคิดว่าข้าจะปล่อยให้รอดไปได้”
หนานอิงพลันสะดุ้ง เจ็บชาไปที่หน้าขาเมื่อมีดในมือของฮูหยินใหญ่ถูกปักลงมา ฮูหยินใหญ่หัวเราะด้วยความสะใจ นางเอ่ยอย่างเลือดเย็น
“ข้าคืนมีดให้เจ้าเผื่อคิดอยากฆ่าตัวตาย”
หนานอิงเจ็บจนชาแต่ไม่ไม่ร้องสักแอะ นางกัดฟันพลันถ่มน้ำลายใส่หน้าของฮูหยินใหญ่อีกครั้งแต่ครานี้นางไม่ทันได้คิดก็ถูกฝ่ามือของฮูหยินใหญ่ตบเข้าที่หน้าอีกครั้ง
นางผู้นั้นหัวเราะแล้วเอ่ยว่า
“แผลนี่เอาคืนที่แม่ของเจ้ายั่วยวนท่านพี่ และฝ่ามือนั่นเอาคืนที่เจ้าแย่งสิ่งที่ลูกข้าควรได้รับไปจากเจ้า ลากมันออกไป”
“ขอรับ”
บ่าวสองคนจับแขนหนานอิงคนละข้าง ลากนางออกไปทั้งที่มีดยังปักคาอยู่ที่หน้าขา ในขณะที่อาโจวดิ้นรนคิดเข้าช่วยหนานอิง แต่กลับถูกคนของฮูหยินใหญ่ตีจนสลบ
หนานอิงในตอนนี้ไม่อาจช่วยตนเองได้ ยังเห็นอาโจวถูกเฆี่ยนตีเจ็บช้ำจนแทบใจสลาย กระทั่งจู่ ๆ ฮูหยินใหญ่พลันเอ่ยว่า
“ช้าก่อนอย่าเพิ่งปล่อยมันไป ข้าจะปล่อยให้มันจากไปง่าย ๆ ได้อย่างไร เอามันไปขังไว้ที่เรือนทาส”
บ่าวทั้งสองลังเล
“แต่นายท่านมีคำสั่ง ให้ไล่นางไปนะขอรับ เกรงว่า”
ฮูหยินใหญ่เพียงถลึงตาใส่บ่าวทั้งสอง พวกเขาพลันก้มหน้าลงแล้วลากหนานอิงไปตามคำสั่งทันที หนานอิงไม่ร้องขอชีวิต นางไม่โวยวาย น้ำตาที่หลั่งออกมาบัดนี้เหือดแห้งแล้ว นางจ้องฮูหยินใหญ่เขม็ง หนี้แค้นนี้ของนางฮูหยินผู้นั้นต้องชำระด้วยเลือด
บ่าวผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“เรียนนายหญิงมีแขกมาขอพบคุณหนูหนานอิงขอรับ”
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วเป็นปม เป็นผู้ใดกันที่รู้ข่าวไวเช่นนี้