ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 95 ภาค 4 ตอนที่ 12 ตำนานของลิเวียธาน
“เรื่องก็เป็นเช่นนี้ค่ะ พวกเราจึงต้องการให้พวกท่านนำปลาไปส่งที่ท่าเรือหมู่บ้านโอล”
ฉันโค้งตัวอย่างสุภาพเพื่อเป็นการเคารพท่านโชกุน พร้อมทั้งบอกธุระของตนเองอย่างชัดเจน ในตอนนี้ฉันอยู่ในวังของประเทศ โอริว ซึ่งอยู่ในแนวปะการัง นากาชิระ
ท่านโชกุนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะใช้มือลูบเคราของตนเอง ก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบกับฉัน เป็นประเทศที่เจรจาง่ายรองลงมาจากแฟร์แล้วละมั้ง
“ได้ ข้าจะให้ลูกน้องจัดการโดยเร็วที่สุด”
“ขอบคุณมากค่ะ…แล้วก็ ฉันมีเรื่องอยากสอบถามเพิ่มเติมได้ไหมคะ…เกี่ยวกับปรสิต”
“หืม?”
เป็นเพราะฉันทักในตอนที่เขากำลังลุกอยู่ ท่านโชกุนจึงส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย ก่อนจะใช้มือลูบคางของตนเองเพื่อนึกบางอย่าง ก่อนจะถามกลับมา
“หมายถึง ปรสิตโบรุรึ?”
“…ฉันไม่ทราบเรื่องชื่อ แต่ได้ยินว่าพวกมันจะโตเป็นปะการังบนหลังสิ่งมีชีวิต”
“อา…ถ้างั้นก็ใช่แล้วละ”
เขาถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่ายใจเมื่อพูดถึงปรสิตโบรุ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นตามเดิมเพื่อพูดคุยกันต่อ
“ฉันอยากทราบข้อมูลไว้ เพื่อระวังและป้องกันค่ะ”
“นั่นสินะ ข้าเองก็นึกว่าพวกท่านรู้อยู่แล้วจึงไม่ได้บอกอะไร…อย่างที่เจ้าว่า ปรสิตโบรุนั้นจะแย่งสารอาหารจากสิ่งมีชีวิตที่ตัวเองเกาะ จนเติบโตอยู่บนหลังของสิ่งมีชีวิต มีรูปร่างคล้ายปะการังเพื่อหลอกล่อสัตว์ใต้ทะเลให้เข้าไปกิน”
ฉันที่ได้รับคำตอบแบบนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ถ้าหากว่ามันเลียนแบบปะการังเพื่อหลอกล่อ แล้วมีวิธีไหนบ้างนะที่จะสังเกตมัน หรือไม่บางที ถ้าปลาเคยไปกินมาก่อนก็อาจจะติดต่อกันได้…
และอาจจะเป็นเพราะว่าฉันทำสีหน้าเคร่งเครียด ท่านโชกุนจึงพูดขึ้นเพื่อให้สบายใจ
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ที่โอริวมีทหารคอยสอดส่องปะการังตลอดว่ามีปรสิตชนิดนี้หลงอยู่ไหม ถ้ามีก็จะทำการกำจัดในทันที…แล้วก่อนติดต่อกับท่าน มังกรวูลเวิลก็เพิ่งเคลื่อนผ่านพวกเราไปด้วย”
มังกรวูลเวิล…พอนึกย้อนกลับไป รู้สึกว่าท่านโชกุนจะเคยบอกว่าแนวปะการังแห่งนี้เคยเป็นซากของมังกรวูลเวิล ดังนั้นก็แสดงว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่มากสินะ
“พวกมังกรวูลเวิลมีหน้าตาเหมือนวาฬสีน้ำเงิน ที่มีขนาดตัวมหึมาและปะการังจำนวนมากบนหลัง แล้วตามธรรมชาติ พวกวาฬจะส่งเสียงร้องในการสื่อสารกัน ซึ่งในเสียงร้องนั้นก็มีเวทมนตร์รักษาอยู่ ดังนั้นถ้ามังกรวูลเวิลเคลื่อนผ่านที่ใด ที่นั่นก็จะปลอดภัยจากปรสิตโบรุ”
“แบบนี้นี่เอง…ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับข้อมูล”
หลังจากได้ข้อมูลตามที่ตัวเองต้องการแล้ว ฉันก็โค้งตัวให้กับท่านโชกุนเพื่อขอบคุณอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะลุกออกไปก่อนเพื่อสั่งให้ลูกน้องเตรียมปลาตามที่ฉันสั่ง
คราวนี้เยอะกว่ารอบก่อนก็จริง แต่ส่วนที่ฉันต้องรอและขนไปมีแค่บางส่วน ตอนนี้พวกแฟร์เองก็คงพากลุ่มกบฏไปถึงเมืองที่นัดไว้พอดีกับที่ได้ของ
ดังนั้นตอนนี้ก็…
“ไปเดินเล่นกับริเกลสักหน่อยแล้วกัน”
เมื่อพึมพำออกมาแบบนั้นจบ ฉันก็ยิ้มเล็ก ๆ พร้อมกับลุกขึ้นเพื่อตรงไปหาริเกลที่รออยู่ในสวน และตามคาด ตอนนี้เธอกำลังทำหน้าตาเบื่อหน่าย โดยมีเจ้าหญิงและมังกรของเธอที่ชื่อมิโอะปีนป่ายตามตัวอยู่
“กลับมาแล้วริเกล”
“กรร!!”
ริเกลส่งเสียงออกมาด้วยความยินดีในทันทีที่ได้ยินฉันเรียก พร้อมทั้งวิ่งแจ้นเข้ามาหาโดยที่ระวังไม่ให้พวกเจ้าหญิงตกจากตัวเอง
หุ น่ารักจริง ๆ นั่นแหละ ริเกลเข้ามาคลอเคลียกับฉันเพื่ออ้อนตามปกติ เพียงแต่ว่าส่งเสียงร้องเบา ๆ ในลำคอ ราวกับพยายามจะถามว่าทำไมถึงช้า
ฉันจึงเล่าให้เธอฟังคร่าว ๆ
“คุยกับท่านโชกุนเรื่องปรสิตที่ผู้หญิงในหมู่บ้านพูดถึงน่ะ”
“กรร?”
“แต่ไม่เป็นไรหรอก เห็นว่าเขาช่วยดูให้แล้วละ”
พอฉันเล่าไปแบบสั้น ๆ ริเกลก็ร้องออกมาเสียงใสพร้อมทั้งพยักหน้าอย่างร่าเริง ทำให้ฉันขำแห้งออกมา แบบนี้แสดงว่าคงไม่ได้สนใจมาตั้งแต่แรกแล้วสินะ เอาเถอะ
แต่ว่าในตอนนั้นเอง พวกเจ้าหญิงที่ลงมาจากตัวของริเกลตาพากันมองหน้ากัน และหันมาสบตากับฉันพร้อมทั้งเอียงหัว
“พวกเคียร่าไม่รู้จักปรสิตโบรุเหรอ?”
“ใช่แล้วละ พวกเราบนพื้นทวีปไม่ค่อยมีข้อมูลของเมืองบาดาลเท่าไหร่น่ะ”
“แล้วลิเวียธานละ?”
เมื่อได้ยินชื่อนั้นอีกครั้งฉันก็เปิดตากว้างขึ้นในทันที ลิเวียธาน…ชื่อของปีศาจที่เป็นตัวแทนของบาปอิจฉา ก่อนหน้านี้พระสันตะปาปาเคยบอกไว้ว่าเขามีท่าทีแปลกไป
นอกเหนือจากนั้น…ฉันก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับลิเวียธานเท่าไหร่ จึงได้แต่ส่ายหน้าให้กับเจ้าหญิง
“ไม่เคยได้ยินเลย…ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”
ยังไงซะก็ต้องหาข้อมูลเผื่อเอาไว้ ไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ฉันจึงขอร้องเธอไปเช่นนั้น ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเจ้าหญิงก็เปิดกว้างและส่องประกายด้วยความสดใสในทันที
“งั้นมานี่สิ!! ฮิเมะจะเล่าให้ฟังเอง เนอะมิโอะ!”
“กรร!!”
มิโอะกระโดดโลดเต้นให้กับคำพูดนั้นของเจ้าหญิง ก่อนที่ทั้งคู่จะจับมือฉันไว้คนละข้างแล้วลากให้เดินตามไป ส่วนริเกลที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้ามุ่ยแล้วส่งเสียงบ่นไม่หยุด
แน่นอนว่าฉันทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินตามพวกเจ้าหญิงไปอย่างว่าง่าย เธอพาฉันเดินไปตามทางเดินของเมืองกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นยุคโบราณ
แต่ว่าเมื่อเดินตรงต่อไปเรื่อย ๆ ก็พบกับอาคารที่แตกต่างจนน่าประหลาด ซึ่งฉันรู้จักมันดี…นั่นคือโบสถ์ของศาสนาวารุน เป็นศาสนาที่มีอยู่ทั่วทั้งโลกจริง ๆ สินะ
“ที่โบสถ์ของเมืองใต้น้ำทุกที่อะนะ จะมีภาพเล่าเรื่องของลิเวียธานอยู่ล่ะ”
“เป็นเรื่องเล่าจากโบสถ์เหรอ…เหมือนไคซารัสน่ะเหรอ?”
พอฉันถามออกไปแบบนั้น กลับกลายเป็นว่าเจ้าหญิงเองที่ทำหน้าไม่เข้าใจ อ้า…บนพื้นดินเล่าเรื่องของไคซารัส ที่ใต้ทะเลก็เล่าเรื่องของลิเวียธานสินะ
พอเดินไปถึงโบสถ์พวกเราทุกคนก็ตรงเข้าไปด้านในตามการนำทางของเจ้าหญิง ซึ่งตัวอาคารนั้นมีขนาดใหญ่มาพอที่ริเกลจะเดินตามเข้ามาได้
พวกเราเดินลึกเข้าไปจนถึงห้องสำหรับสวดภาวนา แล้วในตอนนั้นเอง ฉันก็สังเกตได้ถึงสิ่งที่เจ้าหญิงพยายามบอกทันที
“นี่มัน…”
ภายในห้องโถงขนาดกลางซึ่งเต็มไปด้วยเก้าอี้สำหรับนั่งสวดภาวนา ทั้งห้องมีกระจกสีบานใหญ่อยู่ทั้งหมด 9 บาน เมื่อเข้ามาจะพบกับกระจกสองบานแรกที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวามือ
เป็นรูปของคนสองกลุ่มที่กำลังทำหน้าตาโกรธเกรี้ยว ต่างพากันจับอาวุธแล้วหันเข้ามาทางพวกเรา….หรือถ้าพูดให้ถูก กระจกทั้งสองบานที่อยู่คนละฝั่ง กำลังหันหน้าเข้าหากันมากกว่า
แต่เมื่อเดินต่อไปจนถึงกลางห้อง ก็มีกระจกอีกคู่หนึ่งเช่นกัน ซึ่งเป็นรูปคนแต่ละกลุ่มทำกำลังทรมาน และลงมาด้านล่างก็คือดอกไม้…ไม่สิ คนกลายเป็นดอกไม้เหรอ?
“รูปนี้หมายถึงปรสิตโบรุน่ะ ท่านพ่อบอกว่าไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ถ้าเจอปรสิตนี้เข้าไปก็ต่างต้องทุกข์ทรมานกันทั้งนั้น”
งั้นเหรอ…แสดงว่ารูปที่แล้วหมายถึงกลุ่มคนสองกลุ่มที่ห้ำหั่นกันสินะ? แล้วพอมารูปนี้ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ล้มตายกันทั้งนั้น และเมื่อเดินไปจนเกือบลึกสุด กลุ่มคนทั้งสองก็กลับมาถืออาวุธอีกครั้ง…
เพียงแต่ว่า
“นั่นไง! ลิเวียธาน!”
ฉันหันหน้าไปตามทางที่เจ้าหญิงชี้นิ้วไป ซึ่งเป็นทิศเดียวกันกับที่กลุ่มคนทั้งสองหันไป นั่นก็คือรู้ที่อยู่ตรงกลางด้านในสุดของโบสถ์
อันเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นหรากว่าทุกอัน มันคือรูปของมังกรตัวสีเขียวที่มีครีบแบบปลาจำนวนมาก กำลังอ้าปากอย่างดุร้ายว่ายลงที่ด้านล่าง ซึ่งพอเป็นกระจกที่อยู่สูงที่สุดแล้วเหมือนกับกำลังพุ่งเป้าทำร้ายผู้คนยังไงยังงั้น
และที่ด้านบนนั้นก็เป็นควัน…ไม่สิ เป็นเหมือนเศษหญ้าสีเขียวกำลังลอยคลุ้งอยู่ด้านหลังของมังกร ที่เมื่อครู่เจ้าหญิงเรียกมันว่า
ลิเวียธาน
“บาทหลวงเล่าว่า เมื่อ 500 ปีก่อน ที่ใต้ทะเลเจอเข้ากับปัญหาปรสิตโบรุที่แพร่ระบาดจำนวนมาก มากจนแม้แต่พลังของวูลเวิลก็ไม่สามารถชำระล้างจนหมด ทั้งมนุษย์บาดาลเองก็ต่างต่อสู้กันทำให้แทบไม่มีใครใส่ใจปัญหานี้เลย กว่าจะรู้ตัว…ก็มีคนตายไปจำนวนมหาศาลแล้ว”
คงเป็นเหตุการณ์คล้าย ๆ กับ กาฬโรคที่โลกก่อนสินะ ถ้างั้นก็แสดงว่าเป็นเหมือนกับโรคติดต่อที่อันตรายสุด ๆ เลยน่ะสิ…
หือ? ก็หมายความว่า
“ปรสิตโบรุเกี่ยวข้องกับลิเวียธานด้วยงั้นเหรอ?”
“อื้อ ตามตำนานเล่าไว้ว่า ปรสิตโบรุถือกำเนิดจากความริษยาของลิเวียธาน ที่รู้สึกต่อสิ่งมีชีวิตอื่นทั่วทั้งโลก ดังนั้นจึงได้สาปแช่งให้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลาย…ปรสิตโบรุ บางคนก็เรียกมันว่าคำสาปของลิเวียธานล่ะ”
แบบนี้นี่เอง…ก็มีความเป็นไปได้ ถ้าหากว่าปรสิตเหล่านี้เป็นพลังเวทของมังกรพิภพละก็ การที่มันจะแพร่กระจายไปทั่วก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้
แต่ถึงกระนั้นก็—
“แล้วนั่น เห็นกระจกอีกสองอันที่อยู่ข้าง ๆ ลิเวียธานไหม”
“? เห็นสิ แต่มันเป็นกระจกเปล่าหนิ”
“ใช่! แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ!!”
เจ้าหญิงพูดเช่นนั้นก่อนจะหยุดพริ้มกับยืดอกอย่างภูมิใจ คงอยากให้ฉันลองสังเกตเองสินะ พอเห็นแบบนั้นฉันก็ได้แต่ยิ้มอ่อนให้กับเธอ แล้วพยายามมองกระจกสองบานนั้นอีกครั้ง
แสงที่ลอดผ่านเข้ามาจากกระจกบานอื่นวูบไหวบ้างเป็นบางครั้ง นั่นก็เพราะว่ามีปลาว่ายผ่านไปผ่านมา ซึ่งฉันเริ่มที่จะชินกับมันแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
แล้วเพ่งมองไปที่กระจกเปล่าสีขาวล้วนทั้งสองบาน ซึ่งจ้องมองเท่าไหร่มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง…? ไม่เปลี่ยนแปลงงั้นเหรอ?
“สองบานนั้น เป็นกระจกทึบสินะ”
“อื้อ!! มันใช้แทนว่าเป็นกำแพง ที่ขังลิเวียธานเอาไว้”
อ้อ…แบบนี้นี่เอง ฉันมองทวนกระจกทุกบานอีกรอบ แล้วคิดตามอีกหนหนึ่ง ถ้าให้ตีความตามรูปแล้วละก็
“แสดงว่ามนุษย์บาดาลทั้งหมดต่างพากันร่วมมือ เพื่อกักขังลิเวียธานซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคติดต่อ สินะ?”
“เอ๋! เคียร่าเก่งจัง…ฮิเมะใช้เวลาตั้งหลายเดือนแท้ ๆ กว่าจะเข้าใจ”
เจ้าหญิงทำสีหน้าประหลาดใจที่ฉันตอบกลับไปแบบนั้น อ้า…งี้นี่เอง คงอยากจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความรู้เยอะพอที่จะสอนได้สินะ
พอรู้จุดประสงค์ที่ว่าของเจ้าหญิงแล้ว ฉันก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวของเจ้าหญิง แล้วในตอนนั้นเอง ทหารของโอริวก็เดินมาหาพวกเรา
“ขอบคุณมากเลยนะที่พามาดู เหมือนว่าวันนี้ต้องไปแล้วล่ะ”
“เอ๋! ยังไม่ได้เล่นกันเลยอ่า ฮิเมะอยากบินอีก!!”
ว่าแล้ว เจ้าหญิงตัวน้อยก็เริ่มงอแงอีกครั้ง ก่อนที่จะมีทหารเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมเธอให้กลับไปยังวัง และฉันก็อาศัยช่วงที่ชุลมุนนั้น กระโดดขึ้นบนหลังริเกลแล้วคุมบังเหียนให้ออกไปด้านนอกโบสถ์
ก่อนที่จะให้เธอกางปีกบินออกจากปะการังฟองน้ำไป
“กรร กรร!”
ริเกลเริ่มร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส ทั้งยังสั่นหัวเบา ๆ เป็นการหัวเราะขณะที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ ส่วนฉันที่เห็นแบบนั้นก็ใช้มือลูบลำตัวเธอ
คงกำลังหัวเราะที่ฉันรีบหนีมาจากเจ้าหญิงสินะ นิสัยเสียจริง ๆ เด็กคนนี้ คงต้องดุสักหน่อยแล้วว่าอย่าเอาแต่แกล้งเด็กตลอดแบบนี้
ริเกลแหวกว่ายไปตามแนวปะการังซึ่งห่างออกมาจากตัวเมืองอยู่พอสมควร ก่อนจะพบกลุ่มคนที่กำลังจับปลาใส่ถังไม้ขนาดใหญ่อยู่
พวกเราตรงไปหากล่องไม้ที่ถูกปิดเอาไว้และเตรียมสำหรับขนออกไป หลังจากเช็กให้ดีแล้วว่าไม่มีอะไรอยู่ด้านใน ฉันกับริเกลก็เอากล่องนั้นทะยานขึ้นบนฟ้า
แล้วบินในระดับที่สูงมาก ๆ เพื่อไม่ให้โดนโจมตีจากด้านล่าง เพราะว่าตอนนี้พวกเรา
กำลังบินอยู่บนประเทศฟัวกรา ซึ่งไม่ต่างจากอยู่ในสมรภูมิรบนั่นเอง
————- ————————-
(มุมคนเขียน)
กลับมาแล้วค่ะ- พร้อมกับมหาลัยที่เปิดเทอม 0w0
หลังจากที่กลิ้งไปกลิ้งมาแล้วคิดว่า เอาหน่า ยังมีเวลาอีกเยอะ ขณะนี้ ก็ปามาถึงครึ่งเดือนซะแล้ว…โอ้พระเจ้า อีก 13 วันก็จะเปลี่ยนเดือนแล้วสินะคะ ;-;
แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ! เราลั่นวาจาไว้แล้ว ว่าเรื่องริเกลจะจบภายในเดือนนี้ ก็จะดันให้จบภายในเดือนนี้ให้ได้ค่ะ!! มารอลุ้นไปด้วยกันนะคะ! ว่าเรื่องราวนี้จะจบลงตรงไหน
และเราจะจบทันที่ลั่นไว้ไหม มาลุ้นไปพร้อมๆกันเถอะค่ะ!! //ปาดเหงื่อ
ขอปิดท้ายด้วยดีไซน์ลิเวียธานแล้วกันนะคะ จากนักวาดเจ้าเก่าเจ้าเดิม ที่งานดีย์ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ UwU
(ผู้ออกแบบ : Kola-rabbit)